เอเอฟพี – ทางการออสเตรเลียสั่งสอบสวนกรณีผู้อำนวยการวิทยาลัยอิสลามแห่งหนึ่งในรัฐวิกตอเรียห้ามนักเรียนหญิงลงแข่งขันกรีฑา โดยอ้างว่าจะเป็นเหตุให้เสีย “พรหมจรรย์”
เจมส์ เมอร์ลิโน รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาแห่งรัฐวิกตอเรีย แถลงวันนี้(23 เม.ย.)ว่า ถ้าคำบอกเล่าของอดีตครูวิทยาลัย อัต-ตักวา ในเมืองเมลเบิร์นเป็นความจริง ก็ถือเป็นเรื่อง “น่ากังวลอย่างยิ่ง”
“ผมสั่งให้สำนักงานทะเบียนและประกันคุณภาพการศึกษาแห่งรัฐวิกตอเรีย (Victorian Registration and Qualifications Authority) เข้าไปตรวจสอบแล้ว” เมอร์ลิโน แถลง
หนังสือพิมพ์ ดิ เอจ รายงานว่า อดีตครูคนหนึ่งได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงในสัปดาห์นี้ โดยอ้างว่า “ผู้อำนวยการวิทยาลัย โอมาร์ ฮัลลัก มีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงวิ่งมากเกินไปจะสูญเสียพรหมจรรย์”
“ผู้อำนวยการท่านนี้เชื่อว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าถ้าเด็กผู้หญิงออกกำลังมากไปจนได้รับบาดเจ็บ เช่น ขาหักขณะเล่นฟุตบอล อาจจะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์ของพวกเธอมีปัญหา”
สื่อฉบับนี้ยังได้ตีพิมพ์จดหมายที่เหมือนจะเขียนขึ้นโดยทีมนักกีฬาหญิงที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของ โอมาร์ ซึ่งห้ามไม่ให้ทีมนักเรียนชั้นประถมลงแข่งขันกีฬาระดับเขตในปี 2013 และ 2014
“การที่เราเป็นหญิงไม่ได้หมายความว่าเราจะวิ่งแข่งไม่ได้” จดหมายฉบับนี้ระบุ และยังตำหนิแนวคิดของผู้อำนวยการว่า “ดูหมิ่นศักยภาพของนักเรียนหญิงทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วม”
“ไม่มีฮะดีษ (คำพูดของศาสดามูฮัมหมัด ซ.ล. ที่มีการจดบันทึกไว้) บทไหนห้ามผู้หญิงวิ่ง ตราบใดที่เรายังสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและมิดชิด”
วิทยาลัย อัต-ตักวา เป็นสถานศึกษาสำหรับเยาวชนมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวิกตอเรีย มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนทั้งสิ้น 1,701 คนในปีที่แล้ว
โรงเรียนเอกชนแห่งนี้เปิดรับนักเรียนที่อายุไม่เกิน 18 ปี โดยได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลกลางกว่า 15 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2013
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้อำนวยการ ฮัลลัก ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
เดือนที่แล้ว เขาให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ ดิ เอจ ว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นเพียงแผนของอิสราเอลและสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนเพื่อยึดแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลาง และห้ามนักเรียนทุกคนสนับสนุนหรือเข้าร่วมกับนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้
“กลุ่มไอเอสได้รับทั้งอาวุธและการฝึกฝนจากพวกเขา (สหรัฐฯและอิสราเอล) เห็นได้จากอาวุธที่ใช้ว่าล้วนเป็นของใหม่เอี่ยม” ฮัลลัก กล่าว
เขายังยืนยันว่า “ไม่เชื่อว่าโลกมุสลิมจะสร้างไอเอสขึ้นมา” เพราะการสังหารผู้บริสุทธิ์ “ไม่ใช่แนวทางของอิสลาม”
คริสโตเฟอร์ ไพน์ รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาออสเตรเลีย ถึงกับต้องส่งหนังสือไปถึงวิทยาลัย อัต-ตักวา เพื่อขอให้ผู้อำนวยการ ฮัลลัก อธิบายในสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับไอเอส
ภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศทำให้รัฐบาลแดนจิงโจ้ยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเป็นขั้น “สูง” ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยหลายแห่งตามเมืองใหญ่ๆ ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
.
สุดอึ้ง! “วิทยาลัยอิสลามออสซี่” ห้ามนร.หญิงแข่งกรีฑา-อ้างทำให้ “เสียพรหมจรรย์”
เจมส์ เมอร์ลิโน รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาแห่งรัฐวิกตอเรีย แถลงวันนี้(23 เม.ย.)ว่า ถ้าคำบอกเล่าของอดีตครูวิทยาลัย อัต-ตักวา ในเมืองเมลเบิร์นเป็นความจริง ก็ถือเป็นเรื่อง “น่ากังวลอย่างยิ่ง”
“ผมสั่งให้สำนักงานทะเบียนและประกันคุณภาพการศึกษาแห่งรัฐวิกตอเรีย (Victorian Registration and Qualifications Authority) เข้าไปตรวจสอบแล้ว” เมอร์ลิโน แถลง
หนังสือพิมพ์ ดิ เอจ รายงานว่า อดีตครูคนหนึ่งได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงในสัปดาห์นี้ โดยอ้างว่า “ผู้อำนวยการวิทยาลัย โอมาร์ ฮัลลัก มีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงวิ่งมากเกินไปจะสูญเสียพรหมจรรย์”
“ผู้อำนวยการท่านนี้เชื่อว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าถ้าเด็กผู้หญิงออกกำลังมากไปจนได้รับบาดเจ็บ เช่น ขาหักขณะเล่นฟุตบอล อาจจะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์ของพวกเธอมีปัญหา”
สื่อฉบับนี้ยังได้ตีพิมพ์จดหมายที่เหมือนจะเขียนขึ้นโดยทีมนักกีฬาหญิงที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของ โอมาร์ ซึ่งห้ามไม่ให้ทีมนักเรียนชั้นประถมลงแข่งขันกีฬาระดับเขตในปี 2013 และ 2014
“การที่เราเป็นหญิงไม่ได้หมายความว่าเราจะวิ่งแข่งไม่ได้” จดหมายฉบับนี้ระบุ และยังตำหนิแนวคิดของผู้อำนวยการว่า “ดูหมิ่นศักยภาพของนักเรียนหญิงทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วม”
“ไม่มีฮะดีษ (คำพูดของศาสดามูฮัมหมัด ซ.ล. ที่มีการจดบันทึกไว้) บทไหนห้ามผู้หญิงวิ่ง ตราบใดที่เรายังสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและมิดชิด”
วิทยาลัย อัต-ตักวา เป็นสถานศึกษาสำหรับเยาวชนมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวิกตอเรีย มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนทั้งสิ้น 1,701 คนในปีที่แล้ว
โรงเรียนเอกชนแห่งนี้เปิดรับนักเรียนที่อายุไม่เกิน 18 ปี โดยได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลกลางกว่า 15 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2013
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้อำนวยการ ฮัลลัก ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
เดือนที่แล้ว เขาให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ ดิ เอจ ว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นเพียงแผนของอิสราเอลและสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนเพื่อยึดแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลาง และห้ามนักเรียนทุกคนสนับสนุนหรือเข้าร่วมกับนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้
“กลุ่มไอเอสได้รับทั้งอาวุธและการฝึกฝนจากพวกเขา (สหรัฐฯและอิสราเอล) เห็นได้จากอาวุธที่ใช้ว่าล้วนเป็นของใหม่เอี่ยม” ฮัลลัก กล่าว
เขายังยืนยันว่า “ไม่เชื่อว่าโลกมุสลิมจะสร้างไอเอสขึ้นมา” เพราะการสังหารผู้บริสุทธิ์ “ไม่ใช่แนวทางของอิสลาม”
คริสโตเฟอร์ ไพน์ รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาออสเตรเลีย ถึงกับต้องส่งหนังสือไปถึงวิทยาลัย อัต-ตักวา เพื่อขอให้ผู้อำนวยการ ฮัลลัก อธิบายในสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับไอเอส
ภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศทำให้รัฐบาลแดนจิงโจ้ยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเป็นขั้น “สูง” ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยหลายแห่งตามเมืองใหญ่ๆ ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
.