http://manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044368
"เดอะ เทเลกราฟ" สื่อยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ วิเคราะห์ 5 เหตุผล ทำไม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้อยู่ แม้ว่าตอนนี้ มีสถานการณ์ตามหลัง เชลซี จ่าฝูงถึง 8 คะแนน และแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด
1.โมเมนตัม
หากนับเฉพาะ 6 นัดหลังสุดแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีฟอร์มเป็นรองเพียงแค่ อาร์เซนอล เท่านั้น ซึ่งหนึ่งนัดที่ พลาดไปคือการตกรอบ เอฟเอ คัพ นั่นเอง ซึ่งหาก วันนี้ (18 เมษายน 2015) "ปีศาจแดง" เอาชนะ ทีมของ โชเซ มูรินโญ ได้จะทำให้มีคะแนนห่างกันเพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น
ในปี 2015 ยูไนเต็ด ชนะได้ถึง 12 เกมจากทั้งหมด 18 เกมที่ลงเล่น ซึ่งหากจะย้อนไปดูแมตช์สุดท้ายในพรีเมียร์ลีกที่แพ้ ต้องนับไปถึงเดือน กุมภาพันธ์ เลยทีเดียว ซึ่งจากนั้น ลูกทีมของ ฟาน กัล เก็บมาเรียบวุธทั้ง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ , ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี
2.ตำแหน่งทุกตำแหน่งลงตัว
เชลซี มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย โดยเฉพาะกองหน้าที่เหลือมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เจอไม่บ่อยนัก แต่กลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บไปแล้วถึง 55 ครั้งในฤดูกาลนี้ และก็สามารถผ่านมาได้ตลอดและเอาตัวรอดมาถึงปัจจุบัน ที่เก็บชัยมา 6 นัดรวด
3.ฟาน กัล ตัดสินใจยึดแผนการเล่นเดิม
กุนซือชาว ดัตช์ ตัดสินใจที่จะยึดแผนการเล่นที่ลงตัวที่สุดเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง แกรี เนวิลล์ อดีตแข้งของทีมที่ตอนนี้เป็น นักวิเคราะห์ของ สกาย สปอร์ต ได้ออกมาอธิบายว่า ฟาน กัล ได้เปลี่ยนแผนการเล่นในเวลาที่ถูกต้อง จนทำให้ทุกอย่างปลี่ยนไป การใช้แผน 4-3-3 สามารถทำงานได้เหมาะสมกับนักเตะทุกคนที่มีอยู่ในตอนนี้ที่สุด ซึ่งจะดีหาก ฟาน กัล ยังยึดแผนนี้ต่อไป
4.ผลงานกับทีมใหญ่
แม้ว่าฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่มี "เฟอร์กี ไทม์" อีกต่อไป แต่พวกเขายังคงทำผลงานได้ดีเวลาเจอกับทีมใหญ่ๆ และได้ผลการแข่งขันที่ดีเสมอ ฟาน กัล มีเปอร์เซ็นต์เอาชนะทีมใหญ่ถึง 62.5 เปอร์เซ็นต์ ในฤดูกาลนี้ ชนะ 5 ใน 8 นัดที่เจอทีมระดับ ท็อป 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกเขาก่อนบุกไปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ (Never say never)
แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นราชาจอมคัมแบ็ค โดยเฉพาะในการแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เคยเบียด นิวคาสเซิลในปี 1996 , อาร์เซนอล ปี 2003 , ลิเวอร์พูล ปี 2009 หรือในเกมใหญ่ๆ พวกเขาก็กลับมาได้เสมอ (หากใครยังจำได้ปี 1999 ยูไนเต็ด ก็กลับมาได้ด้วยการเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ที่ คัมป์ นู) หลายคนอาจจะคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้เพราะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่อย่าลืมว่า สายพันธุ์ "เรด เดวิลส์" ก็ยังคงเป็น "เรด เดวิลส์" อยู่เช่นเดิม DNA เหล่านี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนตัวยังมีหัวงแต่ไม่อยากออกตัวมาก แต่ปีหน้าได้ Ucl ก็โอแล้วครับ
แฟน Man utd ยังหวังแชมป์กันอยู่ไหมครับ
"เดอะ เทเลกราฟ" สื่อยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ วิเคราะห์ 5 เหตุผล ทำไม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้อยู่ แม้ว่าตอนนี้ มีสถานการณ์ตามหลัง เชลซี จ่าฝูงถึง 8 คะแนน และแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด
1.โมเมนตัม
หากนับเฉพาะ 6 นัดหลังสุดแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีฟอร์มเป็นรองเพียงแค่ อาร์เซนอล เท่านั้น ซึ่งหนึ่งนัดที่ พลาดไปคือการตกรอบ เอฟเอ คัพ นั่นเอง ซึ่งหาก วันนี้ (18 เมษายน 2015) "ปีศาจแดง" เอาชนะ ทีมของ โชเซ มูรินโญ ได้จะทำให้มีคะแนนห่างกันเพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น
ในปี 2015 ยูไนเต็ด ชนะได้ถึง 12 เกมจากทั้งหมด 18 เกมที่ลงเล่น ซึ่งหากจะย้อนไปดูแมตช์สุดท้ายในพรีเมียร์ลีกที่แพ้ ต้องนับไปถึงเดือน กุมภาพันธ์ เลยทีเดียว ซึ่งจากนั้น ลูกทีมของ ฟาน กัล เก็บมาเรียบวุธทั้ง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ , ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี
2.ตำแหน่งทุกตำแหน่งลงตัว
เชลซี มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย โดยเฉพาะกองหน้าที่เหลือมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เจอไม่บ่อยนัก แต่กลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บไปแล้วถึง 55 ครั้งในฤดูกาลนี้ และก็สามารถผ่านมาได้ตลอดและเอาตัวรอดมาถึงปัจจุบัน ที่เก็บชัยมา 6 นัดรวด
3.ฟาน กัล ตัดสินใจยึดแผนการเล่นเดิม
กุนซือชาว ดัตช์ ตัดสินใจที่จะยึดแผนการเล่นที่ลงตัวที่สุดเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง แกรี เนวิลล์ อดีตแข้งของทีมที่ตอนนี้เป็น นักวิเคราะห์ของ สกาย สปอร์ต ได้ออกมาอธิบายว่า ฟาน กัล ได้เปลี่ยนแผนการเล่นในเวลาที่ถูกต้อง จนทำให้ทุกอย่างปลี่ยนไป การใช้แผน 4-3-3 สามารถทำงานได้เหมาะสมกับนักเตะทุกคนที่มีอยู่ในตอนนี้ที่สุด ซึ่งจะดีหาก ฟาน กัล ยังยึดแผนนี้ต่อไป
4.ผลงานกับทีมใหญ่
แม้ว่าฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่มี "เฟอร์กี ไทม์" อีกต่อไป แต่พวกเขายังคงทำผลงานได้ดีเวลาเจอกับทีมใหญ่ๆ และได้ผลการแข่งขันที่ดีเสมอ ฟาน กัล มีเปอร์เซ็นต์เอาชนะทีมใหญ่ถึง 62.5 เปอร์เซ็นต์ ในฤดูกาลนี้ ชนะ 5 ใน 8 นัดที่เจอทีมระดับ ท็อป 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกเขาก่อนบุกไปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ (Never say never)
แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นราชาจอมคัมแบ็ค โดยเฉพาะในการแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เคยเบียด นิวคาสเซิลในปี 1996 , อาร์เซนอล ปี 2003 , ลิเวอร์พูล ปี 2009 หรือในเกมใหญ่ๆ พวกเขาก็กลับมาได้เสมอ (หากใครยังจำได้ปี 1999 ยูไนเต็ด ก็กลับมาได้ด้วยการเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ที่ คัมป์ นู) หลายคนอาจจะคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้เพราะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่อย่าลืมว่า สายพันธุ์ "เรด เดวิลส์" ก็ยังคงเป็น "เรด เดวิลส์" อยู่เช่นเดิม DNA เหล่านี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนตัวยังมีหัวงแต่ไม่อยากออกตัวมาก แต่ปีหน้าได้ Ucl ก็โอแล้วครับ