ไม่ได้มโนไปเองอย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณสนธิ ที่เป็นคนทำรัฐประหาร ยึดอำนาจของคุณทักษิณ อดีตประธาน คมช.กลับเป็นผู้เสนอ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เพื่อสร้างความปรองดอง นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณสนธิคงจะสำนึกบาปที่ทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก ด้วยการใช้กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ปกติ
ดังนั้นจึงพยายามจะล้างบาปด้วยข้อเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ข้อสำคัญ คำพูดของคุณสนธิที่บอกว่า ถึงตายก็บอกไม่ได้นั้น มันยิ่งชวนสงสัยถึงความไม่ปกติของสังคมไทย ที่แม้แต่คนระดับอย่างคุณสนธิยังไม่กล้าพูด
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณวสันต์ อดีตประธาน ตลก. ได้กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนาว่า “โดยระบุถึงคำวินิจฉัยในคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีจัดรายการอาหาร "ชิมไปบ่นไป" ว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ใช้ไม่ได้ เพราะนำข้อกฎหมายขึ้นก่อน ทั้งที่จริงแล้วการเขียนคำวินิจฉัย ต้องระบุก่อนว่านายสมัครรับจ้างจริงหรือไม่ ขณะที่การต้องรีบเร่งอ่านคำวินิจฉัยในวันตัดสินคดี ก็ทำให้การเขียนคำวินิจฉัยในคดีผิดพลาดได้ง่ายด้วยนั้น”
นั่นหมายความว่าการถอดถอนคนที่มีตำแหน่งถึงนายกฯ ที่มีคนนิยมสิบกว่าล้านเสียง กลับต้องมาตกเก้าอี้เพียงเพราะคน 9 คนที่ทำงานกันอย่างสุกเอาเผากิน อย่างนี้ยังมีความเป็นธรรมอีกอย่างนั้นหรือ
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณเรืองไกรคนที่ทำให้อดีตนายกฯจากพรรคพลังประชาชนต้องตกเก้าอี้ จนได้ฉายาแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ในตอนนั้น แล้วตอนนี้คุณเรืองไกรกลับกลายเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย คอยตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม นี่คืออีกหนึ่งคนที่ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้นั่นเอง ไม่อย่างนั้นเกาะอยู่กับฝ่ายนั้นต่อไป ตอนนี้คุณเรืองไกรคงได้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณสดศรีออกมาพูดด้วยคำพูดเหล่านี้แน่ๆเลยครับ “เรามีความรู้สึกว่า จบโดยที่เรายังไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องมีคนมาประกันตัว หรืออยู่ในเรือนจำ เราก็พอใจ เพราะทุกครั้งที่ประชุมกัน ก็จะมีการพูดเรื่องนี้ว่า ผมไม่ตายคนเดียว ผมตายด้วยกัน แล้วตัวเองก็จะพูดอยู่เรื่อยว่า ดิฉันอยู่ขังแปดนะ คุณจะมาอยู่ขังแปดอย่างดิฉันไม่ได้หรอก ก็พูดเล่น ๆ กันอย่างนี้ นี่คือความทุกข์ในใจ (เอานิ้วจิ้มที่อก) เพราะเราผ่านการเป็นผู้พิพากษามาแล้ว เรารู้ว่าการถูกตัดสินว่าเป็นจำเลย มันเศร้ามาก จากเรานั่งบนบัลลังก์แล้วลงมาเป็นจำเลย มันเป็นความทุกข์ของคนที่จากผู้พิพากษามาเป็นตำแหน่งนี้”
นั่นทำให้ผมสงสัยว่า ถ้า กกต.ทุกคนทำถูกกฎหมาย และอีกทั้งเป็นถึงผู้พิพากษา ทำไมจึงกลัวที่จะตกเป็นจำเลยได้ ใช่รู้อยู่เต็มอกหรือเปล่า ในหลายเรื่องมันไม่ได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย แต่ต้องทำตามธงที่มีคนกำหนดให้หรือเปล่าครับ เป็นเรื่องที่ถึงตายก็บอกไม่ได้อย่างคุณสนธิใช่ไหมครับ
ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เห็น คุณสมลักษณ์ อดีต คณะกรรมการ ปปช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คมช.ออกมาพูดถึงความไม่ปกติของกระบวนการยุติธรรมอย่างสม่ำเสมอ พูดถึงการใช้กฎหมายอย่างบิดเบี้ยวมาตลอด โดยเปรียบเปรยให้เห็นภาวะการเมือง เหมือนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นสภาพรักษาการนายกรัฐมนตรี ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคง โดยมิชอบ แค่ใช้ปากกาอย่างเดียวก็พ้นจากตำแหน่ง ไม่ต้องใช้กำลังพล
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แม้จะเคยรับใช้ คมช.มาก่อน แต่เมื่อเห็นถึงการใช้กฎหมายอย่างลุแก่อำนาจ โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ก็ลุกขึ้นมาชี้ให้สังคมเห็นถึง “กลุ่มคนดี”แต่ทำแต่ละอย่างที่คนดีเขาไม่ทำกันทั้งสิ้น นี่คือจริยธรรม จรรยาบรรณของบุคคลที่เคยเป็นถึงรองผู้พิพากษาอุทธรณ์ภาค 5 ผมขอชื่นชมครับ
สุดท้ายที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ เพื่อนของเรา คุณไทโรไงครับ อดีตเคยถกเถียงกับผมมาหลายต่อหลายครั้ง แต่มาวันนี้ วันที่คุณไทโรได้เห็นถึงอยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่มีจิตสำ นึกสูง คนที่รักความยุติธรรมอย่างคุณไทโรฯ จึงไม่รีรอที่จะหันกลับมาร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง เพื่อเรียกหาความเป็นธรรม เรียกร้องประชาธิปไตย
และที่ผมดีใจที่สุดก็คือ มีคนคุณภาพสูงคับแก้วอย่างคุณไทโรมาเป็นแนวร่วม ยิ่งทำให้การให้ความรู้ การให้ข้อมูลที่ชัดเจนให้กับกลุ่มคนที่ไม่ค่อยติดตามการเมือง ไม่ค่อยติดตามข้อมูลข่าวสาร และพวกที่หลงกับการโฆษณาชวนเชื่อ ได้หันกลับมาไตร่ตรองวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผล ก็จะเป็นการเพิ่มแนวร่วมได้อีกอย่างแน่นอน
เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนล้วนแต่รักความเป็นธรรมกันทุกผู้คน เพียงแต่มีอีกหลายคนยังคงจมปลักอยู่กับกระแส จนขาดสามัญสำนึกเท่านั้นเอง ดังนั้นในบรรทัดนี้ผมขอแสดงความขอบคุณคุณไทโรสักครั้ง ที่ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ผมอยู่ฝ่ายความถูกต้องจริงๆ
ยิ่งเวลาผ่านไป ผมยิ่งมั่นใจว่า อยู่ฝ่ายความถูกต้อง----------------ทวดเอง
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณสนธิ ที่เป็นคนทำรัฐประหาร ยึดอำนาจของคุณทักษิณ อดีตประธาน คมช.กลับเป็นผู้เสนอ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เพื่อสร้างความปรองดอง นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณสนธิคงจะสำนึกบาปที่ทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก ด้วยการใช้กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ปกติ
ดังนั้นจึงพยายามจะล้างบาปด้วยข้อเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ข้อสำคัญ คำพูดของคุณสนธิที่บอกว่า ถึงตายก็บอกไม่ได้นั้น มันยิ่งชวนสงสัยถึงความไม่ปกติของสังคมไทย ที่แม้แต่คนระดับอย่างคุณสนธิยังไม่กล้าพูด
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณวสันต์ อดีตประธาน ตลก. ได้กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนาว่า “โดยระบุถึงคำวินิจฉัยในคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีจัดรายการอาหาร "ชิมไปบ่นไป" ว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ใช้ไม่ได้ เพราะนำข้อกฎหมายขึ้นก่อน ทั้งที่จริงแล้วการเขียนคำวินิจฉัย ต้องระบุก่อนว่านายสมัครรับจ้างจริงหรือไม่ ขณะที่การต้องรีบเร่งอ่านคำวินิจฉัยในวันตัดสินคดี ก็ทำให้การเขียนคำวินิจฉัยในคดีผิดพลาดได้ง่ายด้วยนั้น”
นั่นหมายความว่าการถอดถอนคนที่มีตำแหน่งถึงนายกฯ ที่มีคนนิยมสิบกว่าล้านเสียง กลับต้องมาตกเก้าอี้เพียงเพราะคน 9 คนที่ทำงานกันอย่างสุกเอาเผากิน อย่างนี้ยังมีความเป็นธรรมอีกอย่างนั้นหรือ
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณเรืองไกรคนที่ทำให้อดีตนายกฯจากพรรคพลังประชาชนต้องตกเก้าอี้ จนได้ฉายาแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ในตอนนั้น แล้วตอนนี้คุณเรืองไกรกลับกลายเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย คอยตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม นี่คืออีกหนึ่งคนที่ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้นั่นเอง ไม่อย่างนั้นเกาะอยู่กับฝ่ายนั้นต่อไป ตอนนี้คุณเรืองไกรคงได้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ได้เห็นคุณสดศรีออกมาพูดด้วยคำพูดเหล่านี้แน่ๆเลยครับ “เรามีความรู้สึกว่า จบโดยที่เรายังไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องมีคนมาประกันตัว หรืออยู่ในเรือนจำ เราก็พอใจ เพราะทุกครั้งที่ประชุมกัน ก็จะมีการพูดเรื่องนี้ว่า ผมไม่ตายคนเดียว ผมตายด้วยกัน แล้วตัวเองก็จะพูดอยู่เรื่อยว่า ดิฉันอยู่ขังแปดนะ คุณจะมาอยู่ขังแปดอย่างดิฉันไม่ได้หรอก ก็พูดเล่น ๆ กันอย่างนี้ นี่คือความทุกข์ในใจ (เอานิ้วจิ้มที่อก) เพราะเราผ่านการเป็นผู้พิพากษามาแล้ว เรารู้ว่าการถูกตัดสินว่าเป็นจำเลย มันเศร้ามาก จากเรานั่งบนบัลลังก์แล้วลงมาเป็นจำเลย มันเป็นความทุกข์ของคนที่จากผู้พิพากษามาเป็นตำแหน่งนี้”
นั่นทำให้ผมสงสัยว่า ถ้า กกต.ทุกคนทำถูกกฎหมาย และอีกทั้งเป็นถึงผู้พิพากษา ทำไมจึงกลัวที่จะตกเป็นจำเลยได้ ใช่รู้อยู่เต็มอกหรือเปล่า ในหลายเรื่องมันไม่ได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย แต่ต้องทำตามธงที่มีคนกำหนดให้หรือเปล่าครับ เป็นเรื่องที่ถึงตายก็บอกไม่ได้อย่างคุณสนธิใช่ไหมครับ
ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เห็น คุณสมลักษณ์ อดีต คณะกรรมการ ปปช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คมช.ออกมาพูดถึงความไม่ปกติของกระบวนการยุติธรรมอย่างสม่ำเสมอ พูดถึงการใช้กฎหมายอย่างบิดเบี้ยวมาตลอด โดยเปรียบเปรยให้เห็นภาวะการเมือง เหมือนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นสภาพรักษาการนายกรัฐมนตรี ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคง โดยมิชอบ แค่ใช้ปากกาอย่างเดียวก็พ้นจากตำแหน่ง ไม่ต้องใช้กำลังพล
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แม้จะเคยรับใช้ คมช.มาก่อน แต่เมื่อเห็นถึงการใช้กฎหมายอย่างลุแก่อำนาจ โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ก็ลุกขึ้นมาชี้ให้สังคมเห็นถึง “กลุ่มคนดี”แต่ทำแต่ละอย่างที่คนดีเขาไม่ทำกันทั้งสิ้น นี่คือจริยธรรม จรรยาบรรณของบุคคลที่เคยเป็นถึงรองผู้พิพากษาอุทธรณ์ภาค 5 ผมขอชื่นชมครับ
สุดท้ายที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ เพื่อนของเรา คุณไทโรไงครับ อดีตเคยถกเถียงกับผมมาหลายต่อหลายครั้ง แต่มาวันนี้ วันที่คุณไทโรได้เห็นถึงอยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่มีจิตสำ นึกสูง คนที่รักความยุติธรรมอย่างคุณไทโรฯ จึงไม่รีรอที่จะหันกลับมาร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง เพื่อเรียกหาความเป็นธรรม เรียกร้องประชาธิปไตย
และที่ผมดีใจที่สุดก็คือ มีคนคุณภาพสูงคับแก้วอย่างคุณไทโรมาเป็นแนวร่วม ยิ่งทำให้การให้ความรู้ การให้ข้อมูลที่ชัดเจนให้กับกลุ่มคนที่ไม่ค่อยติดตามการเมือง ไม่ค่อยติดตามข้อมูลข่าวสาร และพวกที่หลงกับการโฆษณาชวนเชื่อ ได้หันกลับมาไตร่ตรองวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผล ก็จะเป็นการเพิ่มแนวร่วมได้อีกอย่างแน่นอน
เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนล้วนแต่รักความเป็นธรรมกันทุกผู้คน เพียงแต่มีอีกหลายคนยังคงจมปลักอยู่กับกระแส จนขาดสามัญสำนึกเท่านั้นเอง ดังนั้นในบรรทัดนี้ผมขอแสดงความขอบคุณคุณไทโรสักครั้ง ที่ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ผมอยู่ฝ่ายความถูกต้องจริงๆ