เหตุการณ์เมื่อวานคือเราได้ไปดูการทำ ECT มา คือเป็นการรักษาด้วยไฟฟ้าในคนไข้จิตเวช...
เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เรานึกไปถึงเมื่อวันนั้น วันที่เราเคยชัก...ชักที่แสนทรมาน และมันก็ทำให้เราไปเปิดอ่านไฟล์ไดอารี่เก่าที่เราบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวันนั้น วันที่เราชักไง และอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้หลายๆคนได้อ่านดู... และนี่ก็เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ (เหมือนคำลงท้ายคำนำเลยเนอะ ฮ่าๆ ปล.เกร็งมากๆ ==') ส่วน ECT คืออะไรหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตนะ เราเกรงว่าเราอาจจะให้ข้อมูลได้ไม่เพียงพอหรือผิดพลาดได้ หรือใครมีความรู้ก็มาร่วมแชร์ได้นะคะ ^^ ปล.อีกแล้ว ไดอารี่ของเราอาจจะดูตลกๆไปบ้างแต่เป็นความรู้สึกจริงๆของเราในตอนนั้นเลยนะ...ใครเคยชักก็มาแชร์กันได้แลกเปลี่ยนกันเนอะๆ ^^
ปล.สุดท้ายบางทีเราก็แทนตัวเองว่าฉันบางทีก็แทนตัวเองว่าเราคือพิมพ์ไปมันก็ทั้งเมาทั้งมันส์ไม่ว่ากันเนอะคือสมองเรามันเลอะๆเวลาพิมพ์ อ่านไปแล้วอาจรู้สึกไม่นิ่มต่อสายตาเท่าไหร่ ก็ขออภัยรอบสองละกัน...ป่ะๆไปอ่านกันเลยดีกว่า ^^ เชิญค่ะเชิญ
ในคืนที่มืดที่สุด ในคืนที่ที่นอนดูดจนเปลือกตาหยุดเคลื่อนไหว เสียงเรียกของพ่อไม่สามารถเปิดเปลือกตาฉันได้... หลุมดำกำลังดึงฉันดิ่งลงไป ฉันต้านไม่ไหวแล้วนะ...
.
.
ฉันจำได้ดีว่าคืนนั้นเป็นคืนที่พ่อของฉันบ่นน้อยใจว่า "กลับบ้านทั้งทีมานอนคุยกับพ่อนานๆนี่ทำไม่ได้เหรอ?" ฉันได้ยินนะเธออ แต่ฉันลุกไม่ไหว แม่ก็บอก "ลูกเหนื่อยน่ะ เดินทางแล้วยังมาทำงานช่วยทั้งวันคงหลับเป็นตาย ให้ลูกพักสบายๆเถอะพ่อ" ฉันอยากลุกแล้ววิ่งลงบันไดไปคุยจ้อ จ้อ จ้อ ...แต่เหมือนหนังตาฝ่อ มันยกไม่ขึ้น! ...และนั่นก็เป็นเพียงประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากคนที่ฉันรักทั้งสองคน...จากนั้นความมืดมนก็เข้ามาแทนที่...เหมือนบราวนี่รสช็อกโกแล็ตอ่ะ ด๊ำดำ! ฮ่าา
มาจะกล่าวบทไป..ถึงก่อนหน้านี้ คือก่อนที่ฉันจะกลับบ้านนี่ ฉันก็ต้องมาเรียนมหาลัยก่อนป่ะ คือไม่ใช่ปิดเทอมนะแต่อยากพักผ่อน
สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนล้าอยากกลับมานอน นอน นอน ...แต่ขอท้าวความก่อน again
หลังจากที่ฉันดูซีรี่ถึงตีสี่...ฉันก็มีอาการแขนกระตุก เหมือนรถตุ๊กๆขับขึ้นเขา เกร็งพร้อมสั่นเบา เบา ...เป็นอะไรวะเรา? ไม่เอาไม่เอาไม่วินิจฉัยเอง
เมื่อความผิดปกติถามหา ก็เริ่มตามล่าหาสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น search internet ถามเพื่อนๆบ้าง ทุกคนก็บอกนู่นนี่นั่นไปคนละทิศทาง...จากทฤษฎีฉบับร่างของพวกมัน
ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากกลับบ้าน ไม่ยอมบอกอาจารย์เพราะกลัวเข้าโรงบาลและบ้านไม่ได้กลับ นี่เป็นเพราะความดื้อล้วนๆเลยครับ...อยากตบเข้าที่ขมับตัวเองจริงๆ
แขนกระตุก เริ่มมีอาการทุกๆ มื้ออาหาร พอนานๆก็เริ่มมีอาการถี่ขึ้น...กระตุกน่ากลัวเหมือนแขนสะอึกสะอื้น กระตุกทีแทบยืนไม่ได้
กระตุกได้กระตุกไป...แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันเริ่มบอกตัวเองให้มั่นคง ทั้งๆที่กำลังใจเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ...เห้ยย นี่เรากำลังเปื่อย เอ้ย ป่วยด้วยโรคไร ขาดโซเดียม แคลเซียม เอ๊ะธาตุไหน? สวรรค์กำลังลงโทษคนเรียนแล้วหลับสลบไสลใช่ไหม ตอบบบ!!!
พอกลับมาถึงบ้าน พี่ชายพ่อแม่ก็พาสนุกสนาน ปิคนิคกับที่บ้านและทำงานกันทั้งวัน...ไม่รู้นะอยากทำหมดเลยเห็นนู่นนี่นั่น เรื่องใช้กำลังนี่ยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่ จากแขนที่เคยกระตุกไม่มีเวลาเลยไม่เห็นมันเอื้อยเอ่ยอะไร...เห้ยย เป็นไปได้แขนไม่กระตุกแว้ววว ><
ด้วยความที่เราคิดว่าตัวเองขาดโปแตสเซียม เราเลยให้แม่เตรียมกล้วยเอาไว้ให้ คือ-เยอะมากถ้าลิงเห็นลิงคงตบปากแล้วลากกล้วยจากไป ...พอกล้วยเริ่มย่อยไม่เท่าไหร่ลำไส้ก็เคลื่อนไหวมาก วิ่งเข้าห้องน้ำขาลาก...เพลียมากเลยทีนี้ =='
...แล้วคืนนั้นคืนที่ฉันเกริ่นไว้ก็มาถึง คือเย็นนั้นหัวคิ้วหนักและตึงเป็นอย่างมาก เหนื่อย เหน็บ หนาว pulse สั่นไหวหายใจลำบาก...อยากนอนมาก มากที่สุด...และไม่สามารถพูดอะไรหลุดออกมาได้
มาถึงตรงนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แต่ว่าไม่ไหว...มันเหนื่อย และการหายใจฉันก็เฉื่อย เฉื่อย ลง
ฉันไม่รู้เลยว่าเวลาเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีอะไรมายกแขนฉันไว้แล้วทิ้งลง ฉันลืมตาด้วยความงุนงง...เห็นแขนตัวเองขยับขึ้นลงทำนองชะชะช่าาา ...
เสียงแม่ร้องระงมพร้อมระดมกำลังคน แม่วิ่งมาเอานิ้วเข้าปากฉันอย่างร้อนรน...เดี๋ยวนะทุกคน ฉันเป็นอะไร? ฉันรู้สึกตัวแต่งุนงงพยายามพูดบางอย่างแต่ก็พูดไม่ได้...ได้ยินแต่เสียงแม่ร้องไห้ เรียกหาคนช่วย ...
.
.
ชาวบ้านร้องกันสนั่นสั่นไหว เสียงคนวิ่งขึ้นบันไดพลุกพล่าน
ฉันได้ยินนะเสียงเรียกขาน...แต่เหมือนประตูรับรู้ทุกบานกำลังจะปิดลง เสียงแม่เริ่มหายไป เสียงพูดส่วนใหญ่ไกลออกไปเรื่อยๆ...แขนกระตุก ลิ้นแข็ง หายใจเริ่มเฉื่อย...ฉันเหนื่อย ฉันสู้ไม่ไหว เหมือนมีพลังไรไม่รู้ดึงหูให้ฉันต้องตามไป... นี่หรือฉันกำลังจะตาย? กำลังจะตายจริงๆเหรอ?...
วินาทีนั้นที่ฉันคิดว่าจะเป็นลมหายใจสุดท้าย ภาพพ่อแม่พี่ชายคำพูดคำสัญญามากมายก็เหมือนภาพถ่ายที่ถูกจับวางทีละใบ ทีละใบ ที่เปิดให้ฉันเห็นในวินาทีทีคิดว่าคงสุดท้ายของชีวิต ภาพเพื่อนพ้องภาพห้องภาพมหาลัย ภาพอะไรไม่รู้มากมาย...แต่แล้วเสียงสุดท้ายก็ทำให้ฉันเหมือนสะดุ้งตื่น
"ได้ยินพ่อมั้ย ได้ยินพ่อมั้ย" พร้อมเสียงสะอื้น...ฉัยเหมือนคนที่กำลังล้มแล้วลุกขึ้นยืนในทันที ...มีแสงมากระทบตาละ...แม้เลือนรางแม้ริบหรี่ แต่เหมือนกับเป็นสัญญาณที่ดีที่สุดในตอนนั้น คือความรู้สึกที่ฉัน...เห็นหน้าพ่อ นั่งน้ำตาคลออยู่ข้างๆ เสียงแม่ที่เรียกพร้อมร้องไห้เสียงดัง...ภาพคนรอบข้างชัดเจนขึ้น แต่ฉันงงเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น...นี่มายืนทำอะไรกัน? แล้วทำไมฉันพูดไม่ได้ อย่าบอกนะว่าตอนที่แขนกระตุกมันกระตุกเอาลิ้นไก่ฉันไป โอ้ววว ไม่..ไม่นะ! พอแม่เอานิ้วที่คาปากอยู่ออกเท่านั่นล่ะ...เข้าใจละ เข้าใจจริงๆ =='
เหตุการณ์ผ่านไปฉันก็ไวรีบไปโรงพยาบาล หมอบอกต้องทำการสะแกนสมอง...แต่ไม่มีเครื่องทำนะน้องต้องกลับไปทำกรุงเทพ เราเครียดมาก ความคิดไปเองเริ่ม เก็บ เก็บ เก็บข้อมูล...เนื้องอกสมอง? หลอดเลือดตีบ? หรือสมองมันมีปุ่มนูน ....โอ๊ยยย เหมือนยืนอยู่บนเลขศูนย์ที่ไม่ว่าจะคูณเท่าไหร่ก็ได้ศูนย์อยู่ดี...สูญเสีย สูญเสียกำลังใจ ญาติพี่น้องเพื่อนผองให้เท่าไหร่...ก็รับไม่ได้สักอย่าง ยิ่งมีความรู้ยิ่งกลัว ยิ่งรู้ไม่มากพอ...ก็เหมือนดินสอหัก หักในห้องสอบที่อาจารย์ห้ามถามห้ามตอบกัน แล้วฉันจะเอาอะไรมาเหลาดินสอล่ะ...เกี่ยวมะ? อ่านใหม่ให้เกี่ยวนะ ฮ่าาา
ในเช้าวันนั้นที่ฉันไปหาหมอ ฉันทำได้เพียงรอผลเลือด พร้อมอาการกระตุกที่มีมาทุกชั่วโมงจนฉันเริ่มเดือด ผลเลือด ผลเลือด...เมื่อไหร่จะออก!
.
.
.
วันนี้ฉันร่าเริงผิดปกติมากอ่ะแก ฉันแชร์เรื่องราวผ่านสื่อ facebook ผ่านสื่อไลน์ และกำลังใจมากมายก็มาเต็ม ฉันก็ทำเป็นปิติเปรมไปแบบนั้น...ทั้งๆที่จิตใจฉันมันไม่ปกติเลยแต่ฉันต้องเฉย ฉันต้องไหว ฉันต้องไฟว่...ไฟว่ ติ้ง ติ้ง...ติ๊ง ติ๋ง ...นิ่ง...เพราะเสียงสุดท้ายที่ดังติ๋งคือน้ำตาฉัน น้ำตาสายใต้...ใต้ต่อมน้ำตาที่หลั่งออกมาแบบมือที่สาม ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นมันเป็นความเจ็บปวดภายใน ทำไมโลกมันสั่นไหวแรงขนาดนี้ล่ะแกรรร แกร แกร ...
ตลอดเวลาที่ฉันรอลุ้นอะไรอยู่นั้น ฉันก็คุยกับเพื่อนตลอดเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมเอาโทรศัพท์ห่างกาย มันช่วยฉันคิดฉันวินิจฉัยแถม support จิตใจให้ฉันได้ฮาาา ขอบคุณมากนะ...จริงๆ
.
.
และผลเลือดก็ออกมาว่าแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ ปกติดีคือคำที่ฉันกลัวที่สุด ถ้าผลเลือดบอกว่ามี e'lyte สักตัวแหละที่ผิดปกติหรือสะดุดฉันคงจับจุดชีวิตตัวเองได้ แต่ดูดิตอนนี้ฉันต้องกังวลต่อไป...เลือดไม่มีอะไร เชิญค้นหาข้อวินิจฉัยต่อ ...โถ่ หมอ หนูไม่ไหว TT
...ตะวันลับขอบฟ้า กับคำถามในใจว่ากูเป็น

ไร..แขนก็กระตุกจัง

กระตุกหาหอกอะไร เอาดาบไปแทนได้มั้ย...หอกมันหัก TT ร้องไห้หนัก...หนักมาก
คนในครอบครัวก็คงเริ่มกลัวแต่ไม่มีใครพูด ฉันวางแผนกลับ กทม.เพราะวันหยุดจะหมดเวลาลง ฉันจะกลับยังไง...ระหว่างทางจะเป็นเช่นไรฉันไม่สนใจ...คำถามว่าฉันเป็นอะไรสำคัญกว่า าา าา าาาา [ว้าวุ่น]
...คืนนั้นทั้งคืนฉันตื่นไม่ยอมหลับ แค่แขนขยับฉันก็ลุกขึ้น ฉันกลัวกลัว..กลัวแขนสั่น ฉันจะไม่ยอมให้มันกระตุกอีก ตอนนี้ฉันยืนเอามือตั้งกราดรอท่าละ ไม่ยอมนะไม่ยอมจริงๆ กระตุกมาจะยิงทิ้งบอกเลย!!
..หยุดกระตุกเถอะแกรรร
ฉันเคยกระตุกแล้วชักราวตีสี่ เช้านี้เกือบหกโมงแล้ว เห้อออ คลาดแคล้วแล้วสินะ คุ้มแล้วล่ะที่ไม่ยอมนอนทั้งคืน พ่อแม่ก็ลุกก็ตื่นปล่อยให้ฉันหลับแบบไม่ต้องฝืนตัวเอง.., แต่พ่อเดินจากไปไม่เท่าไหร่ก็ไม่รู้อะไรมากระชากที่แขน พลังนับแสนดึงฉันไป รู้สึกตัวดิ้นพล่านกระตุก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เอ๋นี่มันคล้ายรถไฟ แกรๆๆ แกรมาเวอร์ชั่นใหม่หรอกเหรอ?
...แต่คราวนี้ฉันแสนจะเอ๋อฉันแทบไม่รับรู้อะไร แต่สติสุดท้ายก็คว้าผ้าเข้าปากไว้...แล้วเอาอยู่มั้ย ไม่เลยสักนิด! ฉันชักสองครั้งติดแล้วนะนี่... ไม่นะ ม่ายยยย
ครอบครัวตัดสินใจพาฉันกลับ กทม. เพื่อรักษาต่อในสิทธิสังกัดของฉัน โดเรม่อนๆขอยืมไทม์แมชชีนได้มั้ยเดี๋ยวให้กินเมล็ดทานตะวัน "โปรดมองหน้าฉัน...-เมล็ดทานตะวัน มันคือแฮมทาโร่!" โทดทีลืมดูโลโก้ โอ๋ๆไม่น้อยใจนะ...
ฉันได้รับการตรวจร่างกาย จากหมอระดับเล็กระดับใหญ่แบบเรียงตัว
เดี๋ยวก็นักศึกษาคนนั้นคนนี้ เขาคงทำเพื่อความชัวร์...ฉันเริ่มไม่กลัวเริ่มรู้สึกปลอดภัย เพื่อนฝูงญาติพี่น้องอาจารย์ต่างให้กำลังใจ ฮึบบ! มันไม่ได้มีอะไรร้ายๆหรอกน่า เนอะ...เป็นเนอะเงียบๆที่เหมือนโดนเหยียบเอาไว้ เอาเท้าออกเถอะ..ได้ไหมอย่าเหยียบความหวังเดียวของใจให้แหลกสลายไปอีกเลย นะแกร...
.
,
,
... หลังจากสะแกนสมอง ฉันก็ต้องรอผล...ลุ้นใจแทบหล่น ลุ้นเหมือนตอนสอบเรียนเข้ามัธยมต้นเลย! พอผลออกมาเฉลย...ไม่อาจหาคำใดใดมาเปรียบเปรย มัน มัน มัน...เอ่ยไม่ออก...
เคยเห็นลูกโป่งนับพันลูกลอยขึ้นรอบๆตัวมั้ย.? เคยเห็นพลุจุดสว่างไสวใกล้รึเปล่า เพลงไรไม่รู้ มั๊นนนส์ มันส์...เปิดขึ้นเบาๆ อยากเพิ่มเสียงแล้วเต้นเร่า เร่า ...หมอบอกข่าวอีกทีได้ไหม..."ปกติครับไม่มีความผิดปกติอะไร แต่ตอนนี้หมออยากให้ admit เอาไว้ก่อน" ...จ้ะหมอ นอนก็นอน ^^ แกรรรรรรร....ฉันได้พักผ่อนแล้ววว
นี่ก็นอนโรงพยาบาลมาหลายวัน หมอก็มาถกนู่นนี่นั่นข้างเตียงเสมอ แต่หมอก็ไม่บอกนะว่าตกลงฉันเป็นไงอ่ะเธอออ ฉันก็ memory ศัพท์ต่างๆไปเถอะแล้วค้นเอง...เอามาค้นแล้วโหวงเหวงมันบอกหมายถึงความผิดปกติไปเองของการเคลื่อนไหว...หมอบอกต้องวินิจฉัยต่อไป นัดทำ MRI ก่อนแล้วกัน คิวมันน๊านนานอีกสองสามเดือน
...*MRI หมายถึงการวินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคือนำคลื่นที่ว่าสะแกนหาความผิดปกติต่างๆ ได้ทุกส่วนทั่วร่าง...ใครว่างๆก็ลองค้นดู
หมอบอกสงสัยโรคลมชัก เลยให้พักเพื่อรอตรวจ EEG ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวที่มาก ห้ามหลับคืนก่อนตรวจ ให้สระผมอาบน้ำทาแป้งน่ารัก (ปล.เติมเองน่ะ ฮ่าา) คืนนี้หนังตาหนักจริงๆ เขาไม่ให้นอนแต่เรานี่หาวไปหนังตาเริ่มหย่อน พี่พยาบาลกับเพื่อนเลยพาเดินว่อนทั่วโรงพยาบาล ...ขอบคุณทุกคนนะแกรรที่เฝ้าฉันขอบคุณที่อดหลับอดนอนกันขอบคุณจริงๆ
คืนนั้นผ่านพ้นไป การทำ EEG ทำยังไง ขอไล่ให้ฟังคร่าวๆ เป็นการตรวจเพื่อดูคลื่นไฟฟ้าสมองโดยมีอะไรไม่รู้ทั่วหัวเหมือนดาว เห็นเขาทาเจลหรือกาวนี่แหละแปะ แปะ แปะลงไป ...อื้มนุ่มนวลล ชวนให้หลับไหล จากการไม่นอนทั้งคืนด้วยไง...ฉันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ Zzzz
ปล.คือเขาให้นอนประมาณครึ่งชั่วโมง
แกรรร หมอบอกผล EEG ไม่มีอะไร...การกระตุกของฉันเริ่มหายไปละ มีบางทีกระตุก ตื๊ด ตื๊ด ไม่แรงนัก...หมอบอกไม่มีไรมากเอายาไปกิน...โอยยย หมดเลยความฟินฉันเกลียดการกินยา...แต่เดี๋ยวนะฉันยังไม่รู้เลยโรคไร หมอบอกต้องรอดูอาการอีกที พร้อมทำ MRI ตอนนี้ก็ observe ตัวเองไป... จ้ะ ก็ได้ ก็ด้ายยยย!!!
เมื่อฉันเคยชักจนเคยมีอาการทางจิต...และจดจำว่ามันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ และมันก็ทำให้...
เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เรานึกไปถึงเมื่อวันนั้น วันที่เราเคยชัก...ชักที่แสนทรมาน และมันก็ทำให้เราไปเปิดอ่านไฟล์ไดอารี่เก่าที่เราบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวันนั้น วันที่เราชักไง และอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้หลายๆคนได้อ่านดู... และนี่ก็เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ (เหมือนคำลงท้ายคำนำเลยเนอะ ฮ่าๆ ปล.เกร็งมากๆ ==') ส่วน ECT คืออะไรหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตนะ เราเกรงว่าเราอาจจะให้ข้อมูลได้ไม่เพียงพอหรือผิดพลาดได้ หรือใครมีความรู้ก็มาร่วมแชร์ได้นะคะ ^^ ปล.อีกแล้ว ไดอารี่ของเราอาจจะดูตลกๆไปบ้างแต่เป็นความรู้สึกจริงๆของเราในตอนนั้นเลยนะ...ใครเคยชักก็มาแชร์กันได้แลกเปลี่ยนกันเนอะๆ ^^
ปล.สุดท้ายบางทีเราก็แทนตัวเองว่าฉันบางทีก็แทนตัวเองว่าเราคือพิมพ์ไปมันก็ทั้งเมาทั้งมันส์ไม่ว่ากันเนอะคือสมองเรามันเลอะๆเวลาพิมพ์ อ่านไปแล้วอาจรู้สึกไม่นิ่มต่อสายตาเท่าไหร่ ก็ขออภัยรอบสองละกัน...ป่ะๆไปอ่านกันเลยดีกว่า ^^ เชิญค่ะเชิญ
ในคืนที่มืดที่สุด ในคืนที่ที่นอนดูดจนเปลือกตาหยุดเคลื่อนไหว เสียงเรียกของพ่อไม่สามารถเปิดเปลือกตาฉันได้... หลุมดำกำลังดึงฉันดิ่งลงไป ฉันต้านไม่ไหวแล้วนะ...
.
.
ฉันจำได้ดีว่าคืนนั้นเป็นคืนที่พ่อของฉันบ่นน้อยใจว่า "กลับบ้านทั้งทีมานอนคุยกับพ่อนานๆนี่ทำไม่ได้เหรอ?" ฉันได้ยินนะเธออ แต่ฉันลุกไม่ไหว แม่ก็บอก "ลูกเหนื่อยน่ะ เดินทางแล้วยังมาทำงานช่วยทั้งวันคงหลับเป็นตาย ให้ลูกพักสบายๆเถอะพ่อ" ฉันอยากลุกแล้ววิ่งลงบันไดไปคุยจ้อ จ้อ จ้อ ...แต่เหมือนหนังตาฝ่อ มันยกไม่ขึ้น! ...และนั่นก็เป็นเพียงประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากคนที่ฉันรักทั้งสองคน...จากนั้นความมืดมนก็เข้ามาแทนที่...เหมือนบราวนี่รสช็อกโกแล็ตอ่ะ ด๊ำดำ! ฮ่าา
มาจะกล่าวบทไป..ถึงก่อนหน้านี้ คือก่อนที่ฉันจะกลับบ้านนี่ ฉันก็ต้องมาเรียนมหาลัยก่อนป่ะ คือไม่ใช่ปิดเทอมนะแต่อยากพักผ่อน
สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนล้าอยากกลับมานอน นอน นอน ...แต่ขอท้าวความก่อน again
หลังจากที่ฉันดูซีรี่ถึงตีสี่...ฉันก็มีอาการแขนกระตุก เหมือนรถตุ๊กๆขับขึ้นเขา เกร็งพร้อมสั่นเบา เบา ...เป็นอะไรวะเรา? ไม่เอาไม่เอาไม่วินิจฉัยเอง
เมื่อความผิดปกติถามหา ก็เริ่มตามล่าหาสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น search internet ถามเพื่อนๆบ้าง ทุกคนก็บอกนู่นนี่นั่นไปคนละทิศทาง...จากทฤษฎีฉบับร่างของพวกมัน
ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากกลับบ้าน ไม่ยอมบอกอาจารย์เพราะกลัวเข้าโรงบาลและบ้านไม่ได้กลับ นี่เป็นเพราะความดื้อล้วนๆเลยครับ...อยากตบเข้าที่ขมับตัวเองจริงๆ
แขนกระตุก เริ่มมีอาการทุกๆ มื้ออาหาร พอนานๆก็เริ่มมีอาการถี่ขึ้น...กระตุกน่ากลัวเหมือนแขนสะอึกสะอื้น กระตุกทีแทบยืนไม่ได้
กระตุกได้กระตุกไป...แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันเริ่มบอกตัวเองให้มั่นคง ทั้งๆที่กำลังใจเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ...เห้ยย นี่เรากำลังเปื่อย เอ้ย ป่วยด้วยโรคไร ขาดโซเดียม แคลเซียม เอ๊ะธาตุไหน? สวรรค์กำลังลงโทษคนเรียนแล้วหลับสลบไสลใช่ไหม ตอบบบ!!!
พอกลับมาถึงบ้าน พี่ชายพ่อแม่ก็พาสนุกสนาน ปิคนิคกับที่บ้านและทำงานกันทั้งวัน...ไม่รู้นะอยากทำหมดเลยเห็นนู่นนี่นั่น เรื่องใช้กำลังนี่ยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่ จากแขนที่เคยกระตุกไม่มีเวลาเลยไม่เห็นมันเอื้อยเอ่ยอะไร...เห้ยย เป็นไปได้แขนไม่กระตุกแว้ววว ><
ด้วยความที่เราคิดว่าตัวเองขาดโปแตสเซียม เราเลยให้แม่เตรียมกล้วยเอาไว้ให้ คือ-เยอะมากถ้าลิงเห็นลิงคงตบปากแล้วลากกล้วยจากไป ...พอกล้วยเริ่มย่อยไม่เท่าไหร่ลำไส้ก็เคลื่อนไหวมาก วิ่งเข้าห้องน้ำขาลาก...เพลียมากเลยทีนี้ =='
...แล้วคืนนั้นคืนที่ฉันเกริ่นไว้ก็มาถึง คือเย็นนั้นหัวคิ้วหนักและตึงเป็นอย่างมาก เหนื่อย เหน็บ หนาว pulse สั่นไหวหายใจลำบาก...อยากนอนมาก มากที่สุด...และไม่สามารถพูดอะไรหลุดออกมาได้
มาถึงตรงนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แต่ว่าไม่ไหว...มันเหนื่อย และการหายใจฉันก็เฉื่อย เฉื่อย ลง
ฉันไม่รู้เลยว่าเวลาเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีอะไรมายกแขนฉันไว้แล้วทิ้งลง ฉันลืมตาด้วยความงุนงง...เห็นแขนตัวเองขยับขึ้นลงทำนองชะชะช่าาา ...
เสียงแม่ร้องระงมพร้อมระดมกำลังคน แม่วิ่งมาเอานิ้วเข้าปากฉันอย่างร้อนรน...เดี๋ยวนะทุกคน ฉันเป็นอะไร? ฉันรู้สึกตัวแต่งุนงงพยายามพูดบางอย่างแต่ก็พูดไม่ได้...ได้ยินแต่เสียงแม่ร้องไห้ เรียกหาคนช่วย ...
.
.
ชาวบ้านร้องกันสนั่นสั่นไหว เสียงคนวิ่งขึ้นบันไดพลุกพล่าน
ฉันได้ยินนะเสียงเรียกขาน...แต่เหมือนประตูรับรู้ทุกบานกำลังจะปิดลง เสียงแม่เริ่มหายไป เสียงพูดส่วนใหญ่ไกลออกไปเรื่อยๆ...แขนกระตุก ลิ้นแข็ง หายใจเริ่มเฉื่อย...ฉันเหนื่อย ฉันสู้ไม่ไหว เหมือนมีพลังไรไม่รู้ดึงหูให้ฉันต้องตามไป... นี่หรือฉันกำลังจะตาย? กำลังจะตายจริงๆเหรอ?...
วินาทีนั้นที่ฉันคิดว่าจะเป็นลมหายใจสุดท้าย ภาพพ่อแม่พี่ชายคำพูดคำสัญญามากมายก็เหมือนภาพถ่ายที่ถูกจับวางทีละใบ ทีละใบ ที่เปิดให้ฉันเห็นในวินาทีทีคิดว่าคงสุดท้ายของชีวิต ภาพเพื่อนพ้องภาพห้องภาพมหาลัย ภาพอะไรไม่รู้มากมาย...แต่แล้วเสียงสุดท้ายก็ทำให้ฉันเหมือนสะดุ้งตื่น
"ได้ยินพ่อมั้ย ได้ยินพ่อมั้ย" พร้อมเสียงสะอื้น...ฉัยเหมือนคนที่กำลังล้มแล้วลุกขึ้นยืนในทันที ...มีแสงมากระทบตาละ...แม้เลือนรางแม้ริบหรี่ แต่เหมือนกับเป็นสัญญาณที่ดีที่สุดในตอนนั้น คือความรู้สึกที่ฉัน...เห็นหน้าพ่อ นั่งน้ำตาคลออยู่ข้างๆ เสียงแม่ที่เรียกพร้อมร้องไห้เสียงดัง...ภาพคนรอบข้างชัดเจนขึ้น แต่ฉันงงเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น...นี่มายืนทำอะไรกัน? แล้วทำไมฉันพูดไม่ได้ อย่าบอกนะว่าตอนที่แขนกระตุกมันกระตุกเอาลิ้นไก่ฉันไป โอ้ววว ไม่..ไม่นะ! พอแม่เอานิ้วที่คาปากอยู่ออกเท่านั่นล่ะ...เข้าใจละ เข้าใจจริงๆ =='
เหตุการณ์ผ่านไปฉันก็ไวรีบไปโรงพยาบาล หมอบอกต้องทำการสะแกนสมอง...แต่ไม่มีเครื่องทำนะน้องต้องกลับไปทำกรุงเทพ เราเครียดมาก ความคิดไปเองเริ่ม เก็บ เก็บ เก็บข้อมูล...เนื้องอกสมอง? หลอดเลือดตีบ? หรือสมองมันมีปุ่มนูน ....โอ๊ยยย เหมือนยืนอยู่บนเลขศูนย์ที่ไม่ว่าจะคูณเท่าไหร่ก็ได้ศูนย์อยู่ดี...สูญเสีย สูญเสียกำลังใจ ญาติพี่น้องเพื่อนผองให้เท่าไหร่...ก็รับไม่ได้สักอย่าง ยิ่งมีความรู้ยิ่งกลัว ยิ่งรู้ไม่มากพอ...ก็เหมือนดินสอหัก หักในห้องสอบที่อาจารย์ห้ามถามห้ามตอบกัน แล้วฉันจะเอาอะไรมาเหลาดินสอล่ะ...เกี่ยวมะ? อ่านใหม่ให้เกี่ยวนะ ฮ่าาา
ในเช้าวันนั้นที่ฉันไปหาหมอ ฉันทำได้เพียงรอผลเลือด พร้อมอาการกระตุกที่มีมาทุกชั่วโมงจนฉันเริ่มเดือด ผลเลือด ผลเลือด...เมื่อไหร่จะออก!
.
.
.
วันนี้ฉันร่าเริงผิดปกติมากอ่ะแก ฉันแชร์เรื่องราวผ่านสื่อ facebook ผ่านสื่อไลน์ และกำลังใจมากมายก็มาเต็ม ฉันก็ทำเป็นปิติเปรมไปแบบนั้น...ทั้งๆที่จิตใจฉันมันไม่ปกติเลยแต่ฉันต้องเฉย ฉันต้องไหว ฉันต้องไฟว่...ไฟว่ ติ้ง ติ้ง...ติ๊ง ติ๋ง ...นิ่ง...เพราะเสียงสุดท้ายที่ดังติ๋งคือน้ำตาฉัน น้ำตาสายใต้...ใต้ต่อมน้ำตาที่หลั่งออกมาแบบมือที่สาม ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นมันเป็นความเจ็บปวดภายใน ทำไมโลกมันสั่นไหวแรงขนาดนี้ล่ะแกรรร แกร แกร ...
ตลอดเวลาที่ฉันรอลุ้นอะไรอยู่นั้น ฉันก็คุยกับเพื่อนตลอดเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมเอาโทรศัพท์ห่างกาย มันช่วยฉันคิดฉันวินิจฉัยแถม support จิตใจให้ฉันได้ฮาาา ขอบคุณมากนะ...จริงๆ
.
.
และผลเลือดก็ออกมาว่าแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ ปกติดีคือคำที่ฉันกลัวที่สุด ถ้าผลเลือดบอกว่ามี e'lyte สักตัวแหละที่ผิดปกติหรือสะดุดฉันคงจับจุดชีวิตตัวเองได้ แต่ดูดิตอนนี้ฉันต้องกังวลต่อไป...เลือดไม่มีอะไร เชิญค้นหาข้อวินิจฉัยต่อ ...โถ่ หมอ หนูไม่ไหว TT
...ตะวันลับขอบฟ้า กับคำถามในใจว่ากูเป็น
คนในครอบครัวก็คงเริ่มกลัวแต่ไม่มีใครพูด ฉันวางแผนกลับ กทม.เพราะวันหยุดจะหมดเวลาลง ฉันจะกลับยังไง...ระหว่างทางจะเป็นเช่นไรฉันไม่สนใจ...คำถามว่าฉันเป็นอะไรสำคัญกว่า าา าา าาาา [ว้าวุ่น]
...คืนนั้นทั้งคืนฉันตื่นไม่ยอมหลับ แค่แขนขยับฉันก็ลุกขึ้น ฉันกลัวกลัว..กลัวแขนสั่น ฉันจะไม่ยอมให้มันกระตุกอีก ตอนนี้ฉันยืนเอามือตั้งกราดรอท่าละ ไม่ยอมนะไม่ยอมจริงๆ กระตุกมาจะยิงทิ้งบอกเลย!!
..หยุดกระตุกเถอะแกรรร
ฉันเคยกระตุกแล้วชักราวตีสี่ เช้านี้เกือบหกโมงแล้ว เห้อออ คลาดแคล้วแล้วสินะ คุ้มแล้วล่ะที่ไม่ยอมนอนทั้งคืน พ่อแม่ก็ลุกก็ตื่นปล่อยให้ฉันหลับแบบไม่ต้องฝืนตัวเอง.., แต่พ่อเดินจากไปไม่เท่าไหร่ก็ไม่รู้อะไรมากระชากที่แขน พลังนับแสนดึงฉันไป รู้สึกตัวดิ้นพล่านกระตุก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เอ๋นี่มันคล้ายรถไฟ แกรๆๆ แกรมาเวอร์ชั่นใหม่หรอกเหรอ?
...แต่คราวนี้ฉันแสนจะเอ๋อฉันแทบไม่รับรู้อะไร แต่สติสุดท้ายก็คว้าผ้าเข้าปากไว้...แล้วเอาอยู่มั้ย ไม่เลยสักนิด! ฉันชักสองครั้งติดแล้วนะนี่... ไม่นะ ม่ายยยย
ครอบครัวตัดสินใจพาฉันกลับ กทม. เพื่อรักษาต่อในสิทธิสังกัดของฉัน โดเรม่อนๆขอยืมไทม์แมชชีนได้มั้ยเดี๋ยวให้กินเมล็ดทานตะวัน "โปรดมองหน้าฉัน...-เมล็ดทานตะวัน มันคือแฮมทาโร่!" โทดทีลืมดูโลโก้ โอ๋ๆไม่น้อยใจนะ...
ฉันได้รับการตรวจร่างกาย จากหมอระดับเล็กระดับใหญ่แบบเรียงตัว
เดี๋ยวก็นักศึกษาคนนั้นคนนี้ เขาคงทำเพื่อความชัวร์...ฉันเริ่มไม่กลัวเริ่มรู้สึกปลอดภัย เพื่อนฝูงญาติพี่น้องอาจารย์ต่างให้กำลังใจ ฮึบบ! มันไม่ได้มีอะไรร้ายๆหรอกน่า เนอะ...เป็นเนอะเงียบๆที่เหมือนโดนเหยียบเอาไว้ เอาเท้าออกเถอะ..ได้ไหมอย่าเหยียบความหวังเดียวของใจให้แหลกสลายไปอีกเลย นะแกร...
.
,
,
... หลังจากสะแกนสมอง ฉันก็ต้องรอผล...ลุ้นใจแทบหล่น ลุ้นเหมือนตอนสอบเรียนเข้ามัธยมต้นเลย! พอผลออกมาเฉลย...ไม่อาจหาคำใดใดมาเปรียบเปรย มัน มัน มัน...เอ่ยไม่ออก...
เคยเห็นลูกโป่งนับพันลูกลอยขึ้นรอบๆตัวมั้ย.? เคยเห็นพลุจุดสว่างไสวใกล้รึเปล่า เพลงไรไม่รู้ มั๊นนนส์ มันส์...เปิดขึ้นเบาๆ อยากเพิ่มเสียงแล้วเต้นเร่า เร่า ...หมอบอกข่าวอีกทีได้ไหม..."ปกติครับไม่มีความผิดปกติอะไร แต่ตอนนี้หมออยากให้ admit เอาไว้ก่อน" ...จ้ะหมอ นอนก็นอน ^^ แกรรรรรรร....ฉันได้พักผ่อนแล้ววว
นี่ก็นอนโรงพยาบาลมาหลายวัน หมอก็มาถกนู่นนี่นั่นข้างเตียงเสมอ แต่หมอก็ไม่บอกนะว่าตกลงฉันเป็นไงอ่ะเธอออ ฉันก็ memory ศัพท์ต่างๆไปเถอะแล้วค้นเอง...เอามาค้นแล้วโหวงเหวงมันบอกหมายถึงความผิดปกติไปเองของการเคลื่อนไหว...หมอบอกต้องวินิจฉัยต่อไป นัดทำ MRI ก่อนแล้วกัน คิวมันน๊านนานอีกสองสามเดือน
...*MRI หมายถึงการวินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคือนำคลื่นที่ว่าสะแกนหาความผิดปกติต่างๆ ได้ทุกส่วนทั่วร่าง...ใครว่างๆก็ลองค้นดู
หมอบอกสงสัยโรคลมชัก เลยให้พักเพื่อรอตรวจ EEG ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวที่มาก ห้ามหลับคืนก่อนตรวจ ให้สระผมอาบน้ำทาแป้งน่ารัก (ปล.เติมเองน่ะ ฮ่าา) คืนนี้หนังตาหนักจริงๆ เขาไม่ให้นอนแต่เรานี่หาวไปหนังตาเริ่มหย่อน พี่พยาบาลกับเพื่อนเลยพาเดินว่อนทั่วโรงพยาบาล ...ขอบคุณทุกคนนะแกรรที่เฝ้าฉันขอบคุณที่อดหลับอดนอนกันขอบคุณจริงๆ
คืนนั้นผ่านพ้นไป การทำ EEG ทำยังไง ขอไล่ให้ฟังคร่าวๆ เป็นการตรวจเพื่อดูคลื่นไฟฟ้าสมองโดยมีอะไรไม่รู้ทั่วหัวเหมือนดาว เห็นเขาทาเจลหรือกาวนี่แหละแปะ แปะ แปะลงไป ...อื้มนุ่มนวลล ชวนให้หลับไหล จากการไม่นอนทั้งคืนด้วยไง...ฉันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ Zzzz
ปล.คือเขาให้นอนประมาณครึ่งชั่วโมง
แกรรร หมอบอกผล EEG ไม่มีอะไร...การกระตุกของฉันเริ่มหายไปละ มีบางทีกระตุก ตื๊ด ตื๊ด ไม่แรงนัก...หมอบอกไม่มีไรมากเอายาไปกิน...โอยยย หมดเลยความฟินฉันเกลียดการกินยา...แต่เดี๋ยวนะฉันยังไม่รู้เลยโรคไร หมอบอกต้องรอดูอาการอีกที พร้อมทำ MRI ตอนนี้ก็ observe ตัวเองไป... จ้ะ ก็ได้ ก็ด้ายยยย!!!