อันดับแรกเลยต้องขออภัยที่ตั้งชื่อกระทู้ชวนให้กดคลิ้กเข้ามาอ่านโดยแท้จริงเนื้อหาข้างในอาจจะไม่มีเนื้อหาที่หวือหวาหรือสำคัญใดๆ เท่าไหร่นัก
ผมเป็นนิสิตปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งกำลังศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปเรียบเรียงและเขียนเป็นบทความในกรณีศึกษาประเด็นเรื่อง "ผลิตภัณฑ์นมผงกับภาพสะท้อนความเชื่อของคุณแม่ในสังคมไทย" ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาข้างในผมจะยังไม่อธิบายเยอะเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดอคติหรือความไม่เป็นกลางในการทำแบบสอบถาม แต่จะขอพูดถึงประเด็นที่สำคัญหลักๆ คือ ผมศึกษาในบริบทของความเชื่อที่มีต่อผลิตภัณฑ์นมผงในกลุ่มของคุณแม่ และโยงไปสู่โครงการรณรงค์ที่ผลักดันให้มีการพิทักษ์สิทธิเด็กอ่อน เพื่อร่างเป็นกฏหมายพระราชบัญญติการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก
ซึ่งโครงการนี้จากการหาข้อมูลเบื้องต้นพบว่ายังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่เลือกประเด็นนี้ขึ้นมาศึกษาเพราะเห็นถึงความสำคัญและน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านแม้ว่าจะไม่มากนักก็ตาม จึงขอรบกวนคุณแม่ทั้งมือใหม่และคุณแม่มืออาชีพไปจนถึง กลุ่มว่าที่คุณแม่หรือคุณแม่ในอนาคตตามที่ใฝ่ฝัน ช่วยให้ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามชุดนี้หน่อยนะครับ
http://goo.gl/forms/dc7IpcsFuk
ข้อเสนอแนะก่อนที่จะตอบแบบสอบถามนะครับ
1. เนื้อหาข้างในอาจจะค่อนข้างเยอะ เพราะมีรายละเอียดข้อมูลที่ให้เป็นความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นสามารถมองข้ามผ่านไปได้ครับ ซึ่งจะไม่มีผลใดๆต่อการตอบแบบสอบถาม
2. คำถามในบางส่วนอาจจะจำเป็นต้องตั้งใจอ่าน เพราะมีการใช้คำทั้งเชิงลบและเชิงบวกผสมกัน เพื่อความเป็นกลางในการทำแบบสอบถามนะครับ
3. จำนวนคำถามมีอยู่พอสมควร อาจจะไม่มากนักแต่ก็ไม่น้อยเท่าไหร่ ต้องขออภัยที่สร้างความลำบากแก่คุณแม่ทั้งหลายนะครับ
4. สำหรับบางคำอาจจะทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามเกิดความรู้สึกอึดอัดใจ ดังเช่น นมแม่, มารดา, คุณแม่, ลูก, และบุตร
สาเหตุที่ใช้คำว่านมแม่ เนื่องจากเป็นคำที่ทางมูลนิธิและเครือข่ายเลือกใช้จึงไม่สามารถแก้เป็นนมมารดาได้ครับ ซึ่งให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการจนเกินไป
ส่วนเหตุผลในการเลือกใช้คำว่าเลี้ยงดูบุตร เพราะให้ความรู้สึกถึงความใส่ใจในการดูแล มากกว่าคำว่า เลี้ยงดูลูกครับ
และสุดท้ายที่เลือกใช้คำว่าคุณแม่ เพราะให้เกียรติผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งมีวัยวุฒิสูงกว่า และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าในการเลือกใช้ควบคู่กับความสัมพันธ์ของคุณแม่กับลูก
5. ข้อมูลดิบที่ได้จะไม่ถูกนำมาเสนอเป็นรายงานวิจัยเชิงสถิติ หรืออธิบายตัวเลขนะครับ แต่จะนำมาใช้เรียบเรียงเป็นคำพูดเชิงบรรยายเล่าเรื่อง (Narrative) แทนเพื่อให้มีความน่าสนใจและดูไม่น่าเบื่อเป็นเชิงวิชาการมากเกินไป
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณแม่ทุกๆคน ที่รบกวนสละเวลาในการตอบแบบสอบถามชุดนี้ และหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจะช่วยสร้างประโยชน์แก่คุณแม่ในสังคมไทยครับ
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กอ่อน ในมุมมองของคุณแม่ (รบกวนสอบถามข้อมูลเพื่อใช้ในการทำบทความ)
ผมเป็นนิสิตปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งกำลังศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปเรียบเรียงและเขียนเป็นบทความในกรณีศึกษาประเด็นเรื่อง "ผลิตภัณฑ์นมผงกับภาพสะท้อนความเชื่อของคุณแม่ในสังคมไทย" ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาข้างในผมจะยังไม่อธิบายเยอะเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดอคติหรือความไม่เป็นกลางในการทำแบบสอบถาม แต่จะขอพูดถึงประเด็นที่สำคัญหลักๆ คือ ผมศึกษาในบริบทของความเชื่อที่มีต่อผลิตภัณฑ์นมผงในกลุ่มของคุณแม่ และโยงไปสู่โครงการรณรงค์ที่ผลักดันให้มีการพิทักษ์สิทธิเด็กอ่อน เพื่อร่างเป็นกฏหมายพระราชบัญญติการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก
ซึ่งโครงการนี้จากการหาข้อมูลเบื้องต้นพบว่ายังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่เลือกประเด็นนี้ขึ้นมาศึกษาเพราะเห็นถึงความสำคัญและน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านแม้ว่าจะไม่มากนักก็ตาม จึงขอรบกวนคุณแม่ทั้งมือใหม่และคุณแม่มืออาชีพไปจนถึง กลุ่มว่าที่คุณแม่หรือคุณแม่ในอนาคตตามที่ใฝ่ฝัน ช่วยให้ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามชุดนี้หน่อยนะครับ
http://goo.gl/forms/dc7IpcsFuk
ข้อเสนอแนะก่อนที่จะตอบแบบสอบถามนะครับ
1. เนื้อหาข้างในอาจจะค่อนข้างเยอะ เพราะมีรายละเอียดข้อมูลที่ให้เป็นความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นสามารถมองข้ามผ่านไปได้ครับ ซึ่งจะไม่มีผลใดๆต่อการตอบแบบสอบถาม
2. คำถามในบางส่วนอาจจะจำเป็นต้องตั้งใจอ่าน เพราะมีการใช้คำทั้งเชิงลบและเชิงบวกผสมกัน เพื่อความเป็นกลางในการทำแบบสอบถามนะครับ
3. จำนวนคำถามมีอยู่พอสมควร อาจจะไม่มากนักแต่ก็ไม่น้อยเท่าไหร่ ต้องขออภัยที่สร้างความลำบากแก่คุณแม่ทั้งหลายนะครับ
4. สำหรับบางคำอาจจะทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามเกิดความรู้สึกอึดอัดใจ ดังเช่น นมแม่, มารดา, คุณแม่, ลูก, และบุตร
สาเหตุที่ใช้คำว่านมแม่ เนื่องจากเป็นคำที่ทางมูลนิธิและเครือข่ายเลือกใช้จึงไม่สามารถแก้เป็นนมมารดาได้ครับ ซึ่งให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการจนเกินไป
ส่วนเหตุผลในการเลือกใช้คำว่าเลี้ยงดูบุตร เพราะให้ความรู้สึกถึงความใส่ใจในการดูแล มากกว่าคำว่า เลี้ยงดูลูกครับ
และสุดท้ายที่เลือกใช้คำว่าคุณแม่ เพราะให้เกียรติผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งมีวัยวุฒิสูงกว่า และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าในการเลือกใช้ควบคู่กับความสัมพันธ์ของคุณแม่กับลูก
5. ข้อมูลดิบที่ได้จะไม่ถูกนำมาเสนอเป็นรายงานวิจัยเชิงสถิติ หรืออธิบายตัวเลขนะครับ แต่จะนำมาใช้เรียบเรียงเป็นคำพูดเชิงบรรยายเล่าเรื่อง (Narrative) แทนเพื่อให้มีความน่าสนใจและดูไม่น่าเบื่อเป็นเชิงวิชาการมากเกินไป
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณแม่ทุกๆคน ที่รบกวนสละเวลาในการตอบแบบสอบถามชุดนี้ และหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจะช่วยสร้างประโยชน์แก่คุณแม่ในสังคมไทยครับ