วันที่ 5 APR 2015 --- Assessment Day 2 ---
มาแล้วๆๆ Assessment Day 2 วันนี้เริ่มต้นชีวิตตั้งแต่เช้าเหมือนเดิม ตื่นมาแต่งหน้า ทำผมตามที่กรรมการบอกไว้ มวยผมแบบLow Bun จ้าา ทำแบบง่ายๆใช้เน็ตคลุมผมแบบบางครอบแล้วม้วนเลยจ้าาา เอาจริงจะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนะ 5555 ตามประสาคนทำผมไม่เก่ง แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็เดินออกจากที่พักมาหารถแท็กซี่เพื่อไป รร เหมือนเดิมระหว่างทางก็ซื้อของกินติดไม้ติดมือเอาไปทานบนแท็กซี่ด้วย วันนี้ไปถึง รร ประมาณแปดโมงนิดๆ ก็นั่งรอบริเวณล๊อบบี้ จนเวลาประมาณ 9 โมง กรรมการก็เดินผ่านมา วันนี้จะทำ 2nd Group Discussion เมื่อถึงเวลา กรรมการก็จัดการแบ่งกลุ่มออกเป็นทั้งหมด 6 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 15 คนคะ ลักษณะการเข้าทำกรุ๊ปก็คล้ายๆเมื่อวานเลยค่ะ ในห้องจะจัดเก้าอี้เป็นวงกลมไว้ 2 วง ซึ่งกรรมการจะให้เข้าไปทำกรุ๊ปครั้งละ 2 กลุ่ม เหมือนเดินจ้า เราเข้ากลุ่มแรกเลย กรรมการให้นั่งเรียงตามเลข REF. ซึ่งโชคดี กลุ่มเรามีคนไทยประมาณ 5 คน เป็นผู้หญิง 4 ผู้ชาย 1 คนคะ กรรมการก็จะแจกกระดาษเกี่ยวกับรายละเอียดการแต่งกายให้อ่านพลางๆระหว่างรอเรียกผู้สมัครแต่ละคนไปเอื้อมแตะค่ะ ความสูงก็ตามที่รู้ๆกันเนอะ 212 ซม. ผู้หญิงสามารถเขย่งได้ แต่ห้าม Ballet นะค่ะ อันนี้กรรมการไม่อนุญาตนะจ๊ะ ส่วนตัวเราแล้วด่านนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนตัวสูง(มาก) อยู่แล้ว เดินไปปุ๊บ ถอดรองเท้าปั๊บ มือแปะผนังเลย แต่สำหรับคนที่เอื้อมไม่ผ่าน ก็หิ้วกระเป๋าออกจากห้อง ณ เวลานั้นเลยคะ พอทำ Arm reach กันเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงเวลา Group Discussion รอบสองจ้าาา คราวนี้เค้าจะให้มาเป็นสถานการณ์ ให้เราคุยกันในกลุ่มเพื่อหาทางแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ข้อค่ะ เหตุการณ์เกิดขึ้นใน Amusement Park ค่ะ ตอนนั้นทุกคนก็พยายามระดมความคิดกันใหญ่ แต่......(มีแต่นะ) คนไทยได้พูดน้อยมากกก พอได้โอกาสปุ๊บคนมาเลงี้ซัดกันแบบว่าไฟแล่บเลย พยายามจะแทรกตัว หรือแม้แต่จะโยนให้เพื่อนยังลำบาก ระหว่างนี้กรรมการจะนั่งอยู่ในกลุ่มด้วยเพื่อสังเกตการณ์ ตรงจุดนี้ไม่ต้องสนใจเค้านะคะ โฟกัสแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มก็พอคะ ในเมื่อเสนอความคิดเห็นยากนัก เราก็ “Yes” “OK” I Agree with you” ไป แต่ถ้ามีจังหวะหน่อยถ้าเราได้ตอบแล้วก็พยายามโยนให้เพื่อนค่ะ “ Do you have any suggestion?” เค้าให้เวลาในการ Brain Storm กัน 15 นาทีคะ พอหมดเวลากรรมการก็เริ่มละ “ I think your group already got all the solution. So, Can I ask you…แล้วชี้มาที่เรา “ตึง"

เงิบไปแปบนึงหายใจเข้าลึก แล้วตั้งสติ
กรรมการถามว่า ” What is the solution for situation No.1 ?” เอาละงัย
ตอนนั้นก็พยายามอธิบายเค้าไปนะค่ะ ว่า “ After discussed, we are agree to…….Blah Blah Blah” แต่บอกเลยนะคะว่าตอนนั้นสมองไม่แล่น คิดศัพท์ไม่ออก งงว่าตัวเองพูดอะไรออกไป แต่ก็พยายามอธิบายถึงที่สุด + กรรมการจี้มากๆ คือเค้าจะถามเลย ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้? เพราะอะไร? แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? แล้วยูจะแก้ไขปัญหาแบบนี้กับทุกๆคนเลยเหรอ? เงิบจ้าาาาาา ในกลุ่มเราเค้าเลือกถามทั้งหมด 3 คนค่ะ และทั้งสามคนที่โดน คือคนไทยทั้งหมดเลย เสร็จแล้วเค้าก็ “OK, Thank you very much.” ตอนที่เดินออกจากห้อง บอกน้องๆเลย ไม่รอดแน่ๆ ตอบแย่มาก คืองงมากว่าพูดอะไรออกไป โคตรงงเลย ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง....บ้าที่สุด....

ออกมาปุ๊บ กลุ่มอื่นๆก็ทะยอยเข้าไปทำกรุ๊ปต่อจนกระทั่งเกือบๆเที่ยงมั้งนะ กรรมการก็เอาหมายเลขที่ผ่านเข้ารอบออกมาติดหน้าห้อง ตอนเดินไปดู ใจงี้เต้นชนิดที่อีกนิดเดียวคงทะลุชั้นผิวหนังออกมาละ คือมันลุ้นมาก เพราะตัวเองคิดว่า แย่แล้ว แย่แล้วแน่ๆ พอเดินไปถึง เฮ้ย.....เลขเรา มีด้วย มีเลขเราอยู่บนบอร์ดด้วย เฮ้ย คือผ่าน คือได้เข้ารอบ คืออะไร งง ทุกอย่างเหมือนฝันไป น้องผู้หญิงอีกคนในกลุ่มก็ผ่าน น้องผู้ชายก็ผ่าน โอ๊ย!!!! ดีใจเกินจะบรรยาย รอบนี้กรรมการคัดจาก 64 คน เหลือ 29 คนค่ะ ช่วงเวลานั้นเอง กรรมการโผล่หน้ามาใครที่ผ่านให้เข้ามานั่งในห้อง เพื่อทำ ENGLISH TEST ต่อเลย อ่ะก็เดินหน้าไปนั่งแถวหน้าสุด คนแรกสุดเลย ข้อสอบมีทั้งหมด 4 พาร์ทใหญ่ๆ ตามนี้น้า
PART 1 Reading Comprehension มาให้ 1 เรื่องให้เราอ่านและตอบคำถาม จำไม่ได้ว่ากี่ข้อ น่าจะ 10 ข้อมั้งค่ะ ยัง ยังไม่จบ.. ใน Passage จะมีคำศัพท์ 2 แบบ คือ แบบนึงจะเป็นแบบ มี choices มาให้ A,B,C,D ให้เราหาคำ SYNONYM ของศัพท์คำนั้น กับที่แบบคือให้จับคู่ความหมายของคำศัพท์นั้นๆ
PART 2 คือจะเรียกว่า MEMO มั้งนะ มันจะเป็นลักษณะเหมือนประกาศ Memoข้อความสั้นๆ แล้วให้เราตอบคำถาม ไม่ยากมากค่ะ ถ้าใครเคยสอบโทอิคน่าจะพอนึกภาพออก
PART 3 คือเติมประโยคในช่องว่าง อันนี้แอบงงค่ะ คือมันจะเป็นเรื่องมาแล้วมันจะมีประโยคบางประโยคหายไปจากเรื่อง เค้าจะมี choices มาให้ พร้อมกับ choices หลอก อันนี้ งง แหะ
PART 4 หนักหนาและสาหัสที่สุดสำหรับเรา คือ GRAMMA!!!

ก็คือจะมีคำศัพท์มา 1 คำ แล้วก็จะแปลงคำศัพท์ๆนั้นไปเป็น Noun, verb, adverb, adjective ขึ้นอยู่กับรูปประโยค มึนจ้าาาาาาาาาาา
ทำข้อสอบเสร็จก่อนหมดเวลาประมาณ 10 นาที ส่งข้อสอบเสร็จก็ออกมานั่งรอ คุยกับเพื่อนๆเกี่ยวกับคำตอบพาร์ท แกรมม่า พอเพื่อนบอกมา...นั้นงัย ผิดละ 1 ข้อ สงสัยจะซวยก็คราวนี้
สักพัก กรรมการก็มาแปะผลที่หน้าห้องค่ะ....ลุ้นๆๆๆๆ
เฮ้ย!!!! ละ ละ ละ เลขเรา เลขเรา อยู่บนกระดาษ ผ่านแล้ว ผ่านๆๆๆๆๆๆ ดีใจพร้อมกับน้ำตาเอ่อ วิ่งไปกระโดดกอดน้องๆที่ผ่านเข้ามาด้วยกัน น้องในกลุ่มที่เจอกันตั้งแต่ตอนพรีสกรีน ทุกคนต่างน้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ ตื้นตัน ดีใจ สุดๆ คราวนี้กรรมการก็เรียกทุกคนเข้าห้องตามเคยค่ะ พร้อมกับแจกเอกสารต่างๆ เช่น ใบ Pre-Joining, Tattoo Declaration, Language แล้วก็ชุดเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับวัน FINAL DAY จ้าาา สรุปผ่านเข้า FINAL ทั้งหมด 22 คนค่ะ เป็นคนไทย 4 คนนะจ๊ะ
หลักๆเลยก็คือ
- รูปถ่ายขนาด Passport size ฉากหลังสีขาว (ก็คือรูปขนาด 2 นิ้วที่เห็นแค่หน้าเรานั้นแหละค่ะ)
- รูปถ่ายเต็มตัว หน้าตรง ฉากหลังสีขาว NO RETOUCHED นะจ๊ะ
- รูปถ่ายในชุด Casual แบบครึ่งตัว
- รูปถ่ายในชุด Casual แบบเต็มตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจบการศึกษา
- สำเนาพาสปอร์ต ( อันนี้ถ่ายเอกสารสีนะค่ะ )
- ใบ PRE-JOINING
และต้องทำแบบทดสอบจิตวิทยาใน อินเตอร์เน็ต ส่วนใครที่ไม่เคยสมัครออนไลน์ อันนี้ต้องกลับบ้านไปทำนะค่ะ สมัครตามหลังได้ แต่ต้องสมัครนะ เอกสารบางอย่างถ้าไม่มีส่งตามหลังผ่านทางอีเมล์ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา
แล้วกรรมการก็ให้ลงนัดวันสอบ ไฟนอลค่ะ มีทั้งหมด 4 วันค่ะ คือวันที่ 6 ,7, 8, 9 เวลาในการสัมภาษณ์จะอยู่ที่ประมาณ 45 นาที - 1 ชม.ค่ะ จริงๆอยากลงวันที่ 6 เพราะไม่อยากจ่ายค่าที่พักแล้ว อยากกลับบ้าน แต่พอดีเห็นหลายๆคนมีความจำเป็นต้องลงวันที่ 6 กันเยอะ เพราะบางคนเค้าก็บุ๊คตั๋วมาแล้ว เราเลยหนีไปวันที่ 7 ค่ะได้ตอน 14:30 เป็นเวลาสุดท้ายของวันเลยค่าาาา หลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว เราก็ไปทานข้าวกับน้องๆ นั่งคุยกันเรื่องเอกสาร คือ เราอยากส่งเอกสารทุกอย่างให้หมดเลย เพราะถ้าเราส่งเลยจะได้ไม่ต้องกังวลว่า รูปใช่อย่างที่ต้องการรึเปล่า? ส่งเมล์ไปแล้วเค้าจะได้รับไหม? กรรมการจะได้ช่วยสกรีนให้ก่อน 1 สเต็ป ด้วย พอดีพวกรูป CASUAL เราไม่ได้เตรียมไปเลย ไม่รู้เลยว่าต้องใช้ ก็มานั่งคุยกัน ต้องขอบคุณ ส้ม( ขอเอ่ยนามนะแก~ ) ส้มช่วยทุกสิ่งจริงๆ ช่วยเรากับน้องๆตั้งแต่ถ่ายรูป หาร้านล้างรูป ปริ้นท์รูป ขอบใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆ 555 ไม่ได้แกนี่ แย่เลยยย.... เยิฟๆ พูดเลยว่า รอบนี้ได้ มิตรภาพดีๆ มากมายจริงๆค่ะ
--- วันที่ 6 APR 2015 MY FREE DAY ---
ไปนั่งที่โรงแรม ให้กำลังใจน้องๆที่สัมภาษณ์วันนี้ หลังจากผ่านมา 2 วันขอนอนตื่นสายหน่อยเลยไม่ทันไปให้กำลังใจน้องสาวเลย สัมภาษณ์คนแรกเลยจ้าา ตอน 9:30 มั้งถ้าจำไม่ผิด ส่วนน้องอีกคนได้สัมภาษณ์ตอนบ่าย 2 ครึ่ง น้องสัมภาษณ์นานมาากก ประมาณ 50 นาที ขนาดนั่งรอหน้าห้องยังตื่นเต้นแทนเลย แต่เชื่อว่าน้องๆทำได้ดีแน่ๆ หลังจากเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรทาน แล้วก็กลับเข้าที่พักจ้าาา เตรียมตัว เพราะพรุ่งนี้เราต้องไป FINAL แล้วววว
--- วันที่ 7 APR 2015 FINAL INTERVIEW ---
ตื่นมาประมาณ 9:00 อาบน้ำแต่งตัว วันนี้เรา เช็คเอ้าท์ด้วย คือตั้งใจว่า FINAL เสร็จปุ๊บก็มุ่งหน้าไปสนามบินซื้อตั๋วแล้วบินกลับบ้านเลยจ้าา ออกจากที่พัก ไปถึง รร ประมาณเที่ยงครึ่ง ตอนนั้นเริ่มตื่นเต้น จังหวะนั้นเอง.... ตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก เจอ CABIN CREW ของ EK ค่อยๆลงมา Check out ใจนี่เต้น ตึ่กๆ ตึ่กๆ ด้อมๆมองๆอยู่พักใหญ่กับน้องมาย (น้องชายที่สัมภาษณ์ไปเมื่อวาน) และแล้วเรากะน้องก็เดินเข้าไปหา crew คนนึงพร้อมถามว่า
“Is it possible to take a photo with you as my Lucky charm?”
ชีตอบ “YES “ ทันที พร้อมกับถามกลับมาว่า “you want just me? or whole group?”
แล้วนางก็จัดแจงเรียกเพื่อนๆที่ยืนอยู่มาถ่ายรูปด้วย
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้นรึเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก แบบยิ่งมองหมวกแดง มองผ้าที่ระย้าลงมาแล้วยิ่งอินอะ หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ขึ้นไปที่ห้องเตรียมตัวรอสัมภาษณ์ค่ะ กรรมการที่สัมภาษณ์มีท่านเดียวนะค่ะ เพราะอีกท่านต้องไปรับสมัคร ที่ Jahor ต่อ
พอถึงเวลา เดินเข้าห้องไปแบบมั่นๆ (แต่ใจนี่ ตุ๊บๆๆๆ มันเต้นแรงมากค่ะ) พยายามใจดีสู้เสือ ยิ้มและพยายามพูดคุยกับเค้าแบบสบายๆ เพื่อที่จะไม่ให้บรรยากาศมันดูเครียดจนกดดันมากจนเกินไป จัดแจงส่งเอกสารให้เค้าตามที่ขอมา แต่… มีแต่อีกละ รูป PASSPORT SIZE เค้าไม่เอาอ่าา เพราะรูปมัน RETOUCHED เค้าเลยขอให้เราส่งอีเมล์ตามหลังไปให้ค่ะ ช่วง FINAL INTERVIEW ทั้งหมดคำถามจะมาจากประวัติการทำงานของเราค่ะ แนะนำนะคะ ในการสัมภาษณ์ คำถามของเค้า คือเค้าต้องการคำตอบที่ชัดเจน เช่นถ้าเค้าถามว่าเคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานไหม? คือต้องเล่าค่ะ ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เป็นยังไง แล้วเราแก้ไขปัญหายังไง สุดท้ายเรื่องจบลงยังไง คะ กรรมการบอกว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล เสร็จแล้วก็เดินออกมานอกห้อง ทิ้งท้ายกับเค้าไว้ว่า “HOPE WE WILL MEET AGAIN IN DUBAI” 55555 เสร็จแล้วก็แปลงร่าง เตรียมตัวไปแอร์พอร์ตค่าาา เดินทางกลับบ้านยอ่างปลอดภัย
หลังจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ นั่งรอผลด้วยใจที่ทรมานมากๆๆๆ คือแต่ละวันทำไมมันผ่านไปช๊า ช้า อยากจะรู้ผลใจจะขาด

บ่นกะน้องๆทุกวันเลยว่าเมื่อไหร่จะรู้ผลเนี่ย ทรมานจะแย่แล้วววว
และแล้วเมื่อวันที่ 26 APR 2015 ที่ผ่านมา STATUS ได้เปลี่ยนเป็น JOINING FORMALITIES IN PROCESS นาทีนั้น #ร้องไห้หนักมาก จริงๆเลยค่ะ
และเมื่อวานวันที่ 28 APR 2015 มีข่าวดีแล้วค่ะ เราได้รับ GOLDEN CALL และจะบินไปดูไบในวันที่ 3 JULY นี้ค่ะ
---- ทุกๆคน สู้ๆนะค่ะ เราเองก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าสุดท้ายจะได้มายืนตรงนี้ ไม่คิดเลยจริงๆค่ะ น้องๆที่รู้จักกันในวันนั้น น้องๆทุกคน พลังใจเพียบ ล้นหลามมาก ทุกคนคอยช่วยเชียร์มาตลอด และบางคนที่ยังไม่ได้ปีก น้องๆไม่มีท้อเลยค่ะ สู้สุดใจกันทุกคน ขอให้ทุกๆคนสมหวังนะค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันจนบอกไม่ถูกจริงๆสู้ๆนะคะ สู้ๆ เราเป็นกำลังใจให้ บอกเลยว่าเราไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ แต่ถ้าใครอยากรู้อะไรแล้วเราพอจะรู้ เราจะแชร์เต็มที่เลยค่ะ

---
งานนี้ต้องขอบคุณคุณแฟนที่ช่วยเป็นกำลังใจ แรงผลักดัน สนับสนุนให้เราได้ไปสมัครในครั้งนี้ ขอบคุณครอบครัวที่เป็นกำลังใจให้ และขอบคุณน้องๆที่คอยเป็นกำลังใจให้ ทั้ง จอย มาย ส้ม แก้ม ต้น คาร์ล แบม อิ๋ว และเพื่อนมาเล ไค จ้าาาา เยิฟๆ
แต่....ยังมีด่านต่อไป คือ MEDICAL CHECK อีก สู้ๆๆๆๆๆ
ไปตามฝัน Walk-in สายการบิน Emirates ที่ KL PART 2 ( ASSESSMENT DAY 2 )
มาแล้วๆๆ Assessment Day 2 วันนี้เริ่มต้นชีวิตตั้งแต่เช้าเหมือนเดิม ตื่นมาแต่งหน้า ทำผมตามที่กรรมการบอกไว้ มวยผมแบบLow Bun จ้าา ทำแบบง่ายๆใช้เน็ตคลุมผมแบบบางครอบแล้วม้วนเลยจ้าาา เอาจริงจะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนะ 5555 ตามประสาคนทำผมไม่เก่ง แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็เดินออกจากที่พักมาหารถแท็กซี่เพื่อไป รร เหมือนเดิมระหว่างทางก็ซื้อของกินติดไม้ติดมือเอาไปทานบนแท็กซี่ด้วย วันนี้ไปถึง รร ประมาณแปดโมงนิดๆ ก็นั่งรอบริเวณล๊อบบี้ จนเวลาประมาณ 9 โมง กรรมการก็เดินผ่านมา วันนี้จะทำ 2nd Group Discussion เมื่อถึงเวลา กรรมการก็จัดการแบ่งกลุ่มออกเป็นทั้งหมด 6 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 15 คนคะ ลักษณะการเข้าทำกรุ๊ปก็คล้ายๆเมื่อวานเลยค่ะ ในห้องจะจัดเก้าอี้เป็นวงกลมไว้ 2 วง ซึ่งกรรมการจะให้เข้าไปทำกรุ๊ปครั้งละ 2 กลุ่ม เหมือนเดินจ้า เราเข้ากลุ่มแรกเลย กรรมการให้นั่งเรียงตามเลข REF. ซึ่งโชคดี กลุ่มเรามีคนไทยประมาณ 5 คน เป็นผู้หญิง 4 ผู้ชาย 1 คนคะ กรรมการก็จะแจกกระดาษเกี่ยวกับรายละเอียดการแต่งกายให้อ่านพลางๆระหว่างรอเรียกผู้สมัครแต่ละคนไปเอื้อมแตะค่ะ ความสูงก็ตามที่รู้ๆกันเนอะ 212 ซม. ผู้หญิงสามารถเขย่งได้ แต่ห้าม Ballet นะค่ะ อันนี้กรรมการไม่อนุญาตนะจ๊ะ ส่วนตัวเราแล้วด่านนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนตัวสูง(มาก) อยู่แล้ว เดินไปปุ๊บ ถอดรองเท้าปั๊บ มือแปะผนังเลย แต่สำหรับคนที่เอื้อมไม่ผ่าน ก็หิ้วกระเป๋าออกจากห้อง ณ เวลานั้นเลยคะ พอทำ Arm reach กันเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงเวลา Group Discussion รอบสองจ้าาา คราวนี้เค้าจะให้มาเป็นสถานการณ์ ให้เราคุยกันในกลุ่มเพื่อหาทางแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ข้อค่ะ เหตุการณ์เกิดขึ้นใน Amusement Park ค่ะ ตอนนั้นทุกคนก็พยายามระดมความคิดกันใหญ่ แต่......(มีแต่นะ) คนไทยได้พูดน้อยมากกก พอได้โอกาสปุ๊บคนมาเลงี้ซัดกันแบบว่าไฟแล่บเลย พยายามจะแทรกตัว หรือแม้แต่จะโยนให้เพื่อนยังลำบาก ระหว่างนี้กรรมการจะนั่งอยู่ในกลุ่มด้วยเพื่อสังเกตการณ์ ตรงจุดนี้ไม่ต้องสนใจเค้านะคะ โฟกัสแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มก็พอคะ ในเมื่อเสนอความคิดเห็นยากนัก เราก็ “Yes” “OK” I Agree with you” ไป แต่ถ้ามีจังหวะหน่อยถ้าเราได้ตอบแล้วก็พยายามโยนให้เพื่อนค่ะ “ Do you have any suggestion?” เค้าให้เวลาในการ Brain Storm กัน 15 นาทีคะ พอหมดเวลากรรมการก็เริ่มละ “ I think your group already got all the solution. So, Can I ask you…แล้วชี้มาที่เรา “ตึง"
กรรมการถามว่า ” What is the solution for situation No.1 ?” เอาละงัย
ตอนนั้นก็พยายามอธิบายเค้าไปนะค่ะ ว่า “ After discussed, we are agree to…….Blah Blah Blah” แต่บอกเลยนะคะว่าตอนนั้นสมองไม่แล่น คิดศัพท์ไม่ออก งงว่าตัวเองพูดอะไรออกไป แต่ก็พยายามอธิบายถึงที่สุด + กรรมการจี้มากๆ คือเค้าจะถามเลย ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้? เพราะอะไร? แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? แล้วยูจะแก้ไขปัญหาแบบนี้กับทุกๆคนเลยเหรอ? เงิบจ้าาาาาา ในกลุ่มเราเค้าเลือกถามทั้งหมด 3 คนค่ะ และทั้งสามคนที่โดน คือคนไทยทั้งหมดเลย เสร็จแล้วเค้าก็ “OK, Thank you very much.” ตอนที่เดินออกจากห้อง บอกน้องๆเลย ไม่รอดแน่ๆ ตอบแย่มาก คืองงมากว่าพูดอะไรออกไป โคตรงงเลย ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง....บ้าที่สุด....
PART 1 Reading Comprehension มาให้ 1 เรื่องให้เราอ่านและตอบคำถาม จำไม่ได้ว่ากี่ข้อ น่าจะ 10 ข้อมั้งค่ะ ยัง ยังไม่จบ.. ใน Passage จะมีคำศัพท์ 2 แบบ คือ แบบนึงจะเป็นแบบ มี choices มาให้ A,B,C,D ให้เราหาคำ SYNONYM ของศัพท์คำนั้น กับที่แบบคือให้จับคู่ความหมายของคำศัพท์นั้นๆ
PART 2 คือจะเรียกว่า MEMO มั้งนะ มันจะเป็นลักษณะเหมือนประกาศ Memoข้อความสั้นๆ แล้วให้เราตอบคำถาม ไม่ยากมากค่ะ ถ้าใครเคยสอบโทอิคน่าจะพอนึกภาพออก
PART 3 คือเติมประโยคในช่องว่าง อันนี้แอบงงค่ะ คือมันจะเป็นเรื่องมาแล้วมันจะมีประโยคบางประโยคหายไปจากเรื่อง เค้าจะมี choices มาให้ พร้อมกับ choices หลอก อันนี้ งง แหะ
PART 4 หนักหนาและสาหัสที่สุดสำหรับเรา คือ GRAMMA!!!
ทำข้อสอบเสร็จก่อนหมดเวลาประมาณ 10 นาที ส่งข้อสอบเสร็จก็ออกมานั่งรอ คุยกับเพื่อนๆเกี่ยวกับคำตอบพาร์ท แกรมม่า พอเพื่อนบอกมา...นั้นงัย ผิดละ 1 ข้อ สงสัยจะซวยก็คราวนี้
สักพัก กรรมการก็มาแปะผลที่หน้าห้องค่ะ....ลุ้นๆๆๆๆ
เฮ้ย!!!! ละ ละ ละ เลขเรา เลขเรา อยู่บนกระดาษ ผ่านแล้ว ผ่านๆๆๆๆๆๆ ดีใจพร้อมกับน้ำตาเอ่อ วิ่งไปกระโดดกอดน้องๆที่ผ่านเข้ามาด้วยกัน น้องในกลุ่มที่เจอกันตั้งแต่ตอนพรีสกรีน ทุกคนต่างน้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ ตื้นตัน ดีใจ สุดๆ คราวนี้กรรมการก็เรียกทุกคนเข้าห้องตามเคยค่ะ พร้อมกับแจกเอกสารต่างๆ เช่น ใบ Pre-Joining, Tattoo Declaration, Language แล้วก็ชุดเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับวัน FINAL DAY จ้าาา สรุปผ่านเข้า FINAL ทั้งหมด 22 คนค่ะ เป็นคนไทย 4 คนนะจ๊ะ
หลักๆเลยก็คือ
- รูปถ่ายขนาด Passport size ฉากหลังสีขาว (ก็คือรูปขนาด 2 นิ้วที่เห็นแค่หน้าเรานั้นแหละค่ะ)
- รูปถ่ายเต็มตัว หน้าตรง ฉากหลังสีขาว NO RETOUCHED นะจ๊ะ
- รูปถ่ายในชุด Casual แบบครึ่งตัว
- รูปถ่ายในชุด Casual แบบเต็มตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจบการศึกษา
- สำเนาพาสปอร์ต ( อันนี้ถ่ายเอกสารสีนะค่ะ )
- ใบ PRE-JOINING
และต้องทำแบบทดสอบจิตวิทยาใน อินเตอร์เน็ต ส่วนใครที่ไม่เคยสมัครออนไลน์ อันนี้ต้องกลับบ้านไปทำนะค่ะ สมัครตามหลังได้ แต่ต้องสมัครนะ เอกสารบางอย่างถ้าไม่มีส่งตามหลังผ่านทางอีเมล์ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา
แล้วกรรมการก็ให้ลงนัดวันสอบ ไฟนอลค่ะ มีทั้งหมด 4 วันค่ะ คือวันที่ 6 ,7, 8, 9 เวลาในการสัมภาษณ์จะอยู่ที่ประมาณ 45 นาที - 1 ชม.ค่ะ จริงๆอยากลงวันที่ 6 เพราะไม่อยากจ่ายค่าที่พักแล้ว อยากกลับบ้าน แต่พอดีเห็นหลายๆคนมีความจำเป็นต้องลงวันที่ 6 กันเยอะ เพราะบางคนเค้าก็บุ๊คตั๋วมาแล้ว เราเลยหนีไปวันที่ 7 ค่ะได้ตอน 14:30 เป็นเวลาสุดท้ายของวันเลยค่าาาา หลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว เราก็ไปทานข้าวกับน้องๆ นั่งคุยกันเรื่องเอกสาร คือ เราอยากส่งเอกสารทุกอย่างให้หมดเลย เพราะถ้าเราส่งเลยจะได้ไม่ต้องกังวลว่า รูปใช่อย่างที่ต้องการรึเปล่า? ส่งเมล์ไปแล้วเค้าจะได้รับไหม? กรรมการจะได้ช่วยสกรีนให้ก่อน 1 สเต็ป ด้วย พอดีพวกรูป CASUAL เราไม่ได้เตรียมไปเลย ไม่รู้เลยว่าต้องใช้ ก็มานั่งคุยกัน ต้องขอบคุณ ส้ม( ขอเอ่ยนามนะแก~ ) ส้มช่วยทุกสิ่งจริงๆ ช่วยเรากับน้องๆตั้งแต่ถ่ายรูป หาร้านล้างรูป ปริ้นท์รูป ขอบใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆ 555 ไม่ได้แกนี่ แย่เลยยย.... เยิฟๆ พูดเลยว่า รอบนี้ได้ มิตรภาพดีๆ มากมายจริงๆค่ะ
--- วันที่ 6 APR 2015 MY FREE DAY ---
ไปนั่งที่โรงแรม ให้กำลังใจน้องๆที่สัมภาษณ์วันนี้ หลังจากผ่านมา 2 วันขอนอนตื่นสายหน่อยเลยไม่ทันไปให้กำลังใจน้องสาวเลย สัมภาษณ์คนแรกเลยจ้าา ตอน 9:30 มั้งถ้าจำไม่ผิด ส่วนน้องอีกคนได้สัมภาษณ์ตอนบ่าย 2 ครึ่ง น้องสัมภาษณ์นานมาากก ประมาณ 50 นาที ขนาดนั่งรอหน้าห้องยังตื่นเต้นแทนเลย แต่เชื่อว่าน้องๆทำได้ดีแน่ๆ หลังจากเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรทาน แล้วก็กลับเข้าที่พักจ้าาา เตรียมตัว เพราะพรุ่งนี้เราต้องไป FINAL แล้วววว
--- วันที่ 7 APR 2015 FINAL INTERVIEW ---
ตื่นมาประมาณ 9:00 อาบน้ำแต่งตัว วันนี้เรา เช็คเอ้าท์ด้วย คือตั้งใจว่า FINAL เสร็จปุ๊บก็มุ่งหน้าไปสนามบินซื้อตั๋วแล้วบินกลับบ้านเลยจ้าา ออกจากที่พัก ไปถึง รร ประมาณเที่ยงครึ่ง ตอนนั้นเริ่มตื่นเต้น จังหวะนั้นเอง.... ตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก เจอ CABIN CREW ของ EK ค่อยๆลงมา Check out ใจนี่เต้น ตึ่กๆ ตึ่กๆ ด้อมๆมองๆอยู่พักใหญ่กับน้องมาย (น้องชายที่สัมภาษณ์ไปเมื่อวาน) และแล้วเรากะน้องก็เดินเข้าไปหา crew คนนึงพร้อมถามว่า
“Is it possible to take a photo with you as my Lucky charm?”
ชีตอบ “YES “ ทันที พร้อมกับถามกลับมาว่า “you want just me? or whole group?”
แล้วนางก็จัดแจงเรียกเพื่อนๆที่ยืนอยู่มาถ่ายรูปด้วย
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้นรึเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก แบบยิ่งมองหมวกแดง มองผ้าที่ระย้าลงมาแล้วยิ่งอินอะ หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ขึ้นไปที่ห้องเตรียมตัวรอสัมภาษณ์ค่ะ กรรมการที่สัมภาษณ์มีท่านเดียวนะค่ะ เพราะอีกท่านต้องไปรับสมัคร ที่ Jahor ต่อ
พอถึงเวลา เดินเข้าห้องไปแบบมั่นๆ (แต่ใจนี่ ตุ๊บๆๆๆ มันเต้นแรงมากค่ะ) พยายามใจดีสู้เสือ ยิ้มและพยายามพูดคุยกับเค้าแบบสบายๆ เพื่อที่จะไม่ให้บรรยากาศมันดูเครียดจนกดดันมากจนเกินไป จัดแจงส่งเอกสารให้เค้าตามที่ขอมา แต่… มีแต่อีกละ รูป PASSPORT SIZE เค้าไม่เอาอ่าา เพราะรูปมัน RETOUCHED เค้าเลยขอให้เราส่งอีเมล์ตามหลังไปให้ค่ะ ช่วง FINAL INTERVIEW ทั้งหมดคำถามจะมาจากประวัติการทำงานของเราค่ะ แนะนำนะคะ ในการสัมภาษณ์ คำถามของเค้า คือเค้าต้องการคำตอบที่ชัดเจน เช่นถ้าเค้าถามว่าเคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานไหม? คือต้องเล่าค่ะ ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เป็นยังไง แล้วเราแก้ไขปัญหายังไง สุดท้ายเรื่องจบลงยังไง คะ กรรมการบอกว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล เสร็จแล้วก็เดินออกมานอกห้อง ทิ้งท้ายกับเค้าไว้ว่า “HOPE WE WILL MEET AGAIN IN DUBAI” 55555 เสร็จแล้วก็แปลงร่าง เตรียมตัวไปแอร์พอร์ตค่าาา เดินทางกลับบ้านยอ่างปลอดภัย
หลังจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ นั่งรอผลด้วยใจที่ทรมานมากๆๆๆ คือแต่ละวันทำไมมันผ่านไปช๊า ช้า อยากจะรู้ผลใจจะขาด
และแล้วเมื่อวันที่ 26 APR 2015 ที่ผ่านมา STATUS ได้เปลี่ยนเป็น JOINING FORMALITIES IN PROCESS นาทีนั้น #ร้องไห้หนักมาก จริงๆเลยค่ะ
และเมื่อวานวันที่ 28 APR 2015 มีข่าวดีแล้วค่ะ เราได้รับ GOLDEN CALL และจะบินไปดูไบในวันที่ 3 JULY นี้ค่ะ
---- ทุกๆคน สู้ๆนะค่ะ เราเองก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าสุดท้ายจะได้มายืนตรงนี้ ไม่คิดเลยจริงๆค่ะ น้องๆที่รู้จักกันในวันนั้น น้องๆทุกคน พลังใจเพียบ ล้นหลามมาก ทุกคนคอยช่วยเชียร์มาตลอด และบางคนที่ยังไม่ได้ปีก น้องๆไม่มีท้อเลยค่ะ สู้สุดใจกันทุกคน ขอให้ทุกๆคนสมหวังนะค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันจนบอกไม่ถูกจริงๆสู้ๆนะคะ สู้ๆ เราเป็นกำลังใจให้ บอกเลยว่าเราไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ แต่ถ้าใครอยากรู้อะไรแล้วเราพอจะรู้ เราจะแชร์เต็มที่เลยค่ะ
งานนี้ต้องขอบคุณคุณแฟนที่ช่วยเป็นกำลังใจ แรงผลักดัน สนับสนุนให้เราได้ไปสมัครในครั้งนี้ ขอบคุณครอบครัวที่เป็นกำลังใจให้ และขอบคุณน้องๆที่คอยเป็นกำลังใจให้ ทั้ง จอย มาย ส้ม แก้ม ต้น คาร์ล แบม อิ๋ว และเพื่อนมาเล ไค จ้าาาา เยิฟๆ
แต่....ยังมีด่านต่อไป คือ MEDICAL CHECK อีก สู้ๆๆๆๆๆ