Day 2
24 February 2015
ก่อนจะอ่าน รบกวนกินข้าวให้อิ่ม

นอนให้หลับ

เพราะมันจะยาวมากๆ
ดีใจเว่อร์ที่ผ่านวันแรกมาได้ ดีใจที่ได้โอกาสได้ทดสอบตัวเอง เพราะก่อนหน้าที่จะลังเลมาก กลัวนั่นนี่ กลัวเค้าไม่รับพาสปอตไทย ซึ่งมาแล้ว
เค้ารับนะคะ และเพื่อนชวนให้ไปพรีสกรีนกับสถาบันแห่งนึงที่ขึ้นชื่อลือชากันมาก แต่เรากลับคิดว่า เราต้องทดสอบตัวเองให้มากกว่านี่หน่อย เพราะคิดว่ายังไม่ได้ลองสนามจริงๆ จังๆ เลย รอบมกราที่สมัครที่ไทย ไม่นับ เพราะคิดว่ายังไม่ได้ใช้ความสามารถตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ เลย
ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวถ้าตกครั้งนี้ค่อยไป
และเราว่าเราคิดถูกมากที่มา ทั้งๆ ยังไม่มีประสบการณ์สมัครเท่าไหร่ อย่าไปกลัวค่ะ เชียร์ๆ ให้มาสมัครเมืองนอกกันเยอะๆ สบายกว่าไทยมากๆ ไม่ต้องยื้อแย่ง มีสมาธิ ทำได้ดีกว่า
กลับมาต่อวันแรกนะคะ ใครยังไม่ได้อ่านกระทู้นี้เลย
http://pantip.com/topic/33300348 ตอนที่ หนึ่ง ประสบการณ์สมัครแอร์ ที่อิโปห์ มาเลเซีย
วันแรก คนที่ ผ่าน ด่าน group discussion 1st round กรรมการแจกป้ายชื่อเป็นสติ๊กเกอร์สีขาว เขียนชื่อจริงเราเอาไว้ พร้อมเลขประจำตัว ..เราได้เลข 80 เลขนี่จะใช้จนการสอบสัมภาษณ์จบเลยนะ ต้องจำให้ดี จำให้ได้ (เห่อมากกก จูบเลยอ่ะ)
ตอนเช้าเราตื่นชิวๆ เพราะว่า นัดเพื่อนมาเลย์ไว้ที่คุยถูกคอเมื่อวาน ชื่อแบคกี้ ว่าให้เค้าผ่านมารับ กับเพื่อนไทยอีกคน เรานับถือเค้ามากๆ เพราะนางลุยมาก นั่งรถมาจากกัวลาตอนเช้า อยากให้เขามาเขียนรีวิวการเดินทางมากๆ ชอบและทิ่งมาก
แต่ก็นั่นละ คนมาเลย์ พอดีบ้านเค้าต้องผ่านทางโรงแรมเราอยู่แล้ว คือคุยไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ที่ได้กลับพร้อมกัน ตอนบ่ายสี่ เกือบๆ ห้าโมง ว่าให้เค้าช่วยมารับ ไม่ต้องเสียตังค์ อิอิ ได้เม้าท์มอย เพิ่มความมั่นใจด้วย แบบไม่เหงางอยมีเพื่อนเดินเข้าโรงแรมด้วยกัน
ไปถึงโรงแรมประมาณ แปดโมงจะครึ่ง หรือแปดโมงนี่ละ จำไม่ได้เลย แต่รู้ว่ามีเวลานั่งชิวๆ ตรงล็อบบี้ และไปเข้าห้องน้ำ ทาลิปแดง เพราะทาที่ที่พักไม่ทัน ฮ่าๆ จำได้ว่า ตอนนั้นอยู่ดีๆ ก็รู้สึกอยากทาลิปที่ไม่ใช่สีแดง เลยทาลิปสีเลือดหมูมีกากเพชรด้านๆ ไป พอออกมาจากห้องน้ำถามเพื่อน ผช คนไทย นางบอกว่า แกรีบไปเปลี่ยนเถอะ ทาสีแดงเกิดกว่า ..นางพูดด้วยเสียงจริงจังมาก เราเลยทำตามทันที (ต้องขอบคุณมากๆนะกาย)
พอทาสีแดงสดเสร็จ เอ้อ.... รู้สึกมันมีพลังกว่าเก่าจริงๆ นะ แนะนำ ว่า ให้ทาสีแดงไปเลย ไม่ต้องคิดว่าจะซ้ำกับคนอื่น เพราะมันซ้ำอยู่แล้วแหละ คือทุกคนทาสีแดงสดไง.. ก็ทาดีๆ อย่าให้มันเลอะข้างในฟันนะ
อย่างของเรา ด้วยความทีในชีวิต ให้ตายเหอะ ไม่เคยทาลิปแดงนะ บอกเลย ลิปสติกกับเรานี่เป็นของที่ห่างไกลกันมาก เราเป็นพวก หน้าเปลือยออกจากบ้านได้อะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ตอนแรกเรากลัวลิปมันไม่ทั่วถึงและติดนาน เลยทาเยอะๆๆ โบกมันเข้าไป สรุป ติดฟันจ้าาา
เคล็ดลับที่เวิคมากคือ ทิปโดยที่ส้มโอ แอร์โอมาน ตอนนี้นางก็ได้บินเอมิเรสต์แล้วด้วย ขอบพระคุณนางมา ณ ที่นี่
นางบอกว่าให้เอานิ้วชี้ ใส่เข้าปาก แล้วรูดออกมา เราก็แบบ เฮ้ย จะดีหรอ แต่ถามว่า นาทีนั้น ทางเลือกเยอะไหม..ก็ไม่ ไง เลยทำ.. แล้วแบบเวิคมากกกค่ะ
ก็เอาไปทำตามกันนะจ้ะเด็กๆ
สรุปคือวันนั้น ใส่ชุดเดิม สีแดง เสื้อข้างในตัวเดิม แต่ซักแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืน
ทุกอย่างเหมือนเดิม เป๊ะ ฮ่าๆ แต่พร้อมมาก เต็มร้อย เออะ เอาเซ่!
พอแปดโมงห้าสิบ เรากับเพื่อนๆ คนไทย อีกกี่คนนะ ประมาณสี่คนก็ขึ้นไปกัน อีกคนนึง เพิ่งมารู้จักตอนกลับไทย ห้องก็เปิดอยู่ พร้อมกับหลายๆ คนได้ทยอยกันเข้าไปแล้ว มีกรรมการ ยืนจัดแถวอยู่ ให้เป็นครึ่งซีก..พอเก้าโมงตรง เค้าก็เริ่มเช็คชื่อ ตรงนี้ใครทำป้ายชื่อที่เค้าแจกเมื่อวานหายนี่โดนหมายหัวจริงๆนะ ขนาดพี่สาวเราไปขอใหม่เค้ายังบอกไม่ให้ เพราะของพี่เขามันแบบลอกๆ แล้วเค้าบอก ยูต้องหาทางทำให้มันติดเองให้ได้ ชั้นไม่สน..
คนที่มาสายหรอ... โดนอีกเหมือนกัน กรรมการไม่พูดด้วย ฮ่าๆ ตรงนี้กรรมการจะเช็คชื่อเรากับลำดับของเอกสาร เห็นกันจะจะ ใครมาสายเขาแบบโยนเอกสารทิ้งไว้ตรงเก้าอี้อีกตัวเลยอ่ะ (แบบขนาดไม่ใช่ของเราเรายังแบบเฮ้ยยย โยนงั้นเลยหยออ..เศร้าแปป) เพราะงั้น อย่าเลทเด็ดขาด เผื่อเวลาไว้เยอะๆ ไปเร็วดีกว่าไปสาย
พอคนครบ รอบนี้เหมือนประมาณ 60คน นะ เขาก็บอกกำหนดการคร่าวๆ ว่าวันนี้จะให้ทำอะไรบ้าง แล้วก็ให้ทุกคนแปรแถว เป็น วงกลมเรียงตามเลขที่ติดหน้าอก
ตอนแรกเลยเค้าก็บอกว่า ยินดีด้วยนะ สำหรับทุกคนที่ ผ่านมาอีกขั้น แต่ฉันมีคำถามนะ
คำถามแรกที่เค้าถาม คือ
มีใครไม่สามารถอยู่จนถึงวันที่ 26 จนจบโปรเสทได้ (วันนี้วันที่ 24) เพราะว่ากระบวนการทั้งหมดของเรา ถ้าคุณเตรียมตัวมาคุณจะรู้ว่า มันจะใช้เวลา สองถึงสามวัน ใครไม่สามารถมาพรุ่งนี้และอีกวันต่อมาได้บ้าง
ที่เค้าถามเพราะเค้าจะย้ายให้ไป สัมที่กัวลาต่อ
หรือถ้าใครที่ไม่ได้ทุกวัน ยังไงก็ไม่ได้ ที่กัวลาก็ไม่ได้ นางก็บอกว่าเสียใจด้วย คุณไม่มีทางเลือก แปลว่าคุณมาทดสอบกับเราไม่ได้ (มีหนึ่งคนที่ต้องเดินออกอย่างดื้อๆ เพราะเหตุผลอะไรไม่รู้แบบ ไม่ว่างทุกวัน.. เราคิดนะว่าเค้าคงไม่ได้หวังว่าจะติดจริงๆ เลยไม่ได้เผื่อวันอะไรไว้เลย)
และก็มีสองสามคนที่ ให้ไปทำโปรเสจกรุ๊ปดิสคัลชั่นต่อที่กัวลา
อย่างไรก็ตาม เวลาฝรั่งทำงานเค้าจะตรงไปตรงมา และทำเร็วมาก คือใช้เวลาตัดสินใจเร็ว ฉะนั้น ได้ หรือไม่ได้ เอาหรือไม่เอา อะไร ยังไงให้บอกไปแบบทันที ไม่ใช่กั๊กๆ เก้อๆ กังๆ อย่างนั้นจะโดนตะโกนใส่ได้
พอจัดการกับคนพวกนี้เสร็จ นางก็บอกว่าวันนี้ จะทำอะไรบ้าง สรุปมีสามด่านดังนี้
- reach test
- group discussion round2
- english test
1) เอื้อมแตะ อันนี้เค้าบอกเพื่อความมั่นใจ จะให้ทำทุกคน
หลังจากที่เมื่อวาน เค้าอนุญาติให้มาลองเอื้อมได้ และมีสองสามคนที่ไม่ผ่าน เค้าให้ออกเลย เราแนะนำว่า ถ้าเค้าไม่ได้ให้ทำทุกคนเราอย่าไปลอง เพราะ รอบสองวันนี้ เค้าช่วยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คูณสิบ คือ นางดีมาก ไม่เหมือนเมื่อวาน ที่ไม่ผ่านแล้วบอกเสียใจด้วย ให้กลับเลย because there is no point of having you tomorrow. แต่วันนี้ยกตัวอย่างนะ บางคน ลืม หรืออะไรไม่รู้ ลืมถอดแจ็กแกต !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!คือไม่ได้นะ หายนะ สำหรับคนเตี้ย หรือ กึ่งๆ อ่ะ ให้ถอด ปลดกระดุม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มีหลายคนลืมมมมมมม ขนาดคนท้ายๆ แบบแกต้องเรียนรู้จากคนก่อนหน้าแล้วเด่ะ แต่ก็ลืมอยู่ดี กรรมการดีมาก บอกให้ลองใหม่ บอกให้ถอดแจกเก็ต บอกให้ลองอีกครั้ง มีคนนึง เอื้อม รอบที่สามแล้วก็ยังไมไ่ด้ นางบอกว่า คุณเหนื่อยแล้ว คุณไปพักก่อน เดี๋ยวทุกคนทำเสร็จฉันจะให้คุณแตะอีกรอบนะ แล้วพอเค้าแตะ อีกนิดนึง นางก็บอกว่าให้ผ่าน แล้วไม่ได้เป็นคนเดียว นางช่วยหลายคนมากๆๆ นางใจดีอะ
แต่คือ เค้าให้ทุกคนเรียงตามเบอร์ ทีละคนมาเอื้อมแตะ และก็ถามเรื่อง รอยแผลเป็น และ พวกสัก แทดทู
คือของเรา สูงเกือบ ร้อยเจ็ดสิบก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องแผลเป็น สักก็ไม่มี ก็ผ่าน
จากนั้นเค้าก็ แบ่งกลุ่มให้เพื่อเป็นการทำ group discussion รอบสอง
แบ่งเป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม
เราได้อยู่ กลุ่ม สุดท้าย
เค้านัดกลับมาเวลา บ่าย สอง ตรง
ตอนนั้น ตอนเค้าปล่อยก็ประมาณ สิบโมง กว่าๆ กระมัง
เพื่อนมาเลย์แบคกี้แบบจะไปกินข้าวข้างนอก ละนางขับรถมา นางเลยชวน
มีแบคกี้ เรา เพื่อนคนไทยสองคน และก็ เพื่อนเกาหลีที่เลขหลังเราคนนึงมาด้วยกัน
เค้าก็ดีอะ พาไปกินร้าน local แบบตั้งแต่มายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ กินแต่ร้านข้างโรงแรมเป็นคล้ายๆ แกงทุกอัน อาหารใต้ แต่ไม่เผ็ดและมันกว่ามาก
ก็สั่งอาหารคล้าย ๆตามสั่ง ส่วนเรากินข้าวมาแล้วเลยกินแค่กาแฟ
white coffeeอันเลื่องชื่อ แต่เราว่ามันก็เหมือนกาแฟบ้านเราแหละ แถมหวานกว่ามากๆๆๆๆ
เพื่อนมาเลย์บอก ไม่ต้องเปนห่วงปกติคนที่นี่กินไม่หวาน เราแบบอ๋อโอเคๆ ปรากฎมาโค่ดๆๆหวาน
(แต่ก็กินหมด)
ออกนอกเรื่องเยอะจิง
แต่พอเรากินเสร็จก็เที่ยงๆกว่าๆ แระ ขับรถกลับโรงแรมก็บ่ายโมง ประมาณนี้นะ
เตรียมตัวเข้าห้องสังหาร แบบ นาทีนั้น ยังไม่ตื่นเต้นมาก แต่สมองก็คิดไปเรื่อยมันจะเป็นอะไรน้า เป็นแบบไหนน้า
ไปรอหน้าห้อง แล้วกลุ่มอื่นๆ ทยอยลงมา
บางคนเสียใจ หน้าเศร้ามาก ร้องไห้ บางคนก็ดีใจสุดๆ
เราไปเข้าห้องน้ำ มีคนเม้าเรื่องข้อสอบ เราเลย ฟัง ได้นิดหน่อย
มีเพื่อนคนไทย ที่ผ่าน มาแชร์แนวข้อสอบด้วยอะไรงี้ แต่ตอนนั้นก็วางใจไม่ได้ เพราะบางทีเค้าเปลี่ยน
บ่ายสองก็ขึ้นห้องไป ปรากฎมันเลทนิดๆ นะ ก็รอให้กลุ่มสุดท้าย เข้าไปและความตื่นเต้นมันเริ่มมา
ในห้องเป็นฉากที่แบบ มีเก้าอี้เรียงไว้เป็นวงกลม ครบกับจำนวนคน เค้าให้เรียงเองจากเลขน้อยไปสุดท้าย มันเริ่มที่คนแรก แล้วเราก็นั่งต่อๆ กันไปเรื่อยๆ สรุปแล้วเราได้นั่ง ประมาณ ตรงข้ามกรรมการต่อดี กรรมการ นั่งอยู่นอกวง แต่ส่วนใหญ่เค้าก็เดิน
ทุกเก้าอี้ มีใบโจทย์ให้ ในนั้น เขียนจำลองสถานการณ์ว่า ถ้าเราเป็น เมเนเจอร์สวนน้ำแล้ว เราจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างไร มี สถานการณ์เป็นข้อๆ ให้ ให้เรา ดิสคัสกันในกลุ่ม
กรรมการบอกว่า ทำเหมือนฉันไม่อยู่ในห้องนี้นะ ให้เวลาอ่านโจทย์แบบ ห้านาที แล้วเริ่ม
เท่าที่เราจำได้ มันมีประมาณว่า
ลูกค้าไม่มีอัตรแลกเปลี่ยน และที่แลกอยู่ไกลจากสวนน้ำแบบสิบนาที
มีนักดำน้ำมืออาชีพเปนกลุ่มมา และยืนยันจะใช้ของของพวกเค้าในการดำน้ำ จัดการยังไง
แม่ลูก ลูกอายุต่ำกว่าเกณท์กำหนด
นักศึกษา ตั๋วหมดอายุเมื่อวาน
ประมาณนี้
ก็ไล่ทีละข้อกันเองอะไรงี้ ในกลุ่มเป็นฟีลที่แบบ แปลกมาก
เพื่อนมาเลย์ชั้น เริ่มอย่างโหดเลยค่ะ ชั้นว่านี่ๆๆๆบลาๆๆ
ใจฉันก็เต้นตุบตั๊บๆ นาทีนั้น คิดไรไม่ออกจริงๆ จะพูดไรดีอ่ะ
อ๋อ พูดอันนี้ดีกว่า แล้วทันใดนั้นก็มีคนเหมือนอ่านใจฉันออกพูดอย่างที่ฉันคิด
ฉันเลยต้องเงียบไปอีก
มันมีประมาณสิบข้อมั้ง ของเราแบบเลยข้อหกแล้วยังไม่ได้พูด
แบบ

แระ ถ้าหมดสิบข้อแล้วยังไม่ได้พูดกุจบแน่
แล้วข้อแรกๆ มันง่ายน่ะ ความคิดเรา พอพลาดแล้วก็ต้องคิดหนักคิดล่วงหน้าในข้อถัดไป
หูก็ต้องฟังคนอื่นพูดด้วย มัลติทราคส์มาก multi tasking
แต่ด้วยความที่ไม่เหมือนใคร
เราก็กำลัง ออฟเซิฟ อยู่ นาทีนั้นเหมือนทุกคน แบบเห็นดีงามกับทุกเรื่องราวทุกส่ิง
คนนึงพูด คนนึง ซัพพอต เยสๆ ยิ้มๆ พยักหน้าๆ แบบเห็นดีงามทุกสิ่งอย่าง ยิ้ม เยสสสสส เสียเดียวกันเลย
ประสานเสียงเหมือนเตี๊ยมกันมา
แล้วเราเป็นแนวพวก ขวางโลก อ่ะ ก็ไม่ขนาดนั้นแต่คือเปนคนค่อนข้าง เรียล
ถ้าเราไม่เห็นด้วยเราจะบอกไม่เห็นด้วย
ก็เลย คิดว่า ถึงเวลา เป็นนางมารร้าย แล้ว เลยพูดเรื่องในมุมมองอีกด้านไป ว่าถ้าทำแบบนี้นะ สวนสนุกต้องขนาดทุน บลาๆ คิดถึงมุมบริษัทด้วยสิ พูดอะไรอีกอ่ะ จำไม่ค่อยได้นานแล้ว แต่พูดเป็นข้อๆ เรื่องๆ ย้อนหมดเลย แต่เวลาพูดแบบไม่ใช่ก้าวร้าวนะ ต้องแบบว่า เออเนี้ยะ คุณ เอก็พูดถูกนะ แต่อย่างไรก็ตามอย่างให้ ทุกคนลองพิจารณาด้วยว่า........จุด จุด จุด เหมือนซอฟหน่อย ไม่ใช่บอก ไม่เหนด้วย ความคิดคุณมันแย่ ไม่โอเค ไม่ได้ อย่าทำตาม ..อะไรอย่างงี้ก็ไม่ใช่
เท่าที่จำได้ คือทุกคนในกลุ่ม ดูยืดหยุ่นมากๆ คนเกินไป เรื่องเช่น แบบ ตั๋วหมดอายุอะไรงี้ก็ให้เข้า หรืออะไรประมาณนั้น เราเลยบอกว่า ควรเฟลกซิเบิ้ล แต่ไม่ควรมากทุกเรื่อง ควรคิดถึงพวก ต้นทุน กำไรของบริษัทและ ความปลอดภัยของลุกค้าก็จริง แต่ก็ควรคิดต่ออีกว่า นอกจากควาปลอดภัยแล้ว หน้าตาบริษัทก็จะเสียด้วย หากมีคนเป็นไรขึ้นมา เก้าลอเก้า ประมาณนี้มั้ง
แต่คือทุกคนดูแย่งกันพูดมาก ทุกคนไม่มีใครยอมใคร เพื่อนมาเลย์เห้นเค้าเงียบๆ เค้าก็ใส่เพียบเลยนะจ้ะ ส่วนเรานิสัยส่วนตัวไม่ชอบแย่งใคร มันรีบ และคิดว่าจะคิดไม่ออก พูดไม่ดีเท่าทีควรเพราะรีบ และพูดเห็นด้วย สนับสนุนกับทุกสิ่งมันดู.. ธรรมดาไป สำหรับเรา เราเลย มองนอกกล่อง มากกว่านั้น และพูดออกแนวสวนทาง ส่วนเวลาพูดถึงคนในกลุ่ม ให้ใช้ชื่อจริงจะดีนะ มันวัดได้ว่าเราใส่ใจ แต่แต่ละคนก็มีวิธีต่างกันไป
เราทำแบบนี้แล้วเข้าแล้วผ่าน ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำแล้วจะผ่าน มันอยู่ที่ปัจจัยห้าล้านอย่างได้ในโลก
เช่น จังหวะ นำ้เสียง ความมั่นใจ คอนเท็ก ความคิดเห็น ไอเดีย เยอะมากกก
(ต่อโพสข้างล่างนะจ้า ตัวอักษรเกิน)
แชร์ประสบการณ์สมัคร Emirates ที่ อิโปห์, มาเลเซีย (ตอน 2 Assessment Day)
24 February 2015
ก่อนจะอ่าน รบกวนกินข้าวให้อิ่ม
เพราะมันจะยาวมากๆ
ดีใจเว่อร์ที่ผ่านวันแรกมาได้ ดีใจที่ได้โอกาสได้ทดสอบตัวเอง เพราะก่อนหน้าที่จะลังเลมาก กลัวนั่นนี่ กลัวเค้าไม่รับพาสปอตไทย ซึ่งมาแล้ว
เค้ารับนะคะ และเพื่อนชวนให้ไปพรีสกรีนกับสถาบันแห่งนึงที่ขึ้นชื่อลือชากันมาก แต่เรากลับคิดว่า เราต้องทดสอบตัวเองให้มากกว่านี่หน่อย เพราะคิดว่ายังไม่ได้ลองสนามจริงๆ จังๆ เลย รอบมกราที่สมัครที่ไทย ไม่นับ เพราะคิดว่ายังไม่ได้ใช้ความสามารถตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ เลย
ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวถ้าตกครั้งนี้ค่อยไป
และเราว่าเราคิดถูกมากที่มา ทั้งๆ ยังไม่มีประสบการณ์สมัครเท่าไหร่ อย่าไปกลัวค่ะ เชียร์ๆ ให้มาสมัครเมืองนอกกันเยอะๆ สบายกว่าไทยมากๆ ไม่ต้องยื้อแย่ง มีสมาธิ ทำได้ดีกว่า
กลับมาต่อวันแรกนะคะ ใครยังไม่ได้อ่านกระทู้นี้เลย
http://pantip.com/topic/33300348 ตอนที่ หนึ่ง ประสบการณ์สมัครแอร์ ที่อิโปห์ มาเลเซีย
วันแรก คนที่ ผ่าน ด่าน group discussion 1st round กรรมการแจกป้ายชื่อเป็นสติ๊กเกอร์สีขาว เขียนชื่อจริงเราเอาไว้ พร้อมเลขประจำตัว ..เราได้เลข 80 เลขนี่จะใช้จนการสอบสัมภาษณ์จบเลยนะ ต้องจำให้ดี จำให้ได้ (เห่อมากกก จูบเลยอ่ะ)
ตอนเช้าเราตื่นชิวๆ เพราะว่า นัดเพื่อนมาเลย์ไว้ที่คุยถูกคอเมื่อวาน ชื่อแบคกี้ ว่าให้เค้าผ่านมารับ กับเพื่อนไทยอีกคน เรานับถือเค้ามากๆ เพราะนางลุยมาก นั่งรถมาจากกัวลาตอนเช้า อยากให้เขามาเขียนรีวิวการเดินทางมากๆ ชอบและทิ่งมาก
แต่ก็นั่นละ คนมาเลย์ พอดีบ้านเค้าต้องผ่านทางโรงแรมเราอยู่แล้ว คือคุยไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ที่ได้กลับพร้อมกัน ตอนบ่ายสี่ เกือบๆ ห้าโมง ว่าให้เค้าช่วยมารับ ไม่ต้องเสียตังค์ อิอิ ได้เม้าท์มอย เพิ่มความมั่นใจด้วย แบบไม่เหงางอยมีเพื่อนเดินเข้าโรงแรมด้วยกัน
ไปถึงโรงแรมประมาณ แปดโมงจะครึ่ง หรือแปดโมงนี่ละ จำไม่ได้เลย แต่รู้ว่ามีเวลานั่งชิวๆ ตรงล็อบบี้ และไปเข้าห้องน้ำ ทาลิปแดง เพราะทาที่ที่พักไม่ทัน ฮ่าๆ จำได้ว่า ตอนนั้นอยู่ดีๆ ก็รู้สึกอยากทาลิปที่ไม่ใช่สีแดง เลยทาลิปสีเลือดหมูมีกากเพชรด้านๆ ไป พอออกมาจากห้องน้ำถามเพื่อน ผช คนไทย นางบอกว่า แกรีบไปเปลี่ยนเถอะ ทาสีแดงเกิดกว่า ..นางพูดด้วยเสียงจริงจังมาก เราเลยทำตามทันที (ต้องขอบคุณมากๆนะกาย)
พอทาสีแดงสดเสร็จ เอ้อ.... รู้สึกมันมีพลังกว่าเก่าจริงๆ นะ แนะนำ ว่า ให้ทาสีแดงไปเลย ไม่ต้องคิดว่าจะซ้ำกับคนอื่น เพราะมันซ้ำอยู่แล้วแหละ คือทุกคนทาสีแดงสดไง.. ก็ทาดีๆ อย่าให้มันเลอะข้างในฟันนะ
อย่างของเรา ด้วยความทีในชีวิต ให้ตายเหอะ ไม่เคยทาลิปแดงนะ บอกเลย ลิปสติกกับเรานี่เป็นของที่ห่างไกลกันมาก เราเป็นพวก หน้าเปลือยออกจากบ้านได้อะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ตอนแรกเรากลัวลิปมันไม่ทั่วถึงและติดนาน เลยทาเยอะๆๆ โบกมันเข้าไป สรุป ติดฟันจ้าาา
เคล็ดลับที่เวิคมากคือ ทิปโดยที่ส้มโอ แอร์โอมาน ตอนนี้นางก็ได้บินเอมิเรสต์แล้วด้วย ขอบพระคุณนางมา ณ ที่นี่
นางบอกว่าให้เอานิ้วชี้ ใส่เข้าปาก แล้วรูดออกมา เราก็แบบ เฮ้ย จะดีหรอ แต่ถามว่า นาทีนั้น ทางเลือกเยอะไหม..ก็ไม่ ไง เลยทำ.. แล้วแบบเวิคมากกกค่ะ
ก็เอาไปทำตามกันนะจ้ะเด็กๆ
สรุปคือวันนั้น ใส่ชุดเดิม สีแดง เสื้อข้างในตัวเดิม แต่ซักแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืน
ทุกอย่างเหมือนเดิม เป๊ะ ฮ่าๆ แต่พร้อมมาก เต็มร้อย เออะ เอาเซ่!
พอแปดโมงห้าสิบ เรากับเพื่อนๆ คนไทย อีกกี่คนนะ ประมาณสี่คนก็ขึ้นไปกัน อีกคนนึง เพิ่งมารู้จักตอนกลับไทย ห้องก็เปิดอยู่ พร้อมกับหลายๆ คนได้ทยอยกันเข้าไปแล้ว มีกรรมการ ยืนจัดแถวอยู่ ให้เป็นครึ่งซีก..พอเก้าโมงตรง เค้าก็เริ่มเช็คชื่อ ตรงนี้ใครทำป้ายชื่อที่เค้าแจกเมื่อวานหายนี่โดนหมายหัวจริงๆนะ ขนาดพี่สาวเราไปขอใหม่เค้ายังบอกไม่ให้ เพราะของพี่เขามันแบบลอกๆ แล้วเค้าบอก ยูต้องหาทางทำให้มันติดเองให้ได้ ชั้นไม่สน..
คนที่มาสายหรอ... โดนอีกเหมือนกัน กรรมการไม่พูดด้วย ฮ่าๆ ตรงนี้กรรมการจะเช็คชื่อเรากับลำดับของเอกสาร เห็นกันจะจะ ใครมาสายเขาแบบโยนเอกสารทิ้งไว้ตรงเก้าอี้อีกตัวเลยอ่ะ (แบบขนาดไม่ใช่ของเราเรายังแบบเฮ้ยยย โยนงั้นเลยหยออ..เศร้าแปป) เพราะงั้น อย่าเลทเด็ดขาด เผื่อเวลาไว้เยอะๆ ไปเร็วดีกว่าไปสาย
พอคนครบ รอบนี้เหมือนประมาณ 60คน นะ เขาก็บอกกำหนดการคร่าวๆ ว่าวันนี้จะให้ทำอะไรบ้าง แล้วก็ให้ทุกคนแปรแถว เป็น วงกลมเรียงตามเลขที่ติดหน้าอก
ตอนแรกเลยเค้าก็บอกว่า ยินดีด้วยนะ สำหรับทุกคนที่ ผ่านมาอีกขั้น แต่ฉันมีคำถามนะ
คำถามแรกที่เค้าถาม คือ
มีใครไม่สามารถอยู่จนถึงวันที่ 26 จนจบโปรเสทได้ (วันนี้วันที่ 24) เพราะว่ากระบวนการทั้งหมดของเรา ถ้าคุณเตรียมตัวมาคุณจะรู้ว่า มันจะใช้เวลา สองถึงสามวัน ใครไม่สามารถมาพรุ่งนี้และอีกวันต่อมาได้บ้าง
ที่เค้าถามเพราะเค้าจะย้ายให้ไป สัมที่กัวลาต่อ
หรือถ้าใครที่ไม่ได้ทุกวัน ยังไงก็ไม่ได้ ที่กัวลาก็ไม่ได้ นางก็บอกว่าเสียใจด้วย คุณไม่มีทางเลือก แปลว่าคุณมาทดสอบกับเราไม่ได้ (มีหนึ่งคนที่ต้องเดินออกอย่างดื้อๆ เพราะเหตุผลอะไรไม่รู้แบบ ไม่ว่างทุกวัน.. เราคิดนะว่าเค้าคงไม่ได้หวังว่าจะติดจริงๆ เลยไม่ได้เผื่อวันอะไรไว้เลย)
และก็มีสองสามคนที่ ให้ไปทำโปรเสจกรุ๊ปดิสคัลชั่นต่อที่กัวลา
อย่างไรก็ตาม เวลาฝรั่งทำงานเค้าจะตรงไปตรงมา และทำเร็วมาก คือใช้เวลาตัดสินใจเร็ว ฉะนั้น ได้ หรือไม่ได้ เอาหรือไม่เอา อะไร ยังไงให้บอกไปแบบทันที ไม่ใช่กั๊กๆ เก้อๆ กังๆ อย่างนั้นจะโดนตะโกนใส่ได้
พอจัดการกับคนพวกนี้เสร็จ นางก็บอกว่าวันนี้ จะทำอะไรบ้าง สรุปมีสามด่านดังนี้
- reach test
- group discussion round2
- english test
1) เอื้อมแตะ อันนี้เค้าบอกเพื่อความมั่นใจ จะให้ทำทุกคน
หลังจากที่เมื่อวาน เค้าอนุญาติให้มาลองเอื้อมได้ และมีสองสามคนที่ไม่ผ่าน เค้าให้ออกเลย เราแนะนำว่า ถ้าเค้าไม่ได้ให้ทำทุกคนเราอย่าไปลอง เพราะ รอบสองวันนี้ เค้าช่วยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คูณสิบ คือ นางดีมาก ไม่เหมือนเมื่อวาน ที่ไม่ผ่านแล้วบอกเสียใจด้วย ให้กลับเลย because there is no point of having you tomorrow. แต่วันนี้ยกตัวอย่างนะ บางคน ลืม หรืออะไรไม่รู้ ลืมถอดแจ็กแกต !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!คือไม่ได้นะ หายนะ สำหรับคนเตี้ย หรือ กึ่งๆ อ่ะ ให้ถอด ปลดกระดุม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มีหลายคนลืมมมมมมม ขนาดคนท้ายๆ แบบแกต้องเรียนรู้จากคนก่อนหน้าแล้วเด่ะ แต่ก็ลืมอยู่ดี กรรมการดีมาก บอกให้ลองใหม่ บอกให้ถอดแจกเก็ต บอกให้ลองอีกครั้ง มีคนนึง เอื้อม รอบที่สามแล้วก็ยังไมไ่ด้ นางบอกว่า คุณเหนื่อยแล้ว คุณไปพักก่อน เดี๋ยวทุกคนทำเสร็จฉันจะให้คุณแตะอีกรอบนะ แล้วพอเค้าแตะ อีกนิดนึง นางก็บอกว่าให้ผ่าน แล้วไม่ได้เป็นคนเดียว นางช่วยหลายคนมากๆๆ นางใจดีอะ
แต่คือ เค้าให้ทุกคนเรียงตามเบอร์ ทีละคนมาเอื้อมแตะ และก็ถามเรื่อง รอยแผลเป็น และ พวกสัก แทดทู
คือของเรา สูงเกือบ ร้อยเจ็ดสิบก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องแผลเป็น สักก็ไม่มี ก็ผ่าน
จากนั้นเค้าก็ แบ่งกลุ่มให้เพื่อเป็นการทำ group discussion รอบสอง
แบ่งเป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม
เราได้อยู่ กลุ่ม สุดท้าย
เค้านัดกลับมาเวลา บ่าย สอง ตรง
ตอนนั้น ตอนเค้าปล่อยก็ประมาณ สิบโมง กว่าๆ กระมัง
เพื่อนมาเลย์แบคกี้แบบจะไปกินข้าวข้างนอก ละนางขับรถมา นางเลยชวน
มีแบคกี้ เรา เพื่อนคนไทยสองคน และก็ เพื่อนเกาหลีที่เลขหลังเราคนนึงมาด้วยกัน
เค้าก็ดีอะ พาไปกินร้าน local แบบตั้งแต่มายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ กินแต่ร้านข้างโรงแรมเป็นคล้ายๆ แกงทุกอัน อาหารใต้ แต่ไม่เผ็ดและมันกว่ามาก
ก็สั่งอาหารคล้าย ๆตามสั่ง ส่วนเรากินข้าวมาแล้วเลยกินแค่กาแฟ
white coffeeอันเลื่องชื่อ แต่เราว่ามันก็เหมือนกาแฟบ้านเราแหละ แถมหวานกว่ามากๆๆๆๆ
เพื่อนมาเลย์บอก ไม่ต้องเปนห่วงปกติคนที่นี่กินไม่หวาน เราแบบอ๋อโอเคๆ ปรากฎมาโค่ดๆๆหวาน
(แต่ก็กินหมด)
ออกนอกเรื่องเยอะจิง
แต่พอเรากินเสร็จก็เที่ยงๆกว่าๆ แระ ขับรถกลับโรงแรมก็บ่ายโมง ประมาณนี้นะ
เตรียมตัวเข้าห้องสังหาร แบบ นาทีนั้น ยังไม่ตื่นเต้นมาก แต่สมองก็คิดไปเรื่อยมันจะเป็นอะไรน้า เป็นแบบไหนน้า
ไปรอหน้าห้อง แล้วกลุ่มอื่นๆ ทยอยลงมา
บางคนเสียใจ หน้าเศร้ามาก ร้องไห้ บางคนก็ดีใจสุดๆ
เราไปเข้าห้องน้ำ มีคนเม้าเรื่องข้อสอบ เราเลย ฟัง ได้นิดหน่อย
มีเพื่อนคนไทย ที่ผ่าน มาแชร์แนวข้อสอบด้วยอะไรงี้ แต่ตอนนั้นก็วางใจไม่ได้ เพราะบางทีเค้าเปลี่ยน
บ่ายสองก็ขึ้นห้องไป ปรากฎมันเลทนิดๆ นะ ก็รอให้กลุ่มสุดท้าย เข้าไปและความตื่นเต้นมันเริ่มมา
ในห้องเป็นฉากที่แบบ มีเก้าอี้เรียงไว้เป็นวงกลม ครบกับจำนวนคน เค้าให้เรียงเองจากเลขน้อยไปสุดท้าย มันเริ่มที่คนแรก แล้วเราก็นั่งต่อๆ กันไปเรื่อยๆ สรุปแล้วเราได้นั่ง ประมาณ ตรงข้ามกรรมการต่อดี กรรมการ นั่งอยู่นอกวง แต่ส่วนใหญ่เค้าก็เดิน
ทุกเก้าอี้ มีใบโจทย์ให้ ในนั้น เขียนจำลองสถานการณ์ว่า ถ้าเราเป็น เมเนเจอร์สวนน้ำแล้ว เราจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างไร มี สถานการณ์เป็นข้อๆ ให้ ให้เรา ดิสคัสกันในกลุ่ม
กรรมการบอกว่า ทำเหมือนฉันไม่อยู่ในห้องนี้นะ ให้เวลาอ่านโจทย์แบบ ห้านาที แล้วเริ่ม
เท่าที่เราจำได้ มันมีประมาณว่า
ลูกค้าไม่มีอัตรแลกเปลี่ยน และที่แลกอยู่ไกลจากสวนน้ำแบบสิบนาที
มีนักดำน้ำมืออาชีพเปนกลุ่มมา และยืนยันจะใช้ของของพวกเค้าในการดำน้ำ จัดการยังไง
แม่ลูก ลูกอายุต่ำกว่าเกณท์กำหนด
นักศึกษา ตั๋วหมดอายุเมื่อวาน
ประมาณนี้
ก็ไล่ทีละข้อกันเองอะไรงี้ ในกลุ่มเป็นฟีลที่แบบ แปลกมาก
เพื่อนมาเลย์ชั้น เริ่มอย่างโหดเลยค่ะ ชั้นว่านี่ๆๆๆบลาๆๆ
ใจฉันก็เต้นตุบตั๊บๆ นาทีนั้น คิดไรไม่ออกจริงๆ จะพูดไรดีอ่ะ
อ๋อ พูดอันนี้ดีกว่า แล้วทันใดนั้นก็มีคนเหมือนอ่านใจฉันออกพูดอย่างที่ฉันคิด
ฉันเลยต้องเงียบไปอีก
มันมีประมาณสิบข้อมั้ง ของเราแบบเลยข้อหกแล้วยังไม่ได้พูด
แบบ
แล้วข้อแรกๆ มันง่ายน่ะ ความคิดเรา พอพลาดแล้วก็ต้องคิดหนักคิดล่วงหน้าในข้อถัดไป
หูก็ต้องฟังคนอื่นพูดด้วย มัลติทราคส์มาก multi tasking
แต่ด้วยความที่ไม่เหมือนใคร
เราก็กำลัง ออฟเซิฟ อยู่ นาทีนั้นเหมือนทุกคน แบบเห็นดีงามกับทุกเรื่องราวทุกส่ิง
คนนึงพูด คนนึง ซัพพอต เยสๆ ยิ้มๆ พยักหน้าๆ แบบเห็นดีงามทุกสิ่งอย่าง ยิ้ม เยสสสสส เสียเดียวกันเลย
ประสานเสียงเหมือนเตี๊ยมกันมา
แล้วเราเป็นแนวพวก ขวางโลก อ่ะ ก็ไม่ขนาดนั้นแต่คือเปนคนค่อนข้าง เรียล
ถ้าเราไม่เห็นด้วยเราจะบอกไม่เห็นด้วย
ก็เลย คิดว่า ถึงเวลา เป็นนางมารร้าย แล้ว เลยพูดเรื่องในมุมมองอีกด้านไป ว่าถ้าทำแบบนี้นะ สวนสนุกต้องขนาดทุน บลาๆ คิดถึงมุมบริษัทด้วยสิ พูดอะไรอีกอ่ะ จำไม่ค่อยได้นานแล้ว แต่พูดเป็นข้อๆ เรื่องๆ ย้อนหมดเลย แต่เวลาพูดแบบไม่ใช่ก้าวร้าวนะ ต้องแบบว่า เออเนี้ยะ คุณ เอก็พูดถูกนะ แต่อย่างไรก็ตามอย่างให้ ทุกคนลองพิจารณาด้วยว่า........จุด จุด จุด เหมือนซอฟหน่อย ไม่ใช่บอก ไม่เหนด้วย ความคิดคุณมันแย่ ไม่โอเค ไม่ได้ อย่าทำตาม ..อะไรอย่างงี้ก็ไม่ใช่
เท่าที่จำได้ คือทุกคนในกลุ่ม ดูยืดหยุ่นมากๆ คนเกินไป เรื่องเช่น แบบ ตั๋วหมดอายุอะไรงี้ก็ให้เข้า หรืออะไรประมาณนั้น เราเลยบอกว่า ควรเฟลกซิเบิ้ล แต่ไม่ควรมากทุกเรื่อง ควรคิดถึงพวก ต้นทุน กำไรของบริษัทและ ความปลอดภัยของลุกค้าก็จริง แต่ก็ควรคิดต่ออีกว่า นอกจากควาปลอดภัยแล้ว หน้าตาบริษัทก็จะเสียด้วย หากมีคนเป็นไรขึ้นมา เก้าลอเก้า ประมาณนี้มั้ง
แต่คือทุกคนดูแย่งกันพูดมาก ทุกคนไม่มีใครยอมใคร เพื่อนมาเลย์เห้นเค้าเงียบๆ เค้าก็ใส่เพียบเลยนะจ้ะ ส่วนเรานิสัยส่วนตัวไม่ชอบแย่งใคร มันรีบ และคิดว่าจะคิดไม่ออก พูดไม่ดีเท่าทีควรเพราะรีบ และพูดเห็นด้วย สนับสนุนกับทุกสิ่งมันดู.. ธรรมดาไป สำหรับเรา เราเลย มองนอกกล่อง มากกว่านั้น และพูดออกแนวสวนทาง ส่วนเวลาพูดถึงคนในกลุ่ม ให้ใช้ชื่อจริงจะดีนะ มันวัดได้ว่าเราใส่ใจ แต่แต่ละคนก็มีวิธีต่างกันไป
เราทำแบบนี้แล้วเข้าแล้วผ่าน ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำแล้วจะผ่าน มันอยู่ที่ปัจจัยห้าล้านอย่างได้ในโลก
เช่น จังหวะ นำ้เสียง ความมั่นใจ คอนเท็ก ความคิดเห็น ไอเดีย เยอะมากกก
(ต่อโพสข้างล่างนะจ้า ตัวอักษรเกิน)