คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อาชีพดีเจอาศัยพรสวรรค์ล้วน ๆ ค่ะ มันคือการใช้คำพูด ไหวพริบ ความตลกโปกฮา
และความร่าเริงสนุกสนานของเราในการเอนเตอร์เทนผู้ชมและผู้ฟัง
ถ้ามีพรสวรรค์ตรงนี้ การเรียนสาขานี้อาจไม่จำเป็นเลย แต่ถ้าเรียนด้วยก็จะทำให้ต่อยอดทำอะไรต่อได้ไกลกว่านั้น
แต่ถ้าหากเราไม่มีพรสวรรค์เนี่ยค่ะ จริง ๆ มันก็พอฝึกกันได้อยู่นะคะ แต่อาจจะยากสำหรับคนที่พูดไม่เก่งเลย
อย่างที่บอกว่ามันอาศัยหลาย ๆ อย่างรวมกัน บางคนคุยสนุก มีมุกตลกนะ แต่การพูดไม่ลื่นไหล ตะกุกตะกักเป็นนิสัย
ก็เดินสายนี้ได้ยากเหมือนกันค่ะ..
ถ้า จขกท สนใจงานด้านนี้จริง ๆ ลองเริ่มต้นที่การฝึกพูดเป็นดีเจดูค่ะ อัดเสียงตัวเองฟังดูบ่อย ๆ
ฝึกไปเรื่อย ๆ พอมั่นใจก็ลองลงสนามที่วิทยุเล็ก ๆ หรือท้องถิ่นดูก่อน แต่ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีการคัดคนยังไงบ้างแล้วนะ
ต้องลองไปถามเค้าดูค่ะ.. ถ้าได้ลองทำงานในห้องอัดแล้ว แม้จะเป็นสถานีเล็ก ๆ แต่ถ้าคนชอบฟัง
ชอบโทรเข้ามาขอเพลง มาคุยทักทายด้วย นี่ก็พอวัดความป๊อปของตัวเองได้แล้วนะ
ขณะเดียวกันการฝึกไปเรื่อย ๆ มันก็จะทำให้เรามีประสบการณ์ กรุยทางก้าวขึ้นสูงกว่านั้นได้ค่ะ
ส่วนการเรียนที่พอจะ support งานด้านนี้ คือสายนิเทศศาสตร์ วิทยุและโทรทัศน์
แล้วมันอาจจะมีวิชาโทด้านวาทวิทยา หรือการพูดทางวิทยุและโทรทัศน์ ให้เลือกลงเรียนได้
ในคลาสจะสอนหมดเลยทั้งบุคลิก การวางมือ การใช้มือประกอบการพูด น้ำเสียง
วิธีการพูดในโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ ฯลฯ มีการสอบเทสต์หน้ากล้องและอัดเสียงเป็นระยะ ๆ
(ถ้าพูดติด ตะกุกตะกักนี่.. อาจารย์ตัดคะแนนทันทีเลยนะ) ซึ่งนั่นก็จะทำให้เราได้อะไรเยอะค่ะ..
เพราะว่านอกจากจะใช้ในเรื่องการพูดทางวิทยุและโทรทัศน์ได้แล้ว มันยังทำให้เราเป็นคนรู้จักพูด
รู้วิธีการว่าจะพูดยังไงให้คนประทับใจ ซึ่งมันใช้ได้ทุกวงการค่ะ โดยเฉพาะขายประกัน 555555+
อะ ๆ ล้อเล่น
และความร่าเริงสนุกสนานของเราในการเอนเตอร์เทนผู้ชมและผู้ฟัง
ถ้ามีพรสวรรค์ตรงนี้ การเรียนสาขานี้อาจไม่จำเป็นเลย แต่ถ้าเรียนด้วยก็จะทำให้ต่อยอดทำอะไรต่อได้ไกลกว่านั้น
แต่ถ้าหากเราไม่มีพรสวรรค์เนี่ยค่ะ จริง ๆ มันก็พอฝึกกันได้อยู่นะคะ แต่อาจจะยากสำหรับคนที่พูดไม่เก่งเลย
อย่างที่บอกว่ามันอาศัยหลาย ๆ อย่างรวมกัน บางคนคุยสนุก มีมุกตลกนะ แต่การพูดไม่ลื่นไหล ตะกุกตะกักเป็นนิสัย
ก็เดินสายนี้ได้ยากเหมือนกันค่ะ..
ถ้า จขกท สนใจงานด้านนี้จริง ๆ ลองเริ่มต้นที่การฝึกพูดเป็นดีเจดูค่ะ อัดเสียงตัวเองฟังดูบ่อย ๆ
ฝึกไปเรื่อย ๆ พอมั่นใจก็ลองลงสนามที่วิทยุเล็ก ๆ หรือท้องถิ่นดูก่อน แต่ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีการคัดคนยังไงบ้างแล้วนะ
ต้องลองไปถามเค้าดูค่ะ.. ถ้าได้ลองทำงานในห้องอัดแล้ว แม้จะเป็นสถานีเล็ก ๆ แต่ถ้าคนชอบฟัง
ชอบโทรเข้ามาขอเพลง มาคุยทักทายด้วย นี่ก็พอวัดความป๊อปของตัวเองได้แล้วนะ
ขณะเดียวกันการฝึกไปเรื่อย ๆ มันก็จะทำให้เรามีประสบการณ์ กรุยทางก้าวขึ้นสูงกว่านั้นได้ค่ะ
ส่วนการเรียนที่พอจะ support งานด้านนี้ คือสายนิเทศศาสตร์ วิทยุและโทรทัศน์
แล้วมันอาจจะมีวิชาโทด้านวาทวิทยา หรือการพูดทางวิทยุและโทรทัศน์ ให้เลือกลงเรียนได้
ในคลาสจะสอนหมดเลยทั้งบุคลิก การวางมือ การใช้มือประกอบการพูด น้ำเสียง
วิธีการพูดในโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ ฯลฯ มีการสอบเทสต์หน้ากล้องและอัดเสียงเป็นระยะ ๆ
(ถ้าพูดติด ตะกุกตะกักนี่.. อาจารย์ตัดคะแนนทันทีเลยนะ) ซึ่งนั่นก็จะทำให้เราได้อะไรเยอะค่ะ..
เพราะว่านอกจากจะใช้ในเรื่องการพูดทางวิทยุและโทรทัศน์ได้แล้ว มันยังทำให้เราเป็นคนรู้จักพูด
รู้วิธีการว่าจะพูดยังไงให้คนประทับใจ ซึ่งมันใช้ได้ทุกวงการค่ะ โดยเฉพาะขายประกัน 555555+
อะ ๆ ล้อเล่น

แสดงความคิดเห็น
อาชีพนี่ต้องมีความสามารถหรือจบด้านไหนครับ