[CR] เที่ยวลาว ผจญภัยใน"วังเวียง"คลังนา

สบายดี สวัสดีครับ ยิ้ม
วันนี้ผมจะมา Review การไปเที่ยวต่างประเทศ เที่ยวนี้เราไปประเทศเพื่อนบ้านของเรา...ประเทศลาวนั้นเอง โดยมีจุดหมายหลักที่เมืองวังเวียงเมืองริมแม่น้ำซองเมืองท่ามกลางขุนเขาอันงดงาม


Cr. http://www.thaigoodview.com/node/160886?page=0,1 //ถ่ายเองไม่สวยเท่า ท่ดทีครับ TT

การเดินทางไปวังเวียงในครั้งนี้มีแผนเดินทางผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาวซึ่งสามารถขึ้นรถได้ที่จังหวัดอุดรธานีมีรถทัวร์ไปวังเวียงโดยตรง 320 บาทโดยมีเพียงวันละ1รอบเท่านั้น!!!  แต่เนื่องจากผมเดินทางช่วงสงกรานคือ9-15 เมษายน 58 และออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครซึ่งอาจจะมีการจราจรติดขัด จึงตัดสินใจเข้าพักที่จังหวัดอุดรธานี1วันก่อนจะเดินทางไปวังเวียงเผื่อว่าจะไปซื้อตั๋วรถทัวร์ไปวังเวียงไม่ทัน

แผนการเดินทาง
กทม.--นอนบนรถ1คืน-->อุดรธานี(พัก1คืน)-->วังเวียง(พัก2คืน)-->เวียงจันทร์(พัก1คืน)-->อุดรธานี--นอนบนรถ1คืน-->กทม.
รวมทั้งหมด 6 คืน นอนที่ลาว 3 คืน อุดร 1 คืน บนรถ 2 คืน

วันที่ 9 เมษายน 2558 (กลางคืน) ตอนที่1 : บริการทุกระดับประทับใจ

กลางคืนของวันที่ 9 ผมเก็บของจัดกระเป๋าและเดินทางไปยังหมอชิต2เพื่อขึ้นรถทัวร์บริษัทชาญทัวร์ ในตั๋วรถระบุว่ารถจะออกเดินทางไปอุดรธานี ณ เวลา23:45น. ผมไปถึงสถานีตั้งแต่23:00 จึงนั่งรอ30นาที แล้วจึงเดินไปที่ท่ารถทัวร์เพื่อเตรียมขึ้ันรถ แล้วผมก็พบกับสิ่งไม่คาดฝัน
...ที่ท่ารถมีกระดาษ A4 หนึ่งแผ่นแปะไว้ มีเนื้อความว่า "เปลี่ยน!!!สถานที่ขึ้นรถไปที่ท่ารถของบริษัทชาญทัวร์เอง" .....
OMG ยิ้มอยู่ไหนหว่ะครับ แล้วทำไมไม่โทรมาบอก ร้องไห้ร้องไห้  เพราะว่าไม่ทราบว่าท่ารถอยู่ตรงไหน? ผม,เพื่อนผมและผู้ประสบเคราะห์ที่อยู่บริเวณนั้นอีก1รายจึงได้เรียก Taxi เพื่อรีบเดินทางให้ทันเวลา แม้ว่าTaxiของเราจะหลงทางจนเสียค่าเดินทางถึง 120 บาททั้งๆที่ท่ารถของชาญทัวร์นั้นห่างจากสถานีขนส่งเพียง 300 เมตร เราก็ไปทันเวลาเที่ยงคืน (เราขอให้รถเลทให้เรา)
สภาพบนรถชาญทัวร์ก็ไม่ได้ดีไปกันเท่าไหร่นัก แอร์ที่ติดๆดับๆจนร้อนมาก กลิ่นห้องน้ำอันแสนละมุนอย่างยิ้มค่อยๆโชยออกมาพร้อมกลิ่นยาหม่องจากห้องคนขับ เอาเถอะอย่าน้อยก็ไปถึงอุดรธานี

วันที่ 10 เมษายน 2558 ตอนที่2 : ฟ้าหลังฝน
9:30 น. ก็มาถึงอุดรธานี เรารีบเก็บของเข้าที่พักชื่อ @Home แล้วจึงไปCentralซึ่งอยู่ใกล้ๆโรงแรมเพื่อสมทบกับเพื่อนอีก2 คน ในที่สุดปาร์ตี้เราก็ครบ4คน Let’s go !!!
ต่อมาเราวางแผนที่จะเดินทางไป 2 สถานที่หลักๆ คือ 1.บึงบัวแดงอันเลื่องชื่อ 2.หนองประจักษ์ สวนสาธารณะสุดชิว
13:00น. คุณเพื่อนได้ไปเหมารถ 3 ล้อเดินทางไปกลับบึงบัวแดงซึ่งอยู่ห่างออกไป 60 กิโลเมตรราคา1000บาท นั่งรถออกไป45นาที ก็ไปถึง...“บึงบัวที่ไร้ซึ่งดอกบัว” เนื่องจากดอกบัวทุกดอกได้หุบไปแล้ว ทัศนียภาพที่เห็น ณ บึงบัวแดงจึงเป็นความว่างเปล่า เรียกได้ว่าเพลง Blank Space ของ Taylor Swift ลอยขึ้นมาในบัดดล ทุกสิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
ทันใดนั้นเพื่อนคนหนึ่งก็เสนอว่า “ไหนๆก็มาแล้ว ออกไปนั่งเรือเล่นกัน” พวกเราจึงนั่งเรือออกไปสู่ความเวิ้งว้าง เป็นการนั่งเรือที่แปลกประหลาดมาก แทนที่จะนั่งเรือออกเจอบัวเรากลับเจอนก ควายและสาหร่ายแทน ช่างมันถือซะว่าออกไปศึกษาระบบนิเวศ

17:00 น. ก็กลับมาถึงเมืองอุดรธานี เราขอให้พี่3ล้อไปจอดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ณ สวนสาธารณะแห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายไม่ว่าจะเป็น ตีคลี, ให้อาหารนกพิราบ, ออกกำลังกาย, เล่นเครื่องเล่นเด็ก ฯลฯ โดยมี Landmark คือเป็ดสีเหลืองตัวใหญ่ซึ่งลอยอยู่ในบ่อน้ำ (แต่วันนี้มันจมครับ)

ภาพนี้เป็นการพยายามกันกู้ชีพเป็ดให้ตั้งตรงได้

นักตีคลี
เดินไปเดินมาเราก็หิว จึงตัดสินใจไปกินแหนมเนือง VT // อร่อย สะอาด แนะนำมากๆ (ผู้เขียนไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด)
ค่าเสียหายมื้อนี้ตกคนละ 120 บาทและอิ่มมากๆ

ระหว่างที่กินอยู่ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด ส่งผลให้ร้านค้าในตลาดนัดบริเวณใกล้เคียงร้าน VT แหนมเนืองต้องเก็บของกลับบ้าน แผนการเดินเล่นที่ตลาดนัดจึงล่มไป แต่เราก็ได้มาเสี่ยงเซียมซีแทนซึ่งผลก็ออกมาว่า “โชคร้าย’ แทบจะทุกอย่างเลยครับ….ไม่แปลกใจเท่าไหร่ 55
20:30 เรากลับถึงที่พัก นอนเล่นไปสักพักจึงได้เอะใจขึ้นมาว่า ใกล้ๆโรงแรมไม่มีอะไรทำเลยหรอ….ปรากฏว่าใกล้ๆโรงแรมมีตลาดนัดกลางคืนอีกแห่ง ในที่สุดเวลาแห่งความสำเร็จก็มาถึง ตลาดนัดแห่งนี้ยังเปิดอยู่และมีอาหารขายเพียบเลยทีเดียว (ตลาดข้างๆ UD Town) ฟ้าหลังฝนมีอยู่จริงๆครับ ผมได้ให้รางวัลกระเพาะอาหารเป็นข้าวจี่2 ไม้ สตอร์เบอรรี่สมูทตี้อีก1แก้ว ไข่ทรงเครื่องอีก2ฟอง พร้อมภาวนาให้พรุ่งนี้คงเป็นวันที่ดี

วันที่ 11 เมษายน 2558 ตอนที่3 : จำหน่ายขาด1นาย
ตื่นมาด้วยความงัวเงีย ผมและเพื่อนหยิบนาฬิกาไอโฟนขึ้นมาดู ขณะนี้เวลา 6:30 น. …. ยิ้มแล้ววว จะซื้อตั๋วทันไหมเนี้ยยยย เรา2คนรีบมุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งด้วยความเร็วแสง ในใจภาวนาว่า “แถวจงสั้นๆ ซื้อตั๋วทันๆ”
ความจริงนั้นเช้านี้ เรานัดเพื่อนอีก2คนว่าจะไปถึงขนส่ง 6:15 น. เพื่อให้ได้ตั๋วชัวร์ๆ ซึ่งตอนนี้เพื่อนเราอีก2คนก็ได้รออยู่ที่ขนส่งแล้ว
เมื่อไปถึงพบว่ามีคนต่อแถวอยู่ประมาณ 30 คน …คงทันแหละนะ(ผมคิดในใจ) แต่ผมไม่ได้เอะใจเลยว่าด้วยนิสัยสันดานคนไทยแล้ว ย่อมมีการฝากต่อคิวซื้อตั๋ว ความจริงนั้นไซร้ให้นำจำนวนคนที่ต่อแถวอยู่คูณ2 ได้เลยครับ ผลสรุปคือเราซื้อตั๋วไปวังเวียงไม่ทัน เพื่อนเราอีก2 คนที่มาก่อน10นาทีก็ไม่ทันเช่นกัน….
ด้วยเหตุนี้เราจึงเปลี่ยนแผนการเดินทางไปเวียงจันทร์ก่อนเพราะจากเวียงจันทร์สามารถเดินทางต่อไปวังเวียงได้และยังมีตั๋วรถหลายรอบจากอุดรธานีไปเวียงจันทร์ในราคาเพียงแปดสิบกว่าบาท come on ซื้อตั๋วเถอะ…..และแล้วปัญหาก็เกิดขึ้นอีก ปรากฏว่า Passport เพื่อนผมคนหนึ่งจะหมดอายุในอีก5 เดือน 20 วัน ซึ่งประเทศลาวกำหนดว่าPassPortต้องมีอายุมากกว่า6เดือนก่อนที่จะหมดอายุ เราขาดเวลาเพียงแค่10วันเท่านั้นนนนน !!!
ไม่เป็นไร ความซวยยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร…..เราได้ข่าวมาว่า สามารถทำ Border Pass ได้เพื่อเข้าประเทศลาว เราจึงนั่งรถไปจังหวัดหนองคายจังหวัดที่เราสามารถทำBorder Pass ได้และนอกจากนี้ยังมีอาณาเขตติดประเทศลาว
…..แต่ความซวยยังไม่จบจริงๆนั้นแหละ เพราะว่าBorder Pass สามารถใช้เดินทางไปได้เพียงเมืองเวียงจันทร์ ไปถึงวังเวียงไม่ได้ ….อืมม ผมนี้อึ้งเลยย้ง =.=
“ไม่เป็นไรหน่าลองไปขอที่ด่านไทยดู อ้อนๆหน่อยอาจจะได้” ทุกคนมีความเห็นตรงกัน เราลองไปขออนุญาตเป็นพิเศษที่ด่านไทยดูครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือด่านไทยบอกให้เราไปขอด่านลาวเอง พอไปถึงด่านลาว ด่านลาวก็ตีกลับและบอกให้ไปขอด่านไทยครับ โอเครครับกรุยอม
เรานั่งรถกลับมาด่านไทยเพื่อปรึกษาว่าจะเอายังไงต่อ ซึ่งเพื่อนผมที่Passport ไม่ผ่านก็ได้โทรไปถามบิดามารดรและได้ข้อสรุปว่าจะนั่งเครื่องบินกลับไปเชียงใหม่เลยและปล่อยในพวกผม3คนผจญภัยต่อในลาว
ทำการไว้อาลัยอาลัยเพื่อนเป็นเวลา3วินาทีพวกเราก็มุ่งหน้าต่อไปสู่เวียงจันทร์และวังเวียงตามลำดับ
“ลาก้อย เพื่อนเอ๋ย เราจะไม่ลืมนาย” ขณะนี้เวลา12:06น. จำหน่ายขาด1นาย ครับ!!!
……………………………………………………………………………………………………………………………….
เข้าสู่ประเทศลาว
หลังจากซื้อซิมinternetและแลกเงินไทยเป็นเงินกีบแล้ว เราก็ได้มุ่งหน้าสู่วังเวียงโดยสวัสดิภาพในราคา350บาท ซึ่งจริงๆแล้ววิธีเดินทางจากด่านลาวไปวังเวียงที่ถูกที่สุดจะถูกกว่านี้ ซึ่งเดินทางโดยนั่งTaxi ไปสถานีขนส่งสายเหนือและนั่งรถตู้ต่อไปวังเวียงในราคา200สิริรวมประมาณ250ต่อคน
เส้นทางไปวังเวียงก็เลี้ยวลดคดเคี้ยวไม่แพ้เขาพับผ้าในบ้านเรา โชคดีที่มีคนไทยในรถตู้และโชคดีที่คนลาวพูดไทยได้ เราจึงมีเพื่อนคุยตลอดการเดินทาง
19:00น. เราก็มาถึงวังเวียง เรารีบเข้าที่พักชื่อ วัลเลวอง ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำซอง ที่พักของเราดีใช้ได้เลยครับ มีอาหารเช้า ห้องพักใหญ่โต มองออกไปเห็นแม่น้ำสะท้อนแสงดาวบนฟากฟ้า(เริ่มเพ้อ) และตั้งอยู่ในเขตที่ไม่ไกลจากตัวเมือง (วังเวียงเป็นเมืองที่เล็กมาก จริงๆไม่ว่าจะจองโรงแรมไหนก็คงไม่ไกลจากตัวเมือง)

โปรโมชั่นเน็ต
เมื่อเก็บของเข้าที่พักเสร็จเราก็ออกหากินครับ เมื่อเดินรอบๆเมืองวังเวียงคุณจะพบร้านขายSandwich โรตี (ทีนี้เค้าเรียกว่า Pancake) และ Hamburger กระจายอยู่รอบเมืองในราคาที่เท่ากันและเหมือนกันแป๊ะทุกอย่าง เป็นตัวอย่างที่ดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์

(วิธีคำนวณเงินกีบเป็นไทยเร็วๆ : ตัดศูนย์3ตัว แล้ว คูณ 4 ยกตัวอย่างเช่น pancake 10,000 ก็ตัดศูนย์3ตัวเหลือ 10 คูณ4 ได้ 40 บาทไทย)
ผมและผองเพื่อนยัดSandwichที่ใช้ขนมปังฝรั่งเศสในการทำลงกระเพาะคนละ1 ชิ้น แล้วจึงเดินไปงานวัด เพื่อเล่นปาลูกโป่งและยิงตุ๊กตา(เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็ก ยิ้ม ) พร้อมทำการสักการะพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล

ต่อจากนั้นจึงได้หาที่นั่งชิวๆริมถนนริมแม่น้ำเพื่อคุยและวางแผนวันรุ่งขึ้น ก่อนเข้านอน
พรุ่งนี้เรามีแผนจะไป One-day Trip ราคา 400 บาท(100,000กีบ)ทั้งวันแล้วกลับมาสังสรรค์ต่อที่วังเวียงในยามค่ำ

Goodnight ครับ เดี๋ยวมาต่อนะ พรุ่งนี้มีสอบ TT
ชื่อสินค้า:   ประเทศลาว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่