สวัสดีนะ เพื่อนๆ ทุกคน ขอแนะนำตัวก่อน (แต่ไม่ขอบอกชื่อจริงๆ นะ) เราชื่อ Sweet Pepper
ตอนนี้อายุ 18 ปีแล้ว ไม่ขอบอกว่าอยู่จังหวัดไหน เพราะคิดว่าเพื่อนๆ ทุกคนถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จะรู้เอง
วันนี้อยากจะมาขอคำแนะนำ อยากให้บอกหน่อยว่าเราควรทำยังไงกับตัวเราต่อไปดี
อาจจะเสียเวลาอ่านข้อความยาวๆ ด้านล่างนี้ ถ้าใครขี้เกียจ หรือไม่สนใจก็ข้ามไปเลยก็ได้
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องจริงๆ เราขอเล่าก่อนว่าเรื่องมันเป็นมายังไงที่ทำให้เราไม่อยากเป็นชายเต็มร้อยอีกต่อไป
นึกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่ามันเกิดขึ้นกับความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชีวิตเราที่ผ่านมานั้น
เรารู้สึกว่าเราเจอกับเรื่องมามากมาย ซึ่งเรื่องพวกนี้มันอาจทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวอ่อนไหวตามได้
เมื่อก่อนสมัยเด็กเรายังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งตอนนี้ หน้าตาเราเมื่อก่อนเป็นเด็กชายที่ธรรมดาๆ ไม่หล่อไม่หน้าตาดี
แถมไม่พอผิวคล้ำอีกต่างหาก เราไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย บอกเลยว่าพอขึ้น ม.ต้น นะ สิวนี่เต็มหน้าเลย
เพราะเราเองคิดว่าหน้าตามันไม่เคยสำคัญ แต่จุดโดดเด่นที่คนอื่นเห็นเรามองเราได้ชัดเลยก็คือ..
เราเป็นคนไม่พูดคำหยาบมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อันนี้สาบานเลย เกิดมาเราพูดคำหยาบไม่ถึงร้อยครั้งด้วยซ้ำไป
เวลาอยู่กับพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง เราจะใช้คำแทนตัวว่า "น้อง Sweet Pepper" (นามแฝงนะ)
และเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เราจะเรียกตัวเองว่า "เปิ้น" (เปิ้น ภาษาเหนือแปลว่า ฉัน) จะเรียกเพื่อนๆ ก็เรียกชื่อเล่น
ทั้งเพื่อนผู้ชายผู้หญิงบางคนจะเรียกเราว่า "ตั๋ว" (ตั๋ว ภาษาเหนือแปลว่า เธอ) ถ้าเรียกชื่อเล่นต้องสนิทกันนะ
ฉะนั้นเพื่อนที่รู้จักเราจริงๆ ก็จะไม่พูดคำหยาบกับเราเลย เราเป็นคนสุภาพ ส่วนเรื่องคำพูดหยาบคาย
เราจะใช้มันก็ต่อเมื่อเวลาโกรธจัดๆ อีกอย่างคือเราเป็นคนเงียบๆ เราก็เลยไม่ค่อยมีปัญหากับใคร
แม้แต่เพื่อน หรือใครๆ (เมื่อก่อน) ก็ไม่ค่อยมายุ่งอะไรกับเรานักหรอก เขามองเราเป็นคนดีทุกคน
อันนั้นคือเรื่องสมัยก่อนนะ แต่มาเข้าเรื่องจริงๆ เลยดีกว่า เรื่องที่ทำให้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
บอกก่อนอีกเรื่องว่าครอบครัวเราเป็นครอบครัวข้าราชการ แน่นอนว่าเราออกนอกกรอบเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้
แต่ไม่เชิงว่าถูกบังคับหรอกนะ พ่อแม่เรา (แนะนำ) ให้เราไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเราก็ไปสอบนะ
ปีแรกไม่ติดหรอก พอเราขึ้น ม.ปลาย พ่อแม่ก็ส่งเราเข้าโรงเรียนติว (คาเด็ทนี่แหละ) จนสอบติด แต่เราก็ตกรอบพละ
เพราะเราเป็นคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เราบอกตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนร่างเล็กมากๆ ถึงมากที่สุด
ปล. เราอาจเป็นคนที่ผอมที่สุดในประเทศไทยเลยก็ได้ แต่ความสูงก็ไม่แพ้กัน ตอนนี้เราสูงมาก สูง 1.85 m แล้ว
และคิดว่าจะไม่สูงอีกต่อไป (สุดแล้ว) น้ำหนักตัวอยู่ที่ 52 - 55 kg เพื่อนๆ คงกะได้แล้วว่าเราหุ่นแบบไหน
เราลองมาเรียบเรียงตัวเองดู เราคิดว่าความรู้สึกมันเริ่มเปลี่ยนไปก็ตอนนี้แหละ หมายถึงตอนเราเรียนติวน่ะ
เพื่อนๆ เข้าใจป่ะ ? คือมันเป็น รร. ติวของผู้ชายไง กินนอนอยู่ด้วยกันทั้งปี ตอนเราเรียนอยู่ที่คาเด็ทนั่น
เราเริ่มรู้จักดูแลหน้าตาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เรื่องสีผิวนี่ไม่รู้ว่าทำไมมันเปลี่ยนไปเป็นคนผิวขาวเอง ก็ยังสงสัยอยู่
ขอบอกรูปร่างหน้าตาของเราคร่าวๆ ให้ฟังก่อนนะ เราเป็นคนผอม เค้าบอกหุ่นเราเหมือนผู้หญิงเลยแหละ
ขาเราโคตรเดฟ (มีขนหน้าแข้งด้วยนะ) แขนนี่เล็กมาก บางทีเพื่อนผู้หญิงในห้องจะชอบเอามือเราไปสัมผัสเล่น
เพราะเราเป็นคนมือนุ่มนิ่ม นิ้วมือเรียวยาว เอวก็เล็ก ตอนนั้นสมัยเรียนคาเด็ทหน้าท้องมี Six-Pack ด้วย
แต่ยังดีที่เราสูง คือถ้าเราไม่สูงเนี่ย คง.. นะ.. มาถึงเรื่องหน้าตานะ ไม่รู้สิ เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนหน้าตาดี
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มดูแลหน้าตาตัวเองนี่แหละ เราเป็นคนหน้าเรียวเล็ก คิ้วดก (แต่ไม่ทึบนะ) ตาก็เรียว จมูกเล็ก
ริมฝีปากนี่ปานกลาง คางไม่แหลมมาก ตอนอยู่คาเด็ทเราสีผิวดีขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่ยอมรับเรื่องหนึ่งคือที่ๆ เราไปติวนี่
เปลี่ยนนิสัยเราเหมือนกัน ทำให้เราเปลี่ยนไปมากด้วย เปลี่ยนให้เราเป็นคนกล้าแสดงออก ร่าเริงแจ่มใสขึ้น
จากที่เก็บตัวเงียบๆ ไม่คุยกับใคร ไม่ใช่แค่ยิ้มเฉยๆ นะ แต่ขั้นบ้าๆ บอๆ ติ๊งต๊องเลยล่ะ พ่อแม่เราเลยไปขอบคุณ
ขอบคุณเจ้าของสถาบันแก เค้าบอกว่าเรานี่เปลี่ยนไปมากเลย ยิ้มแย้มดี มีความเป็นผู้นำขึ้นมาทันตาเห็น
ขอยอมรับเลยว่าเป็นผลดีกับตัวเราเองมากๆ ที่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทุกครั้ง (ในตอนนั้น) ที่เราส่องกระจก
เราไม่คิดหรอกว่าคนอื่นจะมองเรายังไง แต่เพื่อนๆ เข้าใจป่ะ ? Sense ของมนุษย์เรามันก็ไม่ได้โง่เสมอไปหรอก
ตอนแรกๆ เราอาจจะไม่รู้ว่าเค้ามองเรายังไง แต่พอเอาเข้าไปนานๆ น่ะ เราจะเริ่มเกิดความรู้สึกไง
มันไม่ใช่แค่ที่ๆ เราไปติวหรอก ที่ รร. ก็เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้เราเริ่มหวั่นไหวคงจะเป็นการจับไม้จับมือ
ถูกเนื้อต้องตัวอะไรประมาณนี้ จนทำให้เราเริ่มคิด คือมันชอบจับแขนเล็กๆ ของเราไง นึกออกป่ะ ?
จับแขนแล้วชอบลากไปนู่นไปนี่ คือเรานี่บ่อยมากอ่ะ บางครั้งก็จับแก้มเรา ทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิงอ่านะ
แต่ที่สุดๆ คือแกล้งสารพัด ชอบสรรหาเอาสิ่งที่เรากลัวมาแกล้ง (แมงมุมปลอม) คงจะมีความสุขมากที่เห็นเราตกใจ
ยังจำได้เลยตอนที่เดินเข้าห้องมา แล้วคือเพื่อนผู้ชาย 2 - 3 คนมันจะแกล้งโยนแมงมุม จนเราวิ่งหนีออกจากห้อง
ที่เจ็บสุดคงจะเป็นตอนฟุบโต๊ะตอนบ่ายๆ สยองมากบอกเลย ที่ทำให้เราหวั่นไหวมากคงจะเป็นที่ๆ ติวนี่แหละ
เพราะผู้ชายมันเยอะ บางครั้งนี่โดนอุ้มอ่ะ อาจเพราะเราตัวเบามาก น้ำหนักไม่ถึงหกสิบอ่ะ คิดดู อุ้มง่ายมาก
ตอนนั้นเราเป็นคนที่สนิทกับใครๆ ได้ง่ายมาก เพราะนิสัยที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเจ้าของสถาบันก็ด้วย
เชื่อป่ะว่าเจ้าของสถาบันแกยังชอบแกล้งเราด้วยเลย จับแขนเรา (ที่เกลียดมากที่สุดคือโดนตบก้นอ่ะ ฮือๆ)
เจ้าของสถาบันอายุยี่สิบกลางๆ อ่ะ แต่ถามว่ารู้สึกดีมั้ย ? ดีนะ.. ดีที่เรามีคนรักเยอะไง ดีกว่ามีคนเกลียดจริงป่ะ ?
นอกจากเราไม่พูดคำหยาบแล้ว เราเป็นคนนิสัยดีอยู่อย่างคืออารมณ์ดี มีระเบียบถึงขั้นเรียบร้อยเลยล่ะ
โทนเสียงเราเป็นชาย 60 หญิง 40 ฉะนั้นเวลาเราพูด (หรือร้องเพลง) เค้ามักจะชมว่าเสียงเราหวานตลอดเลย
แต่เราร้องเพลงไม่เก่งนะ ร้องเสียงสูงไม่ได้ พอสูงแล้วเสียงชอบหลบตลอด ก็นะ ปอดมันใหญ่ไม่พอ ฮ่าๆ
รู้สึกว่าตัวเองจะอ่อนโยน แถมยังอ่อนไหวง่าย ตอนดูหนังซึ้งๆ นี่ร้องไห้ตลอด (ตอนสอบไม่ติดเตรียมก็เหมือนกัน)
เราเป็นคนที่เป๊ะเว่อร์ ขนาดจัดบอร์ดโรงเรียนใช่ป่ะ ต้องวางภาพตรงกลาง ถ้ามันขวาหรือซ้ายนิดเดียวนี่ไม่ได้เลย
อยู่ที่ไหนนี่ถือไม้กวาดบ่อยมาก เพราะเห็นอะไรสกปรกไม่ได้ มันรู้สึกหงุดหงิด ที่สำคัญคือพ่อแม่เลี้ยงเรามา
ในแบบลูกคุณหนูเลยล่ะ พ่อแม่ตามใจเรามาโดยตลอด เราอยากได้อะไรก็หามาให้เสมอ แต่เราก็เป็นเด็กดีมาก
พ่อแม่ภาคภูมิใจเราอยู่อย่างคือเราไม่เหมือนคนอื่น เพราะถ้าเป็นเด็กอื่นบางคนมักถูกตามใจจนเสียเด็กไปเลยก็ได้
โตขึ้นมาจนตอนนี้เราไม่ค่อยได้ขอให้ซื้ออะไรแพงๆ เลย ที่ดีอีกอย่างคือเราเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือย แทบขี้เหนียวด้วยซ้ำ
ที่ผอมนี่ไม่ใช่อดข้าวบ่อยนะ แต่เพราะกินน้อยต่างหาก (ปัจจุบันกินมากกว่าคนปกติ 2 เท่าแต่ก็ยังคงหุ่นเพรียวอยู่)
ตอนดึกๆ นะ พวกเด็กๆ ที่คาเด็ทกับเจ้าของอ่ะ บางวันมันจะชวนกับดื่ม เพราะด้วยความที่อายุมันไล่เลี่ยกันไง
แต่เราเป็นคนไม่ดื่มนะ คงจะเป็นเพราะเห็นคุณพ่อในสภาพที่เมาเข้าบ้านทุกวันล่ะมั้ง ก็เลยไม่อยากเป็นแบบนั้น
มาเข้าเรื่องที่ทำให้หวั่นไหวต่อดีกว่า ยกตัวอย่างเรื่องนี้เลยคือตอนนั้นที่ผู้ปกครองมาเยี่ยมตอนคาเด็ทเข้าค่ายอ่านะ
แม่เรานั่งคุยอยู่กับแม่ของเพื่อน (รุ่นน้อง) อยู่ พอคุยกันจบ แม่เพื่อนแกก็ยิ้มให้ ถามสารทุกข์สุขดิบซักพักก็ไป
เราเลยไปคุยกับแม่ แกเลยเล่าให้เราฟังว่าคนนั้นเค้ามาชมเรา เค้าถามลูกเค้าว่าที่นี่อยู่ได้มั้ย คนอื่นเค้าเป็นยังไงบ้าง
ลูกแกบอกว่าอยู่ได้นะ แถมยังบอกว่ามีรุ่นพี่ ชื่อพี่ Sweet Pepper เค้าน่ารัก เราเลยช็อคไงนึกออกป่ะ ?
ถ้าชมว่าเรานิสัยดีเราจะคิดอีกอย่าง อีกอย่างคือรุ่นน้องคนนั้นก็ชอบแกล้งเราบ่อยเหมือนกัน รุ่นน้องนี่ตัวดีเลย
อีกเรื่องจะเล่าให้ฟัง เราจำได้ไม่ลืมเลยล่ะ ตอนปีใหม่ปีที่แล้ว พวกที่คาเด็ทมันจะชอบแซวเราประมาณว่า "ดื่มป่ะพี่ ?"
แล้วก็ยิ้มๆ หัวเราะกันคือมันรู้ว่าเราดื่มไม่ได้ไง เราก็ยิ้มส่งๆ ไป เพราะมันเป็นความจริง ตอนนั้นก็ดึกมาก
เราเดินขึ้นไปนอนบนชั้น 4 กำลังจะนอนแล้วล่ะ แต่มีรุ่นน้องคนหนึ่งเมาเดินขึ้นมา เรียก พี่ Sweet Pepper ๆ
แน่นอนว่าเรารู้ ถ้าเรายังไม่นอนมันจะหาเรื่องแกล้ง เราเลยแกล้งปิดตานอนหลับ หูก็ฟังว่ามันจะทำอะไร
เชื่อป่ะเพื่อนๆ เกิดอะไรขึ้น ? พอมันเรียกเรา เราไม่ตื่น มันเอาหน้าเข้ามาใกล้เรามาก (ที่สุด) อ่ะ เราสัมผัสได้เลย
คือมันใกล้มากอ่ะ ลมหายใจที่รดแก้มข้างๆ เราทำไงรู้ป่ะ ? เราบิดตัวไปทางอื่น ซักพักมันก็มานอนหลับไปข้างๆ
เรานี่เริ่มคิดเลย มันหลายเรื่องมากจนทำให้เราอยากเปลี่ยนตัวเอง ตอนอยู่คาเด็ทเราได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง
เราแทบคุมทุกคนเลยด้วยซ้ำ แต่คุมไม่อยู่นะ ชอบโดนแกล้ง ฮ่าๆๆ แต่มันก็รู้สึกดีที่โดนแกล้ง อิอิ
เรารู้สึกได้เลยว่าเจ้าของสถาบันดีกับเราเป็นพิเศษ ที่ชอบคือเวลาโดนทำโทษนะ บางครั้งเรามักจะโดนเว้นไปเลย
เป็นไงล่ะ หวั่นไหวพอป่ะล่ะ ? พอเราไม่ติด พ่อแม่ก็ส่งเราเข้าเรียนต่อที่ รร. เดิม (ตอนนี้เรียนจบแล้ว ม.ปลาย บ๊ายบาย)
เราคิดว่า ม.ปลาย นี่แหละตัวดี ที่ทำให้เราอยากเปลี่ยนสายพันธุ์ล่ะมั้ง นึกออกป่ะ ? คือเราอยู่ในสังคมแบบนี้ด้วย
มันเลยทำให้เราเปลี่ยนไป หลังๆ มาเราเริ่มดูแลตัวเองจัดมาก โดยเฉพาะหน้าตา และผิวพรรณ รูปร่าง
ตอนนี้เรากินกลูต้าด้วย คอลลาเจนก็กิน ถามว่าพ่อแม่รู้มั้ย ? รู้นะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าในมุมมองของพวกแกจะคิดยังไง
แต่พวกแกก็ไม่ว่าอะไรเลยนะ ตอนนี้ผิวพรรณเราขาวผ่อง หน้าตาค่อยๆ เปลี่ยนไป ดีขึ้นๆ จากการดูแลเป็นอย่างดี
ปัจจัยเรื่องหน้าตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนเรานะ เพราะคนส่วนมากบอกเราเสมอว่าโครงหน้าเป็นผู้หญิง
หน้าตาหวาน โดยเฉพาะจมูก เราเป็นคนจมูกสวย (แต่ดั้งมีไม่เยอะ) ตั้งแต่นั้นมาเราก็ส่องกระจก เอ้อ.. นะ..
รู้สึกว่าตัวเองหน้าแบ๊วจริง เวลาไปเดินตลาดนัด ถ้าไปกับแม่นะ แม่ค้าที่รู้จักคุณแม่เรา จะทักว่าเราหน้าตาน่ารัก
นี่แหละคือทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกหวั่นไหว เราเลยอยากจะปรึกษาเพื่อนๆ ทุกคนว่าเราควรทำยังไงดี
ปัญหาคือตอนนี้เราไม่อยากให้พ่อแม่รู้ มันอายอ่ะ เพราะที่ผ่านมาเรา (คิดว่าเรา) แมนทั้งแท่งมาโดยตลอด
แต่สำหรับเรานะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราตุ๊ดจริงรึเปล่า อีกอย่างช่วยวิเคราะห์ตามนี้ให้หน่อยนะ
อยากรู้ว่าตัวเองระดับไหนแล้ว - เราชอบทั้งผู้ชายผู้หญิง ชอบผู้ชายที่ว่าเขาดีกับเราแค่นั้น ไม่ได้คิดอะไร
แต่ผู้หญิงนี่คิดนะ คือชอบเลยแหละ ชอบจีบอ่านะ - ชอบแต่งหน้า เราเป็นคนใช้ครีมจัดมาก แม่บอกจัดกว่าผู้หญิงอีก
แต่เราไม่เคยทาแป้ง (เรียกถูกป่ะ หรือโบ๊ะแป้ง อะไรซักอย่างนี่แหละ) นะ ครีมเครื่องสำอางส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิง
เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผมเราชอบสไตล์ผู้หญิง ชอบใส่เสื้อแขนยาวสีลายสวยๆ กางเกงชอบขาสั้น
ตอนนี้ไว้ผมหน้าม้ายาวด้วย ว่าจะไว้ข้างบนยาวมากด้วยเหมือนกัน - ยังไงก็ช่วยวิเคราะห์หน่อยนะ
เราสับสนมาก ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นดี แต่ก็ไม่เดือดร้อนใครป่ะ แต่เราคงตัดสินใจดีแล้วล่ะมั้ง
แต่ถึงยังไงพ่อแม่ก็ยังให้เราไปสอบข้าราชการตำรวจต่ออยู่ดี เราก็ไม่ได้ชอบนะ
เราเลยหลอกถามว่าถ้าไม่ติดจะให้สอบต่อมั้ย ? เราก็รู้สึกดีที่แกบอกว่าจะให้ไปเรียนต่อมหาลัยเข้าคณะสายกฎหมาย
เพราะเราก็ชอบนะ เป็นอัยการ หรือผู้พิพากษาเนี่ย เลยโอเครไง ที่แน่ๆ คือตอนนี้เราขี้เกียจแอ๊บแมน
เราก็แอบชอบนะ ที่หลายคนมองเราแบบนี้ มันรู้สึกเขินอายดี เวลาถูกยิ้มให้ เรานี่ไม่กล้าสบตาใครเลยล่ะ
ก็หลบสายตาแต่เราก็ยิ้มได้ เรารู้ดีว่าสังคมยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งที่เรากลัวคือครอบครัวเราจะยอมรับไม่ได้
กลัวญาติพี่น้องจะพูดประมาณว่า "ดูสิ เรียนก็เก่ง สอบติดนายร้อย แต่ดันเป็นตุ๊ดไปได้" ไม่อยากคิดเลย
ปล. บอกเลยว่าทุกตัวอักษรเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มโน เพราะเราไม่ใช่คนหลงตัวเอง
ความรู้สึกมันแปรเปลี่ยนได้ ถามว่าขอดูรูป จขกท. ได้มั้ย ? บอกเลยไม่ !! แค่นี้ก็แบ๊วพอละ เม้นกันได้ตามสบายนะ
อึดอัดใจ อยากได้คำปรึกษา ตอนนี้ตัวเองไม่ได้เป็นชายแท้อีกต่อไป..
ตอนนี้อายุ 18 ปีแล้ว ไม่ขอบอกว่าอยู่จังหวัดไหน เพราะคิดว่าเพื่อนๆ ทุกคนถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จะรู้เอง
วันนี้อยากจะมาขอคำแนะนำ อยากให้บอกหน่อยว่าเราควรทำยังไงกับตัวเราต่อไปดี
อาจจะเสียเวลาอ่านข้อความยาวๆ ด้านล่างนี้ ถ้าใครขี้เกียจ หรือไม่สนใจก็ข้ามไปเลยก็ได้
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องจริงๆ เราขอเล่าก่อนว่าเรื่องมันเป็นมายังไงที่ทำให้เราไม่อยากเป็นชายเต็มร้อยอีกต่อไป
นึกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่ามันเกิดขึ้นกับความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชีวิตเราที่ผ่านมานั้น
เรารู้สึกว่าเราเจอกับเรื่องมามากมาย ซึ่งเรื่องพวกนี้มันอาจทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวอ่อนไหวตามได้
เมื่อก่อนสมัยเด็กเรายังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งตอนนี้ หน้าตาเราเมื่อก่อนเป็นเด็กชายที่ธรรมดาๆ ไม่หล่อไม่หน้าตาดี
แถมไม่พอผิวคล้ำอีกต่างหาก เราไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย บอกเลยว่าพอขึ้น ม.ต้น นะ สิวนี่เต็มหน้าเลย
เพราะเราเองคิดว่าหน้าตามันไม่เคยสำคัญ แต่จุดโดดเด่นที่คนอื่นเห็นเรามองเราได้ชัดเลยก็คือ..
เราเป็นคนไม่พูดคำหยาบมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อันนี้สาบานเลย เกิดมาเราพูดคำหยาบไม่ถึงร้อยครั้งด้วยซ้ำไป
เวลาอยู่กับพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง เราจะใช้คำแทนตัวว่า "น้อง Sweet Pepper" (นามแฝงนะ)
และเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เราจะเรียกตัวเองว่า "เปิ้น" (เปิ้น ภาษาเหนือแปลว่า ฉัน) จะเรียกเพื่อนๆ ก็เรียกชื่อเล่น
ทั้งเพื่อนผู้ชายผู้หญิงบางคนจะเรียกเราว่า "ตั๋ว" (ตั๋ว ภาษาเหนือแปลว่า เธอ) ถ้าเรียกชื่อเล่นต้องสนิทกันนะ
ฉะนั้นเพื่อนที่รู้จักเราจริงๆ ก็จะไม่พูดคำหยาบกับเราเลย เราเป็นคนสุภาพ ส่วนเรื่องคำพูดหยาบคาย
เราจะใช้มันก็ต่อเมื่อเวลาโกรธจัดๆ อีกอย่างคือเราเป็นคนเงียบๆ เราก็เลยไม่ค่อยมีปัญหากับใคร
แม้แต่เพื่อน หรือใครๆ (เมื่อก่อน) ก็ไม่ค่อยมายุ่งอะไรกับเรานักหรอก เขามองเราเป็นคนดีทุกคน
อันนั้นคือเรื่องสมัยก่อนนะ แต่มาเข้าเรื่องจริงๆ เลยดีกว่า เรื่องที่ทำให้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
บอกก่อนอีกเรื่องว่าครอบครัวเราเป็นครอบครัวข้าราชการ แน่นอนว่าเราออกนอกกรอบเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้
แต่ไม่เชิงว่าถูกบังคับหรอกนะ พ่อแม่เรา (แนะนำ) ให้เราไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเราก็ไปสอบนะ
ปีแรกไม่ติดหรอก พอเราขึ้น ม.ปลาย พ่อแม่ก็ส่งเราเข้าโรงเรียนติว (คาเด็ทนี่แหละ) จนสอบติด แต่เราก็ตกรอบพละ
เพราะเราเป็นคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เราบอกตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนร่างเล็กมากๆ ถึงมากที่สุด
ปล. เราอาจเป็นคนที่ผอมที่สุดในประเทศไทยเลยก็ได้ แต่ความสูงก็ไม่แพ้กัน ตอนนี้เราสูงมาก สูง 1.85 m แล้ว
และคิดว่าจะไม่สูงอีกต่อไป (สุดแล้ว) น้ำหนักตัวอยู่ที่ 52 - 55 kg เพื่อนๆ คงกะได้แล้วว่าเราหุ่นแบบไหน
เราลองมาเรียบเรียงตัวเองดู เราคิดว่าความรู้สึกมันเริ่มเปลี่ยนไปก็ตอนนี้แหละ หมายถึงตอนเราเรียนติวน่ะ
เพื่อนๆ เข้าใจป่ะ ? คือมันเป็น รร. ติวของผู้ชายไง กินนอนอยู่ด้วยกันทั้งปี ตอนเราเรียนอยู่ที่คาเด็ทนั่น
เราเริ่มรู้จักดูแลหน้าตาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เรื่องสีผิวนี่ไม่รู้ว่าทำไมมันเปลี่ยนไปเป็นคนผิวขาวเอง ก็ยังสงสัยอยู่
ขอบอกรูปร่างหน้าตาของเราคร่าวๆ ให้ฟังก่อนนะ เราเป็นคนผอม เค้าบอกหุ่นเราเหมือนผู้หญิงเลยแหละ
ขาเราโคตรเดฟ (มีขนหน้าแข้งด้วยนะ) แขนนี่เล็กมาก บางทีเพื่อนผู้หญิงในห้องจะชอบเอามือเราไปสัมผัสเล่น
เพราะเราเป็นคนมือนุ่มนิ่ม นิ้วมือเรียวยาว เอวก็เล็ก ตอนนั้นสมัยเรียนคาเด็ทหน้าท้องมี Six-Pack ด้วย
แต่ยังดีที่เราสูง คือถ้าเราไม่สูงเนี่ย คง.. นะ.. มาถึงเรื่องหน้าตานะ ไม่รู้สิ เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนหน้าตาดี
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มดูแลหน้าตาตัวเองนี่แหละ เราเป็นคนหน้าเรียวเล็ก คิ้วดก (แต่ไม่ทึบนะ) ตาก็เรียว จมูกเล็ก
ริมฝีปากนี่ปานกลาง คางไม่แหลมมาก ตอนอยู่คาเด็ทเราสีผิวดีขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่ยอมรับเรื่องหนึ่งคือที่ๆ เราไปติวนี่
เปลี่ยนนิสัยเราเหมือนกัน ทำให้เราเปลี่ยนไปมากด้วย เปลี่ยนให้เราเป็นคนกล้าแสดงออก ร่าเริงแจ่มใสขึ้น
จากที่เก็บตัวเงียบๆ ไม่คุยกับใคร ไม่ใช่แค่ยิ้มเฉยๆ นะ แต่ขั้นบ้าๆ บอๆ ติ๊งต๊องเลยล่ะ พ่อแม่เราเลยไปขอบคุณ
ขอบคุณเจ้าของสถาบันแก เค้าบอกว่าเรานี่เปลี่ยนไปมากเลย ยิ้มแย้มดี มีความเป็นผู้นำขึ้นมาทันตาเห็น
ขอยอมรับเลยว่าเป็นผลดีกับตัวเราเองมากๆ ที่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทุกครั้ง (ในตอนนั้น) ที่เราส่องกระจก
เราไม่คิดหรอกว่าคนอื่นจะมองเรายังไง แต่เพื่อนๆ เข้าใจป่ะ ? Sense ของมนุษย์เรามันก็ไม่ได้โง่เสมอไปหรอก
ตอนแรกๆ เราอาจจะไม่รู้ว่าเค้ามองเรายังไง แต่พอเอาเข้าไปนานๆ น่ะ เราจะเริ่มเกิดความรู้สึกไง
มันไม่ใช่แค่ที่ๆ เราไปติวหรอก ที่ รร. ก็เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้เราเริ่มหวั่นไหวคงจะเป็นการจับไม้จับมือ
ถูกเนื้อต้องตัวอะไรประมาณนี้ จนทำให้เราเริ่มคิด คือมันชอบจับแขนเล็กๆ ของเราไง นึกออกป่ะ ?
จับแขนแล้วชอบลากไปนู่นไปนี่ คือเรานี่บ่อยมากอ่ะ บางครั้งก็จับแก้มเรา ทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิงอ่านะ
แต่ที่สุดๆ คือแกล้งสารพัด ชอบสรรหาเอาสิ่งที่เรากลัวมาแกล้ง (แมงมุมปลอม) คงจะมีความสุขมากที่เห็นเราตกใจ
ยังจำได้เลยตอนที่เดินเข้าห้องมา แล้วคือเพื่อนผู้ชาย 2 - 3 คนมันจะแกล้งโยนแมงมุม จนเราวิ่งหนีออกจากห้อง
ที่เจ็บสุดคงจะเป็นตอนฟุบโต๊ะตอนบ่ายๆ สยองมากบอกเลย ที่ทำให้เราหวั่นไหวมากคงจะเป็นที่ๆ ติวนี่แหละ
เพราะผู้ชายมันเยอะ บางครั้งนี่โดนอุ้มอ่ะ อาจเพราะเราตัวเบามาก น้ำหนักไม่ถึงหกสิบอ่ะ คิดดู อุ้มง่ายมาก
ตอนนั้นเราเป็นคนที่สนิทกับใครๆ ได้ง่ายมาก เพราะนิสัยที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเจ้าของสถาบันก็ด้วย
เชื่อป่ะว่าเจ้าของสถาบันแกยังชอบแกล้งเราด้วยเลย จับแขนเรา (ที่เกลียดมากที่สุดคือโดนตบก้นอ่ะ ฮือๆ)
เจ้าของสถาบันอายุยี่สิบกลางๆ อ่ะ แต่ถามว่ารู้สึกดีมั้ย ? ดีนะ.. ดีที่เรามีคนรักเยอะไง ดีกว่ามีคนเกลียดจริงป่ะ ?
นอกจากเราไม่พูดคำหยาบแล้ว เราเป็นคนนิสัยดีอยู่อย่างคืออารมณ์ดี มีระเบียบถึงขั้นเรียบร้อยเลยล่ะ
โทนเสียงเราเป็นชาย 60 หญิง 40 ฉะนั้นเวลาเราพูด (หรือร้องเพลง) เค้ามักจะชมว่าเสียงเราหวานตลอดเลย
แต่เราร้องเพลงไม่เก่งนะ ร้องเสียงสูงไม่ได้ พอสูงแล้วเสียงชอบหลบตลอด ก็นะ ปอดมันใหญ่ไม่พอ ฮ่าๆ
รู้สึกว่าตัวเองจะอ่อนโยน แถมยังอ่อนไหวง่าย ตอนดูหนังซึ้งๆ นี่ร้องไห้ตลอด (ตอนสอบไม่ติดเตรียมก็เหมือนกัน)
เราเป็นคนที่เป๊ะเว่อร์ ขนาดจัดบอร์ดโรงเรียนใช่ป่ะ ต้องวางภาพตรงกลาง ถ้ามันขวาหรือซ้ายนิดเดียวนี่ไม่ได้เลย
อยู่ที่ไหนนี่ถือไม้กวาดบ่อยมาก เพราะเห็นอะไรสกปรกไม่ได้ มันรู้สึกหงุดหงิด ที่สำคัญคือพ่อแม่เลี้ยงเรามา
ในแบบลูกคุณหนูเลยล่ะ พ่อแม่ตามใจเรามาโดยตลอด เราอยากได้อะไรก็หามาให้เสมอ แต่เราก็เป็นเด็กดีมาก
พ่อแม่ภาคภูมิใจเราอยู่อย่างคือเราไม่เหมือนคนอื่น เพราะถ้าเป็นเด็กอื่นบางคนมักถูกตามใจจนเสียเด็กไปเลยก็ได้
โตขึ้นมาจนตอนนี้เราไม่ค่อยได้ขอให้ซื้ออะไรแพงๆ เลย ที่ดีอีกอย่างคือเราเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือย แทบขี้เหนียวด้วยซ้ำ
ที่ผอมนี่ไม่ใช่อดข้าวบ่อยนะ แต่เพราะกินน้อยต่างหาก (ปัจจุบันกินมากกว่าคนปกติ 2 เท่าแต่ก็ยังคงหุ่นเพรียวอยู่)
ตอนดึกๆ นะ พวกเด็กๆ ที่คาเด็ทกับเจ้าของอ่ะ บางวันมันจะชวนกับดื่ม เพราะด้วยความที่อายุมันไล่เลี่ยกันไง
แต่เราเป็นคนไม่ดื่มนะ คงจะเป็นเพราะเห็นคุณพ่อในสภาพที่เมาเข้าบ้านทุกวันล่ะมั้ง ก็เลยไม่อยากเป็นแบบนั้น
มาเข้าเรื่องที่ทำให้หวั่นไหวต่อดีกว่า ยกตัวอย่างเรื่องนี้เลยคือตอนนั้นที่ผู้ปกครองมาเยี่ยมตอนคาเด็ทเข้าค่ายอ่านะ
แม่เรานั่งคุยอยู่กับแม่ของเพื่อน (รุ่นน้อง) อยู่ พอคุยกันจบ แม่เพื่อนแกก็ยิ้มให้ ถามสารทุกข์สุขดิบซักพักก็ไป
เราเลยไปคุยกับแม่ แกเลยเล่าให้เราฟังว่าคนนั้นเค้ามาชมเรา เค้าถามลูกเค้าว่าที่นี่อยู่ได้มั้ย คนอื่นเค้าเป็นยังไงบ้าง
ลูกแกบอกว่าอยู่ได้นะ แถมยังบอกว่ามีรุ่นพี่ ชื่อพี่ Sweet Pepper เค้าน่ารัก เราเลยช็อคไงนึกออกป่ะ ?
ถ้าชมว่าเรานิสัยดีเราจะคิดอีกอย่าง อีกอย่างคือรุ่นน้องคนนั้นก็ชอบแกล้งเราบ่อยเหมือนกัน รุ่นน้องนี่ตัวดีเลย
อีกเรื่องจะเล่าให้ฟัง เราจำได้ไม่ลืมเลยล่ะ ตอนปีใหม่ปีที่แล้ว พวกที่คาเด็ทมันจะชอบแซวเราประมาณว่า "ดื่มป่ะพี่ ?"
แล้วก็ยิ้มๆ หัวเราะกันคือมันรู้ว่าเราดื่มไม่ได้ไง เราก็ยิ้มส่งๆ ไป เพราะมันเป็นความจริง ตอนนั้นก็ดึกมาก
เราเดินขึ้นไปนอนบนชั้น 4 กำลังจะนอนแล้วล่ะ แต่มีรุ่นน้องคนหนึ่งเมาเดินขึ้นมา เรียก พี่ Sweet Pepper ๆ
แน่นอนว่าเรารู้ ถ้าเรายังไม่นอนมันจะหาเรื่องแกล้ง เราเลยแกล้งปิดตานอนหลับ หูก็ฟังว่ามันจะทำอะไร
เชื่อป่ะเพื่อนๆ เกิดอะไรขึ้น ? พอมันเรียกเรา เราไม่ตื่น มันเอาหน้าเข้ามาใกล้เรามาก (ที่สุด) อ่ะ เราสัมผัสได้เลย
คือมันใกล้มากอ่ะ ลมหายใจที่รดแก้มข้างๆ เราทำไงรู้ป่ะ ? เราบิดตัวไปทางอื่น ซักพักมันก็มานอนหลับไปข้างๆ
เรานี่เริ่มคิดเลย มันหลายเรื่องมากจนทำให้เราอยากเปลี่ยนตัวเอง ตอนอยู่คาเด็ทเราได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง
เราแทบคุมทุกคนเลยด้วยซ้ำ แต่คุมไม่อยู่นะ ชอบโดนแกล้ง ฮ่าๆๆ แต่มันก็รู้สึกดีที่โดนแกล้ง อิอิ
เรารู้สึกได้เลยว่าเจ้าของสถาบันดีกับเราเป็นพิเศษ ที่ชอบคือเวลาโดนทำโทษนะ บางครั้งเรามักจะโดนเว้นไปเลย
เป็นไงล่ะ หวั่นไหวพอป่ะล่ะ ? พอเราไม่ติด พ่อแม่ก็ส่งเราเข้าเรียนต่อที่ รร. เดิม (ตอนนี้เรียนจบแล้ว ม.ปลาย บ๊ายบาย)
เราคิดว่า ม.ปลาย นี่แหละตัวดี ที่ทำให้เราอยากเปลี่ยนสายพันธุ์ล่ะมั้ง นึกออกป่ะ ? คือเราอยู่ในสังคมแบบนี้ด้วย
มันเลยทำให้เราเปลี่ยนไป หลังๆ มาเราเริ่มดูแลตัวเองจัดมาก โดยเฉพาะหน้าตา และผิวพรรณ รูปร่าง
ตอนนี้เรากินกลูต้าด้วย คอลลาเจนก็กิน ถามว่าพ่อแม่รู้มั้ย ? รู้นะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าในมุมมองของพวกแกจะคิดยังไง
แต่พวกแกก็ไม่ว่าอะไรเลยนะ ตอนนี้ผิวพรรณเราขาวผ่อง หน้าตาค่อยๆ เปลี่ยนไป ดีขึ้นๆ จากการดูแลเป็นอย่างดี
ปัจจัยเรื่องหน้าตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนเรานะ เพราะคนส่วนมากบอกเราเสมอว่าโครงหน้าเป็นผู้หญิง
หน้าตาหวาน โดยเฉพาะจมูก เราเป็นคนจมูกสวย (แต่ดั้งมีไม่เยอะ) ตั้งแต่นั้นมาเราก็ส่องกระจก เอ้อ.. นะ..
รู้สึกว่าตัวเองหน้าแบ๊วจริง เวลาไปเดินตลาดนัด ถ้าไปกับแม่นะ แม่ค้าที่รู้จักคุณแม่เรา จะทักว่าเราหน้าตาน่ารัก
นี่แหละคือทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกหวั่นไหว เราเลยอยากจะปรึกษาเพื่อนๆ ทุกคนว่าเราควรทำยังไงดี
ปัญหาคือตอนนี้เราไม่อยากให้พ่อแม่รู้ มันอายอ่ะ เพราะที่ผ่านมาเรา (คิดว่าเรา) แมนทั้งแท่งมาโดยตลอด
แต่สำหรับเรานะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราตุ๊ดจริงรึเปล่า อีกอย่างช่วยวิเคราะห์ตามนี้ให้หน่อยนะ
อยากรู้ว่าตัวเองระดับไหนแล้ว - เราชอบทั้งผู้ชายผู้หญิง ชอบผู้ชายที่ว่าเขาดีกับเราแค่นั้น ไม่ได้คิดอะไร
แต่ผู้หญิงนี่คิดนะ คือชอบเลยแหละ ชอบจีบอ่านะ - ชอบแต่งหน้า เราเป็นคนใช้ครีมจัดมาก แม่บอกจัดกว่าผู้หญิงอีก
แต่เราไม่เคยทาแป้ง (เรียกถูกป่ะ หรือโบ๊ะแป้ง อะไรซักอย่างนี่แหละ) นะ ครีมเครื่องสำอางส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิง
เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผมเราชอบสไตล์ผู้หญิง ชอบใส่เสื้อแขนยาวสีลายสวยๆ กางเกงชอบขาสั้น
ตอนนี้ไว้ผมหน้าม้ายาวด้วย ว่าจะไว้ข้างบนยาวมากด้วยเหมือนกัน - ยังไงก็ช่วยวิเคราะห์หน่อยนะ
เราสับสนมาก ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นดี แต่ก็ไม่เดือดร้อนใครป่ะ แต่เราคงตัดสินใจดีแล้วล่ะมั้ง
แต่ถึงยังไงพ่อแม่ก็ยังให้เราไปสอบข้าราชการตำรวจต่ออยู่ดี เราก็ไม่ได้ชอบนะ
เราเลยหลอกถามว่าถ้าไม่ติดจะให้สอบต่อมั้ย ? เราก็รู้สึกดีที่แกบอกว่าจะให้ไปเรียนต่อมหาลัยเข้าคณะสายกฎหมาย
เพราะเราก็ชอบนะ เป็นอัยการ หรือผู้พิพากษาเนี่ย เลยโอเครไง ที่แน่ๆ คือตอนนี้เราขี้เกียจแอ๊บแมน
เราก็แอบชอบนะ ที่หลายคนมองเราแบบนี้ มันรู้สึกเขินอายดี เวลาถูกยิ้มให้ เรานี่ไม่กล้าสบตาใครเลยล่ะ
ก็หลบสายตาแต่เราก็ยิ้มได้ เรารู้ดีว่าสังคมยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งที่เรากลัวคือครอบครัวเราจะยอมรับไม่ได้
กลัวญาติพี่น้องจะพูดประมาณว่า "ดูสิ เรียนก็เก่ง สอบติดนายร้อย แต่ดันเป็นตุ๊ดไปได้" ไม่อยากคิดเลย
ปล. บอกเลยว่าทุกตัวอักษรเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มโน เพราะเราไม่ใช่คนหลงตัวเอง
ความรู้สึกมันแปรเปลี่ยนได้ ถามว่าขอดูรูป จขกท. ได้มั้ย ? บอกเลยไม่ !! แค่นี้ก็แบ๊วพอละ เม้นกันได้ตามสบายนะ