ประสบการณ์ใช้ชีวิตในออสเตรเลียด้วย วีซ่า WAH (Work and holiday) Part 2.

ต้องขอโทษคนที่ตามมาอ่านด้วย พอดี จขกท กลับไทยมา ได้งานประจำ เลยต้องใช้เวลาปรับตัว และในวันหยุดมีเรียนเสริม และนัดเจอเพื่อนๆที่ไทยให้หายคิดถึง วันนี้จะมาต่อนะ (หายไป เป็นเดือนๆ 55+)

ใครยังไม่ได้อ่าน Part 1 อ่านได้จากนี้ลิงค์นี้เลยจ้า

http://pantip.com/topic/32475699

หลังจากชีวิตค่อนข้างที่จะโอเคแล้ว เราจึงอยากจะกล่าวถึง งานคลีนที่เราได้มีโอกาสทำบ้าง (งานคลีนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทำความสะอาดบ้านเพียงอย่างเดียวนะ) กล่าวรวมๆก่อนว่า ใน ออสเตรเลีย เนี่ย ถ้าอาศัยออกมา นอกเขตเมือง อย่างโซนที่เราอยู่เนี่ย เราไม่ค่อยได้เจอวัยรุ่นๆ เดียวกันเท่าไร ส่วนมากจะมีวัยทำงาน กลางคน รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย มีอยู่วันหนึ่ง มีโทรศัพท์ดัง เราเลยรับสาย ปรากฏว่า เค้าชื่อ Lloyd เขียนแบบนี้จริงๆ เค้าเห็นประกาศเราจากใน บอดร์ว่า รับทำความสะอาด เค้าเลยอยากจ้าง 2 ชั่วโมง โดยราคาที่เราคิด คือ $17 หลังจากตกลง เราจึงขอที่อยู่เค้ามา โห เค้าอยู่ออกไปอีก ไกลจากบ้าน ต้องนั่งรถไปอีกตั้ง 3 สถานี จะคุ้มมั้ยเนี่ย โชคดี ที่ เจ้าของบ้านเราว่าง เค้าเลยขับรถไปส่งเราที่บ้าน Lloyd ภาพแรกที่เห็นคือ บ้านรกมาก คือ รกแบบมากๆ แบบ เฮ้ย ไม่เคยทำความสะอาดเลยหรอฟะเนี่ย แถมอยู่คนเดียว กะ หมา 1 ตัว ทำไมมันโสโครกแบบนี้วะเนี่ย พอเค้าเห็นเรา ก็มีการทักทาย แล้วเค้าบอกว่า อีก 2 ชม เค้าจะกลับมา ฝากบ้านด้วย เอ้ย ไว้ใจเราขนาดนั้นเลยหรอ เชื่อมั้ย เหนื่อยมาก แค่กวาดกะถู ก็ปาไปเป็น ชั่วโมง แล้วห้องครัว สกปรกมาก อ่างล้างจาน เตาแก๊ส เรายังทำไม่เสร็จ มันก็ครบ 2 ชม Lloyd กลับมาแล้ว เค้าเลยเอาเงินให้ พร้อมกับไปส่งเราที่ สถานีรถไฟ

ถามว่า เข็ดมั้ย กับงานคลีน เอาน่า ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ช่างมัน ... T-T

ต่อไป ถัดมาอีก 3 สัปดาห์ มีโทรศัพท์มาอีก ทีนี้เป็นป้าๆหน่อย ผู้หญิง ให้เราไปช่วยดึงวัชพืช กับตัดหญ้า แต่โชคดีที่บ้านห่างจากเราไป 3 หลังเอง คือ เราก็เลยถามว่า ให้เอาเครื่องตัดหญ้าไปไหม เค้าบอก เอามาก็ได้ เราเลยไปยืมเครื่องตัดหญ้าจาก Landlord เรา ซึ่งขนาดกลางๆ เราพอใช้ไหว ปกติ เราตัดหญ้าให้ Landlord ของเราเป็นประจำ เรานัดป้าเป็นวันจันทร์ตอน 7 โมงเช้า เพราะ 10 โมง เรามีงานร้านนวด เราเอาเครื่องตัดหญ้า เข็นไปตั้งแต่ 6 โมง 45 ไปถึง เห็นป้านั่งอยู่กะ ผญ คล้ายๆทอมคนนึง เดาว่าน่าจะเป็นลูก หลังจากแนะนำตัวและ ป้าเห็นเครื่องตัดหญ้าเรา เค้าทำหน้าเหวอๆ จิบนึง และ บอกว่า I don't think it's a good idea พร้อมพาเราเดินไปหลังบ้าน สถานที่ที่เค่าต้องการให้เราตัดหญ้า ภาพที่เห็นคือ หญ้าสูงเกือบหัวเข่า แทบกรี๊ด ปกติเราตัดหญ้า แค่ไม่เกิน ตาตุ่ม แล้วป้าเลยบอกว่า You can use mine. พร้อมชี้ไปที่ เครื่องตัดหญ้าของป้าแก โห อย่างกับรถคูโบต้า แถมเรายังเปิดไม่เป็น จนต้องให้ ลูกของป้าที่เป็นทอม มาช่วยดึงสายเพื่อเปิดเครื่องอีก แต่ขอบอก เครื่องตัดหญ้าป้า ใช้งานดีมาก คมมาก เดินเข็นไป นี่คือ หญ้าหลุดเลย เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม กว่าๆ เราเลยไปถอนพวก วัชพืชให้กับป้า จนครบ 2 ชม ป้าให้มา 35 ดอล พร้อมยิ้มให้ ป้าบอกว่า ถ้าวัชพืชขึ้น จะมาเรียกเราไปถอนอีก แอบนึกในใจ กลัวป้าไม่ประทับใจเหมือนกัน เรากลับมาบอก Landlord เค้าถึงกับขำ

หลังจาก เราทำงานซ้ำๆไปมา เราเลยหา เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง เราเลยบอกว่า อยากไป Sydney ไป Opera House เราเลยจองตั๋ว ถ้าจำไม่ผิด เป็น Tiger Airlines สักอย่าง เพื่อนเราจองให้ ไปกลับ Sydney 105 ดอล รึป่าว จำไม่ได้อีกนานมากแล้ว แถม วันที่เราไป Sydney น่าจะร้อน แต่วันนั้น อากาศใน Melbourne ดันหนาว จนเราต้องมีเสื้อ Sweater หนาๆ ไปด้วย เรานั่งรถบัสไปสนามบิน ที่สถานี Southern Cross ราคา 17 ดอล ไม่รู้ป่านนี้ขึ้นยัง หลังจากเชคอิน แและขึ้นเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง Sydney

ด้วยความที่วางแผนมาไม่ค่อยดี เราเลยไปซื้อตั๋วรถไฟวัน ในสนามบิน จนมารู้ทีหลังว่า มันมีตั๋ววันที่ราคาถูกกว่าในสนามบิน อันนี้ไม่แน่ใจ ถามผู้รู้ใน Sydney จะดีกว่า พอขึ้นรถไฟ เราพยายามไม่มองสบตาพวกวัยรุ่นในรถไฟมากๆ เพราะ ถือเบียร์มาดื่มและ เจ้าของบ้านเราบอกว่า พวกนี้ ชอบโวยวายมีเรื่อง กับคนอื่น เราเลยนั่งคุยกะเพือนเรา พอรถถึงที่หมาย เราเดินออกมาจากรถไฟ โห Sydney คล้ายๆ กทม เลย คือตึกค่อนข้างเยอะ และ คนเอเชียมาก เราเจอคนไทย เยอะมาก ที่ๆเราไป ก็มี Opera House Habour Bridge แถวๆนั้น เดินถ่ายรูป มีไปชอปปิ้ง ที่ Queen Victoria Building และย่านๆนั้น แวะทานอาหารไทย และขนม และมีโอกาสแวะไป Kinokuniya ที่ Sydney ด้วย เป็นร้านหนังสือโปรดเรา ตั้งแต่ที่ไทยละ

ปล เราคงไม่อธิบายเรื่องที่เที่ยวใน Sydney มาก

พอกลับมาหลังจากทริปที่ Sydney เราเลยลองเปิด www.gumtree.com.au เพื่อจะเริ่มมองหางานใหม่ๆ เพราะตอนนี้ Shift งานที่ร้านกาแฟ เราเริ่มหด เหลือแค่สัปดาห์ละ วัน สองวันเอง เราเจองาน Aged Care ง่ายๆคือ ดูแลผู้สูงอายุ แต่ปัญหามันมี 3 ข้อใหญ่คือ

1. งาน Aged Care แบบนี้ เราต้องมีใบประกาศ หรือผ่านคอรส์ดูแลผู้สูงอายุแบบจริงจัง เพราะไม่เช่นนั้น อาจผิดกฏหมายได้ ที่ออส ค่อนข้างเข้มงาด เรื่องแบบนี้มาก

2. เป็นงานที่เราต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังเดียวกะผู้สูงอายุคนนี้เลย คือเค้า Offer บ้านที่อยู่ฟรี ถ้ามีเวลาว่าง เราสามารถไปหางาน Part time อื่นๆได้อีก

3. Location มันไม่ได้อยู่โซน 2 อีกต่อไป มันไปอยู่ Ballarat ซึ่งออกไปจาก Greensborough อีกไกลเลย ว่าง่ายๆ ออกไปอีกเมืองเลย

เราก็เลย ถาม เจ้าของบ้านที่เราเช่าอยู่ปัจจุบัน ว่าน่าสนใจไหม เค้าเลยบอก ลองโทรไปถามสิ ว่าเค้าเป็นยังไง

เราเลยลองวัดดวง โทรหาผู้สูงอายุคนนี้ เค้ามีนามว่า Robert Deverall Alexander

ปรากฏว่าสิ่งที่เรากลัวๆเนี่ย มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย คือตาลุง Robert Deverall Alexander เนี่ย เค้าอายุ 70 ก็จริง แต่เดินเหินเองได้ ปกติ ใช้ชีวิตคนเดียวได้ แต่คือ ที่เค้าต้องการจ้างคนเพราะ เพื่อนเค้าที่อยู่ด้วย กลับอังกฤษ 2 เดือน เค้าต้องการ คนมาอยู่ดูแลทำงานบ้านให้ อาทิ ซักผ้า ให้อาหารหมา ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน นวดให้เค้าบ้าง เป็นบางเวลา แล้ว เค้าจะเป็นคนมารับเราเองด้วย

เราเลยขอเวลาตัดสินใจหน่อย เพราะ ชีวิตที่เราอยู่ตอนนี้ ก็ค่อนข้างโอเค แต่อย่าลืมนะ ว่าเราต้องการมาหาประสบการณ์และเงิน ไม่ต้องเสียค่าบ้านนะ ตอนนั้น เราคิดเยอะ จนปวดหัว เราปรึกษาทั้งพ่อ ทั้งพี่ ทั้ง เพื่อนที่อยู่ออสทั้งหมด แล้วเราก็โทรถาม Robert เป็นระยะด้วย ว่าเค้าได้คนรึยัง?

2 สัปดาห์ต่อมา เราตกลงกับ Robert แล้ว ว่าเรารับงานนี้ และเราก็แจ้ง เจ้าของบ้านปัจจุบันเราแล้ว เค้าก็ยินดีและอวยพรให้มีความสุขใน Ballarat ด้วย วันนั้น Robert มารับเรา แล้วพาไป Ballarat พร้อมแวะทานข้าว ในเมือง จะว่าไป Ballarat ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น มีชุมชนคนไทย ร้านอาหารไทยด้วย มาถึงบ้าน Robert สาบานว่าอยู่คนเดียว บ้านหลังใหญ่มาก เค้าพาเราเดินชมรอบบ้าน และ พาไปเก็บของในห้องนอนเรา เรื่องแรกที่อยากร้องไห้ คือ บ้าน Robert ไม่มี Wifi ถามว่าเป็นปัญหาใหญ่ไหม มากเลยอ่ะ แต่โชคดีที่ยังมีมือถือ แต่คงเปลืองเน็ตมือถือแย่ มาวันแรก เค้าก็บอกหน้าที่หลักๆ ให้เราทำ เช่นซักผ้า กวาดบ้าน ให้อาหารน้องหมา ถูพื้นหน้าบ้าน ล้างรถ บลาๆ ล้างจาน (โชคดีบ้าน Robert มีเครื่องล้างจาน ไม่ต้องมานั่งล้างตรงซิงค์ล้างจาน) สิ่งที่แปลกคือ Robert ชอบให้รีดเสื้อแบบ เนี๊ยบขั้นเทพ แล้วก็ ผ้าทุกตัวต้องเอาไปต้ม ดูเหมือนจะ พิถีพิถับ เสื้อผ้ามากเลยอ่ะ และอีกเรื่อง เราไม่ทำกับข้าวให้ Robert ทาน เพราะเค้าทานแบบเราไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น รายได้จึงลดลง หลังจากอยุ่ได้สัก 1 สัปดาห์ เราจึงถามเค้าเรื่อง งานพิเศษบ้าง เค้าจึงอนุญาตให้ เราหยุด 1 วันไปลอง สมัครงาน

เราเดินผ่านร้านกาแฟเยอะมาก แต่ร้านที่เราจำได้แม่น คือร้าน Da Vinci's เพราะ เราได้งานร้านนี้ 555+ Manager จะเป็นคนจีน แล้วเพื่อนร่วมงานก็เป็นคนจีน ตอนแรก เค้าให้ชิพ เป็นช่วงเช้า 9.00 AM - 1.00 Pm สัปดาห์ละ 2 วัน

บอกไว้เลยว่า ที่ Ballarat ลมแรงมาก แรงขนาด ตัวเราเกือบปลิว ใครจะมาเมืองนี้ ศึกษาสภาพอากาศดีนะ 55+

เหนื่อยละ เดี๋ยวมาต่อ ช่วงนี้ Visa ใกล้หมดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่