“ผณิน” จะรักนายให้หายแค้น ตอนที่ 2
เสียงตีกลองร้องเพลง .... จากท้ายรถดังเป็นระยะๆ
นักศึกษาที่จะไปเข้าค่ายรับน้องใหม่ บนรถทัวร์คันใหญ่ ต่างร้องเพลง หัวเราะเฮฮา บ้างก็กระเซ้าเย้าแหย่ กันอย่างสนุกสนาน ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างคนต่างที่มา ต่างจิตต่างใจ ต่างนิสัยใจคอ แต่มีจุดประสงค์ร่วมกัน มาใช้ชีวิตร่วมกันบนรถทัวร์คันนี้ ผณินนั่งนิ่งมองผู้คนเหล่านั้นด้วยสายตาเรียบเฉย สลับกับทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ ซึ่งเป็นทิวเขาสูงใหญ่ เรียงตัวสลับซับซ้อน ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
“เป็นอะไรหรือเปล่า...”
ณิน หันกลับไปมองต้นเสียง “อ้าว...พี่มังกร ..... เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไรแค่นั่งคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ”
“แหมเรียกพี่ซะเต็มยศเลย เรียกพี่กรเฉยๆ ก็ได้” กรตอบด้วยสีหน้าอารมณ์ดีพร้อมรอยยิ้มสะกดใจ
“พี่เห็นเรานั่งนิ่งๆ อย่างนี้ มาตั้งแต่กรุงเทพแล้ว ....ก็นึกว่าจะไม่สบายเหมือนครั้งก่อนอีก ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ ...พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”
ณินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “ครับ...” เป็นคำตอบเดียวที่หลุดออกมาจากปากเขา
“ แล้วเพื่อนคนที่อยู่กับณินล่ะไม่ได้มาด้วยหรอ ” กรส่งคำถามเพื่อเปิดประเด็นการพูดคุย
ณินตอบ “อ๋อ...ไอ้คิมอ่ะหรอครับ มันอยู่กับรถคันข้างหลังน่ะครับ พอดีเขาจัดรายชื่อไว้แล้ว”
“……..เขาน่ะ พี่เอง......ขอโทษนะพี่ไม่รู้เลยตัดรายชื่อเป็นรถอีกคันไปน่ะเลยไม่มีเพื่อนนั่งคุยไปด้วยเลย” กรพูดพร้อมทำสีหน้าสำนึกผิด พลันก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “เพื่อเป็นการไถ่โทษ พี่จะนั่งคุยเป็นเพื่อนไปก็แล้วกันนะ”
ณินได้แต่หันไปมองแววตาเป็นมิตรนั่นด้วยรอยยิ้ม มังกรดูจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม การสนทนาครั้งนี้ทำให้เขาทั้งสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น แน่นอนว่าคนที่พูดส่วนใหญ่ก็คงจะเป็น...นายมังกร
เสียงเตือนข้อความจากแอพพริเคชั่นสนทนาในโทรศัพท์ ดังขึ้น
“เงียบเลยนะ” ณินหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“อะไรของคุณชายคิมหันต์ครับ” ณินพิมพ์ตอบ
“

ไม่รู้จักใครเลย เลยไม่รู้จะคุยกับใคร” คิมตอบ
“ระดับคุณชายแล้ว แค่กระดิกนิ้วก็มีคนอยากคุยด้วยเป็นแถวแล้วล่ะ”
คิมหันต์ได้แต่เพียงอ่านข้อความโดยไม่ได้ตอบแต่อย่างใด เขาเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด ถึงเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อน
หลายวันก่อน......
หลังเลิกเรียน ณินและคิมเดินลงจากบันไดมาพร้อมกัน สายตาทั้งคู่มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนพิงรถยนต์อยู่ตรงหน้าอาคารคณะ
“เอาจริงดิ...!!!” คิมอุทาน
“เออกูก็ไม่คิดว่าจะมาจริงๆ...” ณินพูด
“ยืนมองอะไรกันอยู่ มาเร็วๆสิ...” ชายหนุ่ม ที่ทั้งสองกำลังมอง พูดเป็นการเชื้อเชิญแกมบังคับ ทั้งคู่มองหน้ากัน แล้วเดินตามขึ้นรถไปด้วยคำถามในใจมากมาย
“พี่ชื่อมังกรนะ....เรียกพี่กรเฉยๆ ก็ได้...”
“ครับผมคิม และไอ้นี่ชื่อณินครับ” คิมพูดแนะนำตัวพร้อมชี้มือไปที่ณิน
“ไม่ต้องตกใจนะ พี่รู้สึกอยากรู้จักเราสองคนน่ะ...เอาเป็นว่าพี่พาไปกินข้าวร้านประจำของพี่ดีกว่า”
ระหว่างเดินทางไปร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก แต่ด้วยสภาพรถติดในกรุงเทพ จึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ดูยาวนานขึ้น บรรยากาศภายในรถก็ไม่น่าเบื่อจนเกินไปนักเมื่อการสนทนาระหว่างมังกรกับเด็กหนุ่มต่างจังหวัดสองคน ถามตอบกันไปมาตลอดเส้นทาง ดูเหมือนว่าคิมจะพูดได้ถูกคอกับกรมากกว่า โดยมีณินนั่งฟังการสนทนาระหว่างสองคนนี้
มังกรเป็นรุ่นพี่ปีสี่ ที่ได้รับตำแหน่งเป็นประธานนักศึกษาของสาขาวิชานี้ เขาเป็นคนอัธยาสัยดี พูดเก่งจึงไม่ยากนักที่จะผูกมิตรกับใครๆ แต่แปลกที่ใครๆ กับรู้เรื่องราวส่วนตัวของเขาน้อยมาก ณินนั่งมองมังกรจากที่นั่งด้านหลัง โดยมีคิมหันต์นั่งคู่ไปกับคนขับรถรูปหล่อ
แต่แล้ว...!!!
ความรู้สึกประหลาด ก็เข้าจู่โจมความคิดภายในใจของผณิน มันเป็นความรู้สึกกังวล หวาดกลัว อย่างบอกไม่ถูก เขาเองไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าความรู้สึกดังกล่าวไม่ได้มาจากสองคนข้างหน้ารถแน่นอน ณินเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ภายในรถ สายตาไปสะดุดเข้ากับวัตถุหนึ่งที่ถูกแขวนไว้ด้านหน้าของรถ มันเป็นสร้อยลูกปัดสีดำ ด้านล่างมีกรอบพระสีเงินแขวนอยู่ เขาพยายามเพ่งมองไปยังกรอบพระนั้น สิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่พระเครื่องแต่อย่างใด มันลักษณะคล้ายๆ เขี้ยว
ทันทีที่ณิน มองไปที่เขี้ยวนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็พลันมืดลงทันใด ไม่นานสิ่งที่เขาเห็นก็ค่อยๆ ปรากฏ เป็นควันสีขาวโพยพุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง เข้าจ้องมองกลุ่มควันนั้นอย่างไม่วางตา ภาพที่เห็นยังคงไม่ชัดเจน แต่พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นสัตว์ร้ายลำตัวยาวคล้ายงูขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดคือดวงตากลมโตสีแดงกล่ำ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตพร้อมกับคมเขี้ยวสีเงินที่เปล่งประกาย ดุจจะเข้ามาทำร้ายเอาชีวิตเสียให้ได้ ....... ณินจ้องมองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยความกลัวที่เข้ามาเกาะกุมจิตใจ หัวใจเต้นแรงมือเท้าเย็นจัด ร่ายกายชาไปหมดจนขยับตัวไม่ได้
“เฮ้ยๆๆ ... ไอ้ณิน..!! ไอ้ณิน เป็นอะไรว่ะ” เสียงเรียกจากคิม ทำให้เขารู้สึกตัวอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏเมื่อครู่บัดนี้ได้เลือนหายไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ร่างของณิน ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ทั่วใบหน้า
“ป่ะๆ เปล่า......” เป็นคำตอบเดียวที่สามารถออกมาจากปากของเขา
ในร้านอาหาร ....
ขณะที่ คิมหันต์และมังกร กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผณินเองยังคงนั่งนิ่งคิดถึงเรื่องที่ตนเองได้พบเจอเมื่อครูนี้ มันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นคืออะไร และความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นั้นคืออะไรกันแน่
“ณิน เป็นอะไรรึป่าว พี่เห็นสีหน้าเราไม่ค่อยดีเลย” มังกรเอ่ยถาม ในขณะที่คิมหันต์เองก็จ้องมองเหมือนต้องการคำตอบจากเขาเช่นกัน
“รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับ ...” ณินตอบเพื่อให้ทั้งสองหยุดที่จะคาดคั้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะหากเล่าเรื่องนั้นไป ก็คงไม่มีใครเชื่อ .... “ณินขอกลับก่อนนะครับ ...ขอโทษพี่กรด้วยนะครับ ...กูกลับก่อนนะไอ้คิม”
“จะรีบไปไหน ... อาหารยังได้ไม่ครบเลย” มังกรพูดด้วยอาการสงสัย
ในขณะที่ณินเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ลุกออกจากที่นั่งไป ทิ้งให้มังกรและคิมหันต์มองหน้ากันอย่างงงงวย
“มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ คิมคบกับมันมาตั้งนานก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจมันเลยครับ.....” คิมพูดขึ้นในขณะที่กรเองยังคงสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นอันว่าขณะนี้มีแต่เพียงมังกร และคิมหันต์ อยู่กันเพียงสองคนนั้น ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็ออกจากร้านอาหาร
“บ้านคิมอยู่แถวไหนหรอ ??? ......เดี๋ยวพี่ไปส่ง” มังกรถามพร้อมเสนอตัวที่จะไปส่งคิม
“ไม่เป็นไรครับแค่พามาเลี้ยงข้าวก็ขอบคุณแล้ว อีกกอย่างวันนี้คิมต้องขอโทษแทนไอ้ณินมันด้วยนะครับที่มันทำแบบนั้น” คิมหันต์ตอบ
มังกรตัดจบบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “เอาล่ะเอาเป็นว่าพี่จะไปส่งนะขึ้นรถเลย...”
หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นเป็นบ้านปูนสองชั้น ในสภาพใหม่ หน้าบ้านมีบริเวณสนามหญ้าซึ้งก็ไม่ได้กว้างใหญ่มาก มีต้นไม่ต้นเล็กๆ สองสามต้น
“ขอบคุณนะที่ให้พี่มาส่ง ..... จะไม่ชวนพี่เข้าบ้านหน่อยหรอ”
หนุ่มน้อยยืนยิ้มกริ่มใบหน้าแดง ไม่มีเสียงคำตอบใดแต่ดูเหมือนว่า รุ่นพี่สุดหล่อจะเข้าใจดี เขาเดินตามหนุ่มน้อย มาจนถึงห้องรับแขก .......
“อยู่คนเดียวหรอ บ้านน่าอยู่จัง ถ้าพี่จะมาบ่อยๆ เจ้าของบ้านจะรำคาญไหมหนอ...”
หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษายิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ยินดีเลยล่ะครับ ขอบคุณนะครับที่เลี้ยงข้าวแถมยังมาส่งถึงบ้านอีก...”
“จะขอบคุณอะไรกันขนาดนั้น .... ขอบคุณมาตลอดทางเลยนะนั่น” มังกรพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“คิมอยู่กับพี่สาวครับ แต่วันนี้เจ้เขาคงไม่อยู่สงสัยไปค้างบ้านเพื่อนมั้งครับ” หนุ่มตี๋พูดคุยกับรุ่นพี่สุดหล่อด้วยความสนิทสนม “บ้านนี้น่ะครับ ป๊ากับม๊า ซื้อให้เจ้ไว้ตั้งแต่ที่เจ้เข้ามาเรียนน่ะครับ ตอนนี้เจ้เองก็เรียนอยู่ปีสองแล้วครับ”
“พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ...” กรบอกกับคิม
“ไปเข้าในห้องคิมดีกว่าครับ ข้างล่างเหมือนก็อกน้ำจะเสียน่ะครับ” คิมพูดพร้อมพยักหน้าเป็นการบอกให้ มังกรเดินตาม
บรรยากาศเย็นวันนี้หลังจากที่ฝนตกหนักมาตลอดเกือบทั้งวัน ฟ้าหลังฝนเปิดออกเผยให้เห็นท้องฟ้าสีส้มยามเย็น พร้อมกับสายลมเอื่อยๆ พัดให้ผ้าม่านบางๆ สีขาวในห้องของคิมพลิ้วไหว คิมยืนอยู่ใกล้กับหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปชมบรรยากาศฟ้าหลังฝนในยามเย็น
คิมสะดุ้งสุดตัว ... เมื่อปรากฏว่ามีลำแขนหนาเข้าโอบรัดเอวของเขาเอาไว้
คิมหันมองด้วยความตกใจ “..พี่กร...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากมังกร คงมีแต่ใบหน้าขาวใส ซบลงระหว่างซอกคอของคิม ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ระดมจูบไปตามลำคอของเขา ในใจคิมหันต์ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นแรงใบหน้าร้อนผ่าว ประกอบกับผิวขาวๆ ของคิม เผยให้เห็นเป็นสีชมพูระเรื่อ มือสองข้างของมังกรซุกซน โอบรัดลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จะไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะขัดขืน คงยืนนิ่งปล่อยให้รุ่นพี่ซึ่งขณะนี้คงอารมณ์ฟุ้งซ่านไปไหนต่อไหนแล้วได้ทำอะไรตามใจปราถนา มือสองข้างของรุ่นพี่สุดหล่อไล่ปลดกระดุม จากเม็ดที่หนึ่งสู่เม็ดที่สอง เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนของคิมหันต์ตี๋น้อยที่กำลังหมดทางสู้ ........
เสียงโทรศัพท์ ที่วางไว้ไม่ไกลจากจุดที่คิมยืนอยู่ ดังขึ้น....!!!
หน้าจอแสดงให้เห็นรูปภาพของปลายสายที่โทรมา “ณิน” ภาพของเพื่อนสนิทที่คิมหันต์ แคร์ความรู้สึกของเขามากที่สุด ทำให้สติของคิมหันต์กลับมา เขาขยับตัวพร้อมปัดป้องลำแขนของมังกรออกไป พร้อมกับกระชับเสื้อเข้าหากันเพื่อติดกระดุม
“เอ่อขอโทษนะครับพี่กร .... พี่กลับก่อนดีกว่า....เดี่ยวเจ้คิมกลับมาแล้วจะเป็นเรื่องน่ะครับ” คิมพูดด้วยอาการกระวนกระวาย
“พี่ทำให้ไม่พอใจรึป่าว พี่ขอโทษนะ....” มังกรซึ่งตอนนี้ก็ได้สติกลับคืนมากล่าวขอโทษ ด้วยสีหน้าที่ผิผิดหวัง
“ไม่เป็นไรครับ พี่กลับก่อนดีกว่านะ” คิมพูดพร้อมกับจูงมือมังกรออกจากห้องนอนไปส่งที่หน้าบ้าน
เมื่อมังกรขึ้นรถยนต์ เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆ สองสามครั้ง ก่อนจะขับรถออกไป
บนเตียงนอน ในห้องของคิมหันต์
“เป็นเชี่ยไรไม่รับโทรศัพท์กูเนี่ย.....” เสียงจากปลายสายถึงจะดูดุดันแต่มันแสดงถึงอารมณ์เป็นห่วง “กูแค่อยากถามว่ากลับบ้านรึยัง ข้อความไปก็ไม่ตอบ โทรก็ไม่รับ กูกลัวจะขึ้นรถเมล์ผิดสายอย่างคราวที่แล้วอีก”
“ขอโทษ....” คิมหันต์พูดพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ “เออกูมาถึงนานแล้ว ทำงานบ้านอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”
ทำไมๆ ทำไม กูถึงรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนกูกำลังทรยศ ทั้งที่ก็เป็นแค่เพื่อนกู กูรู้ว่าระหว่างเรานอกจากเพื่อนแล้วคงเป็นอะไรอื่นอีกไม่ได้ นี่กูกำลังจะทำอะไรลงไป กูแคร์ความรู้สึกขนาดนี้เลยหรอ กูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย สับสนไปหมด...... คิมหันต์เองก็ได้แต่เพียงคิดในใจ ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตนเองกับเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตเขา
“เออๆ อยู่บ้านก็ดีแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ย” ณินจบบทสนทนา
...........................................................................................
รถทัวร์กำลังแล่นเข้าสู้ ที่พักรถระหว่างทาง
“มีใครจะพักเข้าห้องน้ำ รีบๆ เลยนะให้เวลาตรงนี้ 15 นาที เพราะทางต่อไปจะไม่มีปั้มแล้ว เราคงจะถึงที่พักช่วงค่ำๆ นี้นะ” เสียงรุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้ารถประกาศให้ทุกคนบนรถทราบ
“อ่ะ กูซื้อมาให้” ณินพูดพร้อมส่งขวดน้ำอัดลมที่คิมชอบให้ “ไม่เห็นลงไป ก็เลยขึ้นมาดูน่ะ ทำไมทำหน้าเป็นตูดขนาดนั้น”
“ขอบใจนะ...” คิมหันต์รับขวดน้ำอัดลม “โคตรเซ็งเลย

จัดรายชื่อขึ้นรถ ตัดชื่อตรงกูพอดีเป็นคันที่สอง”
“เออๆ เดี๋ยวกูไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่พัก กูไปล่ะ” ผณินบอกลาเพื่อนรัก
>>>>> โปรดติดตามตอนต่อไป
“ผณิน” จะรักนายให้หายแค้น ตอนที่ 2 [ช/ช]
เสียงตีกลองร้องเพลง .... จากท้ายรถดังเป็นระยะๆ
นักศึกษาที่จะไปเข้าค่ายรับน้องใหม่ บนรถทัวร์คันใหญ่ ต่างร้องเพลง หัวเราะเฮฮา บ้างก็กระเซ้าเย้าแหย่ กันอย่างสนุกสนาน ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างคนต่างที่มา ต่างจิตต่างใจ ต่างนิสัยใจคอ แต่มีจุดประสงค์ร่วมกัน มาใช้ชีวิตร่วมกันบนรถทัวร์คันนี้ ผณินนั่งนิ่งมองผู้คนเหล่านั้นด้วยสายตาเรียบเฉย สลับกับทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ ซึ่งเป็นทิวเขาสูงใหญ่ เรียงตัวสลับซับซ้อน ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
“เป็นอะไรหรือเปล่า...”
ณิน หันกลับไปมองต้นเสียง “อ้าว...พี่มังกร ..... เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไรแค่นั่งคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ”
“แหมเรียกพี่ซะเต็มยศเลย เรียกพี่กรเฉยๆ ก็ได้” กรตอบด้วยสีหน้าอารมณ์ดีพร้อมรอยยิ้มสะกดใจ
“พี่เห็นเรานั่งนิ่งๆ อย่างนี้ มาตั้งแต่กรุงเทพแล้ว ....ก็นึกว่าจะไม่สบายเหมือนครั้งก่อนอีก ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ ...พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”
ณินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “ครับ...” เป็นคำตอบเดียวที่หลุดออกมาจากปากเขา
“ แล้วเพื่อนคนที่อยู่กับณินล่ะไม่ได้มาด้วยหรอ ” กรส่งคำถามเพื่อเปิดประเด็นการพูดคุย
ณินตอบ “อ๋อ...ไอ้คิมอ่ะหรอครับ มันอยู่กับรถคันข้างหลังน่ะครับ พอดีเขาจัดรายชื่อไว้แล้ว”
“……..เขาน่ะ พี่เอง......ขอโทษนะพี่ไม่รู้เลยตัดรายชื่อเป็นรถอีกคันไปน่ะเลยไม่มีเพื่อนนั่งคุยไปด้วยเลย” กรพูดพร้อมทำสีหน้าสำนึกผิด พลันก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “เพื่อเป็นการไถ่โทษ พี่จะนั่งคุยเป็นเพื่อนไปก็แล้วกันนะ”
ณินได้แต่หันไปมองแววตาเป็นมิตรนั่นด้วยรอยยิ้ม มังกรดูจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม การสนทนาครั้งนี้ทำให้เขาทั้งสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น แน่นอนว่าคนที่พูดส่วนใหญ่ก็คงจะเป็น...นายมังกร
เสียงเตือนข้อความจากแอพพริเคชั่นสนทนาในโทรศัพท์ ดังขึ้น
“เงียบเลยนะ” ณินหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“อะไรของคุณชายคิมหันต์ครับ” ณินพิมพ์ตอบ
“
“ระดับคุณชายแล้ว แค่กระดิกนิ้วก็มีคนอยากคุยด้วยเป็นแถวแล้วล่ะ”
คิมหันต์ได้แต่เพียงอ่านข้อความโดยไม่ได้ตอบแต่อย่างใด เขาเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด ถึงเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อน
หลายวันก่อน......
หลังเลิกเรียน ณินและคิมเดินลงจากบันไดมาพร้อมกัน สายตาทั้งคู่มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนพิงรถยนต์อยู่ตรงหน้าอาคารคณะ
“เอาจริงดิ...!!!” คิมอุทาน
“เออกูก็ไม่คิดว่าจะมาจริงๆ...” ณินพูด
“ยืนมองอะไรกันอยู่ มาเร็วๆสิ...” ชายหนุ่ม ที่ทั้งสองกำลังมอง พูดเป็นการเชื้อเชิญแกมบังคับ ทั้งคู่มองหน้ากัน แล้วเดินตามขึ้นรถไปด้วยคำถามในใจมากมาย
“พี่ชื่อมังกรนะ....เรียกพี่กรเฉยๆ ก็ได้...”
“ครับผมคิม และไอ้นี่ชื่อณินครับ” คิมพูดแนะนำตัวพร้อมชี้มือไปที่ณิน
“ไม่ต้องตกใจนะ พี่รู้สึกอยากรู้จักเราสองคนน่ะ...เอาเป็นว่าพี่พาไปกินข้าวร้านประจำของพี่ดีกว่า”
ระหว่างเดินทางไปร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก แต่ด้วยสภาพรถติดในกรุงเทพ จึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ดูยาวนานขึ้น บรรยากาศภายในรถก็ไม่น่าเบื่อจนเกินไปนักเมื่อการสนทนาระหว่างมังกรกับเด็กหนุ่มต่างจังหวัดสองคน ถามตอบกันไปมาตลอดเส้นทาง ดูเหมือนว่าคิมจะพูดได้ถูกคอกับกรมากกว่า โดยมีณินนั่งฟังการสนทนาระหว่างสองคนนี้
มังกรเป็นรุ่นพี่ปีสี่ ที่ได้รับตำแหน่งเป็นประธานนักศึกษาของสาขาวิชานี้ เขาเป็นคนอัธยาสัยดี พูดเก่งจึงไม่ยากนักที่จะผูกมิตรกับใครๆ แต่แปลกที่ใครๆ กับรู้เรื่องราวส่วนตัวของเขาน้อยมาก ณินนั่งมองมังกรจากที่นั่งด้านหลัง โดยมีคิมหันต์นั่งคู่ไปกับคนขับรถรูปหล่อ
แต่แล้ว...!!!
ความรู้สึกประหลาด ก็เข้าจู่โจมความคิดภายในใจของผณิน มันเป็นความรู้สึกกังวล หวาดกลัว อย่างบอกไม่ถูก เขาเองไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าความรู้สึกดังกล่าวไม่ได้มาจากสองคนข้างหน้ารถแน่นอน ณินเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ภายในรถ สายตาไปสะดุดเข้ากับวัตถุหนึ่งที่ถูกแขวนไว้ด้านหน้าของรถ มันเป็นสร้อยลูกปัดสีดำ ด้านล่างมีกรอบพระสีเงินแขวนอยู่ เขาพยายามเพ่งมองไปยังกรอบพระนั้น สิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่พระเครื่องแต่อย่างใด มันลักษณะคล้ายๆ เขี้ยว
ทันทีที่ณิน มองไปที่เขี้ยวนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็พลันมืดลงทันใด ไม่นานสิ่งที่เขาเห็นก็ค่อยๆ ปรากฏ เป็นควันสีขาวโพยพุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง เข้าจ้องมองกลุ่มควันนั้นอย่างไม่วางตา ภาพที่เห็นยังคงไม่ชัดเจน แต่พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นสัตว์ร้ายลำตัวยาวคล้ายงูขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดคือดวงตากลมโตสีแดงกล่ำ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตพร้อมกับคมเขี้ยวสีเงินที่เปล่งประกาย ดุจจะเข้ามาทำร้ายเอาชีวิตเสียให้ได้ ....... ณินจ้องมองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยความกลัวที่เข้ามาเกาะกุมจิตใจ หัวใจเต้นแรงมือเท้าเย็นจัด ร่ายกายชาไปหมดจนขยับตัวไม่ได้
“เฮ้ยๆๆ ... ไอ้ณิน..!! ไอ้ณิน เป็นอะไรว่ะ” เสียงเรียกจากคิม ทำให้เขารู้สึกตัวอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏเมื่อครู่บัดนี้ได้เลือนหายไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ร่างของณิน ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ทั่วใบหน้า
“ป่ะๆ เปล่า......” เป็นคำตอบเดียวที่สามารถออกมาจากปากของเขา
ในร้านอาหาร ....
ขณะที่ คิมหันต์และมังกร กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผณินเองยังคงนั่งนิ่งคิดถึงเรื่องที่ตนเองได้พบเจอเมื่อครูนี้ มันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นคืออะไร และความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นั้นคืออะไรกันแน่
“ณิน เป็นอะไรรึป่าว พี่เห็นสีหน้าเราไม่ค่อยดีเลย” มังกรเอ่ยถาม ในขณะที่คิมหันต์เองก็จ้องมองเหมือนต้องการคำตอบจากเขาเช่นกัน
“รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับ ...” ณินตอบเพื่อให้ทั้งสองหยุดที่จะคาดคั้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะหากเล่าเรื่องนั้นไป ก็คงไม่มีใครเชื่อ .... “ณินขอกลับก่อนนะครับ ...ขอโทษพี่กรด้วยนะครับ ...กูกลับก่อนนะไอ้คิม”
“จะรีบไปไหน ... อาหารยังได้ไม่ครบเลย” มังกรพูดด้วยอาการสงสัย
ในขณะที่ณินเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ลุกออกจากที่นั่งไป ทิ้งให้มังกรและคิมหันต์มองหน้ากันอย่างงงงวย
“มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ คิมคบกับมันมาตั้งนานก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจมันเลยครับ.....” คิมพูดขึ้นในขณะที่กรเองยังคงสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นอันว่าขณะนี้มีแต่เพียงมังกร และคิมหันต์ อยู่กันเพียงสองคนนั้น ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็ออกจากร้านอาหาร
“บ้านคิมอยู่แถวไหนหรอ ??? ......เดี๋ยวพี่ไปส่ง” มังกรถามพร้อมเสนอตัวที่จะไปส่งคิม
“ไม่เป็นไรครับแค่พามาเลี้ยงข้าวก็ขอบคุณแล้ว อีกกอย่างวันนี้คิมต้องขอโทษแทนไอ้ณินมันด้วยนะครับที่มันทำแบบนั้น” คิมหันต์ตอบ
มังกรตัดจบบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “เอาล่ะเอาเป็นว่าพี่จะไปส่งนะขึ้นรถเลย...”
หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นเป็นบ้านปูนสองชั้น ในสภาพใหม่ หน้าบ้านมีบริเวณสนามหญ้าซึ้งก็ไม่ได้กว้างใหญ่มาก มีต้นไม่ต้นเล็กๆ สองสามต้น
“ขอบคุณนะที่ให้พี่มาส่ง ..... จะไม่ชวนพี่เข้าบ้านหน่อยหรอ”
หนุ่มน้อยยืนยิ้มกริ่มใบหน้าแดง ไม่มีเสียงคำตอบใดแต่ดูเหมือนว่า รุ่นพี่สุดหล่อจะเข้าใจดี เขาเดินตามหนุ่มน้อย มาจนถึงห้องรับแขก .......
“อยู่คนเดียวหรอ บ้านน่าอยู่จัง ถ้าพี่จะมาบ่อยๆ เจ้าของบ้านจะรำคาญไหมหนอ...”
หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษายิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ยินดีเลยล่ะครับ ขอบคุณนะครับที่เลี้ยงข้าวแถมยังมาส่งถึงบ้านอีก...”
“จะขอบคุณอะไรกันขนาดนั้น .... ขอบคุณมาตลอดทางเลยนะนั่น” มังกรพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“คิมอยู่กับพี่สาวครับ แต่วันนี้เจ้เขาคงไม่อยู่สงสัยไปค้างบ้านเพื่อนมั้งครับ” หนุ่มตี๋พูดคุยกับรุ่นพี่สุดหล่อด้วยความสนิทสนม “บ้านนี้น่ะครับ ป๊ากับม๊า ซื้อให้เจ้ไว้ตั้งแต่ที่เจ้เข้ามาเรียนน่ะครับ ตอนนี้เจ้เองก็เรียนอยู่ปีสองแล้วครับ”
“พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ...” กรบอกกับคิม
“ไปเข้าในห้องคิมดีกว่าครับ ข้างล่างเหมือนก็อกน้ำจะเสียน่ะครับ” คิมพูดพร้อมพยักหน้าเป็นการบอกให้ มังกรเดินตาม
บรรยากาศเย็นวันนี้หลังจากที่ฝนตกหนักมาตลอดเกือบทั้งวัน ฟ้าหลังฝนเปิดออกเผยให้เห็นท้องฟ้าสีส้มยามเย็น พร้อมกับสายลมเอื่อยๆ พัดให้ผ้าม่านบางๆ สีขาวในห้องของคิมพลิ้วไหว คิมยืนอยู่ใกล้กับหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปชมบรรยากาศฟ้าหลังฝนในยามเย็น
คิมสะดุ้งสุดตัว ... เมื่อปรากฏว่ามีลำแขนหนาเข้าโอบรัดเอวของเขาเอาไว้
คิมหันมองด้วยความตกใจ “..พี่กร...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากมังกร คงมีแต่ใบหน้าขาวใส ซบลงระหว่างซอกคอของคิม ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ระดมจูบไปตามลำคอของเขา ในใจคิมหันต์ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นแรงใบหน้าร้อนผ่าว ประกอบกับผิวขาวๆ ของคิม เผยให้เห็นเป็นสีชมพูระเรื่อ มือสองข้างของมังกรซุกซน โอบรัดลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จะไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะขัดขืน คงยืนนิ่งปล่อยให้รุ่นพี่ซึ่งขณะนี้คงอารมณ์ฟุ้งซ่านไปไหนต่อไหนแล้วได้ทำอะไรตามใจปราถนา มือสองข้างของรุ่นพี่สุดหล่อไล่ปลดกระดุม จากเม็ดที่หนึ่งสู่เม็ดที่สอง เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนของคิมหันต์ตี๋น้อยที่กำลังหมดทางสู้ ........
เสียงโทรศัพท์ ที่วางไว้ไม่ไกลจากจุดที่คิมยืนอยู่ ดังขึ้น....!!!
หน้าจอแสดงให้เห็นรูปภาพของปลายสายที่โทรมา “ณิน” ภาพของเพื่อนสนิทที่คิมหันต์ แคร์ความรู้สึกของเขามากที่สุด ทำให้สติของคิมหันต์กลับมา เขาขยับตัวพร้อมปัดป้องลำแขนของมังกรออกไป พร้อมกับกระชับเสื้อเข้าหากันเพื่อติดกระดุม
“เอ่อขอโทษนะครับพี่กร .... พี่กลับก่อนดีกว่า....เดี่ยวเจ้คิมกลับมาแล้วจะเป็นเรื่องน่ะครับ” คิมพูดด้วยอาการกระวนกระวาย
“พี่ทำให้ไม่พอใจรึป่าว พี่ขอโทษนะ....” มังกรซึ่งตอนนี้ก็ได้สติกลับคืนมากล่าวขอโทษ ด้วยสีหน้าที่ผิผิดหวัง
“ไม่เป็นไรครับ พี่กลับก่อนดีกว่านะ” คิมพูดพร้อมกับจูงมือมังกรออกจากห้องนอนไปส่งที่หน้าบ้าน
เมื่อมังกรขึ้นรถยนต์ เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆ สองสามครั้ง ก่อนจะขับรถออกไป
บนเตียงนอน ในห้องของคิมหันต์
“เป็นเชี่ยไรไม่รับโทรศัพท์กูเนี่ย.....” เสียงจากปลายสายถึงจะดูดุดันแต่มันแสดงถึงอารมณ์เป็นห่วง “กูแค่อยากถามว่ากลับบ้านรึยัง ข้อความไปก็ไม่ตอบ โทรก็ไม่รับ กูกลัวจะขึ้นรถเมล์ผิดสายอย่างคราวที่แล้วอีก”
“ขอโทษ....” คิมหันต์พูดพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ “เออกูมาถึงนานแล้ว ทำงานบ้านอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”
ทำไมๆ ทำไม กูถึงรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนกูกำลังทรยศ ทั้งที่ก็เป็นแค่เพื่อนกู กูรู้ว่าระหว่างเรานอกจากเพื่อนแล้วคงเป็นอะไรอื่นอีกไม่ได้ นี่กูกำลังจะทำอะไรลงไป กูแคร์ความรู้สึกขนาดนี้เลยหรอ กูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย สับสนไปหมด...... คิมหันต์เองก็ได้แต่เพียงคิดในใจ ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตนเองกับเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตเขา
“เออๆ อยู่บ้านก็ดีแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ย” ณินจบบทสนทนา
รถทัวร์กำลังแล่นเข้าสู้ ที่พักรถระหว่างทาง
“มีใครจะพักเข้าห้องน้ำ รีบๆ เลยนะให้เวลาตรงนี้ 15 นาที เพราะทางต่อไปจะไม่มีปั้มแล้ว เราคงจะถึงที่พักช่วงค่ำๆ นี้นะ” เสียงรุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้ารถประกาศให้ทุกคนบนรถทราบ
“อ่ะ กูซื้อมาให้” ณินพูดพร้อมส่งขวดน้ำอัดลมที่คิมชอบให้ “ไม่เห็นลงไป ก็เลยขึ้นมาดูน่ะ ทำไมทำหน้าเป็นตูดขนาดนั้น”
“ขอบใจนะ...” คิมหันต์รับขวดน้ำอัดลม “โคตรเซ็งเลย
“เออๆ เดี๋ยวกูไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่พัก กูไปล่ะ” ผณินบอกลาเพื่อนรัก
>>>>> โปรดติดตามตอนต่อไป