คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ถึงเจ้าของกระทู้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 2 เค้าพูดไม่ผิดหรอกครับ แต่คุณอาจฟังแล้วมันอาจไม่สวยหรูเท่าไหร
ผมขอเล่าประสบการ์ณตัวเองก่อนนะครับ
ตอนผมเรียนจบ ม.3 พ่อผมบอกกับผมว่า "ไม่มีเงินส่งเสียแล้วนะ" ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เดินไปขอทำงานกับน้าชายข้างบ้านเลย จากนั้นก็ไปเรียน กศน. จนจบ เทียบเท่าม.6 ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรดีทำงานหาเช้ากินค่ำ เรื่องเพื่อนๆกับยาเสพติด บอกเลยเพื่อนสมัยเด็กๆผม ติดยาเกือบทุกคน แต่ผมก็คบหาเพียงแต่เราเลือกที่จะไม่เสฟ เพื่อนๆก็ไม่มีใครเค้าบังคับเราหรอก งานแรกที่ผมทำคือช่างทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นลูกมือช่างใหญ่ เงินเดือนก็แค่ 5000 บาท ผมทำได้ 6 เดือนก็มีปัญหาเรื่องอายุไม่ถึง ตอนนั้นเพิ่ง 15 ปีเอง ก็ออกจากงาน แล้วหันมาทำเป็นคนสวนดูแลต้นไม้ เงินเดือนแค่ 2000 ทำได้ สามปี จนอายุ 18 ก็เข้างานโรงงานอีกรอบเป็นโรงงานทำแผ่นฉนวนกันความเย็น เงินเดือนก็ 6-7000 เริ่มมีแฟนคนแรก บอกเลยครับว่า ผมโดนผู้หญิงหลอก มีเงินเท่าไหรก็เอาไปให้เค้าหมด เพื่อนๆที่ทำงานก็เหมือนเดิม คือติดยาเกือบทุกคน ผมทำได้สองปี ก็ลาออกจากงาน แล้วก็เลิกกับแฟน ไปเข้าเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างเรียนก็ไปรับจ้างขนของที่โกดังสินค้า รับเล่นดนตรีกลางคืนบ้างแต่ไม่บ่อย มีแฟนคนที่สอง นิสัยดีมากรักกันมาก แต่ก็แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนมีฐานะดี แล้วทางพ่อแม่เธอก็ไม่ชอบผมด้วย แต่ก็แอบคบกันจน ผมจบมหาลัย เริ่มงานแรกที่บริษัทแห่งหนึ่งเป็นโรงงานผลิตสีอุตสาหกรรม ตำแหน่งงานผมคือธุรการ เงินเดือนก็ 9600 บาท ตอนนั้นก็เริ่มจะเลิกรากับแฟนละ เพราะอยู่กันไปก็ไม่มีอะไรดี เค้าเป็นคนบอกเลิก ผมเองตอนนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เค้ามั่นใจฝากชีวิตได้ จนมาถึงวันนึง ผมเปลี่ยนตัวเองลาออกจากงาน แล้วไปทำงานที่ใหม่ ตำแหน่งงานเดิม แต่เริ่มมีโอกาศได้ย้ายสายงานไปเป็นกราฟฟิกดีไซน์ ด้วยตนเองมีพื้นฐานศิลปะ โดยอาศัยครูพักลักจำมา จนทุกวันนี้ ผมทำงานให้ตำแหน่งงานกราฟฟิกดีไซน์ เงินเดือน หมื่นปลายๆ บวกกับรับงานนอกเวลาว่าง รวมๆกันแล้วก็เกือบ 3 หมื่น ที่ผมเล่ามาก็เพราะอยากจะบอกว่า
มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะเริ่มต้นชีวิตยังไง
มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะรวมหรือจน พ่อแม่ส่งเสียเราได้แค่ไหน
มันคำคัญที่ เราจะเลือกเดินยังไงต่อไป ชีวิตผมไม่เคยมีใครเป็นที่ปรึกษาได้แม้แต่พ่อผมเอง ทุกอย่างผมคิดเองทำเองหมด
ทุกอย่างอยู่ที่เราคิดครับ เรื่องสังคม บอกเลยว่าจริงเมื่อคนคุณอยู่อีกสังคมนึงความคิดความอ่านคุณก็จะเปลี่ยนไปตามสังคมนั้นๆ
ขอแค่คุณอย่ากลัวที่จะก้าวออกมาแล้ว เริ่มต้นใหม่ ขอให้คุณโชคดีกับชีวิตครับ
ความคิดเห็นที่ 2 เค้าพูดไม่ผิดหรอกครับ แต่คุณอาจฟังแล้วมันอาจไม่สวยหรูเท่าไหร
ผมขอเล่าประสบการ์ณตัวเองก่อนนะครับ
ตอนผมเรียนจบ ม.3 พ่อผมบอกกับผมว่า "ไม่มีเงินส่งเสียแล้วนะ" ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เดินไปขอทำงานกับน้าชายข้างบ้านเลย จากนั้นก็ไปเรียน กศน. จนจบ เทียบเท่าม.6 ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรดีทำงานหาเช้ากินค่ำ เรื่องเพื่อนๆกับยาเสพติด บอกเลยเพื่อนสมัยเด็กๆผม ติดยาเกือบทุกคน แต่ผมก็คบหาเพียงแต่เราเลือกที่จะไม่เสฟ เพื่อนๆก็ไม่มีใครเค้าบังคับเราหรอก งานแรกที่ผมทำคือช่างทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นลูกมือช่างใหญ่ เงินเดือนก็แค่ 5000 บาท ผมทำได้ 6 เดือนก็มีปัญหาเรื่องอายุไม่ถึง ตอนนั้นเพิ่ง 15 ปีเอง ก็ออกจากงาน แล้วหันมาทำเป็นคนสวนดูแลต้นไม้ เงินเดือนแค่ 2000 ทำได้ สามปี จนอายุ 18 ก็เข้างานโรงงานอีกรอบเป็นโรงงานทำแผ่นฉนวนกันความเย็น เงินเดือนก็ 6-7000 เริ่มมีแฟนคนแรก บอกเลยครับว่า ผมโดนผู้หญิงหลอก มีเงินเท่าไหรก็เอาไปให้เค้าหมด เพื่อนๆที่ทำงานก็เหมือนเดิม คือติดยาเกือบทุกคน ผมทำได้สองปี ก็ลาออกจากงาน แล้วก็เลิกกับแฟน ไปเข้าเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างเรียนก็ไปรับจ้างขนของที่โกดังสินค้า รับเล่นดนตรีกลางคืนบ้างแต่ไม่บ่อย มีแฟนคนที่สอง นิสัยดีมากรักกันมาก แต่ก็แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนมีฐานะดี แล้วทางพ่อแม่เธอก็ไม่ชอบผมด้วย แต่ก็แอบคบกันจน ผมจบมหาลัย เริ่มงานแรกที่บริษัทแห่งหนึ่งเป็นโรงงานผลิตสีอุตสาหกรรม ตำแหน่งงานผมคือธุรการ เงินเดือนก็ 9600 บาท ตอนนั้นก็เริ่มจะเลิกรากับแฟนละ เพราะอยู่กันไปก็ไม่มีอะไรดี เค้าเป็นคนบอกเลิก ผมเองตอนนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เค้ามั่นใจฝากชีวิตได้ จนมาถึงวันนึง ผมเปลี่ยนตัวเองลาออกจากงาน แล้วไปทำงานที่ใหม่ ตำแหน่งงานเดิม แต่เริ่มมีโอกาศได้ย้ายสายงานไปเป็นกราฟฟิกดีไซน์ ด้วยตนเองมีพื้นฐานศิลปะ โดยอาศัยครูพักลักจำมา จนทุกวันนี้ ผมทำงานให้ตำแหน่งงานกราฟฟิกดีไซน์ เงินเดือน หมื่นปลายๆ บวกกับรับงานนอกเวลาว่าง รวมๆกันแล้วก็เกือบ 3 หมื่น ที่ผมเล่ามาก็เพราะอยากจะบอกว่า
มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะเริ่มต้นชีวิตยังไง
มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะรวมหรือจน พ่อแม่ส่งเสียเราได้แค่ไหน
มันคำคัญที่ เราจะเลือกเดินยังไงต่อไป ชีวิตผมไม่เคยมีใครเป็นที่ปรึกษาได้แม้แต่พ่อผมเอง ทุกอย่างผมคิดเองทำเองหมด
ทุกอย่างอยู่ที่เราคิดครับ เรื่องสังคม บอกเลยว่าจริงเมื่อคนคุณอยู่อีกสังคมนึงความคิดความอ่านคุณก็จะเปลี่ยนไปตามสังคมนั้นๆ
ขอแค่คุณอย่ากลัวที่จะก้าวออกมาแล้ว เริ่มต้นใหม่ ขอให้คุณโชคดีกับชีวิตครับ
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์การทำงานและความรักหลังเรียนจบ...ทำให้รุ้ว่าโลกนี้อยุ่ยากขึ้นทุกวัน.ไม่มีที่ยืนสำหรับคนดีและคนอ่อนแอ
..ดิฉันก็เคลียกับแฟนและตัดสินใจว่าถ้าเค้าพยายามเลิกเล่นยาดิฉันก็จะไม่ลาออก(โง่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว)ค่ะก็คือสรุปดีกันดิฉันไม่ลาออก...ก็ช่วงนั้นก็ดีทุกอย่างปกติอยู่พักนึง..แฟนดิฉันก็มีแอบไปเล่นยาบ้างแต่ดิฉันลองเงียบๆดูไม่ชวนทะเลาะ...และก็สำเร็จค่ะ...แฟนดิฉันอยู่ดีๆก็พูดขึ้นว่า"พี่รักน้องนะ...พี่พูดจริงๆพี่รุ้สึกจริงๆถ้าน้องทิ้งพี่ไปพี่ตายแน่ๆเรย"ดิฉันก็พูดไปคำนึงว่า..."ถ้ารักก็ทำตัวดีๆแล้วเลิกเล่นยาให้ได้....ถ้าน้องจับได้อีกอย่ามาหาว่าน้องใจร้าย"ตอนนั้นดิฉันก็ได้รุ้จักและก็คุยอยุ่กับผุ้ชายคนนึงนะค่ะ...คือทำงานในห้างเหมือนกันแต่เค้าทำคนละร้านกัน...ก็คุยๆกัน...มันก็รุ้สึกว่าฉันอยากเห็นลูกมีพ่อที่ดีมีอนาคตที่ดี...ก็บอกกับตัวเองไว้ว่าถ้าแฟนดิฉันไม่เลิกยาดิฉันก็คงเลิกและไปดูๆใจกับพี่ที่คุยด้วย(แฟนดิฉันอายุเกือบจะ30แล้วค่ะ..เป็นมนุษย์เงินเดือน..เดือนละ9000ไม่ต้องส่งเสียให้ที่บ้านส่วนค่าหอก็หารคนละครึ่งกับดิฉันตกเดือนนึงก็คนละพันกว่าบาท...เป็นหนี้บัตรเครดิต2ใบประมาน30000บาท(กู้มาเล่นยาค่ะ)ที่สำคัญตอนนี้ติดแบล็คลิดของบัตรทั้ง2ใบค่ะ...กดเงินไม่ได้ต้องใชหนี้เก่าให้หมด...บ้านที่ครอบครัวอยู่ก็เช่า..รถมอไซต์เป็นของตัวเองก็ไม่มีค่ะ...โทรศัพท์ที่ใช้ก็คือของเก่าของแม่...เงินเก็บไม่มีค่ะ....ดิฉันกลัวว่าต่อไปถ้ามีลูกจะเป็นอย่างไร...ไม่ผิดใช่มั้ยละค่ะที่ดิฉันคิดจะไปถ้าเค้าไม่ปรับปรุงตัว)ก็ทำงานปกตินะค่ะจนถึงวันหยุดดิฉันหยุด2วัน..ส่วนแฟนไม่ได้หยุดค่ะ...ดิฉันก็กลับมาบ้านแม่...ดิฉันกลบแค่วันเดียวค่ะ..แต่บอกแฟนว่ากลับ2วัน(มีเซ้นค่ะ..เหมือนจะรุ้ว่ามันต้องไปเล่นยาอีก)เช้ามาของอีกวันดิฉันก็ทำทีเป็นว่าโทรไปปลุกให้แฟนไปทำงานค่ะ...แล้วก็กลับไปที่หอพัก...ระหว่างที่นั่งรถก็ไลน์ไปถามพี่ที่ทำงานว่าแฟนดิฉันไปทำงานรึเปล่า.
คำตอบที่ได้ค่ะ...เค้าโทไปลางานบอกว่าไม่ค่อยสบาย...เดือดเลยคะกลับไปถึงหอ..เจอชุดทำงานของพี่ชายเค้าค่ะ...กองอยู่ในห้องแต่คนไม่อยู่ทั้งคู่...(สงสัยโกหกเมียว่สมาทำงานตามเคย)ดิฉันเลยโทไปแกล้งถามแฟนว่าอยู่ไหนไปทำงานรึยัง...มันตอบว่าอยู่ที่ทำงานมานานแล้ว...ได้ยินแบบนั้นเดือดเข้าไปอีกเลยซัดไปว่า"กูอยู่หออยู่ไหนบอกกูมาดีๆกูเห็นชุดทำงานพี่ชายเอามาเปลี่ยนด้วย"เงียบเลยค่ะ...มันก็โกหกอีกค่ะ..ว่าไปเช่นเกมห้องเพื่อน(หัวหน้าอีกคนที่เล่นยาด้วยกัน)ดิฉันเลยบอกว่า..โกหกกูไปเล่นยากูรู้...เค้าก็เงียบ..แล้วบอกว่าใจเย็นๆดิฉันเลยบอกว่าได้...กูเตือนแล้วนะ..กับกูเลิกกัน..ดิฉันบอกว่าให้กลับมาหอมันก็ไม่กลับค่ะ..ดิฉันอยู่2ชั่วโมงเลยตัดสินใจ...ออกไปเปิดหูเปิดตาไปเดินห้างไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะกับพี่คนที่คุยๆกันอยู่...แล้วถ่ายรูปลงเฟสก่อนจะถ่ายดิฉันได้โพสข้อความ..ถึงสถานะดิฉันนะค่ะว่าดิฉันโสดแร้ว...กลับไปหอก็ค่ำแล้ว..ก็เหนแฟนนอนปิดไฟปิดพัดลม..คือมันเสียใจอ่ะ...ดิฉันก็ไม่พูดกับมันนะคือ...มันก็เจ็บทั้งคู่อ่ะค่ะ..ที่เราทำไปเพราะเราแค่อยากประชด...พอเชามาก็ต่างคนต่างไปทำงาน..แฟนดิฉันเสียใจค่ะทนเห็นหน้าดิฉันไม่ได้..แล้วเค้าก็หายไปไหนไม่รุ้ค่ะ..ผจก.รู้เรื่องเลยโทตามให้กลับมาทำงาน(ลืมบอกไปด้วยบุคลิกนิสัยของแฟนที่ดูเปนมิตรเปนคนดีอ่อนน้อมถาอมตนกับทุกคน...เลยทำให้มีแต่คนเอ็นดูเค้า.
รวมถึงผจก.ด้วยคะ..ผิดกับดิฉันที่เป็นคนตรงไปตรงมาไม่ชอบการแสแสร้ง..เลียแข้งเลียขา..ความไม่ยุติธรรม...อะไรที่ดิฉันไม่ผิดดืฉันก็จะสูหลังชนฝา...คือเป็นคนไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรไม่ว่าคนๆนั้นเค้าจะอายุมากกว่าหรือรุ่นแม่ก็ตาม..คือแข่งกันด้วยความสามารถไม่ใช่แค่ประจบไปวันๆ)ก็เลิกกันไปได้ประมาน3เดือนนะค่ะ...ก็เป็นขี้ปากชาวบ้านเป็นประเด็นให้พวกปากมากนินทากันนานพอสมควร...พี่ชายเค้ามาขู่ฆ่าดิฉันด้วยค่ะ...ที่ไปบอกเลิกน้องชายเค้าแล้วไปกับผุ้ชายอีกคน...เจ็บแทนค่ะเหนน้องชายตัวเองร้องไห้...แล้วดิฉันละค่ะไม่เจ็บหรือไง..หมดเงินกับผุ้ชายคนนี้ตั้งเท่าไหร่โดนหลอกมากี่ครั้ง...พวกที่ทำงานพอรุ้ก็พูดกันค่ะว่าดิฉันผิดดฉันเลว...แฟนดืฉันดีจะตายดันทิ้งไปมีชู้ค้าาา...ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ทนนะค่ะ...ก็ไปถามดีๆชี้แจงว่าอะไรเปนอะไร..พอทุกคนรุ้ว่าแฟนดิฉันและเพื่อนๆเสพยา...เอ้าาารับได้กันเฉยเลยค่ะ..สุดท้ายเป็นผุ้หญิงเด็กด้วยผิดเสมอค่ะ...ก็เลิกกันไป3เดือนก็กลับมาคืนดีกันอีก..เพราะรักค่ะ..รักกันทั้งคู่เหนกันทุกวันตัดกันไม่ขาด..ดิฉันก็พูดเหมือนเดิม(ควายอีแล้ว)ถ้าจะกลับมาคบกันก็เลิกเล่นยาเถอะนะ..แล้วมาช่วยกันเก็บเงินสร้างอนาคตด้วยกัน...แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม..เค้าขอย้ายแผนกจากที่เคยอยุ่แผนกเดียวกับดิฉันไปอยู่อีกแผนกนึงที่เพื่อนเค้าที่เล่นยาด้วยกันเปนหัวหน้าแผนกอยุ่...ตอนนั้นดิฉันคิดแค่อย่างเดียวคือเราเาเค้าไม่อยุ่แน่ๆทำงานก็คนละเวลากันจะเอาเวลาไหนไปคอยดูคอยเตือนถ้าเค้าจะไปเล่นยา...แล้วก็จริงค่ะวันแรกที่เค้าย้ายแผนก..ตอนเค้าพักเที่ยงเค้ากับเพื่อนเค้าแอบกลับไปหอเพื่อนคะ...แอบไปเล่นยาอีกตามเคย...ดิฉันทนไม่ไหวโทรไปถามก็ไม่ยอมรับ..จนถึงเวลาพักของดิฉันดิฉันออกไปซื้อที่ตรวจวารเสพติดเลยค่ะ...พอกลับมาก็เหนเค้าออกมาสูบบุหรี่..ดิฉันเลยโชว์ที่ตรวจให้เค้าดูและพูดว่า..จะยอมรับดีๆหรือจะให้กูจับได้เอง...ก็คุยกันพักนึงเค้าก็ยอมรับว่าไปเล่นมา..ดิฉันโมโหมากและบอกไปว่า..ค่อยกลับไปคุยกันที่หอตอนเลิกงาน...พอเลิกงานก็ทะเลาะกัน..ต่างคนต่างร้องแต่เรื่องมันกยิ่งแย่ค่ะ..ดิฉันเหนื่อยกับเรื่องนี้มากอายคนที่ทำงานด้วยเสียใจด้วยเลย...ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานโดยโกหก ผจก.ว่าแม่ป่วยหนัก...อยากให้กลับบ้านด่วน..หัวหน้าก็จัดการดูให้ว่าสะดวกที่สุดวันไหน..ก็เกือบๆสิ้นเดือนค่ะ...ผจก.เลยถามว่าทำไมไม่รอสิ้นเดือน...ดิฉันเลยบอกว่าแม่ป่วยหนักอยากให้กลับเร็วที่สุด...เท่านั้นแหละค่ะผจก.ที่แสนดีของลูกน้องทุกคน...ชักสีหน้าใส่ดิฉันแล้วพูดกับหัวหน้าว่ส..ถ้ามันอยากจะออกเรวก็ให้มันออกไปตั้งแต่วันที่15เลยรอให้ฝึกพนักงานใหม่ให้คล่องก่อนแล้วจะไปไหนก็ไป...อ่อฝากบอกแม่เทอด้วยนะ...ว่าถ้าอยากให้ออกเร็วๆใบผ่านงานใบรับรองก็ไม่ได้ไม่ต้องเอา..อึ้งเรยค่ะดิฉันน้ำตาไหลออกมาเลย(คือก็คิดนะว่าถ้าแม่กูป่วยจิง..เปนผจก.อ่ะ..ควรจะพูดแบบนี้กับลูกน้องหรอ)ดิฉันเลยลาออกและไม่ไปทำงานตั้งแต่วันนั้นเลยค่ะ..ลาออกมาได้เกือบๆเดือนก็กลับไปเอาเอกสารต่างๆที่ยังหลงเหลืออยุ่..คอได้ยินมาว่า...ผจก.คนนั้นบอกว่าดิฉันชอบโวยวายเวลาทะเลาะกันเรื่องที่ฝ่ายชายและพนักงานคนอื่นๆเล่นยา...ส่วนแฟนดิฉันฝายชาย..(พนักสุดหล่อสุดที่รักของผจก.ไม่เคยโวยวายและไม่เคยทำให้เสียการเสียงาน555เปนไงค่ะชีวิตหลังเรียนจบมรแฟนและทำงานของดิฉัน...หวังว่ากระทู้นี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับใครบ้างนะค่ะ...โลกใบนี้อยู่ยากค่ะ...สังคมไทยเสพยาเป็นเรื่องปกตินะค่ะผู้คนรับได้..ที่สำคัญการไม่มีปากเสียงการประจบเลียแข้งเลียขาทำให้คุณยืนบนโลกนี้ได้ค่ะ...จำไว้ใครเล่นยาอยู่คุนไม่ต้องกลัวความผิดนะค่ะ...คุนไม่พูดชั้นไม่พูดก็จบ...ทำตามคำสั่งชั้น..คุนทำประโยชน์ให้ชั้น.ชั้นก็เก็บคุนไว้...ต่อให้คุนทำผิดคุนก็มีที่ยืนค่ะ...