ขอเล่าเรื่องย่อๆแต่ไม่รู้จะย่อมั้ย
เรื่องของคู่เรา เราเริ่มจากเพื่อนกันเราอยู่ห้องเดียวกันใน ม. ปลาย เราแทบไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่จนขึ้นมา ม.5 ปลายๆภาคเรียนทุกๆคนในห้องก็สนิทกันมากขึ้นทำให้แต่ละคนได้คุยกันได้รู้จักกันสนิทกัน จนเราก็ได้คุยกันมั่ง ด้วยผมเป็นเด็กกิจกรรมคนนึง ผมเป็นทั้งนักดนตรี และตากล้อง เค้าเลยรู้สึกปลื้มๆผมบ้าง ทั้งนิสัยและบุคลิก เราก็คุยๆกันเล่นกัน แบบเลยโดนแซวๆบ้าง แต่ที่จริงแล้วเค้าก็มีแฟนอยู่คบกันมา 4 ปีกว่าแล้ว เรื่องราวของเราระหว่างนั้นก็สนุกสนานเป็นเพื่อนกันปกติ จนถึงวันปิดซัมเมอร์เราได้นัดไปดูหนังกันแต่ก็มีเพื่อนคนอื่นไปด้วย วันนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นเลยก็ได้ เป็นวันที่มีความสุขมาก ตอนดูหนังเค้าได้แอบจิ้มแก้มผมด้วยตอนนั้น มันรู้สึกเลยว่าแบบเรารู้สึกอะไรกับเค้าจริงๆ เรามีความสุขกันมากเหมือนเป็นแฟนกัน หลังจากกลับบ้านวันนั้นเค้าก็ทักไลน์ผมคุยกันแบบสนิทสนมมันเลยเป็นวันแรกที่เราคุยกันเลย แต่จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นที่แท้จริงคือวันต่อไป เพราะวันต่อไปผมได้ไปเที่ยวเกาะกับเพื่อนๆ แล้วผมดันถูกโจรขโมยกล้องสุดที่รักของผมไป ทำให้ผมได้ทักไประบายกับใครสักคนนั้นคือเค้านั้นเอง คือตั้งแต่วันนั้นมาเราก็คุยกันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
เราก็คุยกันมาทั้งๆที่เค้าก็มีแฟนอยู่แล้ว จริงๆมันก็เป็นสิ่งที่ผิด ยิ่งตอนนั้นเค้าก็ทะเลาะกับแฟน มันช่วงที่เค้ารู้สึกกับแฟนน้อยลงพอดี เหมือนผมเข้ามาในช่วงที่เข้าอ่อนแอด้วยเราก็ไปเที่ยวกันบ้าง ไปแอบเชียร์น้องร้องเพลงด้วยกัน ไปเที่ยวกัน แต่ก็น้อยครั้งแต่ทุกครั้งเราช่างมีความสุขจนมันมีวันนึงเรื่องของเรามันแดงขึ้นมา เค้าเลยต้องมาบอกผม ว่าเราควรจะหยุดความสัมพันธ์ไว้ตรงนี้ วันนั้นผมก็รู้สึกเซงมาก เค้าก็เช่นกัน แต่วันต่อมาเรานัดกันไปสอบกันที่กรุงเทพคือต้องเดินไปกับเพื่อนนั่งเช่ารถตู้มา เค้ากับผมเจอหน้ากันเราต่างไม่โอเคร ผมก็นั่งแยกกับเค้าในรถตู้สักพักเค้าก็เรียกให้ไปนั่งข้างๆ โดยเราไม่พูดไรกันมากเค้าแค่ถามว่าผมโอเครมั้ยแค่นั้นเท่าที่จำได้ แต่วันนั้นที่เรานั่งกันกว่าจะถึงก็ไกลเช้าก็เช้าเราเลยนอนกันระหว่างทาง แต่ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยหลับผมก็แอบทำเป็นมือผมหล่นตามจังหวะรถ (เกรียนเนาะ)เเล้วทับมือของเค้าไว้ ด้วยความที่มือเราใกล้กันอยู่แล้ว ผมคิดว่าถึงเค้าหลับก็น่าจะรู้สึกได้อยู่ แต่ผมก็เชิงหลับไปตลอดทาง วันนั้นเราก็มีเรื่องราวกันอีกทำให้เรารู้สึกดีกันก็คุยกันต่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาบอกว่าไม่ได้อยู่ดี เราเลยไม่คุยกันเลยประมาณ 3 วันเค้าก็ทักผมมาด้วยความที่เค้าคงคิดถึง เเต่เราก็เคยบอกเค้าว่าเราจะทักเค้าไปเวลาคิดถึงแต่เค้าทักก่อนเราแหะ55 เเล้วเราก็คุยกันต่อแต่เค้าก็เลิกกันแล้วตอนนั้นเราก็ยังไม่เชื่อ จนเค้าบอกเองผมก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรหรอก ผมก็ต้องมาปลอบเค้าด้วยซ้ำ แต่โดยดั่งเดิมแล้วเราก็เป็นคนให้กำลังใจเค้าตลอดอยู่แล้วเรราก็คุยกันต่อไปเรื่อยๆแล้วดีขึ้น
ตอนช่วงนั้นผมก็เรียน รด ด้วยความที่กลุ่มเพื่อนของแฟนเก่าเค้าก็ออกแนวแก๊งๆ เลยมีมาแขวะผมบ้าง จะมีรุมผมบ้าง แต่ตอนนั้นเค้าเคยพูดปกป้องผมผมรู้สึกดีใจมากๆ มันทำให้ผมยิ่งชอบเธอ แล้วก็เกิดความรักขึ้นมาที่นิดจากเรื่องราวดีๆที่ผ่านมา แล้วจนผ่านมาหลายเดือนเราก็คุยกันมาอย่างดีจนเค้าบอกกลับผมว่ากลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะ ซึ่งสถานะผมตอนนั้นเพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่เชิงเป็นตัวไรไม่รู้ วันนั้นผมแทบบ้า เสียใจมากๆ เราก็ถามเค้าที่เป็ฯงี้เพราะกลับไปหาคนเก่าป่าวที่เคยบอกกันไว้ เค้าบอกไม่ ตอนนั้นสาเหตุคืออะไรผมก็ไม่แน่ใจจำไม่ได้ แต่ตอนนั้นผมเคยพูดกับเค้าไว้ว่าไม่ว่ายังไงเราก็ยังคุยกับเค้าได้เสอมทำให้เราก็ยังคุยกันต่อไปทั้งๆที่เราเศร้าและเสียใจจนมันก็โอเครขึ้น แต่ผมก็มีเพื่อนรักที่คอยให้คำปรึกษากันและกันมาตลอด ถ้าไม่มีเค้าผมอาจจะท้อไปนานแล้วก็ได้ แล้วก็มาถึงเดือนนรก ซึ่งผมคิดว่ามันปเป็นสาเหตุที่เราต้องลดความสัมพันธ์ของเราคือเค้าโหยหาแฟนเก่าอย่างบ้าคลั่ ขึ้นตัส มั่ง ขึ้นดิส ร้องไฟ้เสียใจต่างๆนาๆ นี่หรอที่สัญญาไว้จะไม่ทิ้งเราเพราะมัน คือเคยสัญญากันไว้ แต่ว่ามันทำให้ผมรู้เลย เพราะเค้าอยากกลับไปหาแฟนเก่าของเค้า แต่เหมือนแฟนเก่าของเค้าจะไม่ต้องการแล้ว ทำให้เค้าร้องไห้เสียใจ เเต่ใครจะรู้ผมนี่ทรมานยิ่งกว่าเหมือนกับเราทำเพื่อใครคนนั้นแต่ใครคนนั้นก็ทำให้อีกคน ตอนนั้นผมก็แย่มากแต่ก็คอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ มันมีหลายเหตุการณ์มมากที่ทำให้ผมเสียใจเพราะเเฟนเก่าเค้า เช่นตอนวันเกิดเค้าผมให้ของขวัญเค้า ผมทำของให้เกือบเช้า ซื้อตุ๊กตาตัวใหญ่เบอเร่อเซงตรงที่ตอนให้เค้าก็ยังจะห่วงตอบไลน์แฟนเก่า ไอเราก็ต้องมายืนรอมันตอบเสร็จกุจะบ้า แถมยังมีแอบโกหกเราแล้วไปดูหนังกับแฟนเก่าด้วย แต่หลายๆอย่างในวันนั้นเธอก็เริ่มตัดใจได้ แล้วอาจจะมองมาเห็นเราบ้าง จนวันกีฬาสีโรงเรียน ช่วงนั้นประมาน 4 วันที่ผมได้อยู่กับเธอตลอดเทคแคร์มากๆ เค้ายังพูดกับพี่ตัวเองอยู่เลยว่าผมเป็นคนดีมากๆ ตอนนั้นทำงานกีฬาสีจนดึกแล้วเธอดันไปเหยียบโคลนผมก็เป็นคนเอารองเท้าเธอมาล้างให้ 4 วันนั้นเป็นวันที่เราใกล้ชิดกันมากจนถึงวันที่ 4 วันที่ผมได้ขอคบเธอ แต่จริงๆผมก็ไม่กล้าหรอกเพราะมันมีปมจากเค้ามาก่อนหน้านี้แต่เราคุยๆกันแล้วก็มาทางแนวจะคบกับผม ผมเลยขอคบเธอแล้วเธอก็ตอบตกลง ณ เวลาที่สวยงาม ผมดีใจเอามากๆ ผมนี่ยิ้มไปทั้งหน้า
เรื่องราวหลังจากนั้น ที่เราเป็นแฟนกันเรารักกันมากๆเรามีความสุขเรามีเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆที่มีความสุขแต่ด้วยความที่ผมอึดอัดใจมาประมาณ 8 เดือนกว่าจะได้คบผมเลยอาจจะเผลอทำไรเยอะไปบ้างแบบจับไม้จับมือหอมแก้มในที่สาธารณะ คือเค้าไม่ชอบอะไรแบบนี้เค้าไม่อยากเป็นจุดเด่น ถ้าเป็นที่ส่วนตัวก็อีกเรื่องผมก็ไม่ได้ไรผมยอมเธออยู่แล้ว แล้วไม่ได้ฝืนใจอะไร ผมก็ปรับปรุงแล้วก็ไม่ทำเลย มีบ้างเล็กน้อยเวลาที่เป็นส่วนตัวกัน ถ้าจะมีเดินจับมือกันกลางสายตาคนคือเค้าต้องเป็นคนเริ่มเอง แล้วพอมาเริ่ยๆผมเป็นคนขี้หึงมาก ผมชอบไปหึงเพื่อนๆบ้างเค้าไม่ชอบ เค้าคงอึดอัดมาเรื่อยๆตั้งแต่นั้น หรืออาจจะมีอารมเสียบ้างที่เค้าทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจ เค้าก็ไม่ชอบ แล้วมีที่ผมชอบพิมตกด้วยคือผมรีบพิมไปหน่อยพอพิมๆไปแล้วเค้าจะงงก็จะไม่เข้าใจก็จะทะเลาะกันตลอด สิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เค้าอึดอัด ทุกๆอย่างมันก็อึดอัดมาเรื่อยๆ จนอาจจะเริ่มโอเคร แต่ผมก็ขอโทษมาตลอดแล้วบอกจะปรับปรุงตัว ผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะมันก็อาจจะไม่ง่ายเท่าไหร่ บางทีเราก็เผลอตัว จนมาวันนี้เธอกลับไม่เหมือนเดิม เธอบอกอยากได้ผมที่เป็นเหมือนเพื่อนคนสำคัญในวันนั้น ผมก็ปรับปรุงตัวเปลี่ยนเเปลงด้วยความที่ผมรักเค้ามาก แต่ผมก็ไม่ได้ฝืนใจไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นตัวเอง ผมไม่อาจจะอึดอัดที่ผมทำอย่างงั้น ผมมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเธอ จนวันนี้ผมทำได้แล้วไม่ว่าจะเป็นการไม่หึงหวงเกิน ไม่ทำไรในที่สาธารณะ ไม่ขี้เล่น เป็นเหมือนเดิม ตามที่เค้าชอบ แต่เค้ากับไม่เหมือนเดิมซะเอง จนเค้าได้ไปเล่นน้ำสงกรานที่เชียงใหม่เราเลยห่างๆกันทำให้เราไม่ค่อยมีเวลากันเท่าไหร่พอกลับมาเราก็นัดไปเล่นสงกรานกันที่ผับแห่งหนึ่งไปกับเพื่อนๆเค้าด้วย แทนที่วันนั้นจัเป็นวันที่ดี แต่กลายเป็นวันที่แย่ที่สุดของผม เธอไม่เหมือนเดิมซะจนคุยยังแทบไม่คุยกับผมเลยเดินข้างผมก็เหมือนไม่เดิมเงียบสนิททำหน้าเซง เอ่าแล้วนี่จะให้ผมสบายใจได้ไงมาเที่ยวทั้งทีผมนี้อย่างอึดอัด ผมก็ได้เซงตามเธอ ได้ถามไปด้วยว่า เดินข้างกันมาเครียดมากใช่มั้ยคุยกันมันเครียดมากใช่มั้ย แต่ด้วยคำถามนี่เธอก็คงเริ่มอึดอัดเพิ่มมาอีก แต่เรื่องนั้นผมก็ง้อแล้วตอนเดินทางไปก็ยังไปกันอย่างสนุกสนานอยู่เลย พอไปยังผับเราก็สนุกๆไปกับเพื่อนตามเพลง แต่ผมก็เมาซะงั้นโดยผมไม่ได้ตั้งใจเหมือนกันผมว่ากินไปน้อยแระ แล้วผมก็หายไปห้องน้ำโดยไม่ได้บอกเธอเพราะเธอก็ไปห้องน้ำ ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะดีขึ้น แต่ผมก็ไลน์บอกเพื่อนไปแล้วว่าอยู่ตรงไหนเป็นไงบ้างแล้วแบตหมดพอดี เห็นเค้าบอกมาเดินหาอยู่เหมือนกันแต่ไม่เจอพอผมกลับไปเค้าก็นอยผมก็ไม่เเปลกใจผมก็ขอโทษผมไม่ได้อยากจะหายไปมันไม่ไหวซะงั้น ตอนแรกก็เหมือนโอเคร ตอนระหว่างกลับก็เห็นเป็นอีกแระ เค้าก็บอกเรื่องนั้นที่ผมเมาวตอนที่ผมขอโทษว่าทำไมตอนกินไม่คิด จริงๆมันก็คงใช่ ผมนี่ไม่น่าเลยพอเดินทางกลับกันไปจนถึงบ้านเพื่อนของเธอ (เธอมานอนบ้านเพื่อน)เค้าบอกกับผมว่าเธอไม่โอเคร จนผมต้องเลิกกับเธอไปจนได้.. จิงๆช่วงตั้งแต่เวลาที่ห่างกันไม่เหมือนเดิมเนี่ยผมนอนไม่หลับเลย ตอนนี้เธอจากไปแล้ว แต่เราก็ยังคุยกันอยู่ตามคำสัญญา เรายังมีความผูกพัน เรายังเป็นคนสำคัญกันแต่ไม่ใช่แฟน แต่มันก็ทำใจไม่ได้ง่ายๆเหมือนกันใจหายทุกครั้งเราตื่นที่เห็นรูปภาพที่นึกเรื่องราวเก่าๆ
แต่ตอนนี้เราก็เลิกกันแล้วผมไม่รู้คิดผิดหรือป่าว ถ้าสมมุติอยู่ต่อไปแล้วรอไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะหายนี่จะดีหรือป่าวก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ที่เลิกกันเค้าคงหายอึดอัดไปเหมือนกัน แต่ผมยังคงรักเธออยู่มากๆ คิดว่าจะกลับไปคืนดีกับเธอ รอเธอกลับมาเหมือนเดิมเป็นเธอที่ผมรัก เเละที่รักที่รักผมเหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก แต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้วคือรับรองได้เลยว่าคบกันจะต้องดีแน่นอน แต่ก็ไม่รู้จะได้โอกาสนั้นหรือป่าว
..ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นความจริงที่ควรจะยอมรับแต่ผมก็อยากจะลองอีกครั้งถ้ามีโอกาส ผมจะลองขอคืนดีเมื่อถึงเวลา ด้วยความผูกพันที่เรามีมา ผมก็ยังแอบเชื่อว่าเธอจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะเค้าก็เป็นคนพูดเองว่าเราก็ยังผูกพันกัน ก็ยังเป็นเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน และยังไม่อยากเสียเราไปเหมือนกัน ก็คงพอมีโอกาสละมั้ง 55 .... ผมคิดว่าเราหยุดฝนไม่ได้ แต่เรารอให้มันหยุดได้
ปล. คนมีความรักดีๆก็อย่าทำมันหายนะคร้าบบ
เรื่องความรัก + ระบาย + ขอความคิดเห็น ปัญหาชีวิตคู่
เรื่องของคู่เรา เราเริ่มจากเพื่อนกันเราอยู่ห้องเดียวกันใน ม. ปลาย เราแทบไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่จนขึ้นมา ม.5 ปลายๆภาคเรียนทุกๆคนในห้องก็สนิทกันมากขึ้นทำให้แต่ละคนได้คุยกันได้รู้จักกันสนิทกัน จนเราก็ได้คุยกันมั่ง ด้วยผมเป็นเด็กกิจกรรมคนนึง ผมเป็นทั้งนักดนตรี และตากล้อง เค้าเลยรู้สึกปลื้มๆผมบ้าง ทั้งนิสัยและบุคลิก เราก็คุยๆกันเล่นกัน แบบเลยโดนแซวๆบ้าง แต่ที่จริงแล้วเค้าก็มีแฟนอยู่คบกันมา 4 ปีกว่าแล้ว เรื่องราวของเราระหว่างนั้นก็สนุกสนานเป็นเพื่อนกันปกติ จนถึงวันปิดซัมเมอร์เราได้นัดไปดูหนังกันแต่ก็มีเพื่อนคนอื่นไปด้วย วันนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นเลยก็ได้ เป็นวันที่มีความสุขมาก ตอนดูหนังเค้าได้แอบจิ้มแก้มผมด้วยตอนนั้น มันรู้สึกเลยว่าแบบเรารู้สึกอะไรกับเค้าจริงๆ เรามีความสุขกันมากเหมือนเป็นแฟนกัน หลังจากกลับบ้านวันนั้นเค้าก็ทักไลน์ผมคุยกันแบบสนิทสนมมันเลยเป็นวันแรกที่เราคุยกันเลย แต่จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นที่แท้จริงคือวันต่อไป เพราะวันต่อไปผมได้ไปเที่ยวเกาะกับเพื่อนๆ แล้วผมดันถูกโจรขโมยกล้องสุดที่รักของผมไป ทำให้ผมได้ทักไประบายกับใครสักคนนั้นคือเค้านั้นเอง คือตั้งแต่วันนั้นมาเราก็คุยกันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
เราก็คุยกันมาทั้งๆที่เค้าก็มีแฟนอยู่แล้ว จริงๆมันก็เป็นสิ่งที่ผิด ยิ่งตอนนั้นเค้าก็ทะเลาะกับแฟน มันช่วงที่เค้ารู้สึกกับแฟนน้อยลงพอดี เหมือนผมเข้ามาในช่วงที่เข้าอ่อนแอด้วยเราก็ไปเที่ยวกันบ้าง ไปแอบเชียร์น้องร้องเพลงด้วยกัน ไปเที่ยวกัน แต่ก็น้อยครั้งแต่ทุกครั้งเราช่างมีความสุขจนมันมีวันนึงเรื่องของเรามันแดงขึ้นมา เค้าเลยต้องมาบอกผม ว่าเราควรจะหยุดความสัมพันธ์ไว้ตรงนี้ วันนั้นผมก็รู้สึกเซงมาก เค้าก็เช่นกัน แต่วันต่อมาเรานัดกันไปสอบกันที่กรุงเทพคือต้องเดินไปกับเพื่อนนั่งเช่ารถตู้มา เค้ากับผมเจอหน้ากันเราต่างไม่โอเคร ผมก็นั่งแยกกับเค้าในรถตู้สักพักเค้าก็เรียกให้ไปนั่งข้างๆ โดยเราไม่พูดไรกันมากเค้าแค่ถามว่าผมโอเครมั้ยแค่นั้นเท่าที่จำได้ แต่วันนั้นที่เรานั่งกันกว่าจะถึงก็ไกลเช้าก็เช้าเราเลยนอนกันระหว่างทาง แต่ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยหลับผมก็แอบทำเป็นมือผมหล่นตามจังหวะรถ (เกรียนเนาะ)เเล้วทับมือของเค้าไว้ ด้วยความที่มือเราใกล้กันอยู่แล้ว ผมคิดว่าถึงเค้าหลับก็น่าจะรู้สึกได้อยู่ แต่ผมก็เชิงหลับไปตลอดทาง วันนั้นเราก็มีเรื่องราวกันอีกทำให้เรารู้สึกดีกันก็คุยกันต่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาบอกว่าไม่ได้อยู่ดี เราเลยไม่คุยกันเลยประมาณ 3 วันเค้าก็ทักผมมาด้วยความที่เค้าคงคิดถึง เเต่เราก็เคยบอกเค้าว่าเราจะทักเค้าไปเวลาคิดถึงแต่เค้าทักก่อนเราแหะ55 เเล้วเราก็คุยกันต่อแต่เค้าก็เลิกกันแล้วตอนนั้นเราก็ยังไม่เชื่อ จนเค้าบอกเองผมก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรหรอก ผมก็ต้องมาปลอบเค้าด้วยซ้ำ แต่โดยดั่งเดิมแล้วเราก็เป็นคนให้กำลังใจเค้าตลอดอยู่แล้วเรราก็คุยกันต่อไปเรื่อยๆแล้วดีขึ้น
ตอนช่วงนั้นผมก็เรียน รด ด้วยความที่กลุ่มเพื่อนของแฟนเก่าเค้าก็ออกแนวแก๊งๆ เลยมีมาแขวะผมบ้าง จะมีรุมผมบ้าง แต่ตอนนั้นเค้าเคยพูดปกป้องผมผมรู้สึกดีใจมากๆ มันทำให้ผมยิ่งชอบเธอ แล้วก็เกิดความรักขึ้นมาที่นิดจากเรื่องราวดีๆที่ผ่านมา แล้วจนผ่านมาหลายเดือนเราก็คุยกันมาอย่างดีจนเค้าบอกกลับผมว่ากลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะ ซึ่งสถานะผมตอนนั้นเพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่เชิงเป็นตัวไรไม่รู้ วันนั้นผมแทบบ้า เสียใจมากๆ เราก็ถามเค้าที่เป็ฯงี้เพราะกลับไปหาคนเก่าป่าวที่เคยบอกกันไว้ เค้าบอกไม่ ตอนนั้นสาเหตุคืออะไรผมก็ไม่แน่ใจจำไม่ได้ แต่ตอนนั้นผมเคยพูดกับเค้าไว้ว่าไม่ว่ายังไงเราก็ยังคุยกับเค้าได้เสอมทำให้เราก็ยังคุยกันต่อไปทั้งๆที่เราเศร้าและเสียใจจนมันก็โอเครขึ้น แต่ผมก็มีเพื่อนรักที่คอยให้คำปรึกษากันและกันมาตลอด ถ้าไม่มีเค้าผมอาจจะท้อไปนานแล้วก็ได้ แล้วก็มาถึงเดือนนรก ซึ่งผมคิดว่ามันปเป็นสาเหตุที่เราต้องลดความสัมพันธ์ของเราคือเค้าโหยหาแฟนเก่าอย่างบ้าคลั่ ขึ้นตัส มั่ง ขึ้นดิส ร้องไฟ้เสียใจต่างๆนาๆ นี่หรอที่สัญญาไว้จะไม่ทิ้งเราเพราะมัน คือเคยสัญญากันไว้ แต่ว่ามันทำให้ผมรู้เลย เพราะเค้าอยากกลับไปหาแฟนเก่าของเค้า แต่เหมือนแฟนเก่าของเค้าจะไม่ต้องการแล้ว ทำให้เค้าร้องไห้เสียใจ เเต่ใครจะรู้ผมนี่ทรมานยิ่งกว่าเหมือนกับเราทำเพื่อใครคนนั้นแต่ใครคนนั้นก็ทำให้อีกคน ตอนนั้นผมก็แย่มากแต่ก็คอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ มันมีหลายเหตุการณ์มมากที่ทำให้ผมเสียใจเพราะเเฟนเก่าเค้า เช่นตอนวันเกิดเค้าผมให้ของขวัญเค้า ผมทำของให้เกือบเช้า ซื้อตุ๊กตาตัวใหญ่เบอเร่อเซงตรงที่ตอนให้เค้าก็ยังจะห่วงตอบไลน์แฟนเก่า ไอเราก็ต้องมายืนรอมันตอบเสร็จกุจะบ้า แถมยังมีแอบโกหกเราแล้วไปดูหนังกับแฟนเก่าด้วย แต่หลายๆอย่างในวันนั้นเธอก็เริ่มตัดใจได้ แล้วอาจจะมองมาเห็นเราบ้าง จนวันกีฬาสีโรงเรียน ช่วงนั้นประมาน 4 วันที่ผมได้อยู่กับเธอตลอดเทคแคร์มากๆ เค้ายังพูดกับพี่ตัวเองอยู่เลยว่าผมเป็นคนดีมากๆ ตอนนั้นทำงานกีฬาสีจนดึกแล้วเธอดันไปเหยียบโคลนผมก็เป็นคนเอารองเท้าเธอมาล้างให้ 4 วันนั้นเป็นวันที่เราใกล้ชิดกันมากจนถึงวันที่ 4 วันที่ผมได้ขอคบเธอ แต่จริงๆผมก็ไม่กล้าหรอกเพราะมันมีปมจากเค้ามาก่อนหน้านี้แต่เราคุยๆกันแล้วก็มาทางแนวจะคบกับผม ผมเลยขอคบเธอแล้วเธอก็ตอบตกลง ณ เวลาที่สวยงาม ผมดีใจเอามากๆ ผมนี่ยิ้มไปทั้งหน้า
เรื่องราวหลังจากนั้น ที่เราเป็นแฟนกันเรารักกันมากๆเรามีความสุขเรามีเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆที่มีความสุขแต่ด้วยความที่ผมอึดอัดใจมาประมาณ 8 เดือนกว่าจะได้คบผมเลยอาจจะเผลอทำไรเยอะไปบ้างแบบจับไม้จับมือหอมแก้มในที่สาธารณะ คือเค้าไม่ชอบอะไรแบบนี้เค้าไม่อยากเป็นจุดเด่น ถ้าเป็นที่ส่วนตัวก็อีกเรื่องผมก็ไม่ได้ไรผมยอมเธออยู่แล้ว แล้วไม่ได้ฝืนใจอะไร ผมก็ปรับปรุงแล้วก็ไม่ทำเลย มีบ้างเล็กน้อยเวลาที่เป็นส่วนตัวกัน ถ้าจะมีเดินจับมือกันกลางสายตาคนคือเค้าต้องเป็นคนเริ่มเอง แล้วพอมาเริ่ยๆผมเป็นคนขี้หึงมาก ผมชอบไปหึงเพื่อนๆบ้างเค้าไม่ชอบ เค้าคงอึดอัดมาเรื่อยๆตั้งแต่นั้น หรืออาจจะมีอารมเสียบ้างที่เค้าทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจ เค้าก็ไม่ชอบ แล้วมีที่ผมชอบพิมตกด้วยคือผมรีบพิมไปหน่อยพอพิมๆไปแล้วเค้าจะงงก็จะไม่เข้าใจก็จะทะเลาะกันตลอด สิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เค้าอึดอัด ทุกๆอย่างมันก็อึดอัดมาเรื่อยๆ จนอาจจะเริ่มโอเคร แต่ผมก็ขอโทษมาตลอดแล้วบอกจะปรับปรุงตัว ผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะมันก็อาจจะไม่ง่ายเท่าไหร่ บางทีเราก็เผลอตัว จนมาวันนี้เธอกลับไม่เหมือนเดิม เธอบอกอยากได้ผมที่เป็นเหมือนเพื่อนคนสำคัญในวันนั้น ผมก็ปรับปรุงตัวเปลี่ยนเเปลงด้วยความที่ผมรักเค้ามาก แต่ผมก็ไม่ได้ฝืนใจไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นตัวเอง ผมไม่อาจจะอึดอัดที่ผมทำอย่างงั้น ผมมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเธอ จนวันนี้ผมทำได้แล้วไม่ว่าจะเป็นการไม่หึงหวงเกิน ไม่ทำไรในที่สาธารณะ ไม่ขี้เล่น เป็นเหมือนเดิม ตามที่เค้าชอบ แต่เค้ากับไม่เหมือนเดิมซะเอง จนเค้าได้ไปเล่นน้ำสงกรานที่เชียงใหม่เราเลยห่างๆกันทำให้เราไม่ค่อยมีเวลากันเท่าไหร่พอกลับมาเราก็นัดไปเล่นสงกรานกันที่ผับแห่งหนึ่งไปกับเพื่อนๆเค้าด้วย แทนที่วันนั้นจัเป็นวันที่ดี แต่กลายเป็นวันที่แย่ที่สุดของผม เธอไม่เหมือนเดิมซะจนคุยยังแทบไม่คุยกับผมเลยเดินข้างผมก็เหมือนไม่เดิมเงียบสนิททำหน้าเซง เอ่าแล้วนี่จะให้ผมสบายใจได้ไงมาเที่ยวทั้งทีผมนี้อย่างอึดอัด ผมก็ได้เซงตามเธอ ได้ถามไปด้วยว่า เดินข้างกันมาเครียดมากใช่มั้ยคุยกันมันเครียดมากใช่มั้ย แต่ด้วยคำถามนี่เธอก็คงเริ่มอึดอัดเพิ่มมาอีก แต่เรื่องนั้นผมก็ง้อแล้วตอนเดินทางไปก็ยังไปกันอย่างสนุกสนานอยู่เลย พอไปยังผับเราก็สนุกๆไปกับเพื่อนตามเพลง แต่ผมก็เมาซะงั้นโดยผมไม่ได้ตั้งใจเหมือนกันผมว่ากินไปน้อยแระ แล้วผมก็หายไปห้องน้ำโดยไม่ได้บอกเธอเพราะเธอก็ไปห้องน้ำ ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะดีขึ้น แต่ผมก็ไลน์บอกเพื่อนไปแล้วว่าอยู่ตรงไหนเป็นไงบ้างแล้วแบตหมดพอดี เห็นเค้าบอกมาเดินหาอยู่เหมือนกันแต่ไม่เจอพอผมกลับไปเค้าก็นอยผมก็ไม่เเปลกใจผมก็ขอโทษผมไม่ได้อยากจะหายไปมันไม่ไหวซะงั้น ตอนแรกก็เหมือนโอเคร ตอนระหว่างกลับก็เห็นเป็นอีกแระ เค้าก็บอกเรื่องนั้นที่ผมเมาวตอนที่ผมขอโทษว่าทำไมตอนกินไม่คิด จริงๆมันก็คงใช่ ผมนี่ไม่น่าเลยพอเดินทางกลับกันไปจนถึงบ้านเพื่อนของเธอ (เธอมานอนบ้านเพื่อน)เค้าบอกกับผมว่าเธอไม่โอเคร จนผมต้องเลิกกับเธอไปจนได้.. จิงๆช่วงตั้งแต่เวลาที่ห่างกันไม่เหมือนเดิมเนี่ยผมนอนไม่หลับเลย ตอนนี้เธอจากไปแล้ว แต่เราก็ยังคุยกันอยู่ตามคำสัญญา เรายังมีความผูกพัน เรายังเป็นคนสำคัญกันแต่ไม่ใช่แฟน แต่มันก็ทำใจไม่ได้ง่ายๆเหมือนกันใจหายทุกครั้งเราตื่นที่เห็นรูปภาพที่นึกเรื่องราวเก่าๆ
แต่ตอนนี้เราก็เลิกกันแล้วผมไม่รู้คิดผิดหรือป่าว ถ้าสมมุติอยู่ต่อไปแล้วรอไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะหายนี่จะดีหรือป่าวก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ที่เลิกกันเค้าคงหายอึดอัดไปเหมือนกัน แต่ผมยังคงรักเธออยู่มากๆ คิดว่าจะกลับไปคืนดีกับเธอ รอเธอกลับมาเหมือนเดิมเป็นเธอที่ผมรัก เเละที่รักที่รักผมเหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก แต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้วคือรับรองได้เลยว่าคบกันจะต้องดีแน่นอน แต่ก็ไม่รู้จะได้โอกาสนั้นหรือป่าว
..ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นความจริงที่ควรจะยอมรับแต่ผมก็อยากจะลองอีกครั้งถ้ามีโอกาส ผมจะลองขอคืนดีเมื่อถึงเวลา ด้วยความผูกพันที่เรามีมา ผมก็ยังแอบเชื่อว่าเธอจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะเค้าก็เป็นคนพูดเองว่าเราก็ยังผูกพันกัน ก็ยังเป็นเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน และยังไม่อยากเสียเราไปเหมือนกัน ก็คงพอมีโอกาสละมั้ง 55 .... ผมคิดว่าเราหยุดฝนไม่ได้ แต่เรารอให้มันหยุดได้
ปล. คนมีความรักดีๆก็อย่าทำมันหายนะคร้าบบ