“เพื่อน” เป็นน้องหมาปั๊กที่หนิงรับเลี้ยงด้วยโชคชะตา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หนิงไม่เคยรู้สึกอยากเลี้ยงพันธ์นี้มาก่อน
จนมาวันนึงคนที่รู้จัก ส่งรูปนี้มาให้ดูเป็นน้องหมาหน้าตาไร้เดียงสา และถามว่าสนใจไหมมีคนให้มา
ถ้าไม่เอาจะเอาไปถวายวัดเพราะเขาเองไม่สามารถเลี้ยงได้เพราะภรรยากำลังท้อง
หนิงเลยบอกเขาว่าไม่เลี้ยงถาวรนะ แต่จะขอเลี้ยงดูชั่วคราวเพื่อหาคนที่ชอบและพร้อมจะเลี้ยงมากกว่าหนิงไปดูแลให้
เพราะหนิงอยู่ทาวเฮ้าส์บ้านไม่ค่อยมีพื้นที่ จึงตกลงใจไปรับน้องมาอยู่ที่บ้านตอนนั้นเพื่อนอายุ 50 วันเท่านั้น

“เพื่อน”มาพร้อมกับอาการตาเจ็บ หยีตาและหลับตาข้างนึงตลอดเวลาด้วยความไม่เคยเลี้ยงหมาพันธ์หน้าสั้นตาโปนมาก่อน
จึงไม่ได้รีบพาไปหาหมอทันที แต่หาหลังจากนั้น 2 วัน คุณหมอบอกว่าตาเป็นแผลและติดเชื้อต้องหยอดตาทุก 4 ชั่วโมง
ไม่งั้นเค้ามีโอกาสตาบอด ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ละเลยเค้าไม่รีบพามา หลังจากนั้นทุกๆครั้งที่หยอดตาไม่รู้ตัวเองเลยว่า
เค้าขโมยหัวใจของเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีชั้นคงให้ใครไม่ได้อีกแล้ว
และเค้าก็ทำให้รู้ว่า “ยิ่งเลี้ยง ยิ่งรัก” แบบเจ้าของหมาปั๊กเค้าพูดกันมันเป็นยังไง

“เพื่อน”เลี้ยงง่ายมาก ไม่ดื้อ ไม่งอแง ไม่ร้อง ไม่เห่า ทุกที่ในบ้านที่หนิงนั่งอยู่เค้าจะอยู่ด้วยเสมอ ส่งสายตาให้กำลังใจตลอด
ไม่ว่าจะนั่งทำงาน กินข้าว ดูทีวี ล้างรถ หรือนั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำ
“เพื่อน” ไม่ใช่เป็นน้องหมาตัวแรกที่หนิงเลี้ยง หนิงเติบโตมากับหมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านพ่อแม่เคยเลี้ยงมาหลายพันธ์
หนิงเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองรักหมา แต่ไม่ใช่เลยเมื่อก่อนหนิงแค่ชอบหมาและเลี้ยงหมา
แต่ “เพื่อน” ทำให้หนิงรู้จักความรักระหว่างคนกับหมา และการดูแลน้องหมาว่าเราต้องดูแลหมาตัวนึงด้วยความรับผิดชอบยังไงบ้าง

“เพื่อน” เป็นหมาที่หนิงเรียกว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมในชาตินี้เพราะตั้งแต่พาไปหาหมอตรวจเลือดก็ไม่มีเดือนไหนที่เพื่อนไม่ต้องไปหาหมอเลย
เริ่มจากตาติดเชื้อ ติดพยาธิเม็ดเลือดมาจากแม่ พบอาการเพดานโหว่ กระดูกสะโพกเคลื่อนเนื่องจากเบ้าสะโพกตื้นแต่กำเนิด
และโรคที่ทำให้เพื่อนเดินและลุกนั่งลำบากคือโรคทางสมอง
“เพื่อน”ไปหาหมอด้วยอาการเดินกระเผลกและเดินลื่นๆตลอด หมอสังเกตอาการและพบว่าไม่ใช่อาการเจ็บทางกายภาพ
แต่เป็นอาการทางประสาทหรือสมองเพราะพบอาการเคี้ยวปากเรื่อยๆรวมถึงอาการผงกหัวเป็นช่วงๆจึงแนะนำให้เข้าตรวจสมองด้วยการ MRI ที่รพส.เกษตร ผลออกมาว่า เพื่อนมีสมองส่วนหลังฝ่อเล็กผิดปกติ สาเหตุยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นที่โครงสร้างของกะโหลกหรือเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองในสุนัขพันธ์ปั๊ก (โรค PDE) คุณหมอกำลังติดตามอาการแต่เพื่อนก็มาลาจากไปเสียก่อน รวมถึงเพื่อนยังมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (ไม่ทราบว่าจากเชื้ออะไรแต่ไม่ใช่ไข้หัดเพราะคุณหมอเพาะเชื้อแล้วว่าไม่ใช่)
"เพื่อน"จากไปด้วยอาการที่แปลกมาก ไม่มีอาการบ่งบอก กินข้าวได้ปกติ นอนหลับกลางวันตามปกติ จู่ๆก็ร้องขึ้นมาแล้วก็ช็อคไป เราพยายามปั๊มหัวใจและผายปอดแต่เค้าก็ไม่กลับมา

หนิงไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าแม่กับ”เพื่อน” เพราะหนิงรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน
“เพื่อน” สอนให้หนิงตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้พาเค้าออกไปเดินเจออากาศดีๆ และเค้าจะได้ฝึกขับถ่ายนอกบ้าน
“เพื่อน” สอนให้หนิงรู้ว่า การฝึกสุนัขไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง ดุ ขู่ ตี เสมอไปสิ่งที่เขาต้องการคือ “ความเข้าใจ”
“เพื่อน” ทำให้หนิงรู้ว่า การมีใครสักคนรออยู่ที่บ้าน ชีวิตเรามีความหมายมากแค่ไหน ยามเจอหน้ากัน
"เพื่อน" ทำให้หนิงรู้จักความรักระหว่างคนกับหมา(สัตว์เลี้ยง)ว่ามันลึกซึ้งได้มากแค่ไหน
สุดท้าย “เพื่อน” ก็สอนหนิงให้ยอมรับถึง “การจากลา”

จากนี้ไปคงไม่มีหมาน้อยให้กอดหอมก่อนนอนอีกต่อไปแล้ว เค้าคงคิดถึงเพื่อนมากๆ
เชื่อว่าสักวันเราจะเจอกัน......
จนกว่าจะพบกันนะ “เพื่อน”
แด่ “เพื่อน” ขออนุญาตใช้พื้นที่โพสแสดงความอำลาอาลัยให้กับเพื่อนตัวน้อยที่จากไปแสนไกล
“เพื่อน” เป็นน้องหมาปั๊กที่หนิงรับเลี้ยงด้วยโชคชะตา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หนิงไม่เคยรู้สึกอยากเลี้ยงพันธ์นี้มาก่อน
จนมาวันนึงคนที่รู้จัก ส่งรูปนี้มาให้ดูเป็นน้องหมาหน้าตาไร้เดียงสา และถามว่าสนใจไหมมีคนให้มา
ถ้าไม่เอาจะเอาไปถวายวัดเพราะเขาเองไม่สามารถเลี้ยงได้เพราะภรรยากำลังท้อง
หนิงเลยบอกเขาว่าไม่เลี้ยงถาวรนะ แต่จะขอเลี้ยงดูชั่วคราวเพื่อหาคนที่ชอบและพร้อมจะเลี้ยงมากกว่าหนิงไปดูแลให้
เพราะหนิงอยู่ทาวเฮ้าส์บ้านไม่ค่อยมีพื้นที่ จึงตกลงใจไปรับน้องมาอยู่ที่บ้านตอนนั้นเพื่อนอายุ 50 วันเท่านั้น
“เพื่อน”มาพร้อมกับอาการตาเจ็บ หยีตาและหลับตาข้างนึงตลอดเวลาด้วยความไม่เคยเลี้ยงหมาพันธ์หน้าสั้นตาโปนมาก่อน
จึงไม่ได้รีบพาไปหาหมอทันที แต่หาหลังจากนั้น 2 วัน คุณหมอบอกว่าตาเป็นแผลและติดเชื้อต้องหยอดตาทุก 4 ชั่วโมง
ไม่งั้นเค้ามีโอกาสตาบอด ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ละเลยเค้าไม่รีบพามา หลังจากนั้นทุกๆครั้งที่หยอดตาไม่รู้ตัวเองเลยว่า
เค้าขโมยหัวใจของเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีชั้นคงให้ใครไม่ได้อีกแล้ว
และเค้าก็ทำให้รู้ว่า “ยิ่งเลี้ยง ยิ่งรัก” แบบเจ้าของหมาปั๊กเค้าพูดกันมันเป็นยังไง
“เพื่อน”เลี้ยงง่ายมาก ไม่ดื้อ ไม่งอแง ไม่ร้อง ไม่เห่า ทุกที่ในบ้านที่หนิงนั่งอยู่เค้าจะอยู่ด้วยเสมอ ส่งสายตาให้กำลังใจตลอด
ไม่ว่าจะนั่งทำงาน กินข้าว ดูทีวี ล้างรถ หรือนั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำ
“เพื่อน” ไม่ใช่เป็นน้องหมาตัวแรกที่หนิงเลี้ยง หนิงเติบโตมากับหมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านพ่อแม่เคยเลี้ยงมาหลายพันธ์
หนิงเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองรักหมา แต่ไม่ใช่เลยเมื่อก่อนหนิงแค่ชอบหมาและเลี้ยงหมา
แต่ “เพื่อน” ทำให้หนิงรู้จักความรักระหว่างคนกับหมา และการดูแลน้องหมาว่าเราต้องดูแลหมาตัวนึงด้วยความรับผิดชอบยังไงบ้าง
“เพื่อน” เป็นหมาที่หนิงเรียกว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมในชาตินี้เพราะตั้งแต่พาไปหาหมอตรวจเลือดก็ไม่มีเดือนไหนที่เพื่อนไม่ต้องไปหาหมอเลย
เริ่มจากตาติดเชื้อ ติดพยาธิเม็ดเลือดมาจากแม่ พบอาการเพดานโหว่ กระดูกสะโพกเคลื่อนเนื่องจากเบ้าสะโพกตื้นแต่กำเนิด
และโรคที่ทำให้เพื่อนเดินและลุกนั่งลำบากคือโรคทางสมอง
“เพื่อน”ไปหาหมอด้วยอาการเดินกระเผลกและเดินลื่นๆตลอด หมอสังเกตอาการและพบว่าไม่ใช่อาการเจ็บทางกายภาพ
แต่เป็นอาการทางประสาทหรือสมองเพราะพบอาการเคี้ยวปากเรื่อยๆรวมถึงอาการผงกหัวเป็นช่วงๆจึงแนะนำให้เข้าตรวจสมองด้วยการ MRI ที่รพส.เกษตร ผลออกมาว่า เพื่อนมีสมองส่วนหลังฝ่อเล็กผิดปกติ สาเหตุยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นที่โครงสร้างของกะโหลกหรือเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองในสุนัขพันธ์ปั๊ก (โรค PDE) คุณหมอกำลังติดตามอาการแต่เพื่อนก็มาลาจากไปเสียก่อน รวมถึงเพื่อนยังมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (ไม่ทราบว่าจากเชื้ออะไรแต่ไม่ใช่ไข้หัดเพราะคุณหมอเพาะเชื้อแล้วว่าไม่ใช่)
"เพื่อน"จากไปด้วยอาการที่แปลกมาก ไม่มีอาการบ่งบอก กินข้าวได้ปกติ นอนหลับกลางวันตามปกติ จู่ๆก็ร้องขึ้นมาแล้วก็ช็อคไป เราพยายามปั๊มหัวใจและผายปอดแต่เค้าก็ไม่กลับมา
หนิงไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าแม่กับ”เพื่อน” เพราะหนิงรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน
“เพื่อน” สอนให้หนิงตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้พาเค้าออกไปเดินเจออากาศดีๆ และเค้าจะได้ฝึกขับถ่ายนอกบ้าน
“เพื่อน” สอนให้หนิงรู้ว่า การฝึกสุนัขไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง ดุ ขู่ ตี เสมอไปสิ่งที่เขาต้องการคือ “ความเข้าใจ”
“เพื่อน” ทำให้หนิงรู้ว่า การมีใครสักคนรออยู่ที่บ้าน ชีวิตเรามีความหมายมากแค่ไหน ยามเจอหน้ากัน
"เพื่อน" ทำให้หนิงรู้จักความรักระหว่างคนกับหมา(สัตว์เลี้ยง)ว่ามันลึกซึ้งได้มากแค่ไหน
สุดท้าย “เพื่อน” ก็สอนหนิงให้ยอมรับถึง “การจากลา”
จากนี้ไปคงไม่มีหมาน้อยให้กอดหอมก่อนนอนอีกต่อไปแล้ว เค้าคงคิดถึงเพื่อนมากๆ
เชื่อว่าสักวันเราจะเจอกัน......
จนกว่าจะพบกันนะ “เพื่อน”