ตอนเก่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรก http://pantip.com/topic/33309892
ตอน 2 http://pantip.com/topic/33315124
ตอน 3 http://pantip.com/topic/33320887
ตอน 4+5 http://pantip.com/topic/33374190
ตอน 6+7 http://pantip.com/topic/33404839
8
เทอมใหม่สุดวุ่น
เนียร์เชื่อว่าตัวเองก็พยายามไม่แพ้มันแล้วนะ ทั้งๆ ที่เพียรสวดมนตร์ขอร้องทุกคืนว่าอย่าให้มันทำได้สำเร็จ แล้วทำไมเจ้าบ๊อกถึงฝึกได้กัน!
“ีใจด้วยบ๊อก พรุ่งนี้แกก็ได้ไปโรงเรียนกับพวกเราแล้ว” ทินจับขาหน้าของสัตว์เลี้ยงมาเขย่าหลังจากเนียร์จำใจประกาศผลสรุปในช่วงอาหารเย็นวันสุดท้ายของการปิดเทอม ส่วนบ๊อกก็แยกเขี้ยวโชว์ฟันที่คงเป็นการยิ้มของมันให้ดู
ส่วนสันที่ร่วมโต๊ะด้วยกัน ได้ยินแบบนั้นก็แทบจะพ่นข้าวออกมาแบบเดียวกับลูกสาว ทำท่าเหมือนจะพูดแต่กลับอึกๆ อักๆ อยู่อย่างนั้นเหมือนคนติดอ่าง ส่วนกุลเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปพูดราวกับรู้ใจคนเป็นสามี
“อย่าเป็นห่วงเลยค่ะ ฉันให้ทินฝึกเป็นอย่างดีแล้ว” กุลพูดให้เขาคลายกังวล
สันมองกุลด้วยสายตาราวกับจะถามว่า ‘คุณเองเหรอที่เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้’ นึกอยากทักท้วงใจจะขาด แต่ไฉนเลยสามีจะกล้าขัดผู้เป็นภรรยาได้
แล้วนี่ ลูกสาวอย่างเนียร์จะกล้าขัดผู้เป็นแม่ได้รึเปล่านะ... แอบหวังลึกๆ
เช้าวันต่อมามาถึงเร็วกว่าที่คิด เนียร์ยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกด้วยท่าทีหดหู่เมื่อคิดว่าวันนี้จะต้องเอาสัตว์ประหลาดไปโรงเรียนด้วย แต่ชุดนักเรียนที่ไม่ได้ใส่มาเป็นเดือน ช่วยกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
เครื่องแบบนักเรียนของผู้หญิงเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ผูกเนคไทสีตามคณะสีของตัวเอง เพราะห้องม.4/3 ที่เนียร์อยู่นั้นอยู่สีฟ้า มันจึงเป็นสีฟ้าเข้ม กระโปรงก็ยาวคลุมเข่าตามระเบียบพอดีเป๊ะ
ส่วนเรื่องทรงผม ทางโรงเรียนไม่ได้เคร่งมากนักอยากทำอะไรมาก็ได้ ไม่อย่างนั้นทินที่ไปทำสีผมคงถูกตัดคะแนนความประพฤติไปแล้ว แต่เนียร์ไม่อยากวุ่นวาย จึงแค่ไว้ให้ยาวเฉยๆ
พอลงมาถึงข้างล่าง เธอก็เจอทินที่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังยืนพิงบันไดรอไปโรงเรียนพร้อมกัน
ชุดของผู้ชายจะคล้ายกับของผู้หญิงแต่ของผู้ชายจะมีเสื้อนอกสีดำคลุมทับด้วย และสวมกางเกงขายาวสีดำ ส่วนเนคไทที่เขาผูกนั้นเป็นสีม่วงเข้มที่เกือบจะกลายเป็นสีน้ำเงินอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน ทินก็ยังสามารถดูดีได้อยู่วันยังค่ำ
ส่วนคำทักทายคำแรกของเด็กหนุ่มที่เห็นเธอลงมาน่ะเหรอ
“ช้าจริง ยัดกระโปรงไม่เข้ารึไง”
เนียร์แอบกุมขมับ ถึงหมอนี่จะเท่ยังไง ปากก็ยังกวนส้นแบบไม่มีวันเปลี่ยน...เธอคิด
“จำไว้นะบ๊อก ถ้าออกมาข้างนอกก่อนฉันอนุญาตละก็ วันหลังจะไม่พาไปด้วยแล้ว” เนียร์เตือนบ๊อกที่ยืนนิ่งอยู่ในเป้ของเธอ และได้รับเสียงครางเป็นการตกลง
เนียร์พยักหน้าพอใจก่อนจะรูดซิปปิด เว้นช่องเล็กน้อยพอให้มีอากาศเข้าไป แต่ทันทีที่ยกขึ้นสะพายก็ถึงกับเซถลาไปเกาะผนังช่วยพยุงไว้
“หวา ตัวหนักเป็นบ้าเลย” เธอกระชับสายเป้ให้เข้าที่
“เนียร์รีบไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันรถเมล์นะ” ทินเร่ง ทำให้เนียร์ต้องกัดฟันฮึดพร้อมออกไปเผชิญกับภายนอก เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมภาคเรียนที่สอง เด็กนักเรียนต้องเยอะเต็มคันรถแน่ เนียร์นึกภาพตัวเองแบกเป้ท่ามกลางคนเยอะขนาดนั้นแล้ว ความรู้สึกหดหู่ก็เวียนกลับมาอีกครั้ง
หลังจากต้องทนยืนโหนรถประจำทางหลายนาที ในที่สุดพวกเนียร์ก็มาถึงโรงเรียนมัธยมปลายหฤทัยเสียที ที่แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าโรงเรียนนี้มีแต่เด็กม.ปลายเท่านั้น
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย” เนียร์พูดกับตัวเองขณะถอดเป้วางไว้บนโต๊ะม้าหินอ่อนใกล้กับสนามบาส ที่ตอนนี้มีนักเรียนชายต่างระดับชั้นหลายคนกำลังเล่นกัน แม้แต่ทินเองที่เพิ่งมาถึงก็เข้าไปร่วมเล่นด้วยอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้เด็กนักเรียนก็มากันเยอะแล้ว จึงไม่แปลกที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวอื่นๆ จะถูกจับจองกันหมด เสียงคุยกันดังไปทั่วทุกสารทิศเนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน แต่กระนั้นเนียร์ก็ยังมองหาเพื่อนของตัวเองไม่เจอเลยสักคน
เนียร์ตัดสินใจฟุบหลับลงกับโต๊ะเพื่อรอเพื่อน ไม่ใช่ว่าง่วงจนทนไม่ไหว แต่จริงๆ แล้วคือไม่ต้องการเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบตัวเท่าไหร่ เพราะถ้าไปเจอสีดำ-แดงเข้าละเป็นเรื่อง
เธอฟุบลงไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเหนือหัว
“สวัสดีค่ะนิศาชล รัตนากุล ช่วงปิดเทอมเป็นไงบ้างคะ” เสียงทักใกล้ตัว ทำให้เนียร์รู้ว่าสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งมาแล้ว และคนที่จะมาเรียกชื่อเต็มแบบกวนๆ อย่างนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“อ้าว เพียว หวัดดี”
คนถูกทักทำหน้าบูดใส่ทันที เพียวหรือเอลิดา นี่เอง ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาไม่ทำให้เพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ผมสั้นสีน้ำตาลไหม้ได้รับการซอยมาเป็นอย่างดี ซอยเป็นทรงขนาดที่ว่าหากคุณไม่เปรี้ยวพอก็อย่าทำเลย แต่มันกลับเข้ากันกับทั้งหน้าและนิสัยของเพียวเป็นอย่างดี ส่วนหุ่นก็ยังผอมบางสมฉายาเหมือนเดิม
เพียวกระแทกกระเป๋าขณะนั่งลงตรงข้าม พร้อมกับตวาดใส่ “ไม่ได้เจอกันตั้งเดือน ทักแค่นั้นเองเหรอ ‘เพียว หวัดดี’ แบบนี้มันมากเกินไปมั้ง รึแกไม่คิดถึงฉันบ้างเลย”
เนียร์คาดการณ์เอาไว้ในใจแล้วว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ต้องเกิดขึ้น เธอทายนิสัยเพื่อนตัวเองไม่ผิดหรอก
“คิดถึงสิ ทำไมจะไม่คิดถึง หรืออยากให้ฉันทักว่า ‘โอ้เพียว ฉันคิดถึงแกม้ากมากเลย วันไหนกินก๋วยเตี๋ยวนะ ยิ่งคิดถึงเลย’ กันล่ะ” เนียร์กวนโอ๊ยใส่ แน่นอนว่าเพียวร้องกรี๊ดจนคนแถวนั้นหันมามองทันที
“หน็อย! วันไหนฉันกินหมูสับก็คิดถึงแกเหมือนกันนั่นแหละ นังหมูอ้วน” เพียวโพล่งฉายาของเธอออกมาจนได้ เพราะในบรรดาสี่คน เนียร์ดูอ้วนที่สุด...แถมยังเป็นฉายาช่วยตอกย้ำถึงส่วนสูงที่เตี้ยที่สุดในกลุ่มด้วย เนียร์แอบเจ็บปวดเล็กน้อย
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเถียงปนด่า สมาชิกในกลุ่มอีกคนก็เดินเข้ามา
โม หรือวสุนธรา ผมสีดำบ็อบสั้นไว้หน้าม้า แต่หัวยังดูยุ่งเหมือนไม่ได้หวีมาอีกตามเคย ตากลมๆ สองข้างมองเพื่อนสองคนโต้วาที สู้ฝีปากไม่หยุดหย่อนจนไม่รู้ว่าจะหาเวลาไหนแทรกเข้าไปดี
“พวกเธอจะเลิกทะเลาะกันได้รึยัง!” เสียงห้ามดังมาแต่ไกล ทำให้ทั้งสามคนหันไปมองสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่ม
อนิล หรือ เอล แม่พระประจำกลุ่ม ผมสีดำยาวไปถึงกลางหลังเป็นลอนนิดๆ ตรงปลายให้ความรู้สึกอ่อนหวาน ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส ปากได้รูปสีแดงโดยไม่ต้องมีอะไรไปแต่งแต้ม กับสีผิวขาวนวลอมชมพูโดยธรรมชาติ ทำให้อดนึกสงสัยในใจไม่ได้ว่า ต้องทำบุญขนาดไหนกันถึงจะเกิดมาได้แบบนี้บ้าง
ทั้งเนียร์และเพียวมองตากันก่อนจะสะบัดหน้าไปคนละทางเป็นอันจบเรื่องจบราวกันไป ส่วนเอลและโมก็เข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ที่เหลือ
“พวกเธอนี่นะ เจอกันปุ๊ปก็หาเรื่องทะเลาะกันปั๊ป” เอลมองทั้งสองคนสลับกัน
“ก็ เนียร์/เพียว เริ่มก่อนนี่นา!” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน
“น่าๆ ใจเย็นก่อนสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนานอย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปเลยนะ” โมพูดให้ทั้งคู่ใจเย็นๆ
“หุบปากไปเลยยัยปากมาก!” เนียร์กับเพียวพร้อมใจกันหันมาตวาดใส่ ทำเอาโมร้องโฮเดือดร้อนเอลต้องเข้าไปปลอบ
“แล้ว...ปิดเทอมเป็นไงกันบ้างล่ะ สนุกมั้ย” เอลถามทุกคน
“ได้ไปเที่ยวทะเล ก็สนุกดี” เพียวตอบเป็นคนแรก ส่วนโม...
“สุดๆ เลยละ ไปเที่ยวกับญาติ แล้วก็ได้ไปเล่นเกมด้วยโคตรมันเลย แล้วก็ยังได้ไป...”
นั่นแหละ ถ้าหากทำให้เธอเก็บกด เวลาปล่อยออกมามันจะยืดยาวแบบนี้เลย สักสิบนาทีได้กว่าโมจะพูดจบ ทีนี้ทุกคนก็หันมองมาที่เนียร์ที่เป็นคนสุดท้าย
ตอนนี้เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบไปว่า
‘อืม ก็ดี ฉันได้เลี้ยงสัตว์มาใหม่ด้วย หน้าตาแบบพวกสุนัขหมาป่าเลย วันนี้ฉันพกมาด้วยสนใจดูกันมั้ย’
หรือ...
‘โหดมากเลยละ ฉันเผลอปล่อยสัตว์เลี้ยงออกไปฆ่าคนตายตั้งแปดคนแน่ะ’
แต่คิดไปคิดมา ตอบแบบนี้ดีกว่า
“แหะๆ ก็เรื่อยๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไร กินๆ นอนๆ แล้วก็ดูทีวี” เนียร์พยายามตอบแบบกว้างๆ
“ก็เหมือนชีวิตประจำวันของพวกหมูๆ เลยไม่ใช่รึไง” เพียวได้โอกาสหันมากัด
เนียร์กะจะเถียงต่อ ถ้าไม่เห็นว่าเป้ของเธอตรงพื้นมันขยับเองได้ แถมตรงช่วงซิบที่เว้นเอาไว้ บ๊อกเอาหัวดันเหมือนพยายามจะออกมา
ปึก!
เนียร์เตะเป้ไปทีหนึ่ง จะเอามันออกมาน่ะได้อยู่ แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้
“อะไรเหรอ” เอลถาม
“หือ? อะไรเหรอ” เนียร์หันไปยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เห็นเธอเตะเป้”
“อะ..อ๋อ ฉันเห็นมันเอนเหมือนจะล้มน่ะ ก็เลย...เตะให้มันเข้าที่เฉยๆ แหะๆ” เธอรีบหัวเราะกลบเกลื่อน เอลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจู่ๆ จะลุกพรวดทำเอาคนในกลุ่มตกใจไปตามๆ กัน
“ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ” พูดจบก็รีบวิ่งไปทันทีจนเกือบไปชนนักเรียนคนอื่นเข้า
“จะรีบขนาดนั้นทำไมนะ” เพียวสงสัย ขณะสายตายังมองไปที่เอลซึ่งอยู่ลิบๆ แล้ว
“สงสัยท่อจะแตกแล้วมั้ง” โมดึงสายตาทุกคนกลับมาพร้อมเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนที่เหลือได้เป็นอย่างดี
เนียร์เหลือบมองดูเป้ตัวเองซึ่งตอนนี้สงบดีเหมือนเดิมแล้ว เธอลอบถอนหายใจ...ยังไงก็ตามคงให้พวกนี้เห็นบ๊อกไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่
บริเวณห้องน้ำนักเรียนหญิง นักเรียนส่วนหนึ่งก็มาทำผมกันตรงหน้ากระจก บางส่วนก็ยืนรอต่อแถวเข้าห้องน้ำกันอยู่ แต่เอลที่เพิ่งมาถึงกลับแทรกตัวเข้าไปก่อนโดยไม่สนถึงคิว
“ขอโทษนะคะ คือ...กลั้นจะไม่อยู่แล้วค่ะ” เอลอ้างแค่นั้น ทิ้งให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้แต่ยืนอึ้งกิมกี่
ส่วนเอลเมื่อเข้ามาแล้ว กลับยืนเฉยๆ ไม่ทำธุระที่ควรจะทำภายในห้องน้ำ แต่กลับมองไปตรงกระเป๋าเสื้อของตัวเองพร้อมเอ็ดมันด้วยเสียงกระซิบ
“เป็นอะไรไปน่ะ อิว จู่ๆ ก็ดิ้นเหมือนจะออกมา” คงแปลกที่คนจะตั้งชื่อกระเป๋าเสื้อตัวเองเหมือนสัตว์เลี้ยง แต่เอลกลับล้วงบางอย่างในนั้นออกมา และเมื่อได้มองชัดๆ แล้วก็พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายสุนัขหมาป่า มันคือบ๊อกชัดๆ เพียงแต่สีขนของมันเป็นสีเขียวมรกตแทน และตัวเล็กกว่าบ๊อกครึ่งหนึ่งได้ ขนาดพอที่จะเอาใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ และดูสงบเสงี่ยมกว่าอีกตัวมาก
สัตว์ที่ถูกเรียกว่า อิว ไต่ขึ้นไปบนไหล่ เอลใช้นิ้วชี้ลูบหัวมันเบาๆ
“ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอยากออกมา แต่ว่าจะให้พวกนั้นหรือใครๆ เห็นตัวไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้น...” เอลยิ้มเหมือนจะนึกสนุก
“ได้เกิดเรื่องวุ่นขึ้นแน่”
(ต่อ)
Be Careful!! เด็กอันตราย ตอน 8+9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เทอมใหม่สุดวุ่น
เนียร์เชื่อว่าตัวเองก็พยายามไม่แพ้มันแล้วนะ ทั้งๆ ที่เพียรสวดมนตร์ขอร้องทุกคืนว่าอย่าให้มันทำได้สำเร็จ แล้วทำไมเจ้าบ๊อกถึงฝึกได้กัน!
“ีใจด้วยบ๊อก พรุ่งนี้แกก็ได้ไปโรงเรียนกับพวกเราแล้ว” ทินจับขาหน้าของสัตว์เลี้ยงมาเขย่าหลังจากเนียร์จำใจประกาศผลสรุปในช่วงอาหารเย็นวันสุดท้ายของการปิดเทอม ส่วนบ๊อกก็แยกเขี้ยวโชว์ฟันที่คงเป็นการยิ้มของมันให้ดู
ส่วนสันที่ร่วมโต๊ะด้วยกัน ได้ยินแบบนั้นก็แทบจะพ่นข้าวออกมาแบบเดียวกับลูกสาว ทำท่าเหมือนจะพูดแต่กลับอึกๆ อักๆ อยู่อย่างนั้นเหมือนคนติดอ่าง ส่วนกุลเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปพูดราวกับรู้ใจคนเป็นสามี
“อย่าเป็นห่วงเลยค่ะ ฉันให้ทินฝึกเป็นอย่างดีแล้ว” กุลพูดให้เขาคลายกังวล
สันมองกุลด้วยสายตาราวกับจะถามว่า ‘คุณเองเหรอที่เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้’ นึกอยากทักท้วงใจจะขาด แต่ไฉนเลยสามีจะกล้าขัดผู้เป็นภรรยาได้
แล้วนี่ ลูกสาวอย่างเนียร์จะกล้าขัดผู้เป็นแม่ได้รึเปล่านะ... แอบหวังลึกๆ
เช้าวันต่อมามาถึงเร็วกว่าที่คิด เนียร์ยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกด้วยท่าทีหดหู่เมื่อคิดว่าวันนี้จะต้องเอาสัตว์ประหลาดไปโรงเรียนด้วย แต่ชุดนักเรียนที่ไม่ได้ใส่มาเป็นเดือน ช่วยกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
เครื่องแบบนักเรียนของผู้หญิงเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ผูกเนคไทสีตามคณะสีของตัวเอง เพราะห้องม.4/3 ที่เนียร์อยู่นั้นอยู่สีฟ้า มันจึงเป็นสีฟ้าเข้ม กระโปรงก็ยาวคลุมเข่าตามระเบียบพอดีเป๊ะ
ส่วนเรื่องทรงผม ทางโรงเรียนไม่ได้เคร่งมากนักอยากทำอะไรมาก็ได้ ไม่อย่างนั้นทินที่ไปทำสีผมคงถูกตัดคะแนนความประพฤติไปแล้ว แต่เนียร์ไม่อยากวุ่นวาย จึงแค่ไว้ให้ยาวเฉยๆ
พอลงมาถึงข้างล่าง เธอก็เจอทินที่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังยืนพิงบันไดรอไปโรงเรียนพร้อมกัน
ชุดของผู้ชายจะคล้ายกับของผู้หญิงแต่ของผู้ชายจะมีเสื้อนอกสีดำคลุมทับด้วย และสวมกางเกงขายาวสีดำ ส่วนเนคไทที่เขาผูกนั้นเป็นสีม่วงเข้มที่เกือบจะกลายเป็นสีน้ำเงินอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน ทินก็ยังสามารถดูดีได้อยู่วันยังค่ำ
ส่วนคำทักทายคำแรกของเด็กหนุ่มที่เห็นเธอลงมาน่ะเหรอ
“ช้าจริง ยัดกระโปรงไม่เข้ารึไง”
เนียร์แอบกุมขมับ ถึงหมอนี่จะเท่ยังไง ปากก็ยังกวนส้นแบบไม่มีวันเปลี่ยน...เธอคิด
“จำไว้นะบ๊อก ถ้าออกมาข้างนอกก่อนฉันอนุญาตละก็ วันหลังจะไม่พาไปด้วยแล้ว” เนียร์เตือนบ๊อกที่ยืนนิ่งอยู่ในเป้ของเธอ และได้รับเสียงครางเป็นการตกลง
เนียร์พยักหน้าพอใจก่อนจะรูดซิปปิด เว้นช่องเล็กน้อยพอให้มีอากาศเข้าไป แต่ทันทีที่ยกขึ้นสะพายก็ถึงกับเซถลาไปเกาะผนังช่วยพยุงไว้
“หวา ตัวหนักเป็นบ้าเลย” เธอกระชับสายเป้ให้เข้าที่
“เนียร์รีบไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันรถเมล์นะ” ทินเร่ง ทำให้เนียร์ต้องกัดฟันฮึดพร้อมออกไปเผชิญกับภายนอก เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมภาคเรียนที่สอง เด็กนักเรียนต้องเยอะเต็มคันรถแน่ เนียร์นึกภาพตัวเองแบกเป้ท่ามกลางคนเยอะขนาดนั้นแล้ว ความรู้สึกหดหู่ก็เวียนกลับมาอีกครั้ง
หลังจากต้องทนยืนโหนรถประจำทางหลายนาที ในที่สุดพวกเนียร์ก็มาถึงโรงเรียนมัธยมปลายหฤทัยเสียที ที่แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าโรงเรียนนี้มีแต่เด็กม.ปลายเท่านั้น
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย” เนียร์พูดกับตัวเองขณะถอดเป้วางไว้บนโต๊ะม้าหินอ่อนใกล้กับสนามบาส ที่ตอนนี้มีนักเรียนชายต่างระดับชั้นหลายคนกำลังเล่นกัน แม้แต่ทินเองที่เพิ่งมาถึงก็เข้าไปร่วมเล่นด้วยอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้เด็กนักเรียนก็มากันเยอะแล้ว จึงไม่แปลกที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวอื่นๆ จะถูกจับจองกันหมด เสียงคุยกันดังไปทั่วทุกสารทิศเนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน แต่กระนั้นเนียร์ก็ยังมองหาเพื่อนของตัวเองไม่เจอเลยสักคน
เนียร์ตัดสินใจฟุบหลับลงกับโต๊ะเพื่อรอเพื่อน ไม่ใช่ว่าง่วงจนทนไม่ไหว แต่จริงๆ แล้วคือไม่ต้องการเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบตัวเท่าไหร่ เพราะถ้าไปเจอสีดำ-แดงเข้าละเป็นเรื่อง
เธอฟุบลงไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเหนือหัว
“สวัสดีค่ะนิศาชล รัตนากุล ช่วงปิดเทอมเป็นไงบ้างคะ” เสียงทักใกล้ตัว ทำให้เนียร์รู้ว่าสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งมาแล้ว และคนที่จะมาเรียกชื่อเต็มแบบกวนๆ อย่างนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“อ้าว เพียว หวัดดี”
คนถูกทักทำหน้าบูดใส่ทันที เพียวหรือเอลิดา นี่เอง ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาไม่ทำให้เพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ผมสั้นสีน้ำตาลไหม้ได้รับการซอยมาเป็นอย่างดี ซอยเป็นทรงขนาดที่ว่าหากคุณไม่เปรี้ยวพอก็อย่าทำเลย แต่มันกลับเข้ากันกับทั้งหน้าและนิสัยของเพียวเป็นอย่างดี ส่วนหุ่นก็ยังผอมบางสมฉายาเหมือนเดิม
เพียวกระแทกกระเป๋าขณะนั่งลงตรงข้าม พร้อมกับตวาดใส่ “ไม่ได้เจอกันตั้งเดือน ทักแค่นั้นเองเหรอ ‘เพียว หวัดดี’ แบบนี้มันมากเกินไปมั้ง รึแกไม่คิดถึงฉันบ้างเลย”
เนียร์คาดการณ์เอาไว้ในใจแล้วว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ต้องเกิดขึ้น เธอทายนิสัยเพื่อนตัวเองไม่ผิดหรอก
“คิดถึงสิ ทำไมจะไม่คิดถึง หรืออยากให้ฉันทักว่า ‘โอ้เพียว ฉันคิดถึงแกม้ากมากเลย วันไหนกินก๋วยเตี๋ยวนะ ยิ่งคิดถึงเลย’ กันล่ะ” เนียร์กวนโอ๊ยใส่ แน่นอนว่าเพียวร้องกรี๊ดจนคนแถวนั้นหันมามองทันที
“หน็อย! วันไหนฉันกินหมูสับก็คิดถึงแกเหมือนกันนั่นแหละ นังหมูอ้วน” เพียวโพล่งฉายาของเธอออกมาจนได้ เพราะในบรรดาสี่คน เนียร์ดูอ้วนที่สุด...แถมยังเป็นฉายาช่วยตอกย้ำถึงส่วนสูงที่เตี้ยที่สุดในกลุ่มด้วย เนียร์แอบเจ็บปวดเล็กน้อย
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเถียงปนด่า สมาชิกในกลุ่มอีกคนก็เดินเข้ามา
โม หรือวสุนธรา ผมสีดำบ็อบสั้นไว้หน้าม้า แต่หัวยังดูยุ่งเหมือนไม่ได้หวีมาอีกตามเคย ตากลมๆ สองข้างมองเพื่อนสองคนโต้วาที สู้ฝีปากไม่หยุดหย่อนจนไม่รู้ว่าจะหาเวลาไหนแทรกเข้าไปดี
“พวกเธอจะเลิกทะเลาะกันได้รึยัง!” เสียงห้ามดังมาแต่ไกล ทำให้ทั้งสามคนหันไปมองสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่ม
อนิล หรือ เอล แม่พระประจำกลุ่ม ผมสีดำยาวไปถึงกลางหลังเป็นลอนนิดๆ ตรงปลายให้ความรู้สึกอ่อนหวาน ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส ปากได้รูปสีแดงโดยไม่ต้องมีอะไรไปแต่งแต้ม กับสีผิวขาวนวลอมชมพูโดยธรรมชาติ ทำให้อดนึกสงสัยในใจไม่ได้ว่า ต้องทำบุญขนาดไหนกันถึงจะเกิดมาได้แบบนี้บ้าง
ทั้งเนียร์และเพียวมองตากันก่อนจะสะบัดหน้าไปคนละทางเป็นอันจบเรื่องจบราวกันไป ส่วนเอลและโมก็เข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ที่เหลือ
“พวกเธอนี่นะ เจอกันปุ๊ปก็หาเรื่องทะเลาะกันปั๊ป” เอลมองทั้งสองคนสลับกัน
“ก็ เนียร์/เพียว เริ่มก่อนนี่นา!” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน
“น่าๆ ใจเย็นก่อนสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนานอย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปเลยนะ” โมพูดให้ทั้งคู่ใจเย็นๆ
“หุบปากไปเลยยัยปากมาก!” เนียร์กับเพียวพร้อมใจกันหันมาตวาดใส่ ทำเอาโมร้องโฮเดือดร้อนเอลต้องเข้าไปปลอบ
“แล้ว...ปิดเทอมเป็นไงกันบ้างล่ะ สนุกมั้ย” เอลถามทุกคน
“ได้ไปเที่ยวทะเล ก็สนุกดี” เพียวตอบเป็นคนแรก ส่วนโม...
“สุดๆ เลยละ ไปเที่ยวกับญาติ แล้วก็ได้ไปเล่นเกมด้วยโคตรมันเลย แล้วก็ยังได้ไป...”
นั่นแหละ ถ้าหากทำให้เธอเก็บกด เวลาปล่อยออกมามันจะยืดยาวแบบนี้เลย สักสิบนาทีได้กว่าโมจะพูดจบ ทีนี้ทุกคนก็หันมองมาที่เนียร์ที่เป็นคนสุดท้าย
ตอนนี้เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบไปว่า
‘อืม ก็ดี ฉันได้เลี้ยงสัตว์มาใหม่ด้วย หน้าตาแบบพวกสุนัขหมาป่าเลย วันนี้ฉันพกมาด้วยสนใจดูกันมั้ย’
หรือ...
‘โหดมากเลยละ ฉันเผลอปล่อยสัตว์เลี้ยงออกไปฆ่าคนตายตั้งแปดคนแน่ะ’
แต่คิดไปคิดมา ตอบแบบนี้ดีกว่า
“แหะๆ ก็เรื่อยๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไร กินๆ นอนๆ แล้วก็ดูทีวี” เนียร์พยายามตอบแบบกว้างๆ
“ก็เหมือนชีวิตประจำวันของพวกหมูๆ เลยไม่ใช่รึไง” เพียวได้โอกาสหันมากัด
เนียร์กะจะเถียงต่อ ถ้าไม่เห็นว่าเป้ของเธอตรงพื้นมันขยับเองได้ แถมตรงช่วงซิบที่เว้นเอาไว้ บ๊อกเอาหัวดันเหมือนพยายามจะออกมา
ปึก!
เนียร์เตะเป้ไปทีหนึ่ง จะเอามันออกมาน่ะได้อยู่ แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้
“อะไรเหรอ” เอลถาม
“หือ? อะไรเหรอ” เนียร์หันไปยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เห็นเธอเตะเป้”
“อะ..อ๋อ ฉันเห็นมันเอนเหมือนจะล้มน่ะ ก็เลย...เตะให้มันเข้าที่เฉยๆ แหะๆ” เธอรีบหัวเราะกลบเกลื่อน เอลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจู่ๆ จะลุกพรวดทำเอาคนในกลุ่มตกใจไปตามๆ กัน
“ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ” พูดจบก็รีบวิ่งไปทันทีจนเกือบไปชนนักเรียนคนอื่นเข้า
“จะรีบขนาดนั้นทำไมนะ” เพียวสงสัย ขณะสายตายังมองไปที่เอลซึ่งอยู่ลิบๆ แล้ว
“สงสัยท่อจะแตกแล้วมั้ง” โมดึงสายตาทุกคนกลับมาพร้อมเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนที่เหลือได้เป็นอย่างดี
เนียร์เหลือบมองดูเป้ตัวเองซึ่งตอนนี้สงบดีเหมือนเดิมแล้ว เธอลอบถอนหายใจ...ยังไงก็ตามคงให้พวกนี้เห็นบ๊อกไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่
บริเวณห้องน้ำนักเรียนหญิง นักเรียนส่วนหนึ่งก็มาทำผมกันตรงหน้ากระจก บางส่วนก็ยืนรอต่อแถวเข้าห้องน้ำกันอยู่ แต่เอลที่เพิ่งมาถึงกลับแทรกตัวเข้าไปก่อนโดยไม่สนถึงคิว
“ขอโทษนะคะ คือ...กลั้นจะไม่อยู่แล้วค่ะ” เอลอ้างแค่นั้น ทิ้งให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้แต่ยืนอึ้งกิมกี่
ส่วนเอลเมื่อเข้ามาแล้ว กลับยืนเฉยๆ ไม่ทำธุระที่ควรจะทำภายในห้องน้ำ แต่กลับมองไปตรงกระเป๋าเสื้อของตัวเองพร้อมเอ็ดมันด้วยเสียงกระซิบ
“เป็นอะไรไปน่ะ อิว จู่ๆ ก็ดิ้นเหมือนจะออกมา” คงแปลกที่คนจะตั้งชื่อกระเป๋าเสื้อตัวเองเหมือนสัตว์เลี้ยง แต่เอลกลับล้วงบางอย่างในนั้นออกมา และเมื่อได้มองชัดๆ แล้วก็พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายสุนัขหมาป่า มันคือบ๊อกชัดๆ เพียงแต่สีขนของมันเป็นสีเขียวมรกตแทน และตัวเล็กกว่าบ๊อกครึ่งหนึ่งได้ ขนาดพอที่จะเอาใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ และดูสงบเสงี่ยมกว่าอีกตัวมาก
สัตว์ที่ถูกเรียกว่า อิว ไต่ขึ้นไปบนไหล่ เอลใช้นิ้วชี้ลูบหัวมันเบาๆ
“ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอยากออกมา แต่ว่าจะให้พวกนั้นหรือใครๆ เห็นตัวไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้น...” เอลยิ้มเหมือนจะนึกสนุก
“ได้เกิดเรื่องวุ่นขึ้นแน่”