ชีวิตที่ล้มเหลวของเเม่

กระทู้สนทนา
ตัวเราตอนนี้อายุ 26 ปีแล้ว เรียนจบ ม.6 มีครอบครัวแล้ว มีลูก2คน ทำงานแล้ว ส่วนตัวเราเองไม่ค่อยจะได้รับรู้เรื่องราว ในอดีตของแม่ซักเท่าไหร่ ตั้งแต่จำความได้ก็รู้ว่าพ่อเลิกกับแม่แล้ว แม่เกิดที่นครสวรรค์ ต.ตาคลี  แม่เป็นลูกคนที่ 5 พ่อเป็นคนเชือดหมู แม่ไม่ได้ทำงาน เพราะลูกเยอะน่าจะมีประมาณ 8 คน ถ้าจำไม่ผิด ครอบครัวแม่ยากจนมาก พี่น้องของแม่ เกือบทุกคนไม่ได้เรียนหนังสือ นอกจากน้องคนเล็ก หรือน้าของเรา ( เราไม่เคยเห็นคนในครอบครัวของแม่ไม่ว่าจะเป็น ตา ยาย ป้า น้า ลุง เพราะแม่หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่ 16ปี ) แม่เล่าว่า ยายเสียตั้งแต่คลอดลูกคนสุดท้อง ทำให้พวกพี่ๆต้องคอยดูแลน้องป้อนน้ำข้าว พ่อก็กินแต่เหล้า ชอบตีลูก จนแม่อายุถึง 16 แม่ตัดสินใจหนีตามน้าสาวที่ได้สามีที่กรุงเทพฯมาด้วย มาพักและหางานทำอยู่แถวบางรัก หลังจากแม่ได้งานทำ แม่ก็ไม่เจอหน้าและน้าเขยอีกเลย
( ตอนนั้นแม่ไม่มีเอกสารใดๆติดตัวมาเลย รู้แค่ว่าตัวเองชื่อ บุญเรียม บุญหลัง) แม่คิดว่ามันไม่จำเป็นสำหรับแกเพราะสมัยนั้นแม้ไม่มีบัตรประชาชนก็สามารถทำงานที่ไหนได้ ทั้งความรู้และเอกสารแสดงตัวไม่มี แม่เลยได้เป็นเพียงแม่บ้าน   แม่เป็นแม่บ้านอยู่แถวบางรักนายจ้างที่นี่ดีมากสอนแม่ให้ทำงานบ้านทุกอย่างเลี้ยงดูเหมือนคนในครอบครัวเลย แต่แม่ไม่รักดีเองหนีตามแฟนออกมา แล้วจับพลัดจับพลูย้ายไปอยู่บุรีรัมย์ กับแฟนคนแรก
แม่บอกว่าสามีคนแรกของแก ขี้เหล้าเมายา ชอบตบตี แม่มีลูกกับแฟนคนแรก 3 คน จำได้แค่เพียงว่า ลูกคนแรกเกิดมาได้ 3 วันก็ตาย ( หมอตำแยใช้มีดไม่สะอาดตัดสายสะดือแถมยังผูกสายสะดือไม่แน่นเลยติดเชื้อตาย แต่ชาวบ้านเอาไปรือว่าปอปกินซะงั้น) คนที่สองเป็นผู้ชาย คนนี้อยู่กับแม่ได้แค่ 3 เดือน แม่ก็ต้องยกลูกให้คนอื่นไปเพราะว่าไม่มีปัญญาเลี้ยง ( คนที่รับเลี้ยงเค้าเป็นหมอทั้งผัวและเมีย แต่ลูกของเค้าไม่รักดีโตขึ้นเกเรียนและติดยา พ่อและแม่บุญธรรมเคยจะพาไปอยู่ต่างประเทศด้วยแต่เค้าทำตัวไม่มีติดเพื่อนเลยไม่ไป ) ลูกคนที่ 3 ก็พี่สาวเราคนปัจจุบัน( พี่น้องแม่เดียวกันแต่คนละพ่อ) ใบเกิดไม่มี หนังสือไม่ได้เรียน สาเหตุเพราะแม่พาหนีสามีแก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำใบเกิดให้ลูกเลย แกหนีมาอยู่กรุงเทพฯได้งานทำเป็นคนก่อสร้างสมัยนั้นแม่ได้ค่าจ้างวันละ 40.-/วัน สำหรับลูกจ้างหญิง แม่ได้เจอสามีคนที่ 2 (พ่อเราเนี่ยะแหละ) อยู่กินกันมาได้ 7 ปีก็เลิกรากัน  ซึ่งตอนนั้นเราก็ 7 ขวบพอดี แต่พ่อกับแม่ก็ยังทำงานอยู่ที่เดียวกันนั่นแหละเพียงแต่ว่าต่างคนต่างอยู่ แม่มักอ้างเสมอว่าเครียดเรื่องพ่อแกเลยหาทางออกโดยการกินเหล้า เราจำได้ว่าแม่กินเหล้าทุกวันหลังเลิกงาน  ( ลืมบอกไปว่าครอบครัวเราแปลกๆ  หลังจากที่พ่อเลิกกับแม่แต่แกก็ยังคุยกันอยู่ พ่อยังเอาลูกของแกที่เกิดกับแฟนเก่า ทั้ง 2 คน มาให้แม่เราเลี้ยง จนปัจจุบันต่างคนต่างมีครอบครัวกันหมดแล้ว สรุปแม่เราต้องเลี้ยงลูกทั้งของตัวเองและของพ่อรวมกัน 4 คน ) จนโดตเราถึงรู้ว่า อ้อ เราทั้งหมดนี่บางคนก็คนละพ่อบางคนก็คนละแม่ แต่ทั้งหมดก็รักกันเหมือนพี่น้องกันจริงๆ
หลังจากที่เราเข้าเรียน ป1 แม่ตัดสินใจไม่ทำก่อสร้างแต่มาทำงานเป็นแม่บ้านแทน แต่เจ้านายคนเดียวกันนั่นแหละ พ่อย้ายไปอยู่กับเมียใหม่แถวท่าพระ แต่ยังคงมาทำงานที่เดิม บางครั้งเราก็ไปนอนเล่นบ้านพ่อนะ เมียใหม่เค้าก็เป็นคนดีระดับหนึ่ง ดูแลเราอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยากจะบอกว่า ทั้งเมียคนที่ 1 2 3 ของพ่อเนี่ยะ เป็นเพื่อนกันหมดเลย 555 รวมถึงแม่เราด้วย แต่แม่เราเป็นคนที่ 2 นะ จนมาซักระยะหนึ่งพ่อย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่นั่นแหละทำให้เรากับพ่อต้องห่างกัน แล้วปัจจุบันหลังเค้ากลับมาจากเชียงใหม่เค้าก็ออกจากงานก่อสร้างแล้วไปทำธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง
ปัจจุบัน เราเอาแม่มาอยู่ด้วย แต่แกก็มีงานทำของตัวเอง เป็นแม่บ้านเหมือนเดิม แต่ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา แม่บ่นว่าเวียนหัว เราพาไปหาหมอคลินิก ( รพ.ไปไม่ได้ เค้าไม่รักษาเนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน ไล่ไปเอกชนอย่างเดียว เราไม่มีเงินมากขนาดนั้นประกอบกับแม่ไม่มีเงินมีเท่าไหร่ก็เอาไปให้พี่สาวหมด ประกอบกับแกกินเหล้าเลยไม่มีเงินเก็บ เวลาเราบ่นทีไรเค้าก็จะพูดเสมอว่า แม่จะกินวันนี้วันสุดท้ายแล้ว เราฟังมาตั้งแต่ อายุ 12 ยัน 26 แกก็ยังไม่เลิกกิน  จนหลังจากที่แกบ่นว่าเวียนหัวเนี่ยะแหละ แกบ่นกับพี่สาวว่าปวดหัว หลังจากที่แกตื่นนอนแกก็เดินไม่อีกเลย พูดไม่ชัดฟังไม่รู้เรื่อง  หลังจากเราพาไปหาหมอสรุปว่าแกเป็นเส้นเลือดใหญ่ในสมองตีบ หมอบอกว่าไม่หายขาด จะมีความพิการหลงเหลือ ทุกวันนี้กลับมาอยู่บ้านแล้ว ให้แกออกกำลังกาย แกก็ไม่อยากทำพูดทีทำที ตอนแรกยาก็ไม่อยากกิน ยังมาบอกเราอีกว่าหมอบอกว่ายาเนี่ยะกินไม่ดี ร้องห่มร้องไห้เหมือนเด็กๆ เราพูดดีก็แล้วพูดไม่ดีก็แล้ว ตอนหลังเราจึงบอกว่าหนูหมดค่ารักษาแม่ไป 3 หมื่นแล้วนะ แล้วเงินที่เสียค่ายาไปเนี่ยะจะให้เอาคืนจากใคร จะเอายาไปขายคืนโรงบาลเค้าก็ไม่เอาหรอกนะ  บัตรก็ไม่มีทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้าตายแล้วจะลำบากขนาดไหน ทุกวันนี้ท้อมาก เหนื่อยมาก เจอแค่ลูกก็ยังพอทนแต่พอแม่มาทำตัวแบบนี้เรายิ่งไม่อยากทน ลูกที่เค้าเลี้ยงดูมาทุกวันนี้ก็ไม่เหลือใครเลย ภาระตกอยู่ที่เราคนเดียว บางครั้งต้องโทรไปหาพ่อเพื่อระบายปัญหา ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่เคยโทรไปเล่าปัญหาอะไรให้พ่อฟังเลย แต่พ่อก็ยังให้การช่วยเหลือตลอดมาหลังจากที่แม่ป่วย  ไม่ใช่ว่าแม่เราแค่คนเดียวเลี้ยงไม่ได้นะ แต่ปัญหาคือการสื่อสารที่ไม่รู้เรื่อง บางทีก็เรียกเราว่าพี่บ้าง แม่บ้าง  บางทีเราแปลคำพูดแกไม่ออกแกก็จะเอาแต่ร้องไห้ เข้าห้องน้ำเองไม่ได้ก็จะร้องไห้ ร้องไห้เหมือนเด็กๆ บางทีเราเจอเรื่องปวดหัวมาทั้งวัน แต่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้อีก เรานี่อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เราต้องกลับห้องทุกๆ1 ชม. เพื่อถามแม่ว่าจะเข้าห้องน้ำไหม หิวไม๊ แถมทุกวันนี้ยังต้องแบกลูกคนเล็ก 2 ขวบมาทำงานด้วย  มันน้อยใจทุกครั้งที่เปิดเฟสแล้วไปเจอพี่ๆน้องๆตั้งสเตตั๊สว่า ไปเที่ยวนั่นบ้าง นี่บ้าง ชีวิตดี๊ดีมีความสุขบ้าง แต่ทำไมเราต้องมานั่งกำความทุกข์ไว้คนเดียวว่ะ
    ทุกวันนี้แม่กลายเป็นคนพิการ แกชอบนั่งร้องไห้คนเดียวทุกวัน แกอยากเดินได้เหมือนเมื่อก่อน  เราก็สงสารแกนะแม้แต่ข้าวยังหากินเองไม่ได้เลย แกเคยบอกเราว่า ถ้าภายภาคหน้ากูไม่ได้ทำงานก็ไม่ต้องเลี้ยงกูนะ กูจะไปขอทานเค้ากิน  ไม่ต้องมาสนใจกู กูไม่ให้บาปหรอก กูไม่อยากรบกวนมันภาระเยอะ ถ้ากูตายก็แจ้งปอเต็กตึ้งมารับศพได้เลย ไม่ต้องทำพีธี ไม่ต้องเผา แจ้งเค้าว่ากูเป็นศพไร้ญาติ  ไอ้เราก็สวนว่าเค้าจะเชื่อไม๊เนี่ยะ หน้าเหมือนกันซะขนาดนี้  แล้วยังงัยเราก็ต้องร้องไห้ แกบอกว่าจะร้องไห้ทำไม กูไม่ได้เป็นแม่ที่ดีสำหรับ จนถึงขนาดที่จะมาร้องไห้เวลากูตาย
    ทุกวันนี้เราก็ต้องสู้ชีวิตต่อไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ต้องขอขอบคุณสามีเราที่อยู่เคียงข้างเรามาเสมอ

    เรื่องที่เล่าไปข้างต้นนั้น เป็นเรื่องที่แม่เคยเล่าให้ฟังสมัยตอนที่แกยังปกติอยู่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาลาคนเศร้า
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่