ตั้งแต่โตมา เราเป็นคนมีเพื่อนไม่เยอะ จะมีเพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ต้นจนถึงตอนนี้ ประมาณ 5 คน
เพื่อนที่เราจะพูดถึงวันนี้ เป็นเพื่อนร่วมงานเราเอง รู้จักกันมาประมาณ 5 ปี สนิทไว้ใจกันค่อนข้างมาก
ปกติเราก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรให้เค้าฟังหรอก เพราะเราเป็นคนคุยน้อย ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็เก็บไว้คนเดียว ไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟัง กลัวเพื่อนไม่สบายใจไปด้วย ส่วนใหญ่แล้ว เราจะเป็นคนรับฟังและแนะนำ ปลอบใจมากกว่า ตอนคบกันใหม่ๆ เราตกลงกับเพื่อนก่อนเลยนะ ว่าจะไม่มีการให้ยืมเงิน เพราเรากลัวเสียเพื่อนเหมือนก่อนๆหน้านี้ เราเป็นทำบุญกับคนไม่ขึ้น เคยให้เพื่อนยืมเงินกี่ที ไม่ได้คืน หรือกว่าจะได้คืนก็ยากเย็น (อันนี้ได้คืนแบบไม่ครบจำนวนด้วยนะ )จนถึงขั้นเสียเพื่อนกันเลยทีเดียว เราเจอแบบนี้มาหลายคนล่ะ เพื่อนเราเค้าก็เข้าใจนะ ก็เลยคบกันมาเรื่อยๆ แต่มีเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพหนัก ปลายปี 54 บ้านเพื่อนเราโดนน้ำท่วมหนักมาก เพื่อนเราเลยเริ่มขอความช่วยเหลือเรา โดยปรึกษาขอยืมเงินเราก่อน แต่ขอแบบให้คิดดอกนะ ไม่อยากยืมฟรีๆเกรงใจ ไอ่เราก็ไม่อยากเสียเพื่อน กลัวยืมแล้วไม่คืน ก็เลยรับปากช่วยเหลือ ก็ไปหายืมของเพื่อนเรามาให้อีกที ก็แบบคิดดอกแบบที่เค้าต้องการนั่นแหละ แต่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินก้อนนี้นะ เราเป็นแค่คนกลาง รับดอกจากเพื่อนเรามา แล้วโอนต่อให้เพื่อนเจ้าของเงินอีกทีเท่านั้นเอง แต่หลังจากนั้น เค้าก็ค่อยๆแทรกซึมเข้ามายืมเงินเรา มาในรูปแบบ ไม่มีเงิน มาทำงานวันนี้มีร้อยกว่าบาท จ่ายค่ารถมาแล้วเหลือไม่กี่บาท จะเก็บไว้จ่ายค่ารถกลับบ้านตอนเย็น กลางวันคงไม่กินข้าวบ้าง นั่นนู่นนี่บ้าง เราก็ลำบากใจ เออๆยืมเราก่อนก็ได้ ประโยคนี่แหละเป็นที่มาของความลำบากใจครั้งนี้ หลังจากนั้น ก็มีแบบนี้มาเรื่อยๆ เพื่อนในออฟฟิศชวนไปไหน ไปกินรัย เค้าก็ไปนะ ไม่ปฏิเสธแต่เราต้องไปด้วยนะ ประมาณเราไม่ไป เค้าก็ไม่ไป บางทีเราก็ไม่ได้อยากไปนะ แต่มันเป็นแกมบังคับอ่ะ ถ้าเราไม่ไป ก็จะอารมณ์บ่นๆนอยด์ๆใส่เรา คือเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง บางทีเหนื่อยก็ไม่อยากไปไหน อยากกลับห้องนอน รวมๆตอนนี้ถ้ายืม กินนู่นนี่ รองเท้า เสื้อผ้า ก็มีสะสมมาสองหมื่นห้าโดยประมาณ แรกๆก็ดีนะ เงินเดือนออก ก็ทยอยจ่าย พันบ้าง สองพันบ้าง แต่ปีกว่าๆล่ะ ที่ไม่จ่ายอะไรคืนมาเลย เราก็ไม่กล้าทวง ไม่กล้าถาม เกรงใจ กลัวเพื่อนรู้สึกแย่ เค้าก็ไม่กล้ายืมเงินเพิ่มนะ คงกลัวเราถามถึงเงินเก่าที่ไม่ได้คืน ตอนนี้เราเครียดมากเลย ไม่รู้จะหาทางออกยังงัยดี คือมันมีอยู่ว่าปลายปี 56 เรากะเพื่อนลงทุนเพื่ออนาคต เรียนต่อโทมหาลัยเอกชน โดยเราอาสาเป็นคนช่วยเรื่องค่าเทอม เพราะเค้าอยากเรียน แต่ไม่มีเงิน เราเองเราก็อยากมีเพื่อนนั่งเรียนด้วนกัน แล้วถ้ามีก็ค่อยทยอยเอามาคืนเรา เราช่วยเค้าจ่ายมาได้ปีกว่า ระหว่างนี้ก็ช่วยเหลือเรื่องเรียนกันมาดี แต่เราเจอปัญหาครอบครัว เมื่อปลายปีที่แล้ว เลยทำให้ไม่ค่อยมีเงินหมุนเหมือนเดิม ละตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว เงินเลยไม่มีสำรองใช้เหมือนเดิม จิงๆเราไม่ได้รวยเลยนะ เงินที่เราเอามาช่วยเพื่อนก็เป็นเงินเก็บตอนเรียนมหาลัยกับเงินเดือนที่เราแยกเก็บไว้ ตอนนี้เราเลยไม่มีเงินช่วยจ่ายค่าเทอมให้เค้า สามารถจ่ายได้แค่คนเดียว ก็ต้องวัดใจกันว่าจะเป็นเรา หรือเพื่อนเราที่จ่าย ทั้งๆที่มันเป็นเงินเราเอง แต่ก็ลำบากใจนะ เพราะเราเป็นคนบอกว่าจะช่วยตั้งแต่แรกเอง ก่อนหน้านี้เคยแชตคุยกัน เพื่อนเราก็แค่ถามว่าจะจ่ายวันไหน เราก็บอกถ้ามีจ่ายก็ได้แค่คนเดียว เอาไปจ่ายก่อนก็ได้นะ ประโยคนี้กลั้นใจพูดสุดๆเพราะตอนนี้ต้องขอที่บ้านมา และที่บ้านก็ยินดีช่วยเรื่องเรียนอยู่แล้ว แรกๆก็เหมือนจะเข้าใจ เพื่อนเรารับฟังนะ แต่กลับทำตัวไม่รับรู้ซะงั้น แทนที่จะเข้าใจสถานการณ์ว่าตอนนี้เราเองก็แย่ แบบไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ กลับมาประชดประชัน ไม่ช่วยกันหาทางออกที่ดีกว่าดร็อปเรียน บอกว่าถ้าเราไม่ช่วย เค้าก็ไม่มีปัญญาเรียนจบหรอกเพราะไม่มี ทั้งๆที่ตอนนี้การใช้ชีวิตเค้าดีมาก โพสไปกินนู่นนี่แพงๆตลอด เดือนล่ะหลายครั้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมาก แต่ไม่เคยมีน้ำใจคืนเงินที่ยืมเราเลย แถมยังโยนภาระเรื่องเรียนให้เราคิดแทน หาแทนอีก มันก็จิงอยู่ที่เราเป็นคนรับปากจะช่วยตอนแรก แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันจิง ก็น่าจะเข้าใจ เห็นใจ ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนมั๊ย เพราะเราคิดว่าถ้าเค้าลงทุน สุดท้ายมันก็ดีกับอนาคตเค้าเองทั้งนั้น แล้วตั้งแต่เราลำบาก ก็ตีตัวออกห่าง เผลอพูดแย่ๆใส่เราบ่อยๆ ไม่เคยถามซักคำเลยนะว่าเราเป็นงัยบ้าง อยู่ไหวมั๊ย มีตังใช้รึป่าว ไม่เสนอจะคืนส่วนใดส่วนนึง ออ ละมีบัตรเครดิตเราที่ยืมไปรูดซื้อของ ก็ไม่ช่วยจ่ายขั้นต่ำรายเดือนมาหลายเดือนล่ะ รวมค่าโง่ตอนนี้ที่เราเสียไปก็แสนกว่าบาทล่ะ เราเลยคิดว่า เปนเพราะเราหมดประโยชน์แล้วใช่มั๊ย เลยออกห่างเราแบบนี้ ถ้าจะให้เราเข้าว่าเพื่อนเราก็ลำบากเหมือนกันตอนนี้ เลยยังไม่มีคืนเราเลย เราเข้าใจยากนะ เพราะโพสที่เราเห็นแต่ละวันมันไม่ใช่ สบาย หรูหราแบบไม่เคยเป็น แบบนี้เรายังจะสมควรช่วยเค้าเรื่องเรียนต่อรึป่าว เพราะเค้ากดดันเรา แต่ไม่ยอมหยุดตัวเอง ถ้าเค้าประหยัดในสิ่งที่เค้าฟุ่มเฟือยเข้าสังคมตอนนี้ เราก็ยังพอช่วยเค้าได้บ้าง แต่ถ้าให้เรายอมทุ่มให้เค้าทั้ง 100% เหมือนเดิม ทั้งๆที่เราไม่ได้น้ำใจจากเค้าเลยตอนเราลำบาก แบบนี้ยังสมควรช่วย ยังสมควรคิดว่าเป็นเพื่อนอยู่อีกมั๊ย
เคยเจอเพื่อนแบบนี้รึป่าว..แล้วแบบนี้ยังเรียกว่าเพื่อนสนิทได้มั๊ย แล้วเราจะทำงัยต่อดี
เพื่อนที่เราจะพูดถึงวันนี้ เป็นเพื่อนร่วมงานเราเอง รู้จักกันมาประมาณ 5 ปี สนิทไว้ใจกันค่อนข้างมาก
ปกติเราก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรให้เค้าฟังหรอก เพราะเราเป็นคนคุยน้อย ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็เก็บไว้คนเดียว ไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟัง กลัวเพื่อนไม่สบายใจไปด้วย ส่วนใหญ่แล้ว เราจะเป็นคนรับฟังและแนะนำ ปลอบใจมากกว่า ตอนคบกันใหม่ๆ เราตกลงกับเพื่อนก่อนเลยนะ ว่าจะไม่มีการให้ยืมเงิน เพราเรากลัวเสียเพื่อนเหมือนก่อนๆหน้านี้ เราเป็นทำบุญกับคนไม่ขึ้น เคยให้เพื่อนยืมเงินกี่ที ไม่ได้คืน หรือกว่าจะได้คืนก็ยากเย็น (อันนี้ได้คืนแบบไม่ครบจำนวนด้วยนะ )จนถึงขั้นเสียเพื่อนกันเลยทีเดียว เราเจอแบบนี้มาหลายคนล่ะ เพื่อนเราเค้าก็เข้าใจนะ ก็เลยคบกันมาเรื่อยๆ แต่มีเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพหนัก ปลายปี 54 บ้านเพื่อนเราโดนน้ำท่วมหนักมาก เพื่อนเราเลยเริ่มขอความช่วยเหลือเรา โดยปรึกษาขอยืมเงินเราก่อน แต่ขอแบบให้คิดดอกนะ ไม่อยากยืมฟรีๆเกรงใจ ไอ่เราก็ไม่อยากเสียเพื่อน กลัวยืมแล้วไม่คืน ก็เลยรับปากช่วยเหลือ ก็ไปหายืมของเพื่อนเรามาให้อีกที ก็แบบคิดดอกแบบที่เค้าต้องการนั่นแหละ แต่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินก้อนนี้นะ เราเป็นแค่คนกลาง รับดอกจากเพื่อนเรามา แล้วโอนต่อให้เพื่อนเจ้าของเงินอีกทีเท่านั้นเอง แต่หลังจากนั้น เค้าก็ค่อยๆแทรกซึมเข้ามายืมเงินเรา มาในรูปแบบ ไม่มีเงิน มาทำงานวันนี้มีร้อยกว่าบาท จ่ายค่ารถมาแล้วเหลือไม่กี่บาท จะเก็บไว้จ่ายค่ารถกลับบ้านตอนเย็น กลางวันคงไม่กินข้าวบ้าง นั่นนู่นนี่บ้าง เราก็ลำบากใจ เออๆยืมเราก่อนก็ได้ ประโยคนี่แหละเป็นที่มาของความลำบากใจครั้งนี้ หลังจากนั้น ก็มีแบบนี้มาเรื่อยๆ เพื่อนในออฟฟิศชวนไปไหน ไปกินรัย เค้าก็ไปนะ ไม่ปฏิเสธแต่เราต้องไปด้วยนะ ประมาณเราไม่ไป เค้าก็ไม่ไป บางทีเราก็ไม่ได้อยากไปนะ แต่มันเป็นแกมบังคับอ่ะ ถ้าเราไม่ไป ก็จะอารมณ์บ่นๆนอยด์ๆใส่เรา คือเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง บางทีเหนื่อยก็ไม่อยากไปไหน อยากกลับห้องนอน รวมๆตอนนี้ถ้ายืม กินนู่นนี่ รองเท้า เสื้อผ้า ก็มีสะสมมาสองหมื่นห้าโดยประมาณ แรกๆก็ดีนะ เงินเดือนออก ก็ทยอยจ่าย พันบ้าง สองพันบ้าง แต่ปีกว่าๆล่ะ ที่ไม่จ่ายอะไรคืนมาเลย เราก็ไม่กล้าทวง ไม่กล้าถาม เกรงใจ กลัวเพื่อนรู้สึกแย่ เค้าก็ไม่กล้ายืมเงินเพิ่มนะ คงกลัวเราถามถึงเงินเก่าที่ไม่ได้คืน ตอนนี้เราเครียดมากเลย ไม่รู้จะหาทางออกยังงัยดี คือมันมีอยู่ว่าปลายปี 56 เรากะเพื่อนลงทุนเพื่ออนาคต เรียนต่อโทมหาลัยเอกชน โดยเราอาสาเป็นคนช่วยเรื่องค่าเทอม เพราะเค้าอยากเรียน แต่ไม่มีเงิน เราเองเราก็อยากมีเพื่อนนั่งเรียนด้วนกัน แล้วถ้ามีก็ค่อยทยอยเอามาคืนเรา เราช่วยเค้าจ่ายมาได้ปีกว่า ระหว่างนี้ก็ช่วยเหลือเรื่องเรียนกันมาดี แต่เราเจอปัญหาครอบครัว เมื่อปลายปีที่แล้ว เลยทำให้ไม่ค่อยมีเงินหมุนเหมือนเดิม ละตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว เงินเลยไม่มีสำรองใช้เหมือนเดิม จิงๆเราไม่ได้รวยเลยนะ เงินที่เราเอามาช่วยเพื่อนก็เป็นเงินเก็บตอนเรียนมหาลัยกับเงินเดือนที่เราแยกเก็บไว้ ตอนนี้เราเลยไม่มีเงินช่วยจ่ายค่าเทอมให้เค้า สามารถจ่ายได้แค่คนเดียว ก็ต้องวัดใจกันว่าจะเป็นเรา หรือเพื่อนเราที่จ่าย ทั้งๆที่มันเป็นเงินเราเอง แต่ก็ลำบากใจนะ เพราะเราเป็นคนบอกว่าจะช่วยตั้งแต่แรกเอง ก่อนหน้านี้เคยแชตคุยกัน เพื่อนเราก็แค่ถามว่าจะจ่ายวันไหน เราก็บอกถ้ามีจ่ายก็ได้แค่คนเดียว เอาไปจ่ายก่อนก็ได้นะ ประโยคนี้กลั้นใจพูดสุดๆเพราะตอนนี้ต้องขอที่บ้านมา และที่บ้านก็ยินดีช่วยเรื่องเรียนอยู่แล้ว แรกๆก็เหมือนจะเข้าใจ เพื่อนเรารับฟังนะ แต่กลับทำตัวไม่รับรู้ซะงั้น แทนที่จะเข้าใจสถานการณ์ว่าตอนนี้เราเองก็แย่ แบบไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ กลับมาประชดประชัน ไม่ช่วยกันหาทางออกที่ดีกว่าดร็อปเรียน บอกว่าถ้าเราไม่ช่วย เค้าก็ไม่มีปัญญาเรียนจบหรอกเพราะไม่มี ทั้งๆที่ตอนนี้การใช้ชีวิตเค้าดีมาก โพสไปกินนู่นนี่แพงๆตลอด เดือนล่ะหลายครั้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมาก แต่ไม่เคยมีน้ำใจคืนเงินที่ยืมเราเลย แถมยังโยนภาระเรื่องเรียนให้เราคิดแทน หาแทนอีก มันก็จิงอยู่ที่เราเป็นคนรับปากจะช่วยตอนแรก แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันจิง ก็น่าจะเข้าใจ เห็นใจ ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนมั๊ย เพราะเราคิดว่าถ้าเค้าลงทุน สุดท้ายมันก็ดีกับอนาคตเค้าเองทั้งนั้น แล้วตั้งแต่เราลำบาก ก็ตีตัวออกห่าง เผลอพูดแย่ๆใส่เราบ่อยๆ ไม่เคยถามซักคำเลยนะว่าเราเป็นงัยบ้าง อยู่ไหวมั๊ย มีตังใช้รึป่าว ไม่เสนอจะคืนส่วนใดส่วนนึง ออ ละมีบัตรเครดิตเราที่ยืมไปรูดซื้อของ ก็ไม่ช่วยจ่ายขั้นต่ำรายเดือนมาหลายเดือนล่ะ รวมค่าโง่ตอนนี้ที่เราเสียไปก็แสนกว่าบาทล่ะ เราเลยคิดว่า เปนเพราะเราหมดประโยชน์แล้วใช่มั๊ย เลยออกห่างเราแบบนี้ ถ้าจะให้เราเข้าว่าเพื่อนเราก็ลำบากเหมือนกันตอนนี้ เลยยังไม่มีคืนเราเลย เราเข้าใจยากนะ เพราะโพสที่เราเห็นแต่ละวันมันไม่ใช่ สบาย หรูหราแบบไม่เคยเป็น แบบนี้เรายังจะสมควรช่วยเค้าเรื่องเรียนต่อรึป่าว เพราะเค้ากดดันเรา แต่ไม่ยอมหยุดตัวเอง ถ้าเค้าประหยัดในสิ่งที่เค้าฟุ่มเฟือยเข้าสังคมตอนนี้ เราก็ยังพอช่วยเค้าได้บ้าง แต่ถ้าให้เรายอมทุ่มให้เค้าทั้ง 100% เหมือนเดิม ทั้งๆที่เราไม่ได้น้ำใจจากเค้าเลยตอนเราลำบาก แบบนี้ยังสมควรช่วย ยังสมควรคิดว่าเป็นเพื่อนอยู่อีกมั๊ย