✿ จาก ชาวนา ถึงพ่อค้า สู่ผู้บริโภค... ชีวิตที่ไม่อาจลืมตาอ้าปากกระนั้นรึ? ✿

ขอยืมภาพหน่อยนะครับ "คุณ รังสรรค์"



ผมนั่งทำงานมาตลอดชีวิตอยู่กับโต๊ะ ครั้งหนึ่งผมลองไปปักดำ อย่างเช่นในภาพ ประมาณ 20 นาที มีความรู้สึกว่า แผ่นหลังของผมมันเต็มไปด้วยความปวดเมื่อยไปหมด จะยืนตรงก็แทบทำไม่ได้ ต้องบิดอยู่นาน ก็เลยเลิก

แต่ชาวนาเหล่านี้ทำจนเคยชิน "หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน"

ยามที่ข้าว 15,000 ข้าวถุงก็ราคา ถุงละ 200-220 บาท

พอโครงการ "รับจำนำข้าว" ถูกยกเลิกไป พ่อค้ารับซื้อเหลือ 7,000 ข้าวถุงก็ยังราคาคงเดิม ไม่เคยจะลดลงมาเลยแม้แต่บาทเดียว

พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อปลูกข้าวให้เราทานกัน แต่ทำไมกลับถูกกดราคาถึงขนาดนั้น


ตอนที่ราคาข้าวถุงขยับขึ้นราคา ผมกลับรู้สึกดีใจ ไม่คิดเสียดายเงินที่ต้องจ่ายมากขึ้นคิดว่าชาวนาจะได้ค่าข้าวมากขึ้นกว่าเดิม แต่เปล่า...กลับได้เท่าเดิมหรืออาจต่ำกว่าเดิมซะอีก

เหล่าพ่อค้าที่ร่ำรวยมาจากการค้าข้าว บางครั้งไปทำบุญโน่นนี่ บริจาคเป็นร้อยล้านได้ หรือนั่นเพียงเพื่อเพราะต้องการการสร้างภาพ หรือเพื่อซื้อความสะดวกบางเรื่องในอาชีพ

แล้วทำไมถึงไม่ทำบุญด้วยการขึ้นราคารับซื้อให้กับพวกเขาบ้างล่ะ?



หรือกลัวว่า เมื่อชาวนามีเงินเหลือ แล้วเขาจะมีเงินมาไถ่ถอนที่ดิน มาใช้หนี้ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง

กลัวว่าพวกเขาจะส่งลูกเรียนสูงๆ จนไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานกันงั้นรึ?

ในความเป็นจริงแล้ว ลูกหลานของเราก็ใช่ว่าทุกคนจะรักการเรียนกันทุกบ้านหรอกนะ บางคนที่ไม่อยากเรียน ก็จะอยู่ช่วยพ่อแม่ทำนา

บ้างก็เพราะไม่อยากห่างจากบ้านเกิดเมืองนอน

หากข้าวได้ราคาดี ไม่ต้องกลัวหรอกว่า จะไม่มีคนทำนา...



หรือกลัวว่า หากข้าวราคาดี คนก็แห่กันมาทำนาเยอะ ทำนาปีละหลายรอบ

เมื่อข้าวมีจำนวนมากขึ้น ราคาก็จะตกต่ำ ทำให้ตัวพ่อค้าเองมีกำไรน้อยลงกันนะ?





ป.ล. น้องเกียนช่วย มากด + ให้บ้างนะ จะได้ติด ชาร์ท "บ๊อก ออฟฟิซ" หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่