ประสบการณ์การเดินทาง ณ เกาะลึกลับ ประเทศพม่า

สวัสดีครับเพื่อนๆ ไม่เจอกันนานเลย ยังจำกันได้ใช่มั้ยครับ




ไอเด็กเหรียญทองห้องบ๊วยอะไรนั่นหนะ




นี่ผมพึ่งกลับจากการเดินทางที่มหัศจรรย์มากครั้งหนึ่งในชีวิตครับ ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กๆธรรมดาๆจะได้มีโอกาสไปในที่เช่นนี้ เอาหละครับ มาฟังเรื่องราวคร่าวๆกันเลยดีกว่า

มันคงเริ่มจากที่ผมบังเอิญไปรู้จักรุ่นพี่คนนึง เป็นพี่ที่นิสัยดีมากๆเลยครับ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ได้เคยเจอกัน ไม่ได้มีเพื่อนคนเดียวกันด้วย เคยแต่เห็นหน้าคร่าตากันผ่านเฟซบุค แต่ด้วยหลายๆอย่างในชีวิตที่คล้ายๆกัน ก็ทำให้เราได้มารู้จักกัน แล้ววันนึง พี่เค้าก็เอ่ยปากชวนว่า

เฮ่ย... อาทิตย์หน้าว่างมั้ย ไปเที่ยวกัน

ไปเที่ยวไหนพี่ กับใคร?
(คือผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรเท่าไหร่ โดยส่วนตัวเป็นคนพิถีพิถัน จะไปไหนยังไงตัวเองต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง ไม่ค่อยชอบเฮโลไปกับคนหมู่มาก)

พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเค้าบอกเป็นเกาะปิดที่พม่า พวกเราจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกของโลก

เฮ่ยย... ขนาดนั้นเลยหรอ (ผมนึกในใจ และแน่นอนว่าได้ความสนใจผมไปเต็มๆ)

พี่รู้แค่ว่ามันเป็นเกาะปิดห้ามคนเข้าไป แต่พี่มีคอนเนคชั่นไปได้ เห็นว่าเป็นเกาะใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ชื่อเกาะยันไนอาวจ่อ อยู่ในหมู่เกาะเซนลุกซ์

เท่านั้นแหละครับ ผมไม่พูดพล่ามทำเพลง ไม่ต้องสอบถงสอบถามอะไรกันต่ออีกแล้ว ผมเปิดหน้า Nok Air แล้วรีบกดจองตัวทันที

พี่ครับ จองตั๋ว เรียบร้อยแล้วครับ 55+




ผมชอบนะครับ หลายๆการเดินทางในชีวิตของผมแทบจะเป็นแบบนี้หมดเลย เป็นการเดินทางปุบปับ ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้เตรียมใจ มักจะเข้ามากระชั้นชิดตลอด แต่เพราะใจเราเปิดรับ พอโอกาสมาผมก็คว้าหมับไว้ไม่ปล่อยทุกครั้ง นึกย้อนกลับไปมันก็เป็นเรื่องราวที่ฟังดูน่าสนใจตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทริป

ผมเดินทางลงไปรอพวกพี่ๆทั้งกรุ๊ปที่กำลังจะเดินทางตามมาในวันถัดไป พี่ๆเค้าเดินทางมาด้วยเครื่องบิน ส่วนผมมีธุระจำเป็นจะต้องนั่งรถบัสไปรอพวกพี่เค้าที่ท่าเรือระนอง โดยไม่รู้ว่าพวกพี่เค้าเป็นใคร ชายหรือหญิง จะมากันกี่คน ไม่รู้อะไรเลย

ดีนะ ที่ทุกคนมาตามนัด ไม่งั้นผมเน่าแน่เลย พวกเรามารวมตัวกันที่ท่าเรือระนองที่จะวิ่งไปสู่ "เกาะสอง" ด่านผ่านเข้าประเทศพม่า เป็นเกาะเล็กๆชุมชนแออัดที่ห่างจากท่าเรือระนองไม่ไกล นั่งเรือหางยาวประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง



บอกพวกเจ้าหน้าที่เค้าว่าพวกเรามาเที่ยวเกาะสองกันนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปแอบขึ้นเรือหลังเกาะกัน ห้ามพูดสักแอะ ห้ามให้ใครรู้ว่าเราอยู่บนเรือลำนี้ ห้ามให้ใครรู้ว่าเราคือคนไทย ห้ามใครรู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้เลย

พวกเรานั่งเรือประมงขนส่งสินค้าจากเกาะสองไปยังเป้าหมายที่เกาะยันไนอาวจ่อ ณ หมู่เกาะเซนลุกซ์ ใช้เวลาการเดินทางกว่า 4 ชั่วโมง บนเรือประมงที่มอเตอร์เรือก็แทบจะพังแหล่ไม่พังแหล่ ควันพุ่งโขมงโฉงเฉงตลอดเวลา และที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะผมนี่เอง ถ้าจำนวนคนเดินทางน้อยกว่านี้ 1 คน ทุกคนจะสามารถขึ้น Speed Boat มาได้ในเวลาชั่วโมงเศษ แต่ทุกคนก็ยอมทิ้งความสะดวกสบาย เพื่อเด็กเหลือขอคนนี้จะได้เดินทางมาด้วยกัน

ทุกคนเรียกผมว่า ไอตี๋น้อย

สุดท้ายเรือมันก็พังจริงๆแหละฮะ แต่โชคดีที่ห่างไม่ไกลมากจากเกาะแล้ว เค้าก็เลยเรียกเรือเล็กมารับเราเข้าไปที่เกาะ พวกเราใช้ชีวิต 4 วันเต็มๆในหมู่เกาะแห่งนั้น มีแค่เรา ทะเล และคนงานพม่า




สืบสาวท้าวเรื่องจึงได้พอทราบข้อมูลที่มาที่ไป เกาะยันไนอาวจ่อแห่งนี้เป็นเกาะสัมปทานปิดที่มีความดิบของธรรมชาติ 99.99% เนื่องจากคนทั่วไปไม่ว่าจะคนไทยหรือชาติไหนก็ไม่สามารถแวะผ่านเข้ามาได้ ด้วยความดูแลภายใต้ทหารพม่าอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นเกาะที่ยังอุดมสมบูรณ์มาก ปราศจากการปนเปื้อนของมนุษย์ผู้โหดร้าย เกาะนี้เป็นที่เพาะหอยมุกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในพม่า และเป็นหอยมุกพันธ์ที่สวยงามที่สุดในโลกอีกด้วย

หอยมุก Maxima

ที่ได้มาที่นี่เนื่องจากพี่ในกลุ่มคนหนึ่งเป็นลูกค้าหอยมุกของฟาร์มแห่งนี้ และต่อมาก็สานสัมพันธ์กับหญิงสาวไทยธรรมดาคนนึงที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและน่าอัศจรรย์ เธอเป็นแฟนของผู้ดูแลเกาะแห่งนี้ ทั้งสองคนกลายมาเป็นเพื่อน เป็นแม่ลูก เป็นมิตรภาพที่สวยงาม และเชื่อผมเถอะครับ ถ้าได้เจอเธอทั้งสองคนแล้ว ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเลย ว่าทำไมคนดีๆสองคนนี้ถึงได้โคจรมาพบกันและกลายมาเป็นมิตรที่จริงใจกันขนาดนี้

บ้านพักพวกเราติดกับหาดทรายสีขาว แหกขี้ตาตื่นเดินออกมานอกบ้านหน้าก็จะทิ่มลงทะเลอยู่แล้ว ในช่วงเวลา 4 วันเราได้รับการดูแลอย่างดีมาก การดูแลที่มอบด้วยใจ ด้วยรอยยิ้ม ด้วยมิตรภาพ มันไม่เหมือนกับ Service จากโรงแรม 5 ดาวเลย อย่าไปเทียบเลยครับ มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ

ชีวิตที่ตัดออกจากโลกภายนอก ออกจากสังคม ออกจากผู้คนมันช่างงดงามและเป็นที่น่าจดจำ พวกเราไม่ต้องกังวลอะไรเลย สิ่งที่ต้องทำมีแค่หาอาหาร ทำอาหารประทังชีวิต และเสพสมชื่นชมไปกับความสงบของธรรมชาติที่สวยงาม เกาะทุกเกาะโดยรอบไร้ซึ่งผู้คน นอกจากกินข้าวและนอนแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นนอกจากนั่งมองทะเล ภูเขา และท้องฟ้า เป็นชั่วโมงๆ เป็นวันๆ




ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการของธรรมชาติ ของโลกใบนี้ เหมือนกับผมเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่ผมเห็น ทุกอย่าง...เหมือนเป็นของเรา และแค่เราเท่านั้น

นอกจากนี้ เรายังได้ทำความรู้จักกับคนงานพม่ากว่า 100 ชีวิตที่อาศัยและใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ มีเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้นที่นั่น ผมไม่รู้จะจับต้นชนปลายสรุปเนื้อเรื่องยังไงหมด มันไม่เหมือนชีวิตจริงเอาซะเลย เอางี้ดีกว่า ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องสั้นๆสักเรื่อง



นี่นะ ก่อนหน้านี้นะ ที่เกาะเราเคยมีคนพม่าอยู่คนนึง เห็นมั้ยว่าคนพม่าที่นี่จะผิวเข้มดำกันทุกคน เพราะทำงานตากแดดตากลมตลอดเวลา แต่ไอ้คนนี้เนี่ยนะ มันผิวขาวเนียน หล่อเหลาอยู่คนเดียว แล้วมันก็ไม่ค่อยทำงานนะ มันชอบอยู่คนเดียว มันเป็น Hunter ประจำหมู่บ้าน

ฮะ!!. Hunter!!??

ใช่ Hunter ไอ่นี่นะ พอรุ่งเช้ามันก็จะหอบสัมภาระอาวุธอะไรของมันหนะ แล้วก็มุ่งหน้าเดินขึ้นเขาไปคนเดียว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรที่มันจับไม่ได้ มันจับได้ทุกอย่าง กินได้ทุกอย่าง ขนาดเรามาอยู่ที่นี่ตั้งหลายปีนะ เจอมันเดือนเดียวนี่ตกใจเลย ไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่แถวนี้ด้วย

มันไม่ได้ไปคนเดียวนะ จะมีหมาป่า 4-5 ตัวเดินตามไปด้วยกับมัน เป็นเหมือนผู้ช่วยคู่หูคู่ใจ ไม่ว่าสัตว์ในน้ำ บนบก หรือบนท้องฟ้านะ มันจับได้หมดเลย วันนึงนะ เรากลับมาจากเมือง เห็นนกอินทรีย์ตัวเบอเริ่มเลย ถูกล่ามไว้หน้าบ้านมัน พอเจอหน้ามันมันบอกว่า นี่จับนกอินทรีย์มาให้นะ เอามาเป็นสัตว์เลี้ยง โอ้โห อินทรีย์ตัวจะเท่าประตูบ้าน ไม่รู้มันไปจับมาได้ยังไง

มันบอกว่า มันเอาเหยื่อปลาเนี่ย เกี่ยวไว้กับปลายคันเบ็ด แล้วมันก็ขึ้นไปยืนบนหน้าผาสูงสุด ปลดสายเอ็นยาวๆ แล้วเหวี่ยงเหยื่อเป็นวงกลม มันตกนกอินทรีย์ลงมา เอามาให้เราเป็นสัตว์เลี้ยง ในน้ำนี่ไม่ต้องพูดถึง หอยมือเสือ กุ้งล็อบสเตอร์ มันเป็นคนจับมาให้เพื่อนๆกินประจำ

นี่ลาออกไปแต่งงานละ ไม่รู้จะกลับมามั้ย



อีกเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังคงเป็นชนเผ่ามอร์แกนนี่แหละครับ เสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปพวกเค้ามา ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะมันเหมือนกับไม่ให้เกียรติการเป็นอยู่และความสงบของพวกเค้า ผมทำได้แค่จดจำบันทึกภาพเหล่านั้นไว้ แล้วนำมาเล่าให้ฟัง

ชนเผ่ามอร์แกน หรือที่มีฉายาว่า ยิปซีทะเล เป็นหนึ่งในชนเผ่าประวัติศาสตร์ของโลก คนมอร์แกนมักไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จะย้ายไปเรื่อยๆตามความต้องการ แต่จะชอบอยู่ตามเกาะตามทะเล ชนเผ่ามอร์แกนเป็นหนึ่งในชนเผ่าที่สามารถเดินทางได้รอบโลก เข้าประเทศไหนก็ได้ไม่ต้องใช้วีซ่าแค่แสดงตัวว่าเป็นยิปซีทะเลก็พอ

ผมไปเจอมอร์แกนครอบครัวนึงครับ น่ารักมากๆ อาศัยอยู่บนเกาะไม่ไกลกันเลย ภาพแรกที่ผมไปเห็นน่าประทับใจเป็นอย่างมาก เรานั่งเรือเล็กเข้าไปที่เกาะเค้า ชายหาดสีขาวยาวเหยียด มีบ้านไม้สร้างด้วยมืออยู่ 3-4 หลังริมหาด

พอเรือเทียบท่าลง ผมเห็นผู้ชายคนนึง หน้าตาเหมือนพระเอกเรื่องเทวดาท่าจะบ๊องยังไงยังงั้น ผิวคล้ำ ผมหยิก ไม่ใส่เสื้อ

กำลังนั่งกอดเข่ากลางชายหาดและจ้องเรือที่ตัวเองสร้างขึ้นมากำลังถูกเผา

เรือเค้านี่ไม่ใช่หางยาวนะครับ ทุกอย่างของเค้านี่แฮนเมดล้วนๆ เค้าไปล้มต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี แล้วก็เอามาขุดๆทำเป็นเรือไว้เดินทาง ไว้ตกปลา เป็นอะไรที่สวยงามและดิบมาก ผมก็พยายามจะมองหน้าเค้า ทักทายเค้า คุยกับเค้า แต่เค้าไม่สนใจเลยครับ ไม่ไหวติง เหมือนกับว่ามีสมาธิกับการนั่งจ้องเรือตัวเองโดนเผาเป็นอย่างมาก

ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยไปนั่งจ้องเป็นเพื่อนมัน พยายามคิดว่า มันทำแบบนี้ไปทำไม นี่สนุกหรืออะไรยังไง ถ้าจะทิ้งเรือ ก็เอาไปทิ้งเฉยๆก็ได้ มาจุดไฟเผาให้เปลืองฝืนทำไม ฝืนก็เป็นคนหามาเอง

อ๋อ... ผมเข้าใจแล้ว มันเป็นภูมิปัญญาของเค้าครับ ท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกขุดไว้พร้อมนั่งแล้ว จะไม่สามารถใช้งานได้ดีครับ เพราะไม้มันชิ้น มันหนัก โยนลงทะเลไปก็จะจมเอา เดินทางลำบาก การเอามาเผานี้ เพื่อเป็นการทำให้ใต้ท้องเรือมีความแห้งและเบา เรือจะได้ลอยอยู่บนน้ำได้ง่ายขึ้น

เพลินนะฮะ ผมชอบความรู้สึกตรงนั้น เค้าไม่ใช่คนบ้า เค้าแค่ไม่มีเหตุผลจะต้องมาเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าที่ชีวิตนี้ก็คงจะเจอกันแค่ครั้งเดียว นั่งเฝ้าเรือตัวเองสนุกกว่าเยอะ



เอาหละครับ... ทีนี้เราก็มาดูภาพประกอบที่ผมถ่ายเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำได้เพิ่มเติมใน Link นี้เลย ผมเรียงลำดับภาพตามเนื้อเรื่อง หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบกันนะครับ

อ่อละก็!!... ถ้าใครสนใจมุกของที่นี่ สามารถติดต่อเข้ามาได้นะครับ ฟาร์มมุกแห่งนี้ค่อนข้างเล่นตัว 55+ เค้าไม่ฝากขายวางขายตามร้าน เค้าขายขาดอย่างเดียว ลูกค้าของเค้ามีทั่วโลกเลย ส่วนมากก็เจ้าประจำ เจ้าเดิมๆ เดี๋ยวจะเป็นสะพานเชื่อมให้ ผมไม่ได้ค่าคอมนะ ผมไม่ใช่เซลล์ แต่ถ้าจะให้พามาเกาะนี่ผมคงไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นลูกค้ามุกเค้า นี่ก็อีกเรื่องนึงนะ

แล้วพบกันใหม่ครับ เพื่อนมนุษย์




MORE ON



by storyteller
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่