-# จุดประสงค์ของกระทู้นี้คืออยากให้คนฟุตบอล แฟนบอล MUFC ได้สนุกกับเรื่องราวที่เราไม่เคยได้ยินได้รู้ หากมีอะไรผิดพลาดต้องขอโทษด้วยนะครับ พร้อมแล้วจัดไปครับ
---------------------------------------- ตอน ; รับน้องมหาโหดของ class of 92 จากปากคำของ แกรี่ เนวิล --------------------------------------
ในวันนั้นพวกเราไม่รู้หรอกว่าเราโชคดีแค่ไหน แม้ว่าเราอาจต้องเจอการรับน้องมหาโหดอย่างเต้นบนเก้าอี้ ร้องเพลง หรือคำถามที่น่าอายจากรุ่นพี่ เราต้องทำงานอื่นอีกด้วย เช่นสูบลมลูกบอลเอย เติมน้ำในตู้เย็นเอย และอีกมากมาย ผมบอกได้เลยว่ามันโหดร้ายเลยหละ
หากเราปฎิเสธที่จะทำตามคำสั่งของรุ่นพี่ เราอาจถูกลูกบอลที่หุ้มด้วยผ้าขนหนูขว้างเข้าใส่หน้า มันโครตเจ็บ! หากมาซ้อมสายเราอาจเจอกับรุ่นพี่ที่จะมายืนล้อมคุณ อัดคุณและเล่นงานคุณตรงนั้น
ร็อบบี่ ซาเวจ-ชายผู้พกความมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์- เขาไม่เคยลังเลที่จะยืนขึ้นต่อหน้าผู้คน แล้วทำอะไรฮาๆ บ้าๆต่อหน้ารุ่นพี่ เหมือนที่เขาทำมาตลอด 20ปี เขามักทำให้คนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผมละอยากให้มีใครอัดวิดีโอวันเหล่านั้นไว้จริงๆ
ต่างจากพวกเราที่เหลือ ที่เหมือนว่าจะทำอะไรประมาณนั้นก็ต่อเมื่อมีปืนมาจ่อที่หัว สโคลซี่ก็โดนแต่เขาโดนไม่หนักมากหรอก แต่เดวิดโดนหนักกว่า เดวิดไม่ชอบที่จะถูกเรียกขึ้นมาเลย แต่เมื่อโดนเรียก คุณก็ต้องทำมันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
บางทีการลงโทษที่แย่ที่สุดอาจเป็นการ “แก้ผ้าเต้น” ต่อหน้าธารกำนัล พร้อมกับถูกแปรงขนลวดถูเข้าที่หลังให้เป็นรอยตามหมายเลขเสื้อของคนนั้น ไม่แค่นั้น หลังจากเต้นเสร็จ เราจะถูกจับแช่อ่างน้ำแข็งอีก 2นาที หรือบางที่เราอาจถูกจับยัดลงเครื่องปั่นผ้าที่กำลังทำงานอยู่ก็มี ผมไม่มีทางที่จะลืมความรู้สึกที่ถูกแปรงขนลวดขูดเข้าที่ผิวของผมได้เลย
ในช่วงเวลาสายๆถึงบ่ายแก่ๆ เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดหากต้องเข้าห้องแต่งตัวเพราะเราอาจถูกรุ่นพี่เรียกขึ้น แล้วให้เราขึ้น “สเก็ตบอร์ด” อะไรคือ “สเก็ตบอร์ด” - การเอากรวยซ้อมในสนามมาครอบบนหัว เอาสนับแข้งติดที่แขนของเรา แล้วยืนบนผ้าขนหนูที่ลากเราไปรอบๆ เหมือนเรากำลังไถสเก็ตลงเขาอยู่ รุ่นพี่ที่เหลือจะอัดเราด้วยสารพัดวิธี ถ้าเราตกจากผ้าขนหนูผืนนั้น เราต้องทำใหม่ นี่แหละสเก็ตบอร์ดของเรา บางทีรุ่นพี่จะทดสอบเราด้วยการยืนบนม้านั่ง กางแขนขวาออกให้เต็มที่แล้วถือถังน้ำที่ใส่น้ำเต็มถัง จนกว่ามือเราจะสั่นระริกหรือจนกว่าพวกเขาจะพอใจพวกเราถึงลงมาได้
ผมคิดว่าผู้จัดการทีมก็รู้เรื่องนี้นะ แต่เขาคงคิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เขามักมองเราจากบนออฟฟิต ตอนพวกเราวิ่งบนสนามที่เต็มไปด้วยหิมะโดยไม่ใส่อะไรเลยยกเว้นรองเท้าคู่เดียว แล้วเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร
หากผู้เล่นคนไหนทำผิดหรือเริ่มจะล้ำเส้นอะไรซักอย่าง จะมีพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่เราเรียกว่า “เดอะ แลป” เพื่อผู้สำนึกผิด เดอะ แลป คือการห้อยหัวลงมาจากเตียงนวดไม้จากนั้นรุ่นพี่จะเตะบอลอัดใส่ที่หน้าคนที่ทำผิด วันหนึ่ง นิกกี้(บัตต์)และสตีเวน ไลเลย์(อดีตเด็กฝึกหัด)เคยแอบกลับบ้านก่อนเพราะกลัวรถบัสจะหมด ทั้งคู่ถูกจับได้แล้วถูกจับเข้าพิธี เดอะ แลป ในระหว่างพิธีกรรม สตีเวน รับไม่ได้กับสิ่งทีเขาต้องเจอ เขาหัวเสียและโมโหมากกับการลงโทษ เขาเริ่มตอบโต้กลับจนมันค่อนข้างเลยเถิดไป เรื่องถึงหูคิดโด้(ไบรอั้น คิด) คิดโด้เรียกประชุมรุ่นพี่ อบรมสั่งสอนซะยาว แล้วก็สั่งยกเลิก เดอะ แลป !!
นี่แหละการรับน้องมหาโหดที่แมนฯยูไนเต็ด และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนแรก แต่มันคือช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตผม ตอนนั้นผมเป็นเด็ก 16ปีที่ติ๋มๆ เงียบๆและชอบที่จะเดินก้มหน้า ผมคือเด็กที่บ้าคลั่งแมนฯยูไนเต็ดและสิ่งสุดท้ายที่ต้องการคือการถูกแกล้งโดยนักเตะที่ผมคลั่งไคล้
สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้ก็แค่เพื่อละลายพฤติกรรม หลอมรวมพวกเรากับรุ่นพี่ ผมว่ามันก็มีเรื่องอย่างนี้ในทุกสโมสร มันคือ“การเปลี่ยนเด็กชายให้เป็นนาย” เมื่อผมมองย้อนกลับไปในวันเหล่านั้น ผมเชื่อจริงๆว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เรามีวันนี้ มันสร้างสปิริตขึ้นมาในทีม เราผ่านช่วงเวลายากลำบากด้วยกัน ความสนิทสนม มิตรภาพและความเชื่อใจหลอมรวมเป็นหนึ่งและนำพาพวกเราให้พร้อมก้าวขึ้นไปเป็นอนาคตที่สดใสของสโมสรต่อไป
<< บทความแปล MUFC ตอน 3 >> “รับน้องมหาโหดของ class of 92” จากปากคำของ แกรี่ เนวิล
---------------------------------------- ตอน ; รับน้องมหาโหดของ class of 92 จากปากคำของ แกรี่ เนวิล --------------------------------------
ในวันนั้นพวกเราไม่รู้หรอกว่าเราโชคดีแค่ไหน แม้ว่าเราอาจต้องเจอการรับน้องมหาโหดอย่างเต้นบนเก้าอี้ ร้องเพลง หรือคำถามที่น่าอายจากรุ่นพี่ เราต้องทำงานอื่นอีกด้วย เช่นสูบลมลูกบอลเอย เติมน้ำในตู้เย็นเอย และอีกมากมาย ผมบอกได้เลยว่ามันโหดร้ายเลยหละ
หากเราปฎิเสธที่จะทำตามคำสั่งของรุ่นพี่ เราอาจถูกลูกบอลที่หุ้มด้วยผ้าขนหนูขว้างเข้าใส่หน้า มันโครตเจ็บ! หากมาซ้อมสายเราอาจเจอกับรุ่นพี่ที่จะมายืนล้อมคุณ อัดคุณและเล่นงานคุณตรงนั้น
ร็อบบี่ ซาเวจ-ชายผู้พกความมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์- เขาไม่เคยลังเลที่จะยืนขึ้นต่อหน้าผู้คน แล้วทำอะไรฮาๆ บ้าๆต่อหน้ารุ่นพี่ เหมือนที่เขาทำมาตลอด 20ปี เขามักทำให้คนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผมละอยากให้มีใครอัดวิดีโอวันเหล่านั้นไว้จริงๆ
ต่างจากพวกเราที่เหลือ ที่เหมือนว่าจะทำอะไรประมาณนั้นก็ต่อเมื่อมีปืนมาจ่อที่หัว สโคลซี่ก็โดนแต่เขาโดนไม่หนักมากหรอก แต่เดวิดโดนหนักกว่า เดวิดไม่ชอบที่จะถูกเรียกขึ้นมาเลย แต่เมื่อโดนเรียก คุณก็ต้องทำมันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
บางทีการลงโทษที่แย่ที่สุดอาจเป็นการ “แก้ผ้าเต้น” ต่อหน้าธารกำนัล พร้อมกับถูกแปรงขนลวดถูเข้าที่หลังให้เป็นรอยตามหมายเลขเสื้อของคนนั้น ไม่แค่นั้น หลังจากเต้นเสร็จ เราจะถูกจับแช่อ่างน้ำแข็งอีก 2นาที หรือบางที่เราอาจถูกจับยัดลงเครื่องปั่นผ้าที่กำลังทำงานอยู่ก็มี ผมไม่มีทางที่จะลืมความรู้สึกที่ถูกแปรงขนลวดขูดเข้าที่ผิวของผมได้เลย
ในช่วงเวลาสายๆถึงบ่ายแก่ๆ เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดหากต้องเข้าห้องแต่งตัวเพราะเราอาจถูกรุ่นพี่เรียกขึ้น แล้วให้เราขึ้น “สเก็ตบอร์ด” อะไรคือ “สเก็ตบอร์ด” - การเอากรวยซ้อมในสนามมาครอบบนหัว เอาสนับแข้งติดที่แขนของเรา แล้วยืนบนผ้าขนหนูที่ลากเราไปรอบๆ เหมือนเรากำลังไถสเก็ตลงเขาอยู่ รุ่นพี่ที่เหลือจะอัดเราด้วยสารพัดวิธี ถ้าเราตกจากผ้าขนหนูผืนนั้น เราต้องทำใหม่ นี่แหละสเก็ตบอร์ดของเรา บางทีรุ่นพี่จะทดสอบเราด้วยการยืนบนม้านั่ง กางแขนขวาออกให้เต็มที่แล้วถือถังน้ำที่ใส่น้ำเต็มถัง จนกว่ามือเราจะสั่นระริกหรือจนกว่าพวกเขาจะพอใจพวกเราถึงลงมาได้
ผมคิดว่าผู้จัดการทีมก็รู้เรื่องนี้นะ แต่เขาคงคิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เขามักมองเราจากบนออฟฟิต ตอนพวกเราวิ่งบนสนามที่เต็มไปด้วยหิมะโดยไม่ใส่อะไรเลยยกเว้นรองเท้าคู่เดียว แล้วเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร
หากผู้เล่นคนไหนทำผิดหรือเริ่มจะล้ำเส้นอะไรซักอย่าง จะมีพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่เราเรียกว่า “เดอะ แลป” เพื่อผู้สำนึกผิด เดอะ แลป คือการห้อยหัวลงมาจากเตียงนวดไม้จากนั้นรุ่นพี่จะเตะบอลอัดใส่ที่หน้าคนที่ทำผิด วันหนึ่ง นิกกี้(บัตต์)และสตีเวน ไลเลย์(อดีตเด็กฝึกหัด)เคยแอบกลับบ้านก่อนเพราะกลัวรถบัสจะหมด ทั้งคู่ถูกจับได้แล้วถูกจับเข้าพิธี เดอะ แลป ในระหว่างพิธีกรรม สตีเวน รับไม่ได้กับสิ่งทีเขาต้องเจอ เขาหัวเสียและโมโหมากกับการลงโทษ เขาเริ่มตอบโต้กลับจนมันค่อนข้างเลยเถิดไป เรื่องถึงหูคิดโด้(ไบรอั้น คิด) คิดโด้เรียกประชุมรุ่นพี่ อบรมสั่งสอนซะยาว แล้วก็สั่งยกเลิก เดอะ แลป !!
นี่แหละการรับน้องมหาโหดที่แมนฯยูไนเต็ด และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนแรก แต่มันคือช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตผม ตอนนั้นผมเป็นเด็ก 16ปีที่ติ๋มๆ เงียบๆและชอบที่จะเดินก้มหน้า ผมคือเด็กที่บ้าคลั่งแมนฯยูไนเต็ดและสิ่งสุดท้ายที่ต้องการคือการถูกแกล้งโดยนักเตะที่ผมคลั่งไคล้
สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้ก็แค่เพื่อละลายพฤติกรรม หลอมรวมพวกเรากับรุ่นพี่ ผมว่ามันก็มีเรื่องอย่างนี้ในทุกสโมสร มันคือ“การเปลี่ยนเด็กชายให้เป็นนาย” เมื่อผมมองย้อนกลับไปในวันเหล่านั้น ผมเชื่อจริงๆว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เรามีวันนี้ มันสร้างสปิริตขึ้นมาในทีม เราผ่านช่วงเวลายากลำบากด้วยกัน ความสนิทสนม มิตรภาพและความเชื่อใจหลอมรวมเป็นหนึ่งและนำพาพวกเราให้พร้อมก้าวขึ้นไปเป็นอนาคตที่สดใสของสโมสรต่อไป