ลังเลอยากจะตั้งกระทู้มากนานล่ะครับ คือประเด็นเรื่องการทำแท้งครับ
ตกลงกฎหมายไทยเรา อนุญาตให้ทำแท้งกันได้เสรี รึเปล่าครับ และถ้าไม่ ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเรา ถึง. ทำปากว่าตาขยิบแบบนี้ครับ
ล่าสุดเมื่อ ปีก่อน ลูกน้องผมมีปัญหาเรื่อง การตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ พูดง่ายๆ ว่าหาพ่อเด็กไม่ได้ซะด้วยซ้ำ เจ้าตัวเครียดมาก
เพราะได้ยินมาว่าต้องใช้เงินเป็นหมื่น ผมเลยลองถามว่าตอนนี้มีซัก 4000 ไหม น้องเขาว่าตอนนี้ หาได้ 5000 แล้ว
สิ่งที่ผมแนะนำก็คือ ให้ลางาน บอกให้เขานั่งรถเมล์ไปกับพี่สาว (ทำงานแถวนครปฐม) ให้ลงที่วงเวียนใหญ่แล้วนั่งรถไฟฟ้า
ลงสุขุมวิท 12 แล้วนั่งวินเข้าซอยไป
ลูกน้อง ลางานไป 3 วัน กลับมา ช่วงเที่ยง นั่งกินข้าวกัน เลยมีโอกาสเล่าให้ผมฟัง สิ่งที่เล่ามันทำให้ทั้งผม
ทั้ง ลูกน้อง น้ำตาซึม น้องเล่าว่า เข้าไปที่คลีนิคนี้ (ช่วงเช้า) มีคนรออยู่ก่อนแล้วประมาณ 10 คน นั่งรอซักพัก เจ้าหน้าที่
เรียกไป อัลตร้า ซาวด์ จากนั้นก็ให้ขึ้นไปชั้นบน เพื่อ ทำประวัติ จ่ายเงิน เปลี่ยนชุด รับยา (น่าจะเป็นพวกยาแก้ปวด แบบที่ เวลาปวดประจำเดือน รึ ปวดฟัน) แรกๆ ฟังก็เฉยๆ แต่ หลังจากขึ้น ขาหยั่งแล้ว ลูกน้องบอกมา หมอจะเอา
ยามาป้ายแถวๆ ช่องหลอด ช่วงนั้น เขารู้สึกเหมือน ในท้องมีอะไรดิ้นๆ อยู่ข้างใน น้องเริ่มจิตตก
ยิ่งพอหมอสอดเครื่องมือเข้ามา ความรู้สึกเขาเหมือน มีใครมาปั่นอะไรในท้อง
ในหัวน้องเขามีแต่ ภาพเด็กถูกปั่นเป็นชิ้นๆ เขาเริ่มร้องไห้ หมอพยามชวนคุย พยาบาล พยายามปลอบ ตอนที่มาที่ห้องพักฟื้น เขาว่าอาการแย่มากๆ เหมือนตัวเองจะตาย นอนร้องไห้ตลอด แต่อาการทุกเลาลงใน 1 ชั่วโมง พอรับยาเสร็จ ก็เลยเดินทางกลับ อาการทางร่างกายฟื้นตัวเร็วครับ แต่จิตใน ลูกน้องพยายามถามตลอดว่า มันบาปมากไหม
คำถามนี้ ถ้าไปถามพนักงานผู้ใหญ่ ในฝ่าย คำตอบที่ได้น้องเขาคงแทบอยาก ฆ่าตัวตายแน่ เลยได้แต่ปลอบว่า อย่าเล่าให้ใครฟัง ใครถามก็ว่าไปผ่าตัดไส้ติ่ง ตัวผมเอง ก็ต้องหลบมาสงบสติอารมณ์ พักใหญ่ๆเลยครับ เพราะภาพมันเกิดเป็น จิตนาการในหัวเลย
ตอนแนะนำก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะโรงงานเล็กๆ แบบนี้ หัวหน้าก็เหมือน เป็นทั้งพี่ ทั้ง พ่อ ที่ต้องคอยให้คำแนะนำ กับน้องๆ ที่เข้ามาหางานทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง 5-6 เดือนที่ผ่านมาก็เริ่มจะลืมๆ เรื่องนี้ไปแล้ว แต่เมื่อวาน
ลูกน้องผู้ชาย (อายุ 19) เดินมาหาบอกว่า ไปทำผู้หญิงท้องได้ เกือบ 2 เดือนแล้ว ผู้หญิง ยังไงก็จะไม่เอาเด็กไว้ (ก็คงแค่สนุกๆ) ผมจำใจโทรไปคลีนิค อีกครั้ง คราวนี้ คำตอบ แทบทำผมเป็นลม เจ้าหน้าที่ บอกถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องมา รับยาไปสอดเองที่บ้านได้ ไม่อันตราย......แล้วที่ กระทรวงสาธารณะสุข ออกข่าวว่ามันอันตรายล่ะ โกหกเหรอ รึเพราะที่นี่ ไม่มีใครกล้าแตะ ......สุดท้ายแล้ว สัปดาห์หน้าผมก็คง ต้อง เอา ลูกน้องกับ แฟน(รึ กิ๊ก รึ คู่ขา ไม่แน่ใจ) ไปส่งแล้วคงขับรถกลับ เพราะไม่อยากเชื่อ พนักงาน แล้วไปเอายามาใช้เอง
ผมอยากถามครับว่า ทำไม ท่านๆ ทั้งหลาย ไม่จริงจังกับเรื่องนี้เสียทีครับ ทำไมต้องมาเป็นภาระ. ของคนในสังคมที่ต้องแบกรับ
ความรู้สึก. ที่คาบเกี่ยวกับ เรื่อง ศีลธรรมแบบนี้ไว้
ทำให้มันถูกกฎหมายได้ไหมครับ ถ้าจะทำแท้ง กำหนดเลยให้ พ่อแม่ นักสังคมสงเคราะห์ รึ จิตแพทย์ ช่วยกันวิเคราะห์ ความจำเป็น ในการทำ หลังทำ การติดตาม ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ถูกวิธี
นี่แถวโรงงาน ก็เปิด ม่านรูด ยังกับดอกเห็ด เด็กๆ แถวนี้ เขาคงไม่ไปนั่ง ติวหนังสือ ในม่านรูด หรอกมั้งครับ เรารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นสถานที่ไว้ทำอะไร กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พอมีปัญหาเรื่อง ตั้งครรภ์
เราก็ปล่อย เด็กมัน จูงมือกันไป สุขุมวิท 12 มันถูกต้องจริงๆหรือครับ
ทำแท้งทุกวันนี้ ถูกกฎหมาย รึแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นครับ
ตกลงกฎหมายไทยเรา อนุญาตให้ทำแท้งกันได้เสรี รึเปล่าครับ และถ้าไม่ ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเรา ถึง. ทำปากว่าตาขยิบแบบนี้ครับ
ล่าสุดเมื่อ ปีก่อน ลูกน้องผมมีปัญหาเรื่อง การตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ พูดง่ายๆ ว่าหาพ่อเด็กไม่ได้ซะด้วยซ้ำ เจ้าตัวเครียดมาก
เพราะได้ยินมาว่าต้องใช้เงินเป็นหมื่น ผมเลยลองถามว่าตอนนี้มีซัก 4000 ไหม น้องเขาว่าตอนนี้ หาได้ 5000 แล้ว
สิ่งที่ผมแนะนำก็คือ ให้ลางาน บอกให้เขานั่งรถเมล์ไปกับพี่สาว (ทำงานแถวนครปฐม) ให้ลงที่วงเวียนใหญ่แล้วนั่งรถไฟฟ้า
ลงสุขุมวิท 12 แล้วนั่งวินเข้าซอยไป
ลูกน้อง ลางานไป 3 วัน กลับมา ช่วงเที่ยง นั่งกินข้าวกัน เลยมีโอกาสเล่าให้ผมฟัง สิ่งที่เล่ามันทำให้ทั้งผม
ทั้ง ลูกน้อง น้ำตาซึม น้องเล่าว่า เข้าไปที่คลีนิคนี้ (ช่วงเช้า) มีคนรออยู่ก่อนแล้วประมาณ 10 คน นั่งรอซักพัก เจ้าหน้าที่
เรียกไป อัลตร้า ซาวด์ จากนั้นก็ให้ขึ้นไปชั้นบน เพื่อ ทำประวัติ จ่ายเงิน เปลี่ยนชุด รับยา (น่าจะเป็นพวกยาแก้ปวด แบบที่ เวลาปวดประจำเดือน รึ ปวดฟัน) แรกๆ ฟังก็เฉยๆ แต่ หลังจากขึ้น ขาหยั่งแล้ว ลูกน้องบอกมา หมอจะเอา
ยามาป้ายแถวๆ ช่องหลอด ช่วงนั้น เขารู้สึกเหมือน ในท้องมีอะไรดิ้นๆ อยู่ข้างใน น้องเริ่มจิตตก
ยิ่งพอหมอสอดเครื่องมือเข้ามา ความรู้สึกเขาเหมือน มีใครมาปั่นอะไรในท้อง
ในหัวน้องเขามีแต่ ภาพเด็กถูกปั่นเป็นชิ้นๆ เขาเริ่มร้องไห้ หมอพยามชวนคุย พยาบาล พยายามปลอบ ตอนที่มาที่ห้องพักฟื้น เขาว่าอาการแย่มากๆ เหมือนตัวเองจะตาย นอนร้องไห้ตลอด แต่อาการทุกเลาลงใน 1 ชั่วโมง พอรับยาเสร็จ ก็เลยเดินทางกลับ อาการทางร่างกายฟื้นตัวเร็วครับ แต่จิตใน ลูกน้องพยายามถามตลอดว่า มันบาปมากไหม
คำถามนี้ ถ้าไปถามพนักงานผู้ใหญ่ ในฝ่าย คำตอบที่ได้น้องเขาคงแทบอยาก ฆ่าตัวตายแน่ เลยได้แต่ปลอบว่า อย่าเล่าให้ใครฟัง ใครถามก็ว่าไปผ่าตัดไส้ติ่ง ตัวผมเอง ก็ต้องหลบมาสงบสติอารมณ์ พักใหญ่ๆเลยครับ เพราะภาพมันเกิดเป็น จิตนาการในหัวเลย
ตอนแนะนำก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะโรงงานเล็กๆ แบบนี้ หัวหน้าก็เหมือน เป็นทั้งพี่ ทั้ง พ่อ ที่ต้องคอยให้คำแนะนำ กับน้องๆ ที่เข้ามาหางานทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง 5-6 เดือนที่ผ่านมาก็เริ่มจะลืมๆ เรื่องนี้ไปแล้ว แต่เมื่อวาน
ลูกน้องผู้ชาย (อายุ 19) เดินมาหาบอกว่า ไปทำผู้หญิงท้องได้ เกือบ 2 เดือนแล้ว ผู้หญิง ยังไงก็จะไม่เอาเด็กไว้ (ก็คงแค่สนุกๆ) ผมจำใจโทรไปคลีนิค อีกครั้ง คราวนี้ คำตอบ แทบทำผมเป็นลม เจ้าหน้าที่ บอกถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องมา รับยาไปสอดเองที่บ้านได้ ไม่อันตราย......แล้วที่ กระทรวงสาธารณะสุข ออกข่าวว่ามันอันตรายล่ะ โกหกเหรอ รึเพราะที่นี่ ไม่มีใครกล้าแตะ ......สุดท้ายแล้ว สัปดาห์หน้าผมก็คง ต้อง เอา ลูกน้องกับ แฟน(รึ กิ๊ก รึ คู่ขา ไม่แน่ใจ) ไปส่งแล้วคงขับรถกลับ เพราะไม่อยากเชื่อ พนักงาน แล้วไปเอายามาใช้เอง
ผมอยากถามครับว่า ทำไม ท่านๆ ทั้งหลาย ไม่จริงจังกับเรื่องนี้เสียทีครับ ทำไมต้องมาเป็นภาระ. ของคนในสังคมที่ต้องแบกรับ
ความรู้สึก. ที่คาบเกี่ยวกับ เรื่อง ศีลธรรมแบบนี้ไว้
ทำให้มันถูกกฎหมายได้ไหมครับ ถ้าจะทำแท้ง กำหนดเลยให้ พ่อแม่ นักสังคมสงเคราะห์ รึ จิตแพทย์ ช่วยกันวิเคราะห์ ความจำเป็น ในการทำ หลังทำ การติดตาม ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ถูกวิธี
นี่แถวโรงงาน ก็เปิด ม่านรูด ยังกับดอกเห็ด เด็กๆ แถวนี้ เขาคงไม่ไปนั่ง ติวหนังสือ ในม่านรูด หรอกมั้งครับ เรารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นสถานที่ไว้ทำอะไร กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พอมีปัญหาเรื่อง ตั้งครรภ์
เราก็ปล่อย เด็กมัน จูงมือกันไป สุขุมวิท 12 มันถูกต้องจริงๆหรือครับ