จริงๆแล้วตัวหนังโดยภาพรวมถือว่าสนุกสะใจและคุ้มตังค์นะ แต่จะขอพูดถึงจุดที่คิดว่าไม่โอเคในหนังภาคนี้หน่อยละกัน
-ฉากแอคชั่นเว่อร์จนหลุดความเป็นจริง
จริงๆภาคก่อนๆมันก็เว่อร์นะ แต่มันเว่อร์แบบดูความสมเหตุสมผลแล้วยังมีสัดส่วนความเป็นจริงให้จับต้องได้อยู่ แต่ภาคนี้บอกตรงๆว่าฉากไล่ล่าในเมืองช่วงท้ายนี่มันไซไฟมากจริงๆ ถ้าเป็นหนังที่จงใจขายความเว่อร์แบบพวก Die Hard Transformer นี่จะไม่ว่าเลย แต่สำหรับหนังเรื่องนี้พอลองย้อนไปดูความเว่อร์แบบยังดูเนียนๆในภาคก่อนๆมาเทียบกับการที่ตัวร้ายเอาโดรมมาไล่ล่าแกงค์ซิ่งนี่มันเกินเหตุไปมากๆ แถมพวกพระเอกก็ชนะแบบไม่ได้ใช้สมองอะไรอีก แค่หนีๆๆไปเรื่อยๆ หวังให้แรมซีย์ช่วยแฮคระบบอย่างเดียว ถ้าเทียบกับฉากเล่นหลอกล่อช่วงชิงตู้เซฟในภาค 5 หรือการรวมพลถล่มเครื่องบินในภาค 6 แล้วมันเจ๋งกว่ากันเห็นๆ
ตัวอย่างฉากที่ผมว่าเว่อร์แบบยังพอดีๆตามสไตล์ที่ Fast & Furious ควรเป็นในภาคนี้ก็คือฉากเอารถโยนลงจากเครื่องบินที่ยังดูมีเหตุผลรับได้มากกว่านี้อีก
- บทช่วงอาบูดาบี
ไม่เคยเห็นภาคไหนที่กลุ่มตัวเอกไปทำร้ายใครที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง(คือถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องก่อนก็จะไม่ไปหาเรื่องเขา) แต่ภาคนี้ประหลาดใจกับการเขียนบทช่วงนี้มาก คือเหมือนชงเรื่องให้เข้าไปในซีนสวยๆอลังๆของอาบูดาบีเท่านั้นเอง ฉากเลตตี้ปะทะบอดี้การ์ดมันส์มาก ฉากโรมันดึงความสนใจโคตรฮา ฉากรถพุ่งทะยานตึกสามตึกก็โคตรของโคตรเท่จนเป็นฉากที่น่าจดจำของภาคนี้จริง แต่พอคิดถึงเหตุผลที่เรื่องราวในจุดนี้เกิดขึ้นแล้วมันเฟลมาก เพราะเจ้าชายประสบชะตากรรมเรือหายวายป่วงด้วยการไปซื้อของแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้น ถ้าเขียนบทให้เจ้าชายมาตบตีแย่งชิงชิปไปจากเพื่อนแรมซีย์ยังพอว่า แต่นี่คือแค่ซื้อมาเฉยๆจากคนที่คิดว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งทำให้งงมากว่าทำไมกล้าเขียนให้กลุ่มดอมดูเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้
หนำซ้ำด้วยคาแรกเตอร์ความเป็นดอมผมว่าสิ่งแรกที่เขาควรจะทำจากตอนที่รู้ว่าเพื่อนแรมซีย์ถือวิสาสะเอาชิปไปขายทั้งที่แรมซีย์ไว้วางใจเสี่ยงตายไปฝากไว้ก็คืออัดอีกฝั่งให้เละมากกว่าจะปล่อยให้อีกฝ่ายปากดีพูดเป็นต่อยหอยเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
- ความเนี้ยบ เท่ จนเหมือนเป็นการ์ตูน
ภาคนี้จะมีฉากแบบโชว์เท่เยอะมาก ฉากประเภทตัวละครเดินวางมาดเรียงๆกันสโลว์ๆ หรือมีการจงใจเซตฉากระเบิดเท่ๆ มุมกล้องแบบเท่ๆลอยๆเยอะขึ้นมาก ซึ่งมันก็ดูแปลกใหม่ดีแต่อีกแง่นึงก็คือกลายเป็นหนังที่ดูประดิษฐประดอยเยอะขึ้น เหมือนจากเดิมเป็นแกงค์ซิ่งดิบๆ เน้นลุยๆ มาตอนนี้เหมือนโดนจับแต่งตัวให้เนี้ยบขึ้น มีระดับมากขึ้น จนดูเหมือนเป็นคนละคน ซึ่งเชื่อว่าคนที่เป็นแฟนภาคก่อนๆน่าจะเห็นในจุดนี้เหมือนกัน(หรือจริงๆมันเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ธีมภาคนี้เขยิบไปเป็นหนังคนละแนวจากเดิมแต่แรกแล้วก็ไม่รู้นะ)
แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ชอบสไตล์การเปิดตัวตัวร้ายภาคนี้ที่ให้เห็นความร้ายกาจของตัวละครแบบแปลกใหม่ดีนะ
- การกระจายบทตัวร้าย
ตัวเจสัน ผู้บัญชากองรบผิวดำ รองบอสจาพนม ดูไม่มีความเป็นทีมเดียวกันแม้แต่นิดเดียว เหมือนต่างคนต่างมา โผล่แบบกระโดดไปกระโดดมาเหมือนไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน(ทั้งที่ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน) เทียบกับตัวร้ายในภาคก่อนๆที่ดูมีความเชื่อมโยง มีการติดต่อสื่อสารกันมากกว่านี้ โดยเฉพาะในภาค 6 ที่ขนาดมีการเผยตัวร้ายตอนหลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวก็ยังดูไม่โดดเท่าภาคนี้เลย
ยังไม่นับภาค 5 ที่มีคนไล่ล่าพระเอกสองกลุ่ม(กลุ่มมาเฟีย กลุ่มฮอป) หรือภาค 6 ที่มีแกงค์ตัวร้ายที่มีจำนวนแบบเดียวกับกลุ่มพระเอก แต่ก็ยังสามารถแบ่งบทให้แต่ละกลุ่มดูพอมีซีนให้น่าจดจำอยู่บ้าง แต่ภาคนี้มีตัวร้ายหลักๆแค่สามคนแต่กลับไม่ค่อยมีความเด่นเท่าที่ควรเท่าไหร่ จาพนมถือว่าโอเคถ้าเป็นแนวๆตัวละครสายบู๊รองบอสก็จะได้ซีนไปประมาณนี้แหล่ะ แต่กับตัวร้ายหลักอย่างเจสัน สเตรทแฮม คือรู้สึกว่าเอามาเล่นได้ไม่คุ้มมาก
ในความรู้สึกผมเจสันเป็นตัวแทนของหนังสายบู๊ที่เกี่ยวกับการต่อสู้และการขับรถไล่ล่าหลายเรื่อง การที่เปิดตัวมาในภาคที่แล้วว่าจะมาเป็นตัวร้ายของหนังภาคนี้ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก เพราะ Fast & Furious เป็นหนังที่เกี่ยวกับรถ การไล่ล่าและการต่อสู้ ซึ่งการได้ตัวนักแสดงที่มีภาพลักษณ์เข้ากันขนาดนี้มันน่าจะทำออกมาได้สนุกสุดๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้โชว์ศักยภาพอะไรเท่าไหร่ นอกจากออกมาไล่ล่าแบบหักดิบมากเหมือนไม่ได้มีแผนอะไรเลย ฉากขับรถไล่ล่าก็มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แถมถ้าเทียบกับบทบาทตัวร้ายน้องชายในภาคก่อนยังรู้สึกว่าชอว์นคนน้องยังดูมีกึ๋นหรือมีการขู่อาฆาตให้รู้สึกถึงความอันตรายมากกว่านี้เยอะ
แต่อันนี้พยายามเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องพอลด้วยที่อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนบท หรือการลด-เพิ่มฉากไล่ล่าหรือฉากต่อสู้ในบางคู่ไป แต่ยังไงผมก็ยังรู้สึกว่ามันน่าจะออกมาดีกว่านี้ได้อีกนะ
โดยหลักๆก็ประมาณนี้ครับที่คิดว่าเป็นข้อเสียของภาคนี้ บางจุดก็พยายามเข้าใจอยู่ว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องพอล แต่ก็ยังมีหลายจุดอย่างที่บอกว่ามันน่าจะมีส่วนมาจากการเปลี่ยนผู้กำกับเป็น Jame Wan หรือตัวบทดั้งเดิมด้วยรึเปล่า ซึ่งในภาคหน้านี่น่าจะเห็นชัดขึ้นมั้งนะ
ป.ล. แต่ยังไงผมก็ให้ฉากสุดท้ายตั้งแต่ริมทะเลเป็นจุดที่ดีที่สุดของภาคนี้นะ ถ้าวัดแค่ช่วงนี้ผมให้ 10/10 เลย ดูแล้วสัมผัสถึงความรู้สึกผูกพันและความเป็นครอบครัวของทั้งในแง่นักแสดงตัวจริงและตัวละครได้ดีมาก
ป.ล.2 ข้อเสียส่วนตัวอีกข้อ คือแอบรู้สึกว่าไม่มีจีเซลและฮานส์แล้วกลุ่มพระเอกเล็กลงมาก แถมแรมซีย์ยังดูไม่กลมกลืนพอจะเข้าทีมเลย
สิ่งที่ไม่ชอบใน Fast & Furious 7 [Spoil]
-ฉากแอคชั่นเว่อร์จนหลุดความเป็นจริง
จริงๆภาคก่อนๆมันก็เว่อร์นะ แต่มันเว่อร์แบบดูความสมเหตุสมผลแล้วยังมีสัดส่วนความเป็นจริงให้จับต้องได้อยู่ แต่ภาคนี้บอกตรงๆว่าฉากไล่ล่าในเมืองช่วงท้ายนี่มันไซไฟมากจริงๆ ถ้าเป็นหนังที่จงใจขายความเว่อร์แบบพวก Die Hard Transformer นี่จะไม่ว่าเลย แต่สำหรับหนังเรื่องนี้พอลองย้อนไปดูความเว่อร์แบบยังดูเนียนๆในภาคก่อนๆมาเทียบกับการที่ตัวร้ายเอาโดรมมาไล่ล่าแกงค์ซิ่งนี่มันเกินเหตุไปมากๆ แถมพวกพระเอกก็ชนะแบบไม่ได้ใช้สมองอะไรอีก แค่หนีๆๆไปเรื่อยๆ หวังให้แรมซีย์ช่วยแฮคระบบอย่างเดียว ถ้าเทียบกับฉากเล่นหลอกล่อช่วงชิงตู้เซฟในภาค 5 หรือการรวมพลถล่มเครื่องบินในภาค 6 แล้วมันเจ๋งกว่ากันเห็นๆ
ตัวอย่างฉากที่ผมว่าเว่อร์แบบยังพอดีๆตามสไตล์ที่ Fast & Furious ควรเป็นในภาคนี้ก็คือฉากเอารถโยนลงจากเครื่องบินที่ยังดูมีเหตุผลรับได้มากกว่านี้อีก
- บทช่วงอาบูดาบี
ไม่เคยเห็นภาคไหนที่กลุ่มตัวเอกไปทำร้ายใครที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง(คือถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องก่อนก็จะไม่ไปหาเรื่องเขา) แต่ภาคนี้ประหลาดใจกับการเขียนบทช่วงนี้มาก คือเหมือนชงเรื่องให้เข้าไปในซีนสวยๆอลังๆของอาบูดาบีเท่านั้นเอง ฉากเลตตี้ปะทะบอดี้การ์ดมันส์มาก ฉากโรมันดึงความสนใจโคตรฮา ฉากรถพุ่งทะยานตึกสามตึกก็โคตรของโคตรเท่จนเป็นฉากที่น่าจดจำของภาคนี้จริง แต่พอคิดถึงเหตุผลที่เรื่องราวในจุดนี้เกิดขึ้นแล้วมันเฟลมาก เพราะเจ้าชายประสบชะตากรรมเรือหายวายป่วงด้วยการไปซื้อของแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้น ถ้าเขียนบทให้เจ้าชายมาตบตีแย่งชิงชิปไปจากเพื่อนแรมซีย์ยังพอว่า แต่นี่คือแค่ซื้อมาเฉยๆจากคนที่คิดว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งทำให้งงมากว่าทำไมกล้าเขียนให้กลุ่มดอมดูเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้
หนำซ้ำด้วยคาแรกเตอร์ความเป็นดอมผมว่าสิ่งแรกที่เขาควรจะทำจากตอนที่รู้ว่าเพื่อนแรมซีย์ถือวิสาสะเอาชิปไปขายทั้งที่แรมซีย์ไว้วางใจเสี่ยงตายไปฝากไว้ก็คืออัดอีกฝั่งให้เละมากกว่าจะปล่อยให้อีกฝ่ายปากดีพูดเป็นต่อยหอยเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
- ความเนี้ยบ เท่ จนเหมือนเป็นการ์ตูน
ภาคนี้จะมีฉากแบบโชว์เท่เยอะมาก ฉากประเภทตัวละครเดินวางมาดเรียงๆกันสโลว์ๆ หรือมีการจงใจเซตฉากระเบิดเท่ๆ มุมกล้องแบบเท่ๆลอยๆเยอะขึ้นมาก ซึ่งมันก็ดูแปลกใหม่ดีแต่อีกแง่นึงก็คือกลายเป็นหนังที่ดูประดิษฐประดอยเยอะขึ้น เหมือนจากเดิมเป็นแกงค์ซิ่งดิบๆ เน้นลุยๆ มาตอนนี้เหมือนโดนจับแต่งตัวให้เนี้ยบขึ้น มีระดับมากขึ้น จนดูเหมือนเป็นคนละคน ซึ่งเชื่อว่าคนที่เป็นแฟนภาคก่อนๆน่าจะเห็นในจุดนี้เหมือนกัน(หรือจริงๆมันเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ธีมภาคนี้เขยิบไปเป็นหนังคนละแนวจากเดิมแต่แรกแล้วก็ไม่รู้นะ)
แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ชอบสไตล์การเปิดตัวตัวร้ายภาคนี้ที่ให้เห็นความร้ายกาจของตัวละครแบบแปลกใหม่ดีนะ
- การกระจายบทตัวร้าย
ตัวเจสัน ผู้บัญชากองรบผิวดำ รองบอสจาพนม ดูไม่มีความเป็นทีมเดียวกันแม้แต่นิดเดียว เหมือนต่างคนต่างมา โผล่แบบกระโดดไปกระโดดมาเหมือนไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน(ทั้งที่ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน) เทียบกับตัวร้ายในภาคก่อนๆที่ดูมีความเชื่อมโยง มีการติดต่อสื่อสารกันมากกว่านี้ โดยเฉพาะในภาค 6 ที่ขนาดมีการเผยตัวร้ายตอนหลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวก็ยังดูไม่โดดเท่าภาคนี้เลย
ยังไม่นับภาค 5 ที่มีคนไล่ล่าพระเอกสองกลุ่ม(กลุ่มมาเฟีย กลุ่มฮอป) หรือภาค 6 ที่มีแกงค์ตัวร้ายที่มีจำนวนแบบเดียวกับกลุ่มพระเอก แต่ก็ยังสามารถแบ่งบทให้แต่ละกลุ่มดูพอมีซีนให้น่าจดจำอยู่บ้าง แต่ภาคนี้มีตัวร้ายหลักๆแค่สามคนแต่กลับไม่ค่อยมีความเด่นเท่าที่ควรเท่าไหร่ จาพนมถือว่าโอเคถ้าเป็นแนวๆตัวละครสายบู๊รองบอสก็จะได้ซีนไปประมาณนี้แหล่ะ แต่กับตัวร้ายหลักอย่างเจสัน สเตรทแฮม คือรู้สึกว่าเอามาเล่นได้ไม่คุ้มมาก
ในความรู้สึกผมเจสันเป็นตัวแทนของหนังสายบู๊ที่เกี่ยวกับการต่อสู้และการขับรถไล่ล่าหลายเรื่อง การที่เปิดตัวมาในภาคที่แล้วว่าจะมาเป็นตัวร้ายของหนังภาคนี้ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก เพราะ Fast & Furious เป็นหนังที่เกี่ยวกับรถ การไล่ล่าและการต่อสู้ ซึ่งการได้ตัวนักแสดงที่มีภาพลักษณ์เข้ากันขนาดนี้มันน่าจะทำออกมาได้สนุกสุดๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้โชว์ศักยภาพอะไรเท่าไหร่ นอกจากออกมาไล่ล่าแบบหักดิบมากเหมือนไม่ได้มีแผนอะไรเลย ฉากขับรถไล่ล่าก็มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แถมถ้าเทียบกับบทบาทตัวร้ายน้องชายในภาคก่อนยังรู้สึกว่าชอว์นคนน้องยังดูมีกึ๋นหรือมีการขู่อาฆาตให้รู้สึกถึงความอันตรายมากกว่านี้เยอะ
แต่อันนี้พยายามเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องพอลด้วยที่อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนบท หรือการลด-เพิ่มฉากไล่ล่าหรือฉากต่อสู้ในบางคู่ไป แต่ยังไงผมก็ยังรู้สึกว่ามันน่าจะออกมาดีกว่านี้ได้อีกนะ
โดยหลักๆก็ประมาณนี้ครับที่คิดว่าเป็นข้อเสียของภาคนี้ บางจุดก็พยายามเข้าใจอยู่ว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องพอล แต่ก็ยังมีหลายจุดอย่างที่บอกว่ามันน่าจะมีส่วนมาจากการเปลี่ยนผู้กำกับเป็น Jame Wan หรือตัวบทดั้งเดิมด้วยรึเปล่า ซึ่งในภาคหน้านี่น่าจะเห็นชัดขึ้นมั้งนะ
ป.ล. แต่ยังไงผมก็ให้ฉากสุดท้ายตั้งแต่ริมทะเลเป็นจุดที่ดีที่สุดของภาคนี้นะ ถ้าวัดแค่ช่วงนี้ผมให้ 10/10 เลย ดูแล้วสัมผัสถึงความรู้สึกผูกพันและความเป็นครอบครัวของทั้งในแง่นักแสดงตัวจริงและตัวละครได้ดีมาก
ป.ล.2 ข้อเสียส่วนตัวอีกข้อ คือแอบรู้สึกว่าไม่มีจีเซลและฮานส์แล้วกลุ่มพระเอกเล็กลงมาก แถมแรมซีย์ยังดูไม่กลมกลืนพอจะเข้าทีมเลย