ที่มา
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/308414/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1+%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81
“มุดรั้วบ้านเพื่อน” สัปดาห์นี้ “หมวยเล็ก” อยากจะถามท่านผู้อ่านก่อนว่า ถ้าให้อั้นปัสสาวะ-อุจจาระ...ไม่เข้าห้องน้ำเลยเป็นเวลา 3 วัน จะทำได้มั้ยคร้าาาาา
ถ้าคำตอบคือ “ทำไม่ได้” งั้นหากไปพบรักข้ามขอบฟ้ากับหนุ่ม-สาวในชนเผ่าพื้นเมือง “ติดง” ที่ตั้งอยู่ในเมืองซันดากัน เมืองขนาดใหญ่ของรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว เพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนของเรา ก็คงจะไม่สามารถแต่งงานและสร้างตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งได้
เพราะชนเผ่านี้มีพิธีแต่งงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนไทยคิดไม่ถึง!!!
นั่นคือการห้ามคู่บ่าวสาวอาบน้ำและเข้าห้องน้ำเพื่อปลดทุกข์ของตนเอง เป็นเวลา 3วัน 3 คืนหรือ 72 ชั่วโมงหลังจากเข้าพิธีสมรสกันแล้ว นอกจากนี้...บ่าวสาวทั้งคู่ยังห้ามออกจากบ้านไปไหนอีกด้วย (หมวยเล็ก...เดาว่า จะออกไปไหนได้เล่า...แค่อั้นไม่เข้าห้องน้ำก็จะตายอยู่แล้ว)
ประเพณีนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป จนกระทั่งกระทรวงวัฒนธรรม ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม ของมาเลเซียไปพบเข้าและเปิดเผยรายละเอียดของพิธีออกสู่สาธารณชนภายนอก ในงานจัดแสดงประเพณีการแต่งงาน ที่เขตซุนไก ทิรัม เมืองซันดากัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2549
นายมารุคิน ดอลเลาะห์ วัย 72 ปี ผู้นำชุมชนของเผ่าติดง เล่ารายละเอียดว่า การแต่งงานลักษณะนี้ เป็นความเชื่อท้องถิ่นของเผ่าที่มีมานานแล้ว หากบ่าวสาวคู่ใดก็ตาม ที่ไม่สามารถอั้นการขับถ่ายได้ 3 วัน 3 คืน จะต้องประสบกับการหย่าร้าง แท้งลูก หรือลูกที่เกิดมาจะต้องเสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก และเนื่องจากคนในชุมชนต้องการรู้ว่าบ่าวสาวผ่านการทดสอบนี้หรือไม่ สมาชิกในครอบครัวจะคอยสอดส่องพฤติกรรมทั้งคู่แบบเกาะติดทุกย่างก้าว นอกจากนี้จะให้ทั้งสองรับประทานอาหารในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น จะได้ไม่ต้องทนทุกข์จากความต้องการขับถ่ายมากเกินไป (แต่ หมวยเล็ก ว่า ต้องทนหิวอีกอย่างนะ) หลังจากนั้น 3 วัน เมื่อเห็นว่า ทั้งคู่ไม่ได้ปัสสาวะหรืออุจจาระเลย บ่าวสาวก็จะได้รับอนุญาตให้อาบน้ำและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ก่อนการแต่งงานจะเริ่มขึ้น เจ้าบ่าวจะถูกเพื่อนๆ หามมาในเปล ซึ่งมีรูปคล้ายกับเรือเดินทาง มายังบ้านของเจ้าสาวเพื่อประกอบพิธีหมั้น แต่เจ้าบ่าวจะไม่ได้เป็นผู้สวมแหวนหมั้นให้กับเจ้าสาว “แม่เจ้าบ่าว” ต่างหากที่จะมาทำหน้าที่นี้ นอกจากชาวติดงที่ยึดถือประเพณีอั้นทรหดนี้แล้ว ชาวซูลุกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเองก็ใช้ประเพณีดังกล่าวในการแต่งงานเช่นกัน โดยบ่าวสาวจะมีการหมั้นหมายกันก่อนแต่งงานราว 1 สัปดาห์ ในช่วงเวลานี้เจ้าสาวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน
นายมุสตาฟฟาห์ โมห์ด ฮัสซัน วัย 41 ปี ผู้นำชุมชน เผยว่า การกักตัวเจ้าสาวไว้ ก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเธอ นอกจากนี้ ชาวซูลุกยังชอบการตรงต่อเวลา หากในวันพิธีวิวาห์เจ้าบ่าวมาสาย ก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นอัญมณีเพิ่มเติมให้กับฝั่งเจ้าสาว โดยในระหว่างพิธีเจ้าบ่าวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นใบหน้าของเจ้าสาว จนกว่าเขาจะร้องเพลงรักหลายๆเพลงมอบให้กับเธอ จนเมื่อเธอพอใจ ม่านที่กั้นระหว่างทั้งสองคนก็จะเปิดออก ทั้งสองจึงสามารถเห็นหน้ากันได้
จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการอั้นทรหด 3 วัน 3 คืน ตามความเชื่อโบราณที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน ชาวเน็ตมาเลเซียบางคนวิจารณ์ว่า บางทีการอั้นทรหดนี้ อาจจะเป็นบททดสอบความอดทน เปรียบเสมือนการแต่งงานที่ต้องผ่านความยากลำบากและต้องใช้ความอดทนเช่นกัน
เห็นอย่างนี้แล้ว...คนที่อั้นปัสสาวะแค่ 2 ชั่วโมงก็หน้าเขียว-หน้าเหลือง คงหมดสิทธิ์ที่จะเข้าพิธีนี้แน่นอน แต่ “หมวยเล็ก” คิดว่า ความน่ารักของพิธีแต่งงานชนเผ่าพื้นเมืองนี้ อยู่ที่เจ้าบ่าวต้องร้องเพลง จนกว่าเจ้าสาวจะพอใจ จึงจะได้พบหน้ากัน นี่แหละที่เป็นความคิดสุดบรรเจิดของบรรพบุรุษ ส่วนเรื่องอั้ดการขับถ่ายเพื่อให้ชีวิตรักยืนยาวนั้นก็เป็นความเชื่อท้องถิ่นของใครของมัน แต่คงต้องระวังโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและโรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะถามหาด้วยนะ...จะบอกให้
…..............................
คอลัมน์ : มุดรั้วบ้านเพื่อน
โดย “หมวยเล็ก”
ห้ามบ่าวสาวเข้าส้วมนาน 3 วัน อั้นทรหดพิสูจน์รัก__เรื่องจริงไม่อิงนิยายที่มาเลเซีย
“มุดรั้วบ้านเพื่อน” สัปดาห์นี้ “หมวยเล็ก” อยากจะถามท่านผู้อ่านก่อนว่า ถ้าให้อั้นปัสสาวะ-อุจจาระ...ไม่เข้าห้องน้ำเลยเป็นเวลา 3 วัน จะทำได้มั้ยคร้าาาาา
ถ้าคำตอบคือ “ทำไม่ได้” งั้นหากไปพบรักข้ามขอบฟ้ากับหนุ่ม-สาวในชนเผ่าพื้นเมือง “ติดง” ที่ตั้งอยู่ในเมืองซันดากัน เมืองขนาดใหญ่ของรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว เพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนของเรา ก็คงจะไม่สามารถแต่งงานและสร้างตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งได้
เพราะชนเผ่านี้มีพิธีแต่งงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนไทยคิดไม่ถึง!!!
นั่นคือการห้ามคู่บ่าวสาวอาบน้ำและเข้าห้องน้ำเพื่อปลดทุกข์ของตนเอง เป็นเวลา 3วัน 3 คืนหรือ 72 ชั่วโมงหลังจากเข้าพิธีสมรสกันแล้ว นอกจากนี้...บ่าวสาวทั้งคู่ยังห้ามออกจากบ้านไปไหนอีกด้วย (หมวยเล็ก...เดาว่า จะออกไปไหนได้เล่า...แค่อั้นไม่เข้าห้องน้ำก็จะตายอยู่แล้ว)
ประเพณีนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป จนกระทั่งกระทรวงวัฒนธรรม ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม ของมาเลเซียไปพบเข้าและเปิดเผยรายละเอียดของพิธีออกสู่สาธารณชนภายนอก ในงานจัดแสดงประเพณีการแต่งงาน ที่เขตซุนไก ทิรัม เมืองซันดากัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2549
นายมารุคิน ดอลเลาะห์ วัย 72 ปี ผู้นำชุมชนของเผ่าติดง เล่ารายละเอียดว่า การแต่งงานลักษณะนี้ เป็นความเชื่อท้องถิ่นของเผ่าที่มีมานานแล้ว หากบ่าวสาวคู่ใดก็ตาม ที่ไม่สามารถอั้นการขับถ่ายได้ 3 วัน 3 คืน จะต้องประสบกับการหย่าร้าง แท้งลูก หรือลูกที่เกิดมาจะต้องเสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก และเนื่องจากคนในชุมชนต้องการรู้ว่าบ่าวสาวผ่านการทดสอบนี้หรือไม่ สมาชิกในครอบครัวจะคอยสอดส่องพฤติกรรมทั้งคู่แบบเกาะติดทุกย่างก้าว นอกจากนี้จะให้ทั้งสองรับประทานอาหารในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น จะได้ไม่ต้องทนทุกข์จากความต้องการขับถ่ายมากเกินไป (แต่ หมวยเล็ก ว่า ต้องทนหิวอีกอย่างนะ) หลังจากนั้น 3 วัน เมื่อเห็นว่า ทั้งคู่ไม่ได้ปัสสาวะหรืออุจจาระเลย บ่าวสาวก็จะได้รับอนุญาตให้อาบน้ำและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ก่อนการแต่งงานจะเริ่มขึ้น เจ้าบ่าวจะถูกเพื่อนๆ หามมาในเปล ซึ่งมีรูปคล้ายกับเรือเดินทาง มายังบ้านของเจ้าสาวเพื่อประกอบพิธีหมั้น แต่เจ้าบ่าวจะไม่ได้เป็นผู้สวมแหวนหมั้นให้กับเจ้าสาว “แม่เจ้าบ่าว” ต่างหากที่จะมาทำหน้าที่นี้ นอกจากชาวติดงที่ยึดถือประเพณีอั้นทรหดนี้แล้ว ชาวซูลุกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเองก็ใช้ประเพณีดังกล่าวในการแต่งงานเช่นกัน โดยบ่าวสาวจะมีการหมั้นหมายกันก่อนแต่งงานราว 1 สัปดาห์ ในช่วงเวลานี้เจ้าสาวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน
นายมุสตาฟฟาห์ โมห์ด ฮัสซัน วัย 41 ปี ผู้นำชุมชน เผยว่า การกักตัวเจ้าสาวไว้ ก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเธอ นอกจากนี้ ชาวซูลุกยังชอบการตรงต่อเวลา หากในวันพิธีวิวาห์เจ้าบ่าวมาสาย ก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นอัญมณีเพิ่มเติมให้กับฝั่งเจ้าสาว โดยในระหว่างพิธีเจ้าบ่าวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นใบหน้าของเจ้าสาว จนกว่าเขาจะร้องเพลงรักหลายๆเพลงมอบให้กับเธอ จนเมื่อเธอพอใจ ม่านที่กั้นระหว่างทั้งสองคนก็จะเปิดออก ทั้งสองจึงสามารถเห็นหน้ากันได้
จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการอั้นทรหด 3 วัน 3 คืน ตามความเชื่อโบราณที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน ชาวเน็ตมาเลเซียบางคนวิจารณ์ว่า บางทีการอั้นทรหดนี้ อาจจะเป็นบททดสอบความอดทน เปรียบเสมือนการแต่งงานที่ต้องผ่านความยากลำบากและต้องใช้ความอดทนเช่นกัน
เห็นอย่างนี้แล้ว...คนที่อั้นปัสสาวะแค่ 2 ชั่วโมงก็หน้าเขียว-หน้าเหลือง คงหมดสิทธิ์ที่จะเข้าพิธีนี้แน่นอน แต่ “หมวยเล็ก” คิดว่า ความน่ารักของพิธีแต่งงานชนเผ่าพื้นเมืองนี้ อยู่ที่เจ้าบ่าวต้องร้องเพลง จนกว่าเจ้าสาวจะพอใจ จึงจะได้พบหน้ากัน นี่แหละที่เป็นความคิดสุดบรรเจิดของบรรพบุรุษ ส่วนเรื่องอั้ดการขับถ่ายเพื่อให้ชีวิตรักยืนยาวนั้นก็เป็นความเชื่อท้องถิ่นของใครของมัน แต่คงต้องระวังโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและโรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะถามหาด้วยนะ...จะบอกให้
…..............................
คอลัมน์ : มุดรั้วบ้านเพื่อน
โดย “หมวยเล็ก”