โปรดทำความเข้าใจ "ก่อนจะทำธุรกิจกับเพื่อน" (เขียนให้เพื่อนอ่าน)

กระทู้สนทนา
เคยได้ยินเรื่อง ที่หลายคนบอก ว่าห้ามทำธุรกิจกับเพื่อน เพราะจะทำให้ทะเลาะกัน และจะเสียเพื่อนในที่สุด ผมเป็นคนหนึ่งที่หาเหตุผลและป้องกันสิ่งนี้มาตลอด จนวันหนึ่งผมได้คุยกับป้าผม แล้วได้เข้าใจในสิ่งหนึ่ง ผมจึงขอสรุปให้เพื่อนๆได้เข้าใจตรงกันดังนี้ อ้างอิงก่อน ป้าผมมีอาชีพดูดวงครับ ท่านมองไม่เห็น แต่มีคนมากหน้าหลายตา เข้ามาเล่าเรื่องราวต่างๆว่าการทำธุรกิจนั้นต่างจากการยืมเงินกันด้วยซ้ำ เพื่อนกันยืมเงินหมื่นยังไม่ทะเลาะกัน ทำธุรกิจร่วมกันเงินร้อยเดียวยังฆ่ากันได้ เพราะเรื่องผลประโยชน์มันมีความเหนื่อย ความต้องการ ความฝัน และอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง คนที่ทำธุรกิจมีเป้าหมายจะให้อีกคนคิดไปในทิศทางเดียวกันนั้นยาก หลายคนชอบเปรียบเหมือนเค้กชิ้นหนึ่ง
    ผมขอเปรียบเทียบให้กับพิชช่า 1ถาดละกัน วันหนึ่งเราอยู่กับเพื่อนเรา3คน ต้องการจะกินอะไรสักอย่าง เพื่อนได้มีข้อเสนอว่าอยากกินพิชช่า เราจึงคิดและตอบว่า อืมก็ดีนะเห็นด้วย  จึงถามเพื่อนอีกคน เพื่อนอีกคนจึงตอบว่ายังไงก็ได้ (ใจเค้าอาจไม่อยากกินก็ได้ แต่เพราะไม่รู้กินอะไร จึงตอบแบบนี้ ) แต่ของสิ่งนั้นมีมูลค่า จึงจำเป็นต้องหารเงินกันเพื่อได้สิ่งนั้นมา แต่สิ่งที่เรามองข้ามคือ พิชช่าหนึ่งถาด มี8 ชิ้น สามารถเลือกได้มากสุด2หน้า ความไม่ลงตัวเลยเกิดขึ้น บางคนอาจกินเยอะ บางคนอาจกินน้อย บางคนอาจไม่ต้องการกินเลย แต่สิ่งเราเสียไปนั้นคือเงินที่เป็นตัวแปรสำคัญ แต่เรามองข้ามสิ่งเหล่านี้แล้วเอาเหตุผลอื่นเข้ามาแทนด้วยคำว่า "เพื่อน" ครั้งเดียวอาจไม่เป็นไร แต่พอบ่อยไปจะมีความคิดที่ว่า เพื่อนกัน ทำไมได้กินแค่นี้ เพื่อนกันทำไมไม่ได้กินหน้าที่เราชอบทำไมต้องไปฟังความเห็นของอีกคน เพื่อนกันคงไม่คิดแบบนั้น แบบนี้หรอก  เช่นเดียวกับการทำธุรกิจถ้าเพื่อนต้องการทำธุรกิจยกตัวอย่างเช่น ขายเสื้อยืดสกรีน และชวนเพื่อนอีก2คนมาหม่ำพิชช่าถาดนี้ โดยคนนึงคิดว่าเห็นด้วย อีกคนหนึ่งไม่มีอะไรทำแล้วบอกว่ายังไงก็ได้ โดยที่เจ้าของความคิดบอกว่า หารเงินเท่ากันนะ ค่าเครื่องสกรีน แล้วใครอยากสกรีนอะไร ลายแบบไหน ก็จัดเลยละไปขายกันเอง ค่าหมึก ค่าไฟ ก็แบ่งจ่าย มองผิวเผินอาจเป็นการจัดระบบแบบยุติธรรมนะครับ ทุกอย่างหารหมด อยากขายไงขาย คิดลายไหนมาได้คิด  แต่ปัญหาที่เกิดคืออะไรเรามามองกันครับ
1.ฐานะของเพื่อนแต่ละคนมีจำกัด คนหนึ่งอาจมีเงินมากไม่เดือดร้อน อีกคนพอมีพอใช้ อีกคนไม่มีเลยต้องเก็บเงิน แต่มีความต้องการบริโภคเท่ากันหรือมากกว่า
2.ความสามารถของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนหนึ่งอาจมีเงินลงทุนเยอะ อีกคนอาจเป็นคนขายได้เก่ง อีกคนมีการออกแบบเก่ง แต่ถ้ามองมุมมองโลกสวย จะตอบว่าแล้วทำไมไม่ช่วยกัน เมิงเป็นเพื่อนกันนะ คำนี้จะมาทันที แต่ผมจะตอบว่าโลกที่ผมอยู่น่ะ จะมีคนว่า กูลงทุนนะ ทำไมกำไรมันเข้าเนื้อละ เห้ยเป็นคนขายเหนื่อยนะออกแรง ต้องได้ค่าคอมมิสชั่นสิ เห้ยถ้าออกแบบแล้วไม่ได้อะไร ไม่มีกูเมิงจะขายออกไหม นี้คือโลกที่ผมอยู่ เพราะทุกคนมีความหิว ความต้องการทุกคน และทิฐิของแต่ละคนก็ยากจะเข้าใจ
3.งั้นก็ช่วยกันทำสิ ทุกคนออกแบบ ทุกคนขาย ทุกคนลงทุน ผมจะตอบไปว่า "กลับไปอ่านข้อ2ใหม่อีกรอบ"
4.ถ้าล้มเลิกเงิบ...เพื่อนก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรขำๆทำสนุกๆมิตรภาพคงอยู่ เอฟวี่ติงจิงกะเบล โดยเราจะทุกสิ่งมาจบที่คำว่า"เพื่อน"เสมอ

แล้วทางแก้ละมีหรือไม่คือทางไหน มันจะไม่มีทางออกเลยหรอ  ผมมีทางแก้เป็นอันดับดังนี้
1.จงพยายามเป็นเจ้าของธุรกิจแต่เพียงผู้เดียว ในกรณีมีความจำเป็นเรื่องทุน จงทำให้ตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และทำข้อตกลงในการได้รับส่วนแบ่งที่ชัดเจน
2.ก่อนคิดจะทำธุรกิจอะไรกับเพื่อน สิ่งที่ควรเอาออกไปคือคำว่า"เพื่อน"เพราะคำว่าเป็นเพื่อนไม่ใช่เหตุผลแท้จริงบนโลก และเป้นคำที่ทำให้เรามองข้ามความจริงในสิ่งอื่นเสมอ
และจงท่องเอาไว้ในใจของตัวเองตลอดว่า "สิ่งไหนที่ไม่ยุติธรรม ความจะบังเกิด"
4.ถามความเห็นถามอุดมการณ์เป้าหมาย ของผู้ร่วมลงทุนด้วยตลอดว่าต้องการสิ่งไหนอะไรมาทดแทน  เพราะความหิวของคนเราต่างกัน ระยะเวลาต่างกัน อย่าคิดไปเอง บางคนรับได้ถ้ากินน้อย แต่ลำบาก แต่ระยะเวลาได้กินบ่อย บางคนชอบกินเยอะ แต่จะได้กินอีกทีนานหน่อย  และปรับความคิดไปในทิศทางเดียวกัน
5.เงินคืองูพิษ สร้างได้ทั้งมิตรและศัตรู ผมถูกสอนเสมอในเรื่องนี้ พี่น้องกันฆ่ากันได้เพราะเงิน ศัตรูกันเป็นเพื่อนกันได้เพราะเงิน โจรเป็นเพื่อนตำรวจได้ถ้ามีเงิน โลกคนอื่นเป็นยังไงผมไม่รู้แต่ผมอยู่ในโลกที่ความจริงเป็นแบบนี้ โปรดทำความเข้าใจและอยู่เหนือมันเสมอครับ
         สุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ พูดออกไปครับ ไม่ใช่อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ คนเราไม่ใช่ยอดมนุษย์ ที่จะอ่านจิตใจคนอื่นได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องคิดแทนกัน พุดออกไป มันคงไม่ยากเพระาถ้าเป็นเพื่อนรักที่แท้จริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่