ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่ๆลุงป้าน้าอาทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ
ขอเริ่มต้นคำถามด้วยการเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนแล้วกันนะคะ
ตอนนี้หนูอายุ15 เป็นลูกคนเดียว เวลาเกิดปัญหาอะไรก็ไม่รู้จะคุยกับใครดี บางปัญหาคุณพ่อก็ไม่ได้เข้าใจเราไปมากกว่าพันทิปเท่าไหร่ เลยตัดสินใจมาโพสกระทู้นี้ในพันทิปแล้วกัน
ตอนช่วงต้นปีคุณแม่บอกว่ารู้สึกว่าในคอมีอะไรเป็นก้อนๆอยู่ข้างใน ไม่ค่อยสบายใจเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลค่ะ ตัวหนูเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าหมอทำอะไรบ้าง เท่าที่จำได้ก็มีพวกเจาะเลือด อัลตาซาวน์2ครั้ง แล้วก็ดูดชิ้นเนื้อไปตรวจ
ผลตอนเริ่มแรกก็ยังไม่มีอะไรค่ะ แต่พออัลตราซาวน์ดูก็เจอว่ามีเนื้องอกอยู่ในต่อมไทรอยด์3-4ก้อนเลย คุณหมอก็เลยบอกว่าผ่าออกดีกว่า ก็ตกลงผ่าไปช่วงเดือนมีนาที่ผ่านมา หลังผ่าตัดอาการไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ อย่างมากคือผ่าแล้วเสียงแหบ แต่ไม่มีเจ็บแผล
วันต่อมาหลังจากออกจากห้องผ่าตัด คุณหมอก็มาเยี่ยมที่ห้องพักตอนเช้าพร้อมกับผลตรวจ "ผลออกมาว่ามี1ใน4ก้อนเป็นเนื้อร้าย" แล้วก็ต้องผ่าตัดอีกรอบใน2สัปดาห์ต่อมาเพื่อตัดเอาต่อมไทรอยด์ทั้งหมดออก ป้องกันเชื้อลุกลามค่ะ
(เพิ่มเติมนิดนึงนะคะ : คุณหมอบอกว่ามันยังไม่กินขอบออกมาค่ะ ตามใบรับรองแพทย์เขียนว่าป่วยมาประมาณ2-3เดือน)
ก่อนหน้านั้นหมอเคยพูดกับแม่ว่า 'ไม่มีอะไรต้องกลัว มะเร็งมันอยู่กับเรามานานแล้ว เพียงแค่เราเพิ่งรู้เท่านั้นเอง'
หนูก็รู้สึกแบบนั้นล่ะค่ะ ใช้ชีวิตทุกวันปกติ แม่เป็นมะเร็งไม่ได้หมายความว่าจะหยุดรักเราสักหน่อย ยิ่งเป็นมะเร็งไทรอยด์อีก โอกาสหายสูงจนแทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย
พอมาถึงวันที่หมอนัดผ่าตัดรอบที่2 ซึ่งก็หมายความว่า ต้องผ่าตัด2ครั้งในเดือนเดียว เป็นปกติที่ผู้ป่วยจะกังวลใช่มั้ยล่ะคะ รอบนี้คุณแม่บอกว่ากลัวกว่าตอนเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรก
วันนั้นหนูไปเรียนพิเศษกลับมาถึงรพตอนบ่าย คุณแม่เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ก็นั่งรออยู่กับพ่อในห้องพัก ประมาณ2-3ชม.ผ่าตัดเสร็จพยาบาลก็เข็นเตียงกลับมาที่ห้องตามปกติ แต่... ทำไมรอบนี้มีสายออกซิเจนด้วยล่ะ? ครั้งที่แล้วไม่เห็นมีเลย หนูก็ถามแม่ว่าเป็นยังไงบ้าง แม่บอกว่าหายใจไม่ออก อึดอัดเหมือนโดนบีบคอตลอดเวลา นั่นแหละค่ะ ทั้งคืนนั้นแม่แทบจะนอนไม่ได้เลยเพราะบอกว่าเอนหลังแล้วหายใจไม่ได้มากๆ วันนั้นหนูจำได้ว่าแอบไปร้องไห้เหมือนกัน เห็นภาพแม่ตอนนั้นแล้วน้ำตามันไหลออกมาเอง
.
.
.
มาถึงตอนนี้ค่ะ หมอก็นัดไปกลืนน้ำแร่เพื่อล้างเซลล์มะเร็งที่เหลือออก แต่............
หลังจากผ่าตัดครั้งที่2มา หนูรู้สึกว่าแม่เปลี่ยนไปเยอะมากๆ นี่แหละค่ะประเด็นที่อยากเอามาปรึกษาพี่ๆลุงป้าน้าอาในพันทิป
คือว่า มาพักหลังๆนี้คุณแม่ชอบทำเหมือนป่วยหนักร้ายแรงอ่ะค่ะ ปล่อยตัวเองโทรมให้ดูป่วยมากๆ จะเรียกว่าสะกดจิตตัวเองให้กลายเป็นผู้ป่วยก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ แล้วก็ชอบพูดว่าแบบ เนี่ย เดี๋ยวก็ตายแล้ว จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เผลอๆพรุ่งนี้ก็ตายแล้วมั้ง บางทีอยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า ต่อจากนี้จากไม่ซื้อแล้ว กระเป๋ารองเท้าน่ะ ปลงทุกอย่างแล้วล่ะ ตายก็เอาไปไม่ได้
แล้วก็บอกว่าตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ หลับตาก็เห็นผีเต็มไปหมดเลย เป็นโรคประสาท หลังจากผ่าตัดก็เป็นโรคประสาท เอะอะอะไรก็โรคประสาทๆๆๆๆๆๆ
บางทีก็เอาเรื่องญาติที่เป็นมะเร็งตายมาพูดให้ฟัง ยกกระทู้ในพันทิปมาพูดว่าบ้านอื่นพอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ร้องห่มร้องไห้กัน บลาๆๆๆๆๆ เยอะแยะสารพัด ทั้งๆที่ของแม่เป็นมะเร็งไทรอยด์ที่เพิ่งเจอตอนเป็นไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ หมอก็บอกแล้วว่ามะเร็งตัวนี้ไม่ร้ายเลย ดีที่สุดในบรรดามะเร็งทุกชนิด สามารถอยู่ได้อีก 40-50ปีตามอายุขัยคนปกติด้วยซ้ำไป
หนูค่อนข้างเชื่อในทฤษฎีของthe top secretค่ะ ว่าถ้าเราเชื่อว่าหายก็จะหาย..... ตอนนี้หนูใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนก่อนรู้ผลตรวจของแม่ หนูมองแม่ว่าเป็นคนปกติ แม่ยังไปส่งหนูเรียนได้ แม่ยังรักหนูได้ แม่ยังกอดหนูได้ หนูเชื่อว่าแม่จะหาย แม่ต้องหาย
แต่ตอนนี้แม่กลับพูดเรื่องตายทุกวันๆเลย จนบางทีหนูก็รู้สึกแปลกๆอ่ะค่ะ
ในมุมมองเด็กอายุ15ที่เป็นลูกคนเดียว มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องนั่งฟังอะไรแบบนั้นบ่อยๆโดยไม่ร้องไห้ หนูยังไม่จบมัธยมด้วยซ้ำ หนูแค่อยากได้ยินแม่พูดสักครั้งก็ดีว่าจะอยู่จนกว่าหนูจะเรียนจบ มีอนาคตมั่นคงแล้ว
จากที่กำลังใจเต็ม100 แต่ตอนนี้บางทีหนูก็คิดว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกถ้าญาติกำลังใจดี แต่ผู้ป่วยกลับสะกดจิตตัวเองว่าตายๆๆๆๆๆๆอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ที่อยากจะถามคือ
หนูจะพูดยังไงกับแม่ดีคะ ปกติผู้ป่วยจะเป็นแบบนี้ทุกคนมั้ย? หนูควรจะทำยังไงต่อดี
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้านะคะ
ปล. ฝากคอมเม้นต์ถึงคุณแม่หนูด้วยนะคะ หนูว่าอีกไม่นานแม่น่าจะเปิดเจอกระทู้นี้เหมือนกันเพราะว่าเห็นแม่เปิดเข้ามาอ่านพันทิปอยู่บ่อยๆ หรือไม่หนูก็จะเปิดให้แม่อ่านเองค่ะ
ขอบคุณอีกทีค่ะ
เมื่อคุณแม่เป็นมะเร็งไทรอยด์.........
ขอเริ่มต้นคำถามด้วยการเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนแล้วกันนะคะ
ตอนนี้หนูอายุ15 เป็นลูกคนเดียว เวลาเกิดปัญหาอะไรก็ไม่รู้จะคุยกับใครดี บางปัญหาคุณพ่อก็ไม่ได้เข้าใจเราไปมากกว่าพันทิปเท่าไหร่ เลยตัดสินใจมาโพสกระทู้นี้ในพันทิปแล้วกัน
ตอนช่วงต้นปีคุณแม่บอกว่ารู้สึกว่าในคอมีอะไรเป็นก้อนๆอยู่ข้างใน ไม่ค่อยสบายใจเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลค่ะ ตัวหนูเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าหมอทำอะไรบ้าง เท่าที่จำได้ก็มีพวกเจาะเลือด อัลตาซาวน์2ครั้ง แล้วก็ดูดชิ้นเนื้อไปตรวจ
ผลตอนเริ่มแรกก็ยังไม่มีอะไรค่ะ แต่พออัลตราซาวน์ดูก็เจอว่ามีเนื้องอกอยู่ในต่อมไทรอยด์3-4ก้อนเลย คุณหมอก็เลยบอกว่าผ่าออกดีกว่า ก็ตกลงผ่าไปช่วงเดือนมีนาที่ผ่านมา หลังผ่าตัดอาการไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ อย่างมากคือผ่าแล้วเสียงแหบ แต่ไม่มีเจ็บแผล
วันต่อมาหลังจากออกจากห้องผ่าตัด คุณหมอก็มาเยี่ยมที่ห้องพักตอนเช้าพร้อมกับผลตรวจ "ผลออกมาว่ามี1ใน4ก้อนเป็นเนื้อร้าย" แล้วก็ต้องผ่าตัดอีกรอบใน2สัปดาห์ต่อมาเพื่อตัดเอาต่อมไทรอยด์ทั้งหมดออก ป้องกันเชื้อลุกลามค่ะ
(เพิ่มเติมนิดนึงนะคะ : คุณหมอบอกว่ามันยังไม่กินขอบออกมาค่ะ ตามใบรับรองแพทย์เขียนว่าป่วยมาประมาณ2-3เดือน)
หนูก็รู้สึกแบบนั้นล่ะค่ะ ใช้ชีวิตทุกวันปกติ แม่เป็นมะเร็งไม่ได้หมายความว่าจะหยุดรักเราสักหน่อย ยิ่งเป็นมะเร็งไทรอยด์อีก โอกาสหายสูงจนแทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย
พอมาถึงวันที่หมอนัดผ่าตัดรอบที่2 ซึ่งก็หมายความว่า ต้องผ่าตัด2ครั้งในเดือนเดียว เป็นปกติที่ผู้ป่วยจะกังวลใช่มั้ยล่ะคะ รอบนี้คุณแม่บอกว่ากลัวกว่าตอนเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรก
วันนั้นหนูไปเรียนพิเศษกลับมาถึงรพตอนบ่าย คุณแม่เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ก็นั่งรออยู่กับพ่อในห้องพัก ประมาณ2-3ชม.ผ่าตัดเสร็จพยาบาลก็เข็นเตียงกลับมาที่ห้องตามปกติ แต่... ทำไมรอบนี้มีสายออกซิเจนด้วยล่ะ? ครั้งที่แล้วไม่เห็นมีเลย หนูก็ถามแม่ว่าเป็นยังไงบ้าง แม่บอกว่าหายใจไม่ออก อึดอัดเหมือนโดนบีบคอตลอดเวลา นั่นแหละค่ะ ทั้งคืนนั้นแม่แทบจะนอนไม่ได้เลยเพราะบอกว่าเอนหลังแล้วหายใจไม่ได้มากๆ วันนั้นหนูจำได้ว่าแอบไปร้องไห้เหมือนกัน เห็นภาพแม่ตอนนั้นแล้วน้ำตามันไหลออกมาเอง
.
.
.
มาถึงตอนนี้ค่ะ หมอก็นัดไปกลืนน้ำแร่เพื่อล้างเซลล์มะเร็งที่เหลือออก แต่............
หลังจากผ่าตัดครั้งที่2มา หนูรู้สึกว่าแม่เปลี่ยนไปเยอะมากๆ นี่แหละค่ะประเด็นที่อยากเอามาปรึกษาพี่ๆลุงป้าน้าอาในพันทิป
คือว่า มาพักหลังๆนี้คุณแม่ชอบทำเหมือนป่วยหนักร้ายแรงอ่ะค่ะ ปล่อยตัวเองโทรมให้ดูป่วยมากๆ จะเรียกว่าสะกดจิตตัวเองให้กลายเป็นผู้ป่วยก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ แล้วก็ชอบพูดว่าแบบ เนี่ย เดี๋ยวก็ตายแล้ว จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เผลอๆพรุ่งนี้ก็ตายแล้วมั้ง บางทีอยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า ต่อจากนี้จากไม่ซื้อแล้ว กระเป๋ารองเท้าน่ะ ปลงทุกอย่างแล้วล่ะ ตายก็เอาไปไม่ได้
แล้วก็บอกว่าตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ หลับตาก็เห็นผีเต็มไปหมดเลย เป็นโรคประสาท หลังจากผ่าตัดก็เป็นโรคประสาท เอะอะอะไรก็โรคประสาทๆๆๆๆๆๆ
บางทีก็เอาเรื่องญาติที่เป็นมะเร็งตายมาพูดให้ฟัง ยกกระทู้ในพันทิปมาพูดว่าบ้านอื่นพอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ร้องห่มร้องไห้กัน บลาๆๆๆๆๆ เยอะแยะสารพัด ทั้งๆที่ของแม่เป็นมะเร็งไทรอยด์ที่เพิ่งเจอตอนเป็นไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ หมอก็บอกแล้วว่ามะเร็งตัวนี้ไม่ร้ายเลย ดีที่สุดในบรรดามะเร็งทุกชนิด สามารถอยู่ได้อีก 40-50ปีตามอายุขัยคนปกติด้วยซ้ำไป
หนูค่อนข้างเชื่อในทฤษฎีของthe top secretค่ะ ว่าถ้าเราเชื่อว่าหายก็จะหาย..... ตอนนี้หนูใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนก่อนรู้ผลตรวจของแม่ หนูมองแม่ว่าเป็นคนปกติ แม่ยังไปส่งหนูเรียนได้ แม่ยังรักหนูได้ แม่ยังกอดหนูได้ หนูเชื่อว่าแม่จะหาย แม่ต้องหาย
แต่ตอนนี้แม่กลับพูดเรื่องตายทุกวันๆเลย จนบางทีหนูก็รู้สึกแปลกๆอ่ะค่ะ
ในมุมมองเด็กอายุ15ที่เป็นลูกคนเดียว มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องนั่งฟังอะไรแบบนั้นบ่อยๆโดยไม่ร้องไห้ หนูยังไม่จบมัธยมด้วยซ้ำ หนูแค่อยากได้ยินแม่พูดสักครั้งก็ดีว่าจะอยู่จนกว่าหนูจะเรียนจบ มีอนาคตมั่นคงแล้ว
จากที่กำลังใจเต็ม100 แต่ตอนนี้บางทีหนูก็คิดว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกถ้าญาติกำลังใจดี แต่ผู้ป่วยกลับสะกดจิตตัวเองว่าตายๆๆๆๆๆๆอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ที่อยากจะถามคือ
หนูจะพูดยังไงกับแม่ดีคะ ปกติผู้ป่วยจะเป็นแบบนี้ทุกคนมั้ย? หนูควรจะทำยังไงต่อดี
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้านะคะ
ปล. ฝากคอมเม้นต์ถึงคุณแม่หนูด้วยนะคะ หนูว่าอีกไม่นานแม่น่าจะเปิดเจอกระทู้นี้เหมือนกันเพราะว่าเห็นแม่เปิดเข้ามาอ่านพันทิปอยู่บ่อยๆ หรือไม่หนูก็จะเปิดให้แม่อ่านเองค่ะ
ขอบคุณอีกทีค่ะ