สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมเคยครับ ป่าดงดิบแถบชายแดนกัมพูชา อยู่ในถ้ำ ที่มีแต่งูเลื้อยเต็มไปหมด
มีแต่ต้นไม้ปกคลุมไปหมด บ่ายสามนี่ฟ้ามืดแล้วครับเนื่องจากต้นไม้บังแดดหมด เงียบสงัดมาก มีแต่เสียงลมพัดด้านบน
ผมอยู่คนเดียว บางทีนั่งอยู่ งูแปลกๆ ตัวใหญ่ๆ เลื้อยเข้ามาจะพันคอผม (ค่อยๆ ขยับหนี) งูแต่ละชนิด ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี
ดึกๆ เนี่ยมีแต่เสียงลมข้างบน พัดไปพัดมา ส่วนด้านล่างนั้น เป็นใบไม้แห้ง ถ้ามีสัตว์ป่าแม้จะตัวเล็กเท่ากิ้งกือเดินผ่าน ก็จะได้ยินเสียง สรุปคืออะไรก็ตามถ้าเข้ามาใกล้ต้องรู้ล่วงหน้าก่อนแน่นอน เพราะมีแต่ใบไม้แห้ง และก็ผมเคยเห็นสัตว์ป่าตอนดึกๆ บ่อยๆ แต่มันไม่กล้าเข้ามาใกล้
ในถ้ำที่ผมอยุ่ มีงูจำศีลอยู่ในนั้นตัวใหญ่มากน้องๆ อนาคอนด้า หรืออาจจะเท่า แต่ต่างคนต่างอยู่ครับ
เคยมีพระจากต่างถิ่นมาขอพัก และไม่ว่าใครก็ตามมาอยู่ด้วย จะไม่เคยอยู่นานเกิน 2 คืนครับเพราะว่า ถ้าจิตไม่นิ่งพอ เป็นบ้าได้ครับ และก็บ้าไปแล้วหลายคน บางคนเจอเสือวิ่งหนี สลบที่โรงพยาบาลก็หลายวัน อันนี้พูดถึงเฉพาะสัตว์ร้ายก่อนนะครับ แปลกตรงมีแต่คนเจอกันจัง บางทีนายพรานก็ยิงกันเองเพราะเห็นเป็นสัตว์ ก็เลยยิง พอมาดูอีกทีอ้าวเพื่อนที่มาด้วยกันนี่หว่า มีเรื่องน่าฉงนเยอะครับ ส่วนผมไม่ค่อยเจอสัตว์ร้ายเท่าไหร่ แค่เค้าเดินผ่าน และรู้ว่าเค้ามา และก็พยายามแผ่เมตตาให้สัตว์ตลอด อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงไม่มีไรมารบกวน ตอนนั้นคิดว่า ตายเป้นตาย มอบกายถวายชีวิตแล้ว ตายก็ตายไปเถอะ ซึ่งตอนนั้นผมเป็นพระบวชใหม่สดเลยครับ ไปอยู่กับพระอาจารย์ท่านหนึ่งด้วยกัน แต่อยู่ไม่นานอาจารย์ท่านก็ทิ้งผมไปไหนไม่รู้หายไปเลย ผมเลยต้องอยู่คนเดียวครับ
ออกบิณฑบาตแต่ละวันต้องเดินไปกลับเกือบ ๒๐ กม. ไกลมาก บางวันก็มีอุบาสก อุบาสิกา มาถวายภัตตาหาร นานๆ ก็จะมีคนมาขอหวย แต่ผมก็เทศน์จนเขาเลิกขอ 555 เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ ครับ ไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดมาถึงปัจจุบันด้วยซ้ำเวลาคิดย้อนไป
ส่วนเรื่องลี้ลับเคยเจอครับ ตัวเป็นๆ กลางวันแสกๆนี่แหละ ไม่ต้องรอกลางคืนเลย (พระอาจารย์บอกว่าเป็นเปรต แต่ผมคิดว่าเป็นยักษ์ เห็นคนละที พระอาจาร์เคยเห็นมาก่อนแล้ว ผมก็ถามว่าลักษณะยังไง ท่านก็พูดออกมาตรงกันกับของผมที่เห็นเป๊ะเลย เลยคิดว่าไม่ได้มโนไปเอง) แต่ผมไม่คุย ไม่ถาม ในจิตก็กลัว แต่ตั้งสติว่า ถ้าเค้าถามก็จะพูด ถ้าไม่พูดก็นิ่งๆไว้ ยอมรับว่าเสียงนี่จุกอยู่ที่ลำคอ ขาไม่มีแรงจะก้าวไปไหนเลย รู้เลยว่าความกลัวตายมันเป็นยังไง แค่คนนั่งโม้มือจับคีบอร์ดนี่ส่วนใหญ่ไปเจอของจริงนี่ ผมว่าไม่วิ่งหนีจุกตูดก็เป็นเป็นบ้าครับ ถ้าใครสติไม่แข็งจริงเสร็จทุกราย อันตรายรอบด้านจริงๆ
แนะนำว่าถ้าอยากไปเดี่ยว..อย่าไปเลยครับ ต้องแน่ใจว่าจะคุมสติได้ ไม่กลัว เพราะเวลาไปจริงๆนี่ คนละเรื่องกับที่คิด เพราะเป็นสถานที่จริง ของจริง ตายจริง ไม่ง่ายเลยครับ หรือจะลองไปนั่งป่าช้าสักคืนสิครับ หรือไปที่ๆ น่ากลัวที่สุดที่คิดว่าเรากลัวที่สุด ลองดูจะอยู่ได้มั้ย จะว่าไปมันเป็นการฝึกจิตดีๆนี่เอง กำลังสมาธิ กำลังฌานต้องดี ไม่งั้นสติกระเจิง ตะเลิดง่ายมากครับ ลองดูครับ
มีแต่ต้นไม้ปกคลุมไปหมด บ่ายสามนี่ฟ้ามืดแล้วครับเนื่องจากต้นไม้บังแดดหมด เงียบสงัดมาก มีแต่เสียงลมพัดด้านบน
ผมอยู่คนเดียว บางทีนั่งอยู่ งูแปลกๆ ตัวใหญ่ๆ เลื้อยเข้ามาจะพันคอผม (ค่อยๆ ขยับหนี) งูแต่ละชนิด ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี
ดึกๆ เนี่ยมีแต่เสียงลมข้างบน พัดไปพัดมา ส่วนด้านล่างนั้น เป็นใบไม้แห้ง ถ้ามีสัตว์ป่าแม้จะตัวเล็กเท่ากิ้งกือเดินผ่าน ก็จะได้ยินเสียง สรุปคืออะไรก็ตามถ้าเข้ามาใกล้ต้องรู้ล่วงหน้าก่อนแน่นอน เพราะมีแต่ใบไม้แห้ง และก็ผมเคยเห็นสัตว์ป่าตอนดึกๆ บ่อยๆ แต่มันไม่กล้าเข้ามาใกล้
ในถ้ำที่ผมอยุ่ มีงูจำศีลอยู่ในนั้นตัวใหญ่มากน้องๆ อนาคอนด้า หรืออาจจะเท่า แต่ต่างคนต่างอยู่ครับ
เคยมีพระจากต่างถิ่นมาขอพัก และไม่ว่าใครก็ตามมาอยู่ด้วย จะไม่เคยอยู่นานเกิน 2 คืนครับเพราะว่า ถ้าจิตไม่นิ่งพอ เป็นบ้าได้ครับ และก็บ้าไปแล้วหลายคน บางคนเจอเสือวิ่งหนี สลบที่โรงพยาบาลก็หลายวัน อันนี้พูดถึงเฉพาะสัตว์ร้ายก่อนนะครับ แปลกตรงมีแต่คนเจอกันจัง บางทีนายพรานก็ยิงกันเองเพราะเห็นเป็นสัตว์ ก็เลยยิง พอมาดูอีกทีอ้าวเพื่อนที่มาด้วยกันนี่หว่า มีเรื่องน่าฉงนเยอะครับ ส่วนผมไม่ค่อยเจอสัตว์ร้ายเท่าไหร่ แค่เค้าเดินผ่าน และรู้ว่าเค้ามา และก็พยายามแผ่เมตตาให้สัตว์ตลอด อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงไม่มีไรมารบกวน ตอนนั้นคิดว่า ตายเป้นตาย มอบกายถวายชีวิตแล้ว ตายก็ตายไปเถอะ ซึ่งตอนนั้นผมเป็นพระบวชใหม่สดเลยครับ ไปอยู่กับพระอาจารย์ท่านหนึ่งด้วยกัน แต่อยู่ไม่นานอาจารย์ท่านก็ทิ้งผมไปไหนไม่รู้หายไปเลย ผมเลยต้องอยู่คนเดียวครับ
ออกบิณฑบาตแต่ละวันต้องเดินไปกลับเกือบ ๒๐ กม. ไกลมาก บางวันก็มีอุบาสก อุบาสิกา มาถวายภัตตาหาร นานๆ ก็จะมีคนมาขอหวย แต่ผมก็เทศน์จนเขาเลิกขอ 555 เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ ครับ ไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดมาถึงปัจจุบันด้วยซ้ำเวลาคิดย้อนไป
ส่วนเรื่องลี้ลับเคยเจอครับ ตัวเป็นๆ กลางวันแสกๆนี่แหละ ไม่ต้องรอกลางคืนเลย (พระอาจารย์บอกว่าเป็นเปรต แต่ผมคิดว่าเป็นยักษ์ เห็นคนละที พระอาจาร์เคยเห็นมาก่อนแล้ว ผมก็ถามว่าลักษณะยังไง ท่านก็พูดออกมาตรงกันกับของผมที่เห็นเป๊ะเลย เลยคิดว่าไม่ได้มโนไปเอง) แต่ผมไม่คุย ไม่ถาม ในจิตก็กลัว แต่ตั้งสติว่า ถ้าเค้าถามก็จะพูด ถ้าไม่พูดก็นิ่งๆไว้ ยอมรับว่าเสียงนี่จุกอยู่ที่ลำคอ ขาไม่มีแรงจะก้าวไปไหนเลย รู้เลยว่าความกลัวตายมันเป็นยังไง แค่คนนั่งโม้มือจับคีบอร์ดนี่ส่วนใหญ่ไปเจอของจริงนี่ ผมว่าไม่วิ่งหนีจุกตูดก็เป็นเป็นบ้าครับ ถ้าใครสติไม่แข็งจริงเสร็จทุกราย อันตรายรอบด้านจริงๆ
แนะนำว่าถ้าอยากไปเดี่ยว..อย่าไปเลยครับ ต้องแน่ใจว่าจะคุมสติได้ ไม่กลัว เพราะเวลาไปจริงๆนี่ คนละเรื่องกับที่คิด เพราะเป็นสถานที่จริง ของจริง ตายจริง ไม่ง่ายเลยครับ หรือจะลองไปนั่งป่าช้าสักคืนสิครับ หรือไปที่ๆ น่ากลัวที่สุดที่คิดว่าเรากลัวที่สุด ลองดูจะอยู่ได้มั้ย จะว่าไปมันเป็นการฝึกจิตดีๆนี่เอง กำลังสมาธิ กำลังฌานต้องดี ไม่งั้นสติกระเจิง ตะเลิดง่ายมากครับ ลองดูครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากถามว่าใครเคยไปใช้ชีวิตในป่าบ้างแบบคนเดียวเลยมันมีสิ่งลึ้ลับตามพระธุดงบอกไหมครับ