สมจิต นักข่าวช่อง7 เทียบอภิสิทธิ กับ แม้ว และปู

กระทู้คำถาม
สมจิตต์ นวเครือสุนทร
29 เมษายน เวลา 1:44 น. ·
Apinan Towsadja
ว้าย เขียนด่าxxxx เพราะเจอxxxxตอกหน้าว่า"ทำดีกว่าพรรคที่คุณชอบ"
เขียนอวยพรรคที่ชอบ ด่าพรรคที่เกลียด ลืมบอกไปหรือป่าวว่า อภิสิทธิ แก้เพดานน้ำมันจาก 5บาทเป็น 10บาท ทำให้เราใช้น้ำมันแพงขึ้น เรื่องไข่ชั่งโลก็ไม่พูด ฯลฯ
วิจารณ์ไม่เป็นกลางมันผิดจรรยาบรรณสื่อ แต่ไม่เป็นไร ไม่ต่างกับสื่อxxxxx แค่อยู่คนล่ะฝั่งพรรคการเมืองเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้อยู่ฝั่งประชาชน
--------
คุณคงเป็น "แฟนพันธ์ุทาง" นะคะ ^ ^ เพราะดิฉันไม่เคยเป็นกลางระหว่างความจริงกับความเท็จและความถูก-ผิด ชั่ว-ดี ที่สำคัญตรวจสอบทุกรัฐบาลเหมือนกันหมดและจะให้ความจริงกับคุณเพื่อเป็นวิทยาทานค่ะ
การปรับเพดานสรรพสามิตรน้ำมันจาก 5 บาทเป็น 10 บาท ในขณะนั้นเป็นการปรับพร้อมกับภาษีสรรรพสามิตรพวกเหล้า บุหรี่ หรือที่เรียกกันว่าภาษีบาปเต็มเพดานด้วย
เนื่องจากในขณะนั้นเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ รัฐขาดเงินที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การปรับเพดานภาษีสรรพสามิตรดังกล่าว มีการนำเงินกองทุนน้ำมันซึ่งขณะนั้นเป็นบวกเกือบแสนล้านมาช่วยบริหารจัดการ คือ ขึ้นภาษีแต่ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้ไม่มีผลต่อราคาขายปลีกหน้าปั๊ม
ไม่ทราบว่าคุณรู้หรือเปล่าว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ทำให้จีดีพีที่ติดลบกลับมาเป็นบวก และในปี 53 จีดีพีสูงถึง 7.5 ในขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ที่ 41 กว่า %
ถ้าติดตามเพจนี้จริงเรื่องไข่ชั่งกิโลเคยให้ข้อมูลไว้แล้วว่า กำหนดให้เป็นทางเลือกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการแยกไข่ และผู้ที่เสนอเรื่องนี้คือ มาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ในขณะนั้น ระหว่างการทำโครงการ "ประชาภิวัฒน์" คิดนอกกฎ บริหารนอกกรอบ ซึ่งคนทีทำวิจัยเรื่องนี้คือ นางชุติมา บุณยประภัศร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โดยรายงานต่อรัฐบาลว่า จะทำให้ลดต้นทุนได้ 10-20 สตางค์ รัฐบาลจึงเสนอเป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่ได้บังคับ
แต่การแก้ปัญหาไข่ราคาแพงที่คุณควรทราบแต่ไม่ทราบคือ "การเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่" ที่รัฐบาลชุดนี้ล้มไปและกลับมาล็อคพันธุ์สัตว์กลับสู่การผูกขาดอีกรอบ
ไหน ๆ อธิบายแล้ว เอาให้ครบว่า ในขณะนั้นรัฐบาลทำอะไร
มีการทำเวิร์กชอปประดมความคิดเห็นจากหลายฝ่ายเป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดย คณะทำงานมุ่งไปที่การรับฟังความคิดเห็นและการให้ความสำคัญผู้ประกอบอาชีพ 3 กลุ่มใหญ่ คือ วินมอเตอร์ไซค์ คนขับแท็กซี่ กลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย โดยมีการจัดทำโฟกัสกรุ๊ปรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เช่น ระดับ ผกก.-รอง ผกก.จากเกือบทุกสถานีตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือเจ้าหน้าที่เทศกิจกรุงเทพมหานคร
การทำเวิร์คชอปครั้งนั้นมีผลสรุปออกมา 9 ข้อ
1.การขยายระบบประกันสังคมให้ครอบคลุมคนไทยทุกคน ซึ่งรัฐบาลจะช่วยอุดหนุนงบประมาณ1500ล้านบาทให้กับแรงงานนอกระบบเพื่อการชดเชยเมื่อเจ็บป่วย ทุพลภาพ เสียชีวิต ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มเห็นผลในเดือน ก.ค. 2554
2. การมอบโอกาสแก่แรงงานนอกระบบ ให้เข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช้งบประมาณ แต่จะมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารรัฐ รวม 5,000 ล้านบาท ในการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มแท็กซี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นเจ้าของรถแท็กซี่ใหม่ได้ โดยผ่อนดาวน์ต่ำสุด 5%
3. การจัดระบบให้ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ด้วยการจัดทำบัตรประจำและฐานข้อมูล ยืนยันในอาชีพเป็นครั้งแรก
4.การจัดสถานที่ขายให้กับหาบแร่แผงลอย หรือผู้ค้านอกจุดผ่อนผัน 2 หมื่นรายให้มีที่ทำกินถูกกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะลดรายจ่ายนอกระบบถึง 1,000 บาทต่อเดือน
5. การลดราคาน้ำมัน ด้วยการลดการอุดหนุนแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม
6. มาตรการค่าไฟฟ้าฟรีถาวร โดยประชาชนที่ใช้ไม่เกิน 90 หน่วย ให้ใช้ฟรี ประหยัด 135 บาท/เดือน หรือ 1,620 บาท/ปี ซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนม.ค. 2554
7.การช่วยลดต้นทุนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ไก่เนื้อและสุกร โดยการจะทำให้มีต้นทุนอาหารสัตว์ที่ถูกลง และเข้าถึงพ่อแม่พันธุ์ได้มากขึ้น คาดว่าเกษตรกรกว่า 3 แสนคนจะได้รับประโยชน์
8.การกำหนดราคาอาหารเป็นธรรม โปร่งใส
9.การลดปัญหาอาชญากรรมในกรุงเทพฯ โดยติดตั้งกล้องซีซีทีวีในจุดเสี่ยง และให้องค์กรของรัฐและประชาชนเข้ามามีส่วนดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ 20% ใน 6 เดือน
ที่มาไข่ชั่งโล
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1295666525
ข้อมูลจีดีพีปี 53
http://www.nesdb.go.th/…/…/NI-CVM-1990-2010/T-04Analysis.pdf
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่