จุดประสงค์
๑) ให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๒) คุณสมบัติ ของ ผู้ที่จะเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๓) หน้าที่การงาน หลังจากจบคณะเภสัชศาสตร์
๔) หลักสูตรในการศึกษา คณะเภสัชศาสตร์
๕) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์
กลุ่มเป้าหมาย
๑) นักเรียนที่กำลังเรียน มัธยมศึกษา ตอนปลาย ๕ และ ๖
รูปแบบการนำเสนอ
๑) เจ้าของกระทู้ คิดเองบางส่วน
๒) ภาพประกอบในการเสนอ
๓) แหล่งอ้างอิง
๑) ความรู้เกี่ยวกับการเลือกเรียน คณะเภสัชศาสตร์ ( ไม่เครียดนะครับ )
๑.๑
หลักการเลือกคณะ [ดูจากคนใกล้ตัว เช่นพ่อแม่ หรือ เครือญาติ ที่ประกอบอาชีพนี้ (คณะเภสัชศาสตร์)]
หลังจากที่นักเรียนจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ก้าวต่อไปของชีวิตการศึกษาคือการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย จะต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ ว่าอยากเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยที่ตัวเองตั้งใจไว้ จริงๆ ไม่ควรเลือกตามเพื่อนๆ เพราะ ถ้าไม่ชอบเรียนขึ้นมาจะทำให้ ต้องเสียเวลา เสียโอกาศ และ เสียค่าเล่าเรียนไป ดังนั้นต้องถามใจของตัวเองว่าชอบเรียนคณะเภสัชศาสตร์ หรือ ดูตัวอย่างจากการประกอบอาชีพของพ่อแม่ ที่จบคณะเภสัชศาสตร์ ก็เป็นอีกแนวทางในการตัดสินใจ เลือกเรียนคณะเภสัชศาสตร์
๑.๒
หาข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง [ตั้งใจที่จะเข้าศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ อย่างแน่วแน่ทีเดียว]
เริ่มจาการพิจารณาความสามารถทางการเรียนของตน ลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพ ค้นหาความถนัดหรือทักษะพิเศษ จากนั้นพยายามทำกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อค้นหาความชอบหรือความสนใจในสาขาวิชาชองคณะต่างๆ ควรเริ่มตั้งเป้าหมายชีวิตและอาชีพในอนาคตไว้แต่เนิ่นๆ สุขภาพและลักษณะทางร่างกายก็จัดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากคณะเภสัชศาสตร์จะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าศึกษาด้านสุขภาพเป็นพิเศษ
๑.๓
หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์ จะมีทั้งมหาวิทยาลัยของเอกชน และ มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งมีการเรียนไม่แตกต่างกัน มีทั้งภาคธรรมดา กับ ภาคอินเตอร์ จะต่างก็ค่าเล่าเรียนเท่านั้นครับ และข้อมูลอื่น ๆ
ควรหาให้ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนที่สุด ทั้งในด้านหลักสูตรการเรียนการสอน(จะไม่แตกต่างกันไม่ว่าเอกชนหรือรัฐบาล) ระยะเวลาในการศึกษา( ๖ ปีทุกมหาวิทยาลัย ) คุณวุฒิเมื่อสำเร็จการศึกษา(เภสัชศาสตร์บัณฑิต) ค่าหน่วยกิต ค่าธรรมเนียมต่างๆ (มหาวิทยาลัยของเอกชนจะแพงกว่ามากๆ) คุณสมบัติของผู้สมัคร อาชีพในสายงานนั้น ความก้าวหน้า และแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน( ยังมีความต้องการสูงขึ้น รับรองจบออกมาไม่ตกงานแน่นอนครับ )
เมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะนิสัย ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และข้อมูลเกี่ยวกับคณะนั้นๆ ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อแล้ว ผู้สนใจเข้าศึกษาต่อยังสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ จากฝ่ายแนะแนวของโรงเรียนที่สังกัดอยู่ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ คณะต่างๆ ได้
แหล่งอ้างอิงhttp://www.chula.ac.th/chula/th/faculty/index.html
เว็บไซต์ การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อ ( Chula Admissions )
http://www.admissions.chula.ac.th/
หมายเหตุ การค้นหาตัวตนของตัวเองแบบง่ายๆ
***คนช่างสังเกต จินตนาการและวาดภาพ สวย
***คิดเป็นขั้นตอน (ง่ายๆชอบวางแผน หรือ เล่นเกมส์ วางแผน)
***คนที่กล้าแสดงออก
***ชอบเรียนรู้สิ่งแปลกๆใหม่ในชีวิต
***คนร่าเริง/เข้ากับเพื่อนต่างเพศได้ง่าย/แนวคิดแปลกๆ
***ระยะเวลาในการเรียน ๖ ปี ในคณะเภสัชศาสตร์
***การศึกษามีตั้งแต่ ระดับปริญญาบัณฑิต/ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต/
๒)
คุณสมบัติ ของ ผู้ที่จะเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๒.๑- จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
๒.๒- ผู้กำลังศึกษา และ รอผลการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปี่ที่ 6แผนการเรียน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
๒.๓- สายอื่นก็ได้ แต่ต้องอ่านแยะนิดครับ
๒.๔- มีความกระตือรือร้น ในการท่องจำ และ ช่างสังเกต /กล้าแสดงออก /
๒.๕- ใจอยากจะเรียนจริงๆ และ ต้องไม่กลัวอาจารย์ใหญ่ /กลิ่นยา และ สารเคมีต่างๆ
๒.๖- วิชาที่ใช้ในการสอบเข้าศึกษาใน คณะเภสัชศาสตร์
วิชา ภาษาไทย /วิชา สังคมศึกษา/วิชา ภาษาอังกฤษ
/วิชา คณิตศาสตร์์
/วิชา วิทยาศาสตร์ (ชีววิทยา /เคมี /พิสิกส์)
จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ ปราศจาคโรค ดังต่อไปนี้
*มีความพิการ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
*มีปัญหาทางจิตเวช ได้แก่ โรคจิต โรคประสาทรวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ
*โรคติดต่อในระยะอันตราย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร โรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และประกอบวิชาชีพ เช่น
*โรคลมชักที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
*โรคหัวใจระดับรุนแรง
*โรคความดันเลือดสูงขั้นรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดผลต่ออวัยวะนั้นๆอย่างถาวร เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมองตีบตัน
*โรคไตวายเรื้อรัง
*ติดาเสพติดขั้นรุนแรง เช่น เฮโรอิน
*ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง
๓
หน้าที่การงาน หลังจากจบคณะเภสัชศาสตร์
- เภสัชกรชุมชน (เภสัชกรในร้านยา) หมายเหตุ เป็นการประกอบอาชีพอิสระทางด้านเภสัชศาสตร์ ทั้งในประเทศ หรือ ต่างประเทศก็ได้
- เภสัชกรโรงพยาบาล หน้าที่ตรวจสอบการจ่ายยา ดูวิธีการทานยานั้นถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ตามใบสั่งยาที่แพทย์สั่งจ่ายยานั้นๆ ติดตามการใช้ยา หรือ ประเมินผลจากการใช้ยานั้นๆของคนไข้ ตรวจสอบใบยาที่แพทย์สั่งนั้นมีผลต่อคนไข้หรือไม่ เช่น ยาตีกัน ขนาดยาไม่ถูกต้อง ปริมาณยาที่จ่ายไม่ถูกต้อง หรือ ยาซ้ำซ้อนเกินความจำเป็น ประวัติการแพ้ยา และ ปรึกษาเรื่องยาให้แก่คนไข้ หรือ ยาที่วิชาชีพอื่นๆ สงสัย ที่อาจจะส่งผลเสียต่อคนไข้
- เภสัชกรโรงงานผลิตยา เน้นกระบวนการผลิตยา ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ จนถึงตรวจสอบคุณภาพยา เช่น Dissolution , Bioequivalence , Content uniformity ให้ตรงตามตำรับของยานั้นๆ
- เภสัชกรการตลาด
***ผู้แทนยา เสนอยาใหม่ให้บุคลากรการแพทย์ทราบ
***ผู้แทนด้านการวางแผนที่เกี่ยวข้องกับยา
- รับราชการ เช่น ๑) สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา สกัดกระทรวงสาธารณสุข นี้มีสิทธิเบิกในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลรัฐบาล เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ /โรงพยาบาลราชวิถี /โรงพยาบาลศิริราช /โรงพยาบาลทรวงอก /โรงพยาบาลรามาธิบดี /โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า /โรงพยาบาลทรวงอก และ โรงพยาบาลบำราศนราดูร และ ค่าเล่าเรียนของลูกได้ และ ๒) สาธารณสุขประจำจังหวัด (รับราชการ เบิกได้ ทั้งครอบครัว และพ่อและแม่ ถือว่าเป็นงานที่มั่นคง ตอนปลดเกษียณแล้ว มีบำนาญตลอดชีวิต และสิทธิในการรักษา ยังคงอยู่) เป็นต้น
- เภสัชขึ้นทะเบียนยาใหม่ๆ เน้นนำยาที่ออกมาใหม่ๆ มาขอขึ้นทะเบียนยา จะเกี่ยวข้องกับเอกสาร และความรู้ด้านภาษาอังกฤษ กับ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาของ บริษัทยาต่างชาติ หรือ โรงงานผลิตยาของคนไทย
- อาจารย์ คณะเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยนั้น เช่น ด้าน พิษวิทยา ด้านสมุนไพร ด้านการตลาด ด้านเภสัชวิทยา ด้านกฎหมายยา
- ตั้งโรงงานผลิดยา หรือ ตั้งโรงพยาบาล โดยใช้เงินของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผลิตยาที่ใช้รักษาโรคสำหรับ มนุษย์ สัตว์
- เป็นตัวแทนจำหน่ายยา แผนปัจุบันชั้น ๑ ทุกชนิด รวมทั้ง ยาสำหรับสัตว์ และยาแผนโบราณ รวมทั้ง เครื่องมือแพทย์ และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ได้
- นักวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างยาทางเคมี เช่น ยารักษาโรคเอดส์ ยารักษาโรคมะเร็ง
๔) หลักสูตรในการศึกษา คณะเภสัชศาสตร์ ๖ ปี เช่นเดียวกับ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทย์ คณะสัตวแพทย์ เป็นต้นครับ
***แต่เดิมนั้นจะมีการศึกษา ตลอดหลักสูตร ๕ ปี และปรับเปลี่ยนเป็น ๖ ปีเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยสภาเภสัชกรรม เห็นว่าหลักสูตร ๕ ปีนั้น นักศึกษาเภสัชศาสตร์ เครียด และ เรียนหนักมากไป จึงเห็นสมควรปรับเปลี่ยนหลักสูตรเป็น ๖ ปีหมด ซึ่งจะไม่มีหลักสูตร ๕ ปีอีกต่อไปแล้วครับ คร่าวๆ เกี่ยวกับหลักสูตร ๖ ปี ดังภาพครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๑

หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๒

หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๓

หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๔

หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๕ และ ปี ๖
อ้างอิง หลักสูตรจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
อ้างอิง ร่าง พระราชบัญญัติยา ฉบับแก้ไข พ.ศ. ....
๕)
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์
๑)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2530 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๒)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2509 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๓)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2511 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๔)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2521 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๕)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. 2523 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๖)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2528 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๗)
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2456 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๘)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2536 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๙)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2537 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๐)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2537 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๑)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2539 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๒)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2542 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๓)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2549 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๔)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2550 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๕)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2551 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๖)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2552 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๗)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา พ.ศ. 2553 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๘)
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2555 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสังเกตการณ์
หมายเหตุ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์ เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นครับ
เรียน คณะเภสัชศาสตร์ ง่ายไม่ยากอย่างที่คิดครับ
๑) ให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๒) คุณสมบัติ ของ ผู้ที่จะเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๓) หน้าที่การงาน หลังจากจบคณะเภสัชศาสตร์
๔) หลักสูตรในการศึกษา คณะเภสัชศาสตร์
๕) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์
กลุ่มเป้าหมาย
๑) นักเรียนที่กำลังเรียน มัธยมศึกษา ตอนปลาย ๕ และ ๖
รูปแบบการนำเสนอ
๑) เจ้าของกระทู้ คิดเองบางส่วน
๒) ภาพประกอบในการเสนอ
๓) แหล่งอ้างอิง
๑) ความรู้เกี่ยวกับการเลือกเรียน คณะเภสัชศาสตร์ ( ไม่เครียดนะครับ )
๑.๑ หลักการเลือกคณะ [ดูจากคนใกล้ตัว เช่นพ่อแม่ หรือ เครือญาติ ที่ประกอบอาชีพนี้ (คณะเภสัชศาสตร์)]
หลังจากที่นักเรียนจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ก้าวต่อไปของชีวิตการศึกษาคือการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย จะต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ ว่าอยากเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยที่ตัวเองตั้งใจไว้ จริงๆ ไม่ควรเลือกตามเพื่อนๆ เพราะ ถ้าไม่ชอบเรียนขึ้นมาจะทำให้ ต้องเสียเวลา เสียโอกาศ และ เสียค่าเล่าเรียนไป ดังนั้นต้องถามใจของตัวเองว่าชอบเรียนคณะเภสัชศาสตร์ หรือ ดูตัวอย่างจากการประกอบอาชีพของพ่อแม่ ที่จบคณะเภสัชศาสตร์ ก็เป็นอีกแนวทางในการตัดสินใจ เลือกเรียนคณะเภสัชศาสตร์
๑.๒ หาข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง [ตั้งใจที่จะเข้าศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ อย่างแน่วแน่ทีเดียว]
เริ่มจาการพิจารณาความสามารถทางการเรียนของตน ลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพ ค้นหาความถนัดหรือทักษะพิเศษ จากนั้นพยายามทำกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อค้นหาความชอบหรือความสนใจในสาขาวิชาชองคณะต่างๆ ควรเริ่มตั้งเป้าหมายชีวิตและอาชีพในอนาคตไว้แต่เนิ่นๆ สุขภาพและลักษณะทางร่างกายก็จัดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากคณะเภสัชศาสตร์จะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าศึกษาด้านสุขภาพเป็นพิเศษ
๑.๓ หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์ จะมีทั้งมหาวิทยาลัยของเอกชน และ มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งมีการเรียนไม่แตกต่างกัน มีทั้งภาคธรรมดา กับ ภาคอินเตอร์ จะต่างก็ค่าเล่าเรียนเท่านั้นครับ และข้อมูลอื่น ๆ
ควรหาให้ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนที่สุด ทั้งในด้านหลักสูตรการเรียนการสอน(จะไม่แตกต่างกันไม่ว่าเอกชนหรือรัฐบาล) ระยะเวลาในการศึกษา( ๖ ปีทุกมหาวิทยาลัย ) คุณวุฒิเมื่อสำเร็จการศึกษา(เภสัชศาสตร์บัณฑิต) ค่าหน่วยกิต ค่าธรรมเนียมต่างๆ (มหาวิทยาลัยของเอกชนจะแพงกว่ามากๆ) คุณสมบัติของผู้สมัคร อาชีพในสายงานนั้น ความก้าวหน้า และแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน( ยังมีความต้องการสูงขึ้น รับรองจบออกมาไม่ตกงานแน่นอนครับ )
เมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะนิสัย ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และข้อมูลเกี่ยวกับคณะนั้นๆ ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อแล้ว ผู้สนใจเข้าศึกษาต่อยังสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ จากฝ่ายแนะแนวของโรงเรียนที่สังกัดอยู่ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ คณะต่างๆ ได้
แหล่งอ้างอิงhttp://www.chula.ac.th/chula/th/faculty/index.html
เว็บไซต์ การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อ ( Chula Admissions )
http://www.admissions.chula.ac.th/
หมายเหตุ การค้นหาตัวตนของตัวเองแบบง่ายๆ
***คนช่างสังเกต จินตนาการและวาดภาพ สวย
***คิดเป็นขั้นตอน (ง่ายๆชอบวางแผน หรือ เล่นเกมส์ วางแผน)
***คนที่กล้าแสดงออก
***ชอบเรียนรู้สิ่งแปลกๆใหม่ในชีวิต
***คนร่าเริง/เข้ากับเพื่อนต่างเพศได้ง่าย/แนวคิดแปลกๆ
***ระยะเวลาในการเรียน ๖ ปี ในคณะเภสัชศาสตร์
***การศึกษามีตั้งแต่ ระดับปริญญาบัณฑิต/ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต/
๒) คุณสมบัติ ของ ผู้ที่จะเข้าเรียน คณะเภสัชศาสตร์
๒.๑- จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
๒.๒- ผู้กำลังศึกษา และ รอผลการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปี่ที่ 6แผนการเรียน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
๒.๓- สายอื่นก็ได้ แต่ต้องอ่านแยะนิดครับ
๒.๔- มีความกระตือรือร้น ในการท่องจำ และ ช่างสังเกต /กล้าแสดงออก /
๒.๕- ใจอยากจะเรียนจริงๆ และ ต้องไม่กลัวอาจารย์ใหญ่ /กลิ่นยา และ สารเคมีต่างๆ
๒.๖- วิชาที่ใช้ในการสอบเข้าศึกษาใน คณะเภสัชศาสตร์
วิชา ภาษาไทย /วิชา สังคมศึกษา/วิชา ภาษาอังกฤษ
/วิชา คณิตศาสตร์์
/วิชา วิทยาศาสตร์ (ชีววิทยา /เคมี /พิสิกส์)
จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ ปราศจาคโรค ดังต่อไปนี้
*มีความพิการ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
*มีปัญหาทางจิตเวช ได้แก่ โรคจิต โรคประสาทรวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ
*โรคติดต่อในระยะอันตราย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร โรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และประกอบวิชาชีพ เช่น
*โรคลมชักที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
*โรคหัวใจระดับรุนแรง
*โรคความดันเลือดสูงขั้นรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดผลต่ออวัยวะนั้นๆอย่างถาวร เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมองตีบตัน
*โรคไตวายเรื้อรัง
*ติดาเสพติดขั้นรุนแรง เช่น เฮโรอิน
*ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง
๓ หน้าที่การงาน หลังจากจบคณะเภสัชศาสตร์
- เภสัชกรชุมชน (เภสัชกรในร้านยา) หมายเหตุ เป็นการประกอบอาชีพอิสระทางด้านเภสัชศาสตร์ ทั้งในประเทศ หรือ ต่างประเทศก็ได้
- เภสัชกรโรงพยาบาล หน้าที่ตรวจสอบการจ่ายยา ดูวิธีการทานยานั้นถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ตามใบสั่งยาที่แพทย์สั่งจ่ายยานั้นๆ ติดตามการใช้ยา หรือ ประเมินผลจากการใช้ยานั้นๆของคนไข้ ตรวจสอบใบยาที่แพทย์สั่งนั้นมีผลต่อคนไข้หรือไม่ เช่น ยาตีกัน ขนาดยาไม่ถูกต้อง ปริมาณยาที่จ่ายไม่ถูกต้อง หรือ ยาซ้ำซ้อนเกินความจำเป็น ประวัติการแพ้ยา และ ปรึกษาเรื่องยาให้แก่คนไข้ หรือ ยาที่วิชาชีพอื่นๆ สงสัย ที่อาจจะส่งผลเสียต่อคนไข้
- เภสัชกรโรงงานผลิตยา เน้นกระบวนการผลิตยา ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ จนถึงตรวจสอบคุณภาพยา เช่น Dissolution , Bioequivalence , Content uniformity ให้ตรงตามตำรับของยานั้นๆ
- เภสัชกรการตลาด
***ผู้แทนยา เสนอยาใหม่ให้บุคลากรการแพทย์ทราบ
***ผู้แทนด้านการวางแผนที่เกี่ยวข้องกับยา
- รับราชการ เช่น ๑) สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา สกัดกระทรวงสาธารณสุข นี้มีสิทธิเบิกในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลรัฐบาล เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ /โรงพยาบาลราชวิถี /โรงพยาบาลศิริราช /โรงพยาบาลทรวงอก /โรงพยาบาลรามาธิบดี /โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า /โรงพยาบาลทรวงอก และ โรงพยาบาลบำราศนราดูร และ ค่าเล่าเรียนของลูกได้ และ ๒) สาธารณสุขประจำจังหวัด (รับราชการ เบิกได้ ทั้งครอบครัว และพ่อและแม่ ถือว่าเป็นงานที่มั่นคง ตอนปลดเกษียณแล้ว มีบำนาญตลอดชีวิต และสิทธิในการรักษา ยังคงอยู่) เป็นต้น
- เภสัชขึ้นทะเบียนยาใหม่ๆ เน้นนำยาที่ออกมาใหม่ๆ มาขอขึ้นทะเบียนยา จะเกี่ยวข้องกับเอกสาร และความรู้ด้านภาษาอังกฤษ กับ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาของ บริษัทยาต่างชาติ หรือ โรงงานผลิตยาของคนไทย
- อาจารย์ คณะเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยนั้น เช่น ด้าน พิษวิทยา ด้านสมุนไพร ด้านการตลาด ด้านเภสัชวิทยา ด้านกฎหมายยา
- ตั้งโรงงานผลิดยา หรือ ตั้งโรงพยาบาล โดยใช้เงินของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผลิตยาที่ใช้รักษาโรคสำหรับ มนุษย์ สัตว์
- เป็นตัวแทนจำหน่ายยา แผนปัจุบันชั้น ๑ ทุกชนิด รวมทั้ง ยาสำหรับสัตว์ และยาแผนโบราณ รวมทั้ง เครื่องมือแพทย์ และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ได้
- นักวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างยาทางเคมี เช่น ยารักษาโรคเอดส์ ยารักษาโรคมะเร็ง
๔) หลักสูตรในการศึกษา คณะเภสัชศาสตร์ ๖ ปี เช่นเดียวกับ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทย์ คณะสัตวแพทย์ เป็นต้นครับ
***แต่เดิมนั้นจะมีการศึกษา ตลอดหลักสูตร ๕ ปี และปรับเปลี่ยนเป็น ๖ ปีเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยสภาเภสัชกรรม เห็นว่าหลักสูตร ๕ ปีนั้น นักศึกษาเภสัชศาสตร์ เครียด และ เรียนหนักมากไป จึงเห็นสมควรปรับเปลี่ยนหลักสูตรเป็น ๖ ปีหมด ซึ่งจะไม่มีหลักสูตร ๕ ปีอีกต่อไปแล้วครับ คร่าวๆ เกี่ยวกับหลักสูตร ๖ ปี ดังภาพครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๑
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๒
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๓
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๔
หลักสูตรคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๕ และ ปี ๖
อ้างอิง หลักสูตรจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
อ้างอิง ร่าง พระราชบัญญัติยา ฉบับแก้ไข พ.ศ. ....
๕) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์
๑) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2530 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๒) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2509 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๓) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2511 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๔) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2521 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๕) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. 2523 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๖) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2528 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๗) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2456 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๘) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2536 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๙) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2537 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๐) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2537 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๑) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2539 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๒) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2542 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๓) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2549 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๔) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2550 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๕) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2551 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๖) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2552 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสหพันธ์
๑๗) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา พ.ศ. 2553 สภาเภสัชกรรมรับรองถาวร เข้าร่วมสหพันธ์
๑๘) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2555 สภาเภสัชกรรมรับรองแบบมีเงื่อนไข ** เข้าร่วมสังเกตการณ์
หมายเหตุ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน คณะเภสัชศาสตร์ เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นครับ