สหมงคลฟิล์มทำถูกกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจคนอยากดู Furious 7

สังคมโกลาหล เมื่อคนไม่เคารพกติกา

เพิ่งฟังทนายของทางสหมงคลฟิล์มแถลงข่าวจบเมื่อสักครู่ ผมขอสรุปสั้น ๆ ว่า
"สหมงคลฟิล์มทำถูกกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจคนอื่น"

1) สหมงคลฟิล์มโดนละเมิดสัญญาจริง (โปรดแยกแยะออกจากเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรม)

2) เรื่องการต่อสัญญา เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่เซ็นครั้งแรกที่ระบุว่าสามารถต่อสัญญาได้ด้วยการแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาล่วงหน้า 2 เดือน ซึ่งสหมงคลฟิล์มก็เล่นทริคด้วยกฎหมายปิดปากด้วยการแจ้งผ่านไปรษณีย์ตอบรับตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งถ้ามีคนเซ็นรับเท่ากับการต่อสัญญามีผลบังคับใช้ทันที (แยกให้ออกจากเรื่องเป็นสัญญาไม่เป็นธรรม อันนี้จา พนมต้องไปจัดการฟ้องยกเลิกสัญญาเอง)

3) สหมงคลฟิล์มอ้างถึงเรื่องเงินลงทุนในการปั้นจา พนม เช่นค่าดูแลภาพลักษณ์, ค่าฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ (ไม่เกี่ยวกับว่าสหมงคลฟิล์มได้กำไรจากการลงทุนแล้วจะหยวน ๆ ไป ขอยกตัวอย่างเดียวกับที่ทนายความพูดถึงก็คือ หากมีคนมาขโมยกระเป๋าคุณ พอคุณไปแจ้งตำรวจ ตำรวจบอกว่าคุณรวยแล้ว แบ่งคนอื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นอะไรไป คุณยอมไหมล่ะ?)

4) ทนายได้อ้างว่ามีการส่งจดหมายถึง Universal แล้วว่าจา พนมมีสัญญากับสหมงคลฟิล์มอยู่ และสงมงคลฟิล์มมีที่ตั้งแน่นอน การไม่ตอบกลับจึงถือว่าเป็นเจตนาละเมิด

5) ทนายความอ้างว่า จา พนมยังไม่คืนเงิน 26 ล้านค่าถ่ายทำหนังเรื่องใหม่

6) ทนายความได้แจ้งว่าให้ทาง UIP เข้ามาเจรจาเพื่อหาทางออกให้คนไทยได้ดู Furious 7

โดยสรุปความเห็นโดยส่วนตัวของผมคือ สหมงคลฟิล์มทำสัญญาเอาเปรียบจา พนมเป็นอย่างมาก แต่ตราบเท่าที่จา พนมยังไม่ยื่นฟ้องยกเลิกสัญญาก็เท่ากับว่าสัญญายังมีผลบังคับใช้อยู่นั่นแปลว่าจา พนมทำผิดสัญญาจริง

ผมอยากเห็นจา พนมได้ไปลุยฮอลลีวูดแบบนี้เนี่ยแหละ อนาคตไกลกว่าเยอะเลย (ดูอย่างอิโก อูไวส์ นักแสดงนำ The Raid) มัวแต่มาเล่นหนังของค่ายสหมงคลฟิล์มแต่ละเรื่องเพลียมาก ทั้งองค์บาก 3 ที่จา พนมควบคุมการสร้างและกำกับเอง รวมถึงต้มยำกุ้ง 2 ที่เพลียมาก แต่ก็อยากให้ไปแบบเคลียร์ ๆ เรื่องสัญญาให้จบ ไม่ใช่ทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังแบบนี้

กรณีในฐานะคนนอก เราก็เข้าใจว่าสหมงคลฟิล์มก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองในทางกฎหมาย ซึ่งทาง UIP/Universal ก็ควรเข้าไปเจรจากับทีมกฎหมายของสหมงคลฟิล์มนั่นแหละ

และเราก็เข้าใจความรู้สึกคนที่อยากดู Furious 7 ที่มองว่าเป็นเรื่องของสหมงคลฟิล์มกับจา พนมต้องไปเคลียร์กันเอง ทำไมต้องมาฟ้องศาลระงับการจัดฉายหนังด้วย ซึ่งทางสหมงคลฟิล์มก็ตอบตรงนี้ชัดเจนว่า UIP และ Universal ไม่มีนิติบุคคลในไทย (ฟังจากแถลงข่าว เข้าใจว่าทาง UIP ไม่เคยมาเจรจาเรื่องผู้ถือสัญญาจา พนม หากไปฟ้องเรียกค่าเสียหายหลังหนังฉาย ทาง UIP ไม่เคยก็ไม่มีทรัพย์สินให้ชดใช้หนี้ในประเทศไทย ดังนั้นเขาจึงต้องฟ้องศาลเพื่อระงับการฉายก่อน ให้มาเจรจาเป็นเรื่องเป็นราวค่อยว่ากัน)

เอาง่าย ๆ ว่าเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ น่ะแหละ ซึ่งเราก็เข้าใจทุกฝ่ายและอยากให้หาทางออกที่ลงตัวให้น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่