สวัสดีค่ะ ตอนนี้เรามีปัญหาทางจิตใจนิดหน่อยค่ะ รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
อยากลองปรึกษาเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว pantip ทุกคนค่ะ
แนนะนำก่อนนะคะ!
-เราเติบโตมาแบบย้าย รร บ่อยมาก เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เราเป็นลูกคนเดียว ที่บ้านมี พ่อ แม่ เรา พออายุ 3 ขวบ แม่ก็ส่งไปเรียนที่จ.พิจิต ก่ได้อยู่กับลุงกับป้า เป็นเด็ก 3 ขวบที่ ตื่นนอนไปเรียนเอง แต่งตัวเอง หาข้าวกินเอง เงินแต่ละบาทที่ลุงให้ก็มาจากแม่ที่ส่งมาให้พร้อมกับค่าเทอม ได้เงินไปวันละ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่วันค่ะ แต่ไม่เคยซื้อเลยจะมีกลับมาเท่าเดิมตลอด กับมาบ้านบางทีก็ ไม่เจอลุงกับป้า ถ้าหิวข้าวก็กินกล้วยค่ะ(ที่บ้สนเป็นส่วน กล้วยมะม่วง) หาเด็ดกินเอา ปลอกทะม่วงเอง ใช้มีดได้หมด ต้มไข่ก็เป็น (แต่เคยถูกลวกที่แขน แผลใหญ่มาก) รูสึกเหมือนใช้ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยคุ้มนะคะ ทำอะไรเอง ดูแลตัวเอง ซะส่วนใหญ่
-พอขึ้นป.1 ก็มาเรียนที่ จ.ปทุมธานี เข้ามาใหม่ปรับตัวอีกแล้ว เพื่อนก็ไม่ค่อยจะมี เพราะเป็นคนพูดน้อยมากๆ หรือเพราะไม่รู้จักเลยไม่กล้าคุย หรือ อาจจัเป็นเพราะนิสัยเด็กๆ ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรค่ะ ใช้ชีวิคเหมือนเด็ก ทั่วๆไป แต่ก็หุงข้าว รอพ่อแม่ ตอนเย็นได้ เป็นคนถือกุญแจบ้าน อยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เลิกเรียน พ่อแม่กลับประมาณ 20:00น. เราก็เรียนที่นี่จนจบป.6
-พอขึ้น ม.1 เราเรียนที่ จ.อยุธยา เดินทางไปกลับนะคะ รถรับส่ง นร อ่อลืมบอก บ้านเราอบู่ ปทุทธานี ตอนม.ตั้นเราว่ามันก็โอเคนะ ช่วงปีแรกๆ อาจไม่ค่อยมีเพื่อน อาจเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว เงียบๆ ไม่ทักใครก่อน แต่ถ้าสนิทนะคะ บอกเลยว่าฮากระจาย ผ่านไปไม่มีไรเกินขึ้น
-พอขึ้นม.4 เราเรียนที่ กทม ย้ายมาอยู่บ้านน้า ปีแรกอยู่คนเดียว ไป รร ก็ชอบนั่งซึมๆ เหงานะ ไม่มีเพื่อนเลย เข้าไปเป็นเด็กใหม่คนเดียวในห้อง เพื่อนเค้ารู้จักกันตั้งแต่ ม. ตั้นละ เราเลยดูเหมือนส่วนเกินอ่ะ ไม่มีเพื่อนกลับบ้าน ไม่มีเพื่อนกินข้าว มระมาณ ปี นึง พอเริามมีแฟนค่ะ (เค้ามาจีบเรานะ ) ก็เลยเดินกลับบ้านกับแฟน กินข้าวด้วยกันบ้านเราอยู่ใกล้กัน เรียนห้องเดียวกัน ชีวิตมันก็ดีขึ้นนะ แต่ ผญก็ยังต้องการเพื่อน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้
******* ลืมบอก พ่อ แม่ แยกกันตอนเรา ม 4 พอ ม5 แม่ก็มาอยู่กับเราที่ กทม แม่ก็ไม่ค่อยได้คุยนะ เค้าทำแต่งานๆ ****
🚩มหาลัยนี่หนักเลย แยกกับแฟนจ้าาาา เราเรียนในขานเมือง กทม แฟนเรียนในตัวเมือง ปี 1 ก็เลิกกัน เพราะแม่ ช เค้าค้าขาย แม่เราเป็นข้าราชการ ผู้ใหญ่มองว่าไม่เพมาะสมกัน เลยให้เลิกกัน ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้กันมันช่างเจ็บปวด + กับขึ้นปี1 มันเหงามากกก ในชีวิตมหาลัย ไม่มีเพื่อนไปเรียน กินข้าว บลาๆ จนตอนนี้จะขึ้นปี 3 ยังไม่มีเลยจ้า แต่โชคดีที่เรากลับมาคบกับแฟนแล้ว(แอบนะ) มันเลยหายเหงาบ้าง
🎀ประเด็นอยู่ที่ว่า วันหนึ่งเราช็อค เพราะเครียดเรื่องงานที่ ม ทำให้ต้องส่งตัวไป รพ ปรากฎว่าตรวจร่างกายไม่เป็นไรเลยตรวจสภาพจิต หมอบอกว่าเป็นโรควิจกกังวล เหตุมาจากอะไรบ้างเราไม่รู้อ่ะ ว่าทำไมฝันร้ายทุกครั้งที่หลับตา จะกลัวทุกอย่าง กังวลว่าถ้าอันนั้นเป็นอย่างั้นดีไหม แบบนี้ดีป่าว(ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเแง)สายตาจะอ่านป้ายทุกป้ายที่ผ่านตา อ่าวนไปมา ถึงแม้จะป้ายเดิมๆ เวลานับเงิน นำ3 รอบ นับแล้วลืมๆ พอไปซื้อของต้องท่องไว้ในใจแต่ก็ลืม อยู่ดี เวลาอยู่เฉยๆ เหมือนตัวเองร้องเพลงในหัว สมองคิดตลอด จนหมอให้ยาวิตกกังวลมากิน สักระยะนึงแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นเลย
🚩🚩🚩🚩🚩 แม่เราเวลาอยู่บ้าน เค้าชิบคุณแต่กับเพื่อน พอเราขึ้นข้างบน เขาจะลงข้างล่าง พอเราลงล่างเขาขึ้นบน แทบไม่ได้คุยกันเลย
เราบอกว่าหมอบอกเป็นโรควิตกกังวลนะ แม่เราพูดแบบเหมือนแกรำคาญอ่ะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจจะคิดอะไรนักหนา หาหมอ นี่เรื่องเยอัตลอดเลย เสียเวลา
//เราสะอึกเลยจ้า อยู่ข้างใน เราเป็นคนเก็บอารมณ์นะ ไม่ค่อยบอกใคร ไม่พูดไม่ระบาย ไม่มีเพื่อน ไม่เที่ยว อยู่บ้านก็จะ ปิดบ้ายมิดชิด ไม่สนิดกับใครทั้งนั้น นี่เราจะเป็นบ้าไหมเนี่ย!!!
เวลาใครพูดอะไรสัเทือนใจ เอาแล้ววว บ่อน้ำตาแตก
ใครมองโรคในแง่ร้ายบ้าง หรือ ใครเป็นโรควิตกกังวลบ้าคะ
อยากลองปรึกษาเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว pantip ทุกคนค่ะ
แนนะนำก่อนนะคะ!
-เราเติบโตมาแบบย้าย รร บ่อยมาก เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เราเป็นลูกคนเดียว ที่บ้านมี พ่อ แม่ เรา พออายุ 3 ขวบ แม่ก็ส่งไปเรียนที่จ.พิจิต ก่ได้อยู่กับลุงกับป้า เป็นเด็ก 3 ขวบที่ ตื่นนอนไปเรียนเอง แต่งตัวเอง หาข้าวกินเอง เงินแต่ละบาทที่ลุงให้ก็มาจากแม่ที่ส่งมาให้พร้อมกับค่าเทอม ได้เงินไปวันละ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่วันค่ะ แต่ไม่เคยซื้อเลยจะมีกลับมาเท่าเดิมตลอด กับมาบ้านบางทีก็ ไม่เจอลุงกับป้า ถ้าหิวข้าวก็กินกล้วยค่ะ(ที่บ้สนเป็นส่วน กล้วยมะม่วง) หาเด็ดกินเอา ปลอกทะม่วงเอง ใช้มีดได้หมด ต้มไข่ก็เป็น (แต่เคยถูกลวกที่แขน แผลใหญ่มาก) รูสึกเหมือนใช้ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยคุ้มนะคะ ทำอะไรเอง ดูแลตัวเอง ซะส่วนใหญ่
-พอขึ้นป.1 ก็มาเรียนที่ จ.ปทุมธานี เข้ามาใหม่ปรับตัวอีกแล้ว เพื่อนก็ไม่ค่อยจะมี เพราะเป็นคนพูดน้อยมากๆ หรือเพราะไม่รู้จักเลยไม่กล้าคุย หรือ อาจจัเป็นเพราะนิสัยเด็กๆ ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรค่ะ ใช้ชีวิคเหมือนเด็ก ทั่วๆไป แต่ก็หุงข้าว รอพ่อแม่ ตอนเย็นได้ เป็นคนถือกุญแจบ้าน อยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เลิกเรียน พ่อแม่กลับประมาณ 20:00น. เราก็เรียนที่นี่จนจบป.6
-พอขึ้น ม.1 เราเรียนที่ จ.อยุธยา เดินทางไปกลับนะคะ รถรับส่ง นร อ่อลืมบอก บ้านเราอบู่ ปทุทธานี ตอนม.ตั้นเราว่ามันก็โอเคนะ ช่วงปีแรกๆ อาจไม่ค่อยมีเพื่อน อาจเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว เงียบๆ ไม่ทักใครก่อน แต่ถ้าสนิทนะคะ บอกเลยว่าฮากระจาย ผ่านไปไม่มีไรเกินขึ้น
-พอขึ้นม.4 เราเรียนที่ กทม ย้ายมาอยู่บ้านน้า ปีแรกอยู่คนเดียว ไป รร ก็ชอบนั่งซึมๆ เหงานะ ไม่มีเพื่อนเลย เข้าไปเป็นเด็กใหม่คนเดียวในห้อง เพื่อนเค้ารู้จักกันตั้งแต่ ม. ตั้นละ เราเลยดูเหมือนส่วนเกินอ่ะ ไม่มีเพื่อนกลับบ้าน ไม่มีเพื่อนกินข้าว มระมาณ ปี นึง พอเริามมีแฟนค่ะ (เค้ามาจีบเรานะ ) ก็เลยเดินกลับบ้านกับแฟน กินข้าวด้วยกันบ้านเราอยู่ใกล้กัน เรียนห้องเดียวกัน ชีวิตมันก็ดีขึ้นนะ แต่ ผญก็ยังต้องการเพื่อน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้
******* ลืมบอก พ่อ แม่ แยกกันตอนเรา ม 4 พอ ม5 แม่ก็มาอยู่กับเราที่ กทม แม่ก็ไม่ค่อยได้คุยนะ เค้าทำแต่งานๆ ****
🚩มหาลัยนี่หนักเลย แยกกับแฟนจ้าาาา เราเรียนในขานเมือง กทม แฟนเรียนในตัวเมือง ปี 1 ก็เลิกกัน เพราะแม่ ช เค้าค้าขาย แม่เราเป็นข้าราชการ ผู้ใหญ่มองว่าไม่เพมาะสมกัน เลยให้เลิกกัน ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้กันมันช่างเจ็บปวด + กับขึ้นปี1 มันเหงามากกก ในชีวิตมหาลัย ไม่มีเพื่อนไปเรียน กินข้าว บลาๆ จนตอนนี้จะขึ้นปี 3 ยังไม่มีเลยจ้า แต่โชคดีที่เรากลับมาคบกับแฟนแล้ว(แอบนะ) มันเลยหายเหงาบ้าง
🎀ประเด็นอยู่ที่ว่า วันหนึ่งเราช็อค เพราะเครียดเรื่องงานที่ ม ทำให้ต้องส่งตัวไป รพ ปรากฎว่าตรวจร่างกายไม่เป็นไรเลยตรวจสภาพจิต หมอบอกว่าเป็นโรควิจกกังวล เหตุมาจากอะไรบ้างเราไม่รู้อ่ะ ว่าทำไมฝันร้ายทุกครั้งที่หลับตา จะกลัวทุกอย่าง กังวลว่าถ้าอันนั้นเป็นอย่างั้นดีไหม แบบนี้ดีป่าว(ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเแง)สายตาจะอ่านป้ายทุกป้ายที่ผ่านตา อ่าวนไปมา ถึงแม้จะป้ายเดิมๆ เวลานับเงิน นำ3 รอบ นับแล้วลืมๆ พอไปซื้อของต้องท่องไว้ในใจแต่ก็ลืม อยู่ดี เวลาอยู่เฉยๆ เหมือนตัวเองร้องเพลงในหัว สมองคิดตลอด จนหมอให้ยาวิตกกังวลมากิน สักระยะนึงแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นเลย
🚩🚩🚩🚩🚩 แม่เราเวลาอยู่บ้าน เค้าชิบคุณแต่กับเพื่อน พอเราขึ้นข้างบน เขาจะลงข้างล่าง พอเราลงล่างเขาขึ้นบน แทบไม่ได้คุยกันเลย
เราบอกว่าหมอบอกเป็นโรควิตกกังวลนะ แม่เราพูดแบบเหมือนแกรำคาญอ่ะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจจะคิดอะไรนักหนา หาหมอ นี่เรื่องเยอัตลอดเลย เสียเวลา
//เราสะอึกเลยจ้า อยู่ข้างใน เราเป็นคนเก็บอารมณ์นะ ไม่ค่อยบอกใคร ไม่พูดไม่ระบาย ไม่มีเพื่อน ไม่เที่ยว อยู่บ้านก็จะ ปิดบ้ายมิดชิด ไม่สนิดกับใครทั้งนั้น นี่เราจะเป็นบ้าไหมเนี่ย!!!
เวลาใครพูดอะไรสัเทือนใจ เอาแล้ววว บ่อน้ำตาแตก