ก่อนอื่นขอบอกว่านี่ไม่ใช่ไอดีของเรา เรายืมไอดีเขามาและเพิ่งเคยตั้งเป็นกระทู้แรก ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ แท็กปัญหาชีวิตเพราะคิดว่าความขัดแย้งกับทางบ้านและเราต้องเลือกก็น่าจะเป็นปัญหาในชีวิตอย่างหนึ่งแต่ถ้าผิดก็ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
คำเตือน : กระทู้นี้มีความยาวและความเวิ่นเว้อสูงมาก โปรดใช้จักรยานในการรับชม หรือเลื่อนไปที่คำถามท้ายกระทู้ได้เลยค่ะ
ขอเกริ่นถึงตัวเองก่อนนะคะ เราอยู่สายวิทย์-คณิต รร.ในกทม. เกรดค่อนข้างดี ส่วนบุคลิกภาพ จากสายตาคนภายนอกมองว่าเราเรียบร้อยค่ะ(เขิลล์ตุง)
แต่เรารู้ตัวว่าถนัดทางด้านภาษามากกว่าค่ะ เราได้ 4 ภาษาแล้ว (ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น) ตอนนี้ยังไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่เราอยากจะพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้เก่งขึ้นค่ะ
ก่อนหน้านี้เราหลงทางค่ะ
เราสอบตรงลงแต่คณะพยาบาลอย่างเดียว เพราะว่าเราชอบช่วยเหลือคนอื่น อีกทั้งยังมั่นคง เรื่องทำงานเหนื่อยไม่มีปัญหาเพราะเราพร้อมทุ่มเทเสมอและเราคิดว่าเราน่าจะ สอบติด ซึ่งก็ติดจริงๆค่ะ แต่เรามีปัญหาด้านสายตาสั้นเยอะมาก จึงสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านหลายที่ แม้จะสอบผ่านข้อเขียน
ช่วงสอบตรงเราได้นอน รพ. เพราะป่วยกะทันหัน เราเห็นงานพยาบาลแล้วเรารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ตัวเราเลย
รอมาจนถึงตอนกำลังจะแอดมิชชั่น เราก็รู้ตัวแล้วค่ะ ว่าเรามีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และเรารักมันมาก อยากจะทุ่มเทกับมันให้เต็มที่ จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะรอแอดมิชชั่นคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อยากจะเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นค่ะ เพราะเราสนใจ และโอกาสในการทำงานก็มาก ค่าตอบแทนก็ค่อนข้างดี(เรามีพื้นฐานภาษาจีนอยู่ก่อนแล้วค่ะ ส่วนญี่ปุ่นไม่มีพื้นฐานที่ดีนักเพราะไม่ได้เรียน อาศัยครูพักลักจำเอา แต่ที่เลือกเรียนญี่ปุ่นเพราะคิดว่าน่าจะนำมาต่อยอดไปพร้อมๆกันได้ ภาษาญี่ปุ่นไวยากรณ์ยากกว่ามาก ศัพท์บางตัวนำไปต่อกับตัวอื่นแล้วอ่านไม่เหมือนเดิมก็มี แต่จีนรู้ศัพท์เพิ่มก็โอเคแล้ว เพราะเรารู้หลักแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวค่ะ) << อันนี้เราคิดเอาเอง ถ้าผิดทักท้วงได้นะคะ...
แต่แล้วเรื่องดราม่าก็ก่อเกิดขึ้น
ล่าสุดเรามีสิทธิ์มอบตัวที่คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ค่ะ (คิดว่าเพราะคนไปสัมภาษณ์ค่อนข้างน้อยด้วยค่ะ เขาเลยอนุโลมเรื่องสายตาให้ได้)
แน่นอนว่าทั้งพ่อและแม่ไซโคให้เรียนอย่างสุดๆ โดยเฉพาะคุณพ่อ เพราะว่าท่านเป็นเชื้อชาติจีนสัญชาติไทยค่ะ ท่านอ่านประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนแล้วไม่ชอบญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จึงไม่สนับสนุนให้เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างแรง......
ญี่ปุ่นรุกรานจีน ทำให้อากง อาม่า ต้องอพยพมาเลยนะ
ลูกจะไปเรียนภาษาอริราชศัตรูได้อย่างไร ที่นี่ประเทศไทยนะครับ เรียนมาก็ตกงาน
เห็นการ์ตูนญี่ปุ่นมันเป็นพ่อหรอ คิดจะตัดขาดกับผมใช่ไหม
(เราติ่งญี่ปุ่นค่ะ แต่เราพิจารณาตัวเองแล้วนะ ว่าที่อยากเรียนไม่ใช่แค่เพราะติ่ง แล้วเราชอบอ่านการ์ตูนแต่ก็รับผิดชอบตัวเองดีอยู่ค่ะ)
ท่านแช่งเราสารพัดสารเพ จะตกงานบ้าง หมดอนาคตบ้าง เตะฝุ่นบ้าง ทำไมถึงต้องว่ากันขนาดนี้ แค่ลูกชอบแต่พ่อไม่ได้ชอบด้วยเท่านั้นเอง แต่เราก็เข้าใจว่าท่านโกรธอยู่แหละค่ะ จริงๆแล้วท่านก็รักเรามาก แต่คนฟังมันตะเตือนใตเนอะ
#ร้องไห้หนักมาก จริงๆค่ะ เพราะเราก็อยากจะมีความรู้ความสามารถมาเลี้ยงครอบครัว เราก็ทำเพื่อท่าน ตุ้มเสียจัย....
แต่เราก็อยากทราบนะคะว่าเรื่องเกลียดกันระหว่างชนชาติจะรุนแรงมากไหม เพราะเห็นข่าวอยู่บ่อยๆเรื่องการเหยียดผิวเลยทำร้ายกันบ้าง กรีดหน้าชนชาติอื่นที่เป็นปัญหากันอยู่บ้าง.......
มาทางด้านคุณแม่บ้าง
คุณแม่ต้องการให้เราเลือกความมั่นคงไว้ก่อน ถ้าชอบจริงๆ ความชอบนั้นก็จะไม่หายไปไหน ยังคงพัฒนาตัวเองเพื่อความชอบต่อได้ พื้นฐานทางบ้านเราก็ไม่ดี สุขภาพแม่ก็ไม่ดี พ่อแม่ก็รังแต่จะแก่เฒ่าไปเรื่อยๆ....
ตอนแรกคุณแม่ก็เห็นชอบด้วยถ้าเราจะเรียนภาษาเพราะสายตาเราไม่ดี บุคลิกภาพก็ไม่คล่องแคล่วนัก เลยคิดว่าจะไม่มีใครรับเราแล้ว แต่ถึงเวลาคับขันเราก็ตัดสินใจเด็ดขาดนะคะ
แต่ที่คิดว่าจะเรียนภาษา เราตั้งใจจะเรียนอย่างจริงจังนะคะ ไม่ได้คิดจะเรียนเล่นๆไว้อ่านมังงะ แต่ภาษาญี่ปุ่นสมัยนี้ก็เรียนกันเกลื่อนเหลือเกินค่ะ เราเองก็กลัวตกงานเหมือนกัน
เราเชื่อมาเสมอว่าถ้าตั้งใจจริงไม่มีหรอกที่บันไดจะไม่ยื่นลงมาให้ยอดฝีมือปีนขึ้นไป
....แต่เพราะอุดมการณ์มันกินไม่ได้
และคนเก่งๆกว่าเราก็มีอีกมาก ทั้งคนที่แลกเปลี่ยนมา คนที่มีพื้นฐานมามากกว่าอยู่ก่อนแล้ว มันเลยเกิดเป็นความกลัวขึ้นมาค่ะ
เราอยากทำงานด้านงานแปลค่ะ เราชอบหนังสือ หงุดหงิดทุกทีเวลาเห็นคนเขียนตัวหนังสือผิดๆแบบไม่ได้ตั้งใจจะวิบัตินะคะ มีความสุขกับการอยู่กับตัวหนังสือมากกว่าตัวเลข แค่เห็นโจทย์คณิตหรือฟิสิกส์เราก็ปวดหัวแล้วค่ะ(ถ้าถามว่าชอบขนาดไหน ที่แน่ๆเราอ่านตัวหนังสือเกิน 7 บรรทัดได้สบายๆค่ะ เรามั่นใจ)
แต่ตอนเรียนกับตอนทำงานก็ไม่เหมือนกัน ที่ผู้ใหญ่ชอบแนะนำให้เด็กๆเรียนสิ่งที่ได้เงินดีแบบเห็นๆไว้ก่อนเพราะเขา รู้ว่าเงินนั้นสำคัญต่อการดำรงชีวิตในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพงนี้แค่ไหน
เราต้องจ่ายเงินค่าเทอมภายในวันพฤหัสนี้แล้วค่ะ ส่วนวันศุกร์นี้เป็นการมอบตัวและเซ็นสัญญาแล้วก็จ่ายค่าชุด รวมๆทั้งหมดแล้วประมาณ 3 หมื่นบาท ถือว่าแพงมากสำหรับเราเพราะฐานะเราค่อนข้างยากจนค่ะ ต่อจากนี้ก็ต้องกู้ กยศ.ต่อค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเราอยากกู้ให้น้อยสุดค่ะ จะได้ไม่หนักในอนาคต เพราะคนรับผิดชอบทั้งหมดคือเรานะคะ
ถ้าเป็นคุณจะเลือกอะไรกันคะ
ระหว่าง
นำแร่ธาตุทั้ง 4 ที่มีอยู่มาหลอมรวมกันเป็นดาบที่ไม่รู้ว่าเมื่อผ่านความร้อนมาอย่างยากลำบาก แล้วจะออกมาเป็นดาบที่คมกริบสวยงามมีค่ามหาศาลหรือจะเป็นดาบที่บิ่น งอ ไร้รูปทรง สิ้นค่า ไม่มีใครต้องการ
หรือ
หยิบมีดที่ผู้คนต่างเล่าขานกันว่าดี คมกริบ ตัดทุกสิ่งทุกอย่างให้ขาดได้ แม้เราจะไม่ได้รู้สึกถูกใจรูปลักษณ์และการใช้งานของมันเลย แต่ถ้ามีแล้วมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานได้ดีในอนาคตอย่างแน่นอน
ปล1. จริงๆตุ้มก็คิดนะ ว่าถ้าเป็นพยาบาลแล้วได้ภาษาดีจะได้เปรียบกว่ามีภาษาแค่อย่างเดียว เข้า AEC แล้วด้วย แต่เราอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามากกว่าคุณพยาบาลนี่คะ แต่เพราะว่าฐานะทางบ้านเราก็ไม่ค่อยดีด้วย เราก็กลัวอนาคตนะคะ จะสู้คนอื่นที่เก่งกว่าได้ไหม กลัวตกงาน เงินไม่ดี ไม่มั่นคง ไม่ตรงสาย บลาๆๆๆ แถมไม่รู้ว่าจะแอดฯติดไหมด้วยนี่สิ........
ปล2. ที่มาตั้งในพันทิปเพราะอยากได้ความเห็นจากผู้คนหลายๆวัยค่ะ แล้วเราก็เข้าใจค่ะ ว่าอนาคตของเราเราต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอง แต่ที่มาตั้งกระทู้ถามเพราะอยากทราบความเห็นจากบุคคลอื่นดูบ้าง เพราะ ภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเรามันช่างดูใหญ่โตมหึมาเกินกว่าจะก้าวข้ามผ่านไปได้ ในขณะที่ผู้อื่นที่มองดูเราอยู่ภายนอกในที่ไกลแสนไกลเห็นว่ามันเล็กเพียงนิด เดียวและยังมองเห็นช่องทางเล็กๆในมุมอับสายตาของเราที่จะสามารถลอดผ่านภูเขา ลูกนั้นไปได้
ปล3. เราเข้าจุฬาฯได้แล้วค่ะ......................เข้าไปวนรถแล้วก็ออก
[ความฝันVSความมั่นคง]ดราม่าก่อเกิดเมื่อฉันเลือกคณะ แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจตุ้ม #ร้องไห้หนักมาก
คำเตือน : กระทู้นี้มีความยาวและความเวิ่นเว้อสูงมาก โปรดใช้จักรยานในการรับชม หรือเลื่อนไปที่คำถามท้ายกระทู้ได้เลยค่ะ
ขอเกริ่นถึงตัวเองก่อนนะคะ เราอยู่สายวิทย์-คณิต รร.ในกทม. เกรดค่อนข้างดี ส่วนบุคลิกภาพ จากสายตาคนภายนอกมองว่าเราเรียบร้อยค่ะ(เขิลล์ตุง)
แต่เรารู้ตัวว่าถนัดทางด้านภาษามากกว่าค่ะ เราได้ 4 ภาษาแล้ว (ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น) ตอนนี้ยังไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่เราอยากจะพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้เก่งขึ้นค่ะ
ก่อนหน้านี้เราหลงทางค่ะ
เราสอบตรงลงแต่คณะพยาบาลอย่างเดียว เพราะว่าเราชอบช่วยเหลือคนอื่น อีกทั้งยังมั่นคง เรื่องทำงานเหนื่อยไม่มีปัญหาเพราะเราพร้อมทุ่มเทเสมอและเราคิดว่าเราน่าจะ สอบติด ซึ่งก็ติดจริงๆค่ะ แต่เรามีปัญหาด้านสายตาสั้นเยอะมาก จึงสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านหลายที่ แม้จะสอบผ่านข้อเขียน
ช่วงสอบตรงเราได้นอน รพ. เพราะป่วยกะทันหัน เราเห็นงานพยาบาลแล้วเรารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ตัวเราเลย
รอมาจนถึงตอนกำลังจะแอดมิชชั่น เราก็รู้ตัวแล้วค่ะ ว่าเรามีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และเรารักมันมาก อยากจะทุ่มเทกับมันให้เต็มที่ จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะรอแอดมิชชั่นคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อยากจะเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นค่ะ เพราะเราสนใจ และโอกาสในการทำงานก็มาก ค่าตอบแทนก็ค่อนข้างดี(เรามีพื้นฐานภาษาจีนอยู่ก่อนแล้วค่ะ ส่วนญี่ปุ่นไม่มีพื้นฐานที่ดีนักเพราะไม่ได้เรียน อาศัยครูพักลักจำเอา แต่ที่เลือกเรียนญี่ปุ่นเพราะคิดว่าน่าจะนำมาต่อยอดไปพร้อมๆกันได้ ภาษาญี่ปุ่นไวยากรณ์ยากกว่ามาก ศัพท์บางตัวนำไปต่อกับตัวอื่นแล้วอ่านไม่เหมือนเดิมก็มี แต่จีนรู้ศัพท์เพิ่มก็โอเคแล้ว เพราะเรารู้หลักแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวค่ะ) << อันนี้เราคิดเอาเอง ถ้าผิดทักท้วงได้นะคะ...
แต่แล้วเรื่องดราม่าก็ก่อเกิดขึ้น
ล่าสุดเรามีสิทธิ์มอบตัวที่คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ค่ะ (คิดว่าเพราะคนไปสัมภาษณ์ค่อนข้างน้อยด้วยค่ะ เขาเลยอนุโลมเรื่องสายตาให้ได้)
แน่นอนว่าทั้งพ่อและแม่ไซโคให้เรียนอย่างสุดๆ โดยเฉพาะคุณพ่อ เพราะว่าท่านเป็นเชื้อชาติจีนสัญชาติไทยค่ะ ท่านอ่านประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนแล้วไม่ชอบญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จึงไม่สนับสนุนให้เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างแรง......
ญี่ปุ่นรุกรานจีน ทำให้อากง อาม่า ต้องอพยพมาเลยนะ
ลูกจะไปเรียนภาษาอริราชศัตรูได้อย่างไร ที่นี่ประเทศไทยนะครับ เรียนมาก็ตกงาน
เห็นการ์ตูนญี่ปุ่นมันเป็นพ่อหรอ คิดจะตัดขาดกับผมใช่ไหม
(เราติ่งญี่ปุ่นค่ะ แต่เราพิจารณาตัวเองแล้วนะ ว่าที่อยากเรียนไม่ใช่แค่เพราะติ่ง แล้วเราชอบอ่านการ์ตูนแต่ก็รับผิดชอบตัวเองดีอยู่ค่ะ)
ท่านแช่งเราสารพัดสารเพ จะตกงานบ้าง หมดอนาคตบ้าง เตะฝุ่นบ้าง ทำไมถึงต้องว่ากันขนาดนี้ แค่ลูกชอบแต่พ่อไม่ได้ชอบด้วยเท่านั้นเอง แต่เราก็เข้าใจว่าท่านโกรธอยู่แหละค่ะ จริงๆแล้วท่านก็รักเรามาก แต่คนฟังมันตะเตือนใตเนอะ
#ร้องไห้หนักมาก จริงๆค่ะ เพราะเราก็อยากจะมีความรู้ความสามารถมาเลี้ยงครอบครัว เราก็ทำเพื่อท่าน ตุ้มเสียจัย....
แต่เราก็อยากทราบนะคะว่าเรื่องเกลียดกันระหว่างชนชาติจะรุนแรงมากไหม เพราะเห็นข่าวอยู่บ่อยๆเรื่องการเหยียดผิวเลยทำร้ายกันบ้าง กรีดหน้าชนชาติอื่นที่เป็นปัญหากันอยู่บ้าง.......
มาทางด้านคุณแม่บ้าง
คุณแม่ต้องการให้เราเลือกความมั่นคงไว้ก่อน ถ้าชอบจริงๆ ความชอบนั้นก็จะไม่หายไปไหน ยังคงพัฒนาตัวเองเพื่อความชอบต่อได้ พื้นฐานทางบ้านเราก็ไม่ดี สุขภาพแม่ก็ไม่ดี พ่อแม่ก็รังแต่จะแก่เฒ่าไปเรื่อยๆ....
ตอนแรกคุณแม่ก็เห็นชอบด้วยถ้าเราจะเรียนภาษาเพราะสายตาเราไม่ดี บุคลิกภาพก็ไม่คล่องแคล่วนัก เลยคิดว่าจะไม่มีใครรับเราแล้ว แต่ถึงเวลาคับขันเราก็ตัดสินใจเด็ดขาดนะคะ
แต่ที่คิดว่าจะเรียนภาษา เราตั้งใจจะเรียนอย่างจริงจังนะคะ ไม่ได้คิดจะเรียนเล่นๆไว้อ่านมังงะ แต่ภาษาญี่ปุ่นสมัยนี้ก็เรียนกันเกลื่อนเหลือเกินค่ะ เราเองก็กลัวตกงานเหมือนกัน
เราเชื่อมาเสมอว่าถ้าตั้งใจจริงไม่มีหรอกที่บันไดจะไม่ยื่นลงมาให้ยอดฝีมือปีนขึ้นไป
....แต่เพราะอุดมการณ์มันกินไม่ได้
และคนเก่งๆกว่าเราก็มีอีกมาก ทั้งคนที่แลกเปลี่ยนมา คนที่มีพื้นฐานมามากกว่าอยู่ก่อนแล้ว มันเลยเกิดเป็นความกลัวขึ้นมาค่ะ
เราอยากทำงานด้านงานแปลค่ะ เราชอบหนังสือ หงุดหงิดทุกทีเวลาเห็นคนเขียนตัวหนังสือผิดๆแบบไม่ได้ตั้งใจจะวิบัตินะคะ มีความสุขกับการอยู่กับตัวหนังสือมากกว่าตัวเลข แค่เห็นโจทย์คณิตหรือฟิสิกส์เราก็ปวดหัวแล้วค่ะ(ถ้าถามว่าชอบขนาดไหน ที่แน่ๆเราอ่านตัวหนังสือเกิน 7 บรรทัดได้สบายๆค่ะ เรามั่นใจ)
แต่ตอนเรียนกับตอนทำงานก็ไม่เหมือนกัน ที่ผู้ใหญ่ชอบแนะนำให้เด็กๆเรียนสิ่งที่ได้เงินดีแบบเห็นๆไว้ก่อนเพราะเขา รู้ว่าเงินนั้นสำคัญต่อการดำรงชีวิตในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพงนี้แค่ไหน
เราต้องจ่ายเงินค่าเทอมภายในวันพฤหัสนี้แล้วค่ะ ส่วนวันศุกร์นี้เป็นการมอบตัวและเซ็นสัญญาแล้วก็จ่ายค่าชุด รวมๆทั้งหมดแล้วประมาณ 3 หมื่นบาท ถือว่าแพงมากสำหรับเราเพราะฐานะเราค่อนข้างยากจนค่ะ ต่อจากนี้ก็ต้องกู้ กยศ.ต่อค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเราอยากกู้ให้น้อยสุดค่ะ จะได้ไม่หนักในอนาคต เพราะคนรับผิดชอบทั้งหมดคือเรานะคะ
ถ้าเป็นคุณจะเลือกอะไรกันคะ
ระหว่าง
นำแร่ธาตุทั้ง 4 ที่มีอยู่มาหลอมรวมกันเป็นดาบที่ไม่รู้ว่าเมื่อผ่านความร้อนมาอย่างยากลำบาก แล้วจะออกมาเป็นดาบที่คมกริบสวยงามมีค่ามหาศาลหรือจะเป็นดาบที่บิ่น งอ ไร้รูปทรง สิ้นค่า ไม่มีใครต้องการ
หรือ
หยิบมีดที่ผู้คนต่างเล่าขานกันว่าดี คมกริบ ตัดทุกสิ่งทุกอย่างให้ขาดได้ แม้เราจะไม่ได้รู้สึกถูกใจรูปลักษณ์และการใช้งานของมันเลย แต่ถ้ามีแล้วมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานได้ดีในอนาคตอย่างแน่นอน
ปล1. จริงๆตุ้มก็คิดนะ ว่าถ้าเป็นพยาบาลแล้วได้ภาษาดีจะได้เปรียบกว่ามีภาษาแค่อย่างเดียว เข้า AEC แล้วด้วย แต่เราอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามากกว่าคุณพยาบาลนี่คะ แต่เพราะว่าฐานะทางบ้านเราก็ไม่ค่อยดีด้วย เราก็กลัวอนาคตนะคะ จะสู้คนอื่นที่เก่งกว่าได้ไหม กลัวตกงาน เงินไม่ดี ไม่มั่นคง ไม่ตรงสาย บลาๆๆๆ แถมไม่รู้ว่าจะแอดฯติดไหมด้วยนี่สิ........
ปล2. ที่มาตั้งในพันทิปเพราะอยากได้ความเห็นจากผู้คนหลายๆวัยค่ะ แล้วเราก็เข้าใจค่ะ ว่าอนาคตของเราเราต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอง แต่ที่มาตั้งกระทู้ถามเพราะอยากทราบความเห็นจากบุคคลอื่นดูบ้าง เพราะ ภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเรามันช่างดูใหญ่โตมหึมาเกินกว่าจะก้าวข้ามผ่านไปได้ ในขณะที่ผู้อื่นที่มองดูเราอยู่ภายนอกในที่ไกลแสนไกลเห็นว่ามันเล็กเพียงนิด เดียวและยังมองเห็นช่องทางเล็กๆในมุมอับสายตาของเราที่จะสามารถลอดผ่านภูเขา ลูกนั้นไปได้
ปล3. เราเข้าจุฬาฯได้แล้วค่ะ......................เข้าไปวนรถแล้วก็ออก