คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
คุณต้องตั้งหลักตั้งสติ เห็นถึงความจริงที่ว่า เมื่อก่อนโลกนี้ไม่เคยมีเรา แล้วก็เกิดมามีเรา แล้ววันหนึ่งเราทุกคนก็จากโลกนี้ไป ไม่มีเราต่อไปอีก ไม่มีใครอยากตาย แต่ทุกชีวิตก็ต้องตายต้องพลัดพราก เป็นความจริง เวลาตอนนี้มีค่ามาก ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ ทำตัวเองให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่คุณแม่ให้ดีที่สุด ใช้เวลาดีๆคอยอยู่กับท่าน ดูแลท่าน คุยกับท่านและทำให้ท่านเห็นว่า คุณอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยท่านไม่ต้องห่วงใยอะไรในโลกนี้อีก ถ้าคุณยังมีแต่ความเศร้าโศกครอบงำ ร้องไห้อาลัยให้ท่านเห็นและรู้สึก ใจท่านจะเป็นทุกข์เพิ่มขึ้น คุณจึงต้องเข้มแข็งขึ้นและเผื่อแผ่ความเข้มแข็งนี้ไปยังคุณแม่ ในวาระที่สำคัญที่สุดนี้ด้วยครับ
จากนี้ไปท่านจะทรมาณทางร่างกายมากไปเรื่อยๆ เพราะระบบร่างกายภายในหลายส่วนจะถูกทำลายต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และที่สุดจะล้มเหลวลงทีละส่วน อาการระยะท้ายคือ ท่านจะหายใจเองไม่ได้ และแม้จะใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะหายใจด้วยความยากลำบาก จะกินอะไรแทบไม่ได้เพราะจะแสบ สำลัก และไม่ย่อย จะนอนเอนราบไม่ได้ ต้องใช้หนุนหมอนขึ้นสูงๆ แล้วต้องนั่งหลับหนุนที่สูงเอา อาจจะเริ่มโกรธเกรี้ยวไม่มีเหตุผลมากขึ้น ...คุณจึงเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะดูแลให้ท่านอยู่ดีและไปดี อย่าทุกข์เองเสียจนพลาดโอกาสทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้คุณแม่...ขอให้เปิดเสียงสวดมนต์ที่คุณแม่คุ้นเคยไว้ให้ท่านได้ยินตลอดเวลา กอดท่าน สัมผัสท่านด้วยความรู้สึกทั้งหมดของคุณ ไม่ว่ายามท่านเจ็บทรมาณหรือยามปกติ คุยแต่เรื่องดีๆที่เป็นความสุข พูดถึงเรื่องบุญกุศลที่ท่านเคยทำเพื่อให้ท่านได้นึกถึงแล้วใจเป็นปิติสุข นิมนต์พระสงฆ์มารับถวายทานจากท่านในโอกาสที่ทำได้ พยายามอยู่กับคุณแม่ตลอดนะครับ ....ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ท่องอิติปิโส ภควา ให้คนไข้มะเร็งปอดคนหนึ่งฟัง แต่ไม่จบ เพราะเขาสิ้นใจเมื่อถึง คำว่า อรหัง สัมมา ....คุณเท่านั้นที่จะทำได้ครับ ... เพื่อคุณแม่ ผมภาวนาและเอาใจช่วย
จากนี้ไปท่านจะทรมาณทางร่างกายมากไปเรื่อยๆ เพราะระบบร่างกายภายในหลายส่วนจะถูกทำลายต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และที่สุดจะล้มเหลวลงทีละส่วน อาการระยะท้ายคือ ท่านจะหายใจเองไม่ได้ และแม้จะใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะหายใจด้วยความยากลำบาก จะกินอะไรแทบไม่ได้เพราะจะแสบ สำลัก และไม่ย่อย จะนอนเอนราบไม่ได้ ต้องใช้หนุนหมอนขึ้นสูงๆ แล้วต้องนั่งหลับหนุนที่สูงเอา อาจจะเริ่มโกรธเกรี้ยวไม่มีเหตุผลมากขึ้น ...คุณจึงเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะดูแลให้ท่านอยู่ดีและไปดี อย่าทุกข์เองเสียจนพลาดโอกาสทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้คุณแม่...ขอให้เปิดเสียงสวดมนต์ที่คุณแม่คุ้นเคยไว้ให้ท่านได้ยินตลอดเวลา กอดท่าน สัมผัสท่านด้วยความรู้สึกทั้งหมดของคุณ ไม่ว่ายามท่านเจ็บทรมาณหรือยามปกติ คุยแต่เรื่องดีๆที่เป็นความสุข พูดถึงเรื่องบุญกุศลที่ท่านเคยทำเพื่อให้ท่านได้นึกถึงแล้วใจเป็นปิติสุข นิมนต์พระสงฆ์มารับถวายทานจากท่านในโอกาสที่ทำได้ พยายามอยู่กับคุณแม่ตลอดนะครับ ....ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ท่องอิติปิโส ภควา ให้คนไข้มะเร็งปอดคนหนึ่งฟัง แต่ไม่จบ เพราะเขาสิ้นใจเมื่อถึง คำว่า อรหัง สัมมา ....คุณเท่านั้นที่จะทำได้ครับ ... เพื่อคุณแม่ ผมภาวนาและเอาใจช่วย
แสดงความคิดเห็น
มีวิธีอย่างไรให้ทำใจได้ เมื่อทราบว่าอีกไม่นาน คุณแม่ต้องเสียชีวิตคะ
ที่กระดูกหัวเข่า ที่สมอง และที่ตา ให้คีโมครบ 1 คอร์ส 12 เข็ม และก่อนหน้านี้ก็กินยา tarceva อยู่
เพราะคุณแม่ปฏิเสธที่จะให้คีโมรอบที่สอง หลังจากกินยามาครบ 1 เดือน มีอาการแพ้คือ
ท้องเสียทุกวัน ตั้งแต่วันที่เริ่มกิน กินข้าวไม่ได้ เป็นแผลในปาก
ตอนนี้เป็นแผลพุพองตามร่างกาย บางที่เนื้อเป็นรูจนเป็นแผลตกสะเก็ด
ตอนนี้แม่ไม่ยอมกินยาอีกแล้ว เพราะรับไม่ไหว งดยาไปสองวัน พรุ่งนี้ถึงจะครบวันนัดไปหาหมอ
แม่หาอยู่ที่ รพ.รามา ค่ะ พรุ่งนี้มี x-ray ปอด และรอผลตรวจว่าคุณหมอจะว่าอย่างไร
ซึ่งคิดว่าคุณหมอต้องแนะนำให้คีโมแน่ๆ ซึ่งแม่เราไม่เอาอยู่แล้ว เลยคิดไว้แล้วว่า จะให้รักษาตามอาการ
ไม่ต้องรักษามะเร็งอีกต่อไปแล้ว หมอบอกว่าถ้าไม่รักษาเรามีเวลาอยู่แค่อีก 6 เดือนเท่านั้น
หลังจากนี้อาการคงจะทรุดลงเรื่อยๆ เราจึงคิดว่าจะพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยที่ยศเส
เราไม่ได้หวังว่าเค้าจะหาย แค่อยากให้ไม่เจ็บไม่ปวด ถ้าจะไปก็ขอให้ไปสบายๆ
เราทุกข์มากเลย ก่อนหน้านี้เราคิดวนเวียนสับสนไปหมด ทำงานผิดๆ ถูกๆ เดี๋ยวเค้าจะไล่ออกเอา
ครั้นจะไปอยู่กะพ่อแม่ทุกวันก็ไม่ได้ เพราะเราต้องทำงานหาเงินเลี้ยงทั้งครอบครัว
เราจะออกจากความทุกข์ตรงนี้อย่างไรดีคะ