เมื่อเพื่อนผมเปลี่ยนไป และ ประสบการณ์ล้างสมองแบบ 4 รุม 1

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า ผมกับเพื่อน อยู่คนละ มหาลัยกัน แต่ไม่ใช้เพื่อนเก่าอะไร เป็นเพื่อนที่รู้จักกันในเกม CS-GO ปรกติผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันเท่าไหร่ เพราะอยู่คนละ ม แล้วพอดีช่วงนี้ใกล้สอบ จึงมีงานที่ต้องส่ง เป็นโปรเจคไฟนอล  ผมได้เลือกหัวข้อที่อยากทำ แล้วผมจึงไปขอร้องเพื่อนผมคนนี้ช่วยงานผม มันก็ตอบตกลง แล้วเราก็นัดวันทำงานกัน พอถึงวันที่เรานัดกัน เราก็มาเจอกันที่ร้านกาแฟ แล้วก็เริ่มทำงาน ผมก็เห็นเพื่อนผมแปลกๆไป ทำไมมันใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลค เหน็บปากกาไว้ที่กระเป๋า และชอบพูดถามผมว่า ช่วงนี้เป็นยังใงบ้าง อนาคตคิดว่าจะทำอะไร(นั่นใงเริ่มเข้าเค้าแล้ว) พอทำงานเสร็จ ก็นั่งกินเค้กกัน ซักพักมันบอกว่า มันก็มีโปรเจค อยากจะขอให้ผมช่วยหน่อย ผมก็คิดว่า มันอุส่าห์มาช่วยงานแล้ว เราก็ช่วยงานมันหน่อยก็ดี  มันก็บอกว่า เดี๋ยวจะมีพี่ข้างนอกมาอีก4คนนะ เราก็บอกโอเคเลย  รอซํกพักก็มากันจริงๆด้วย แถมแต่งตัวแนวเดียวกับเพื่อนผมหมดเลย ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่า มันจะใช่ที่ผมคิดรึเปล่า ซํกพักพี่แกก็ถามว่า  อนาคตอยากมีเงินเยอะๆโดยไม่ต้องมานั่งทำงานไหม? (นั่นใง โป๊ะเชะเลย ขายตรง) ผมก็ตอบไปว่า อยากสิพี่ ใครๆก็อยากได้เงินทั้งนั้น แต่ถ้าไม่ทำงานมันจะรวยได้หรอ  พี่จะชวนผมขายตรงหรอ  พี่ๆทุกคนเริ่มแสดงสีหน้าไม่ดี แล้วตอบผมว่า งานที่พี่เสนอให้น่ะ ไม่ใช่งานขายตรงนะ แต่เป้นการทำงานร่วมกัน มันดีกว่างานที่น้องทำมาก แค่วาดรูปปั้นหม้อปั้นคนขายอะมันไม่มีวันรวยหรอก (เอ้าดูถูกงานตูอีก)  หลังจากนั้น พี่แกก็เริ่มสาทยายงานของพี่แกว่าทำยังใง แล้วผมก็ไปสะดุด กับคำว่า เรามีช๊อปขายของด้วยนะ สมาชิกซื้อของไปขายได้ในราคาต้นทุน (เอ้า ไหนว่าไม่ใช่ขายตรง) ผมเลยพูดแทรกไปว่า งั้นมันก็คือขายตรงอะดิพี่  พี่แกก็ทำหน้าตกใจ แล้วตอบไปแบบสั่นๆว่า เรามีอยู่2แบบ คือพวกที่ขายตรง กับคนที่หาคนมาร่วมทำงาน และอีกอย่าง ทำงานที่นี่เราเป็นนายของตัวเองนะ (นั่นใงประโยคสุดฮิต) พอพูดไปพูดมา พี่แกก็ยื่นใบสมัครมาให้ บอกให้เรากรอก พร้อมให้จ่ายเงิน1พันบาท (โห มโนเก่งมากเลยว่าตูอยากเข้าร่วม = = ) ผมเลยบอกว่า ขอคิดดูก่อนได้ไหม พอดีตอนนี้ ไม่มีเงิน จ่ายค่าเค้กไปหมดละเนี่ย พร้อมเปิดกระเป๋าตังให้ดู (คือไม่มีตังจริงๆเพราะไม่ได้เอามา เงินอยู่ในATM ) พี่แกเลยขอเบอร์ไว้ ผมก็เลยให้ไป เพราะคงไม่มีอะไรแหละ จากนั้นพี่แกก็บอกว่า เดือนหน้า มีงานสัมนาจัดที่โรงแรมนั้น(ขอปิดชื่อโรงเเรม) พี่มีตั๋วอยู่นะ ต้องการไหม ราคาแค่ร้อยเดียวเอง แต่สิ่งที่น้องได้มามันจะมากกว่าสิ่งที่น้องเสียไปมาก แล้วพี่แกก็ยัดตั๋วมาใส่มือผม ผมตรวจสอบตั๋วดูด้านหน้า ก็เหมือนตั่วธรรมดา พี่แกบอกมีคนไปเยอะมากเลยนะ ตั๋วขายหมดเป็นหมื่นๆเลย แต่ผมเหลือบมองไปเห็นเลขที่ตั๋ว มันสิ้นสุดแค่หลักที่4นี่หว่า มันจะหมื่นได้ใงเนี่ย มเลยถามพี่เขาไปว่า ขายเป็นตั๋วธรรมดาราคานึงวีไอพีราคานึงงี้หรอ พี่แกก็ตอบว่า ไม่เลย มีแต่ตั๋วแบบนี้เท่านั้น พิมพ์ล๊อตเดียวไม่พิมพ์เพิ่มเลย (นั่นใง หลอกตูนี่หว่า) พอผมจะพลิกอีกด้านดูพี่แกก็ดึงไปเฉยเลย แล้วพยายามให้เพื่อนช่วยขอให้ผมซื้อตั๋ว ผมเลยคิดว่า เอาวะ ซื้อก็ซื้อ มันอุส่าห์มาช่วยงานแล้ว ละก็จะได้กลับบ้านซะที พอได้ตั๋วมาผมก็รีบขอตัวกลับ แต่แปลกคือ พอผมซื้อตั๋วเสร็จ ไม่มีการคะยั้ยคะยอให้อยู่ต่อหรือรั้งตัวไว้เลย พอผมกลับบ้าน ผมก็พลิกอีกด้านดู จึงเห็นว่าเป็นคำเตือน เป้นคำเตือนง่ายๆแบบ ไม่อนุญาติให้เปิดมือถืองี้ ห้ามเอาอาหารเข้าไปงี้  แต่ที่เงิบที่สุดคือ ห้ามอัดเสียงและถ่ายวีดีโอ (แหมมม ลึกลับดีจัง ) ผมนี่งงเลยว่า ถ้างานแบบนี้มันทำให้คนรวยได้จริงๆ ประเทศเราคงเป้นประเทศที่รวยมากๆไปแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่