เราเพิ่งไปทำวีซ่าอเมริกา ของเราไปทำคนเดียว วีซ่าประเภท B คือท่องเที่ยวนะคะ
คือว่าเพิ่งรู้ว่าแบบที่เราทำเค้าเพิ่งมีการปรับเปลี่ยนให้ ขั้นตอนมันรวดเร็วยิ่งขึ้นคะ
1. คุณต้องทำกรอกเอกสาร DS-160 ก่อนคะ โดยเข้าไปที่
https://ceac.state.gov/genniv/ เพื่อทำการกรอกข้อมูลนะคะ หรือเพื่อนๆสามารถอ่านวิธีและขึ้นตอนการขอวีซ่าจากที่นี่ได้นะคะ
A.
http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf อันนี้เป็นวิธีกรอก
B.
http://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html?firstTime=No อันนี้เป็นขั้นตอนการขอวีซ่าคะ
ส่วนตัวแล้วเราทำการกรอก DS-160 ก่อนแล้วแล้วจึงมาสร้างโปรไฟล์ใน Link B คะ
2. หลังจากกรอก DS-160 เสร็จแล้วเราต้องทำการชำระค่าวีซ่าคะ คือเราต้องสร้าง Profile จาก link B ให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปคลิกชำระเงิน เราเลือกแบบชำระเงินที่ธนาคารเองคะ ลองอ่านจาก link ดูนะคะเราจะไม่ขออธิบายมากนะคะอันนี้
3. หลังจากที่เราจ่ายเงินเค้าก็จะส่งเมล์มาหาเราคะ
.” Receipt number 83300824419 has been activated and you can now schedule an appointment athttp://www.ustraveldocs.com/th”
คือบิลเลขที่นี้สามารใช้งานได้ หลังจากนั้นก็เข้าเวปตาม Link เพื่อนทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าคะ
4. เตรียมเอกสารไปสมัภาษณ์คะ เราขอแบ่งเป็นสองส่วนนะคะ
ก. เอกสารชุดนี้จะใช้ตลอดที่คุณไปทำเรื่องเลยคะสำคัญมาก
- DS-160 เอาหน้าแรกแผ่นเดียวนะคะ
- Passport
ข. เอกสารที่คุณจะต้องแสดงต่อเมื่อพนักงานขอคะคุณก็ต้อง มโนเอานะคะว่ามีเอกสารอะไรบ้างที่คุณจะแสดงตัวตนของคุณที่เมื่องไทย เอกสารแสดงว่าคุณมีพันธผูกพันที่เมืองไทย ไปแล้วกลับมาแน่ๆคะอย่างเช่นนะคะ
- บัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองงาน
- ใบรับรองเงินเดือน
- Statement รายได้
- เอกสารเปลี่ยนชื่อ นามสกุล
- Bank การันตีเงินในบัญชี
- เอกสารการจดทะเบียนร้าน กรณีเป็นเจ้าของกิจการ
แล้วก็ อย่างอื่นที่คุณคิดว่า จะสำแดงให้เค้าดูอะคะว่าคุณมาอะไรบ้าง
ที่ลืมไม่ได้ที่เราไม่ได้พูดถึงคือ รูป ตามแบบที่ทางสถานทูตกำหนดนะคะ1 ใบเท่านั้นคะ
5. เดินทางไปสัมภาษณ์ คุณควรไปก่อนเวลาซัก 1 ชม. นะคะเพราะขั้นตอดในการต่อคิวเราไม่รู้เลยว่าคนจะมาเยอะมั้ยดังนั้นไปก่อนเป็นดีคะ ในขณะที่ยืนต่อแถว ให้คุณเอาเอกสารชุด ก. ที่เราบอกไว้ข้างต้นออกมาถือเลยคะซักพักจะมีพนักงานมาถามคุณว่า นัดสัมภาษณ์ กี่โมง ขอดูพาสปอร์ท เค้าจะเขียนเวลาที่คุณแจ้งที่ใบ DS-160 ของคุณด้วย ปากกาเมจิก พร้อมกับเช็คชื่อในเอกสารของเค้า แล้วก็ให้บัตรคิวเล็กๆให้เราถือไวคะ ต่อมาก็ปิดมือถือและเอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ออกมาเตรียมคู่กับมือถือเพื่อ ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่คะ
กระเป๋านำเข้าไปได้นะคะแต่ ทางสถานทูตไม่อนุญาตให้คุณเอา notebook Tablet PowerBank หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคอื่นใดเข้าไป หูฟังก็ด้วยคะ ถ้ามีพกไปด้วยวันนั้นคุณต้องเอาไปฝากที่ร้านรับฝากของคะคือต้องเดินไปอีก ซึ่งเราคิดว่าทำให้เสียเวลาและเสียคิวสำหรับคนที่เดินทางไปคนเดียวอย่างเรานะ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องพกอะไรมาให้มันวุ่นวายดีกว่าคะ ส่วนตัวเราแล้วอ่านมาจากเนตเยอะทำการบ้านมาพอควรคะ เลยไม่มีปัญหาอะไรกับพนักงาน ขอบอกว่าพนักงานที่นี่เข็มงวดมากคะเราคิกว่าคงเป็นเพราะมีผู้ที่จะมาขอวีซ่าจำนวนมากนะ แล้วเค้าก็ต้องการให้บริการอย่างเป็นระเบียบ เพื่อความรวดเร็ว ปลอดภัย จึงดูเหมือนว่าพนักงานจะดุนิดนึงคะสำหรับคนที่เยอะ เข้าใจนะคะ ดังนั้นทำตามกฎดีก่านะ อะประตูแรก เข้าแถวมาได้สักพัก เอกสารพร้อม มือถือพร้อม เอาบัตรคิวที่ได้ให้กับพนักงานคะ แล้วเดินเข้าประตูแรกกันเลย เข้ามาก็ยื่นโทรศัพท์และบัตร ให้พนักงานรับฝากคะ จากนั้นเดินมาเอากระเป่าและของทุกอย่างที่มีใส่ตะกร้าเพื่อสแกนคะ ย้ำนะทุกอย่า ผ้าเช็ดหน้าก็ด้วย หลังจากของของเราผ่านเครื่องสแกน พนักงานจะเรียกไปสแกนตัวคะ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็เดินมารับ กระเป๋าและสัมภาระ แล้วเดินเข้าประตูที่สองกันคะ
6. รอเช็คเอกสารและรับ tracking บาร์โค๊ด หลังจากเค้ามาก็จะเจอตู้พนักงานสองตู้คะ เราต้องดูว่าเวลาเราสัมภาษณ์กี่โมงนะคะเมื่อถึงเวลาพนักงานจะเรียกเราเข้าแถว เช็คเอกสารคะ ตู้แรกเค้าจะเช็คเอกสารพร้อมถามเรื่องวีซ่า ว่าเคยมรวีซ่า US มั้ย ก็ตอบไปคะ ช่องที่สองเค้าจะสอบถามชื่อและบาร์โค๊ตติดที่พาสปอร์ทเรา ให้เราจดเอาไว้นะคะ Tracking ที่ติดอยุ่กับพาสปอร์ท มันจะเอาไว้ติดตามเอกสารของเราหลังจากเราผ่านการสัมภาษคะ
7. ประตูที่สาม เดินเข้ามาแล้วก็ต้องเข้าแถวอีกละคะอันนี้จะเป็นขั้นตอนของการพิมพ์ลายนิ้วมือและเช็คเอกสาร ช่องที่เราจะต้องเดินเข้าคือ 12-15 นะคะคือว่ามันจะเป็นช่องๆมีเลขติดไว้ เข้าไปก็กวาดหูกวานตาอ่านไรบ้าง ก็จะรู้คะ ด่านนี้เค้าจะสอบถามเรานิดหน่อยนะ ขื่อเคยเปลี่ยนมั้ย เบอร์โทร ไรแบบนี้ เช็คเอกสาร แล้วก็ขอรูปเราเพื่อเอาไปติดในเอกสาร DS-160 คะ จากนั้น เค้าก็จะพับเอกสารห่อพาสปอร์ทเอาไว้พร้อมกับออก บาร์โคต์แล้วก็บอกว่าเด๋วไปช่องที่ 10 ให้เอาด้านที่มีบาร์โค๊ตแบบกระจกให้เค้าคะ
8. ช่อง 10 พนักงานเป็นแหม่ฝรั่งคะ เอาเอกสารแปะกระจกให้เค้าก็ยิงบาร์โค๊ตแล้วก็พูดแบบไม่ชัดว่า ซ้าย ซ้าย สี่นิ้ว เพื่อนสแกน นิ้วมืออีกรอบคะ ผ่านจากตรงนี้ก็ไปสัมภาษณ์กันคะ
9. ต่อคิวสัมภาษณ์ ขอบอกว่าตื่นเต้นมากคะไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง ก็เราไม่ได้เก่งภาษาแล้วก็ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้มาเลยกะว่าถามไรมาก็ตอบตามความเป็นจริงเพราะเราไปเที่ยวจริงๆนี่เนอะ อะถึงตาเราแล้วเราได้ช่องที่เป็นฝรั่งผู้ชายคะ พูดภาษาไทยใส่เราเลย คำถามที่เราโดนก็จะเป็น จะไปเมืองอะไร ไปทำอะไร ไปกี่วัน ทำงานอะไร มีเพื่อนที่โน่นมั้ย อะไรแบบนี้คะ ซึ่งเราก็ตอบไปตามความเป็นจริง ที่แปลกใจคือ เอกสารที่เราเตรียมไปร้อยแปด กลับไม่ได้ใช้เลย เค้าแค่ดูข้อมูลใน DS-160 ที่เรากรอก online ไปเท่านั้นคะ แล้วก็ตบด้วยยิดีด้วยคุณผ่านการสัมภาษณ์ เย่ ผ่านแล้วก็เดนไปรับของที่ฝากแล้วกลับบ้านได้เลยคะ เราใช้เวลาขอวีซ่าประมาณ 1 ชม. เท่านั้นคะ ไม่ได้นานอย่างที่คิด
โดยส่วนตัวแล้วการกรอกเอกสาร DS-160 เป็นสิ่งสำคัญคะคุณควรจะกรอกตามความเป็นจริงและละเอียดถูกต้องคะ ส่วนการสัมภาษณ์ก็ตอบไปตามตรงเลยคะ เราเห็นคนนึงที่สัมภาษณ์ก่อนเราเค้าไปหาแฟนก็ยังขอได้นะคะ แต่ถ้าน้องๆที่จะไปขอวีซ่าเพื่อนเรียนต่อ ก็ต้องเตรียมตัวไปด้วยนะคะเพราะ เค้าจะถามเยอะพอควรและก็ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยคะ ขอวีซ่าเมกา ไม่ยาก ไม่โหด อย่างที่เค้าว่ากันเลยคะ เตรียมตัว และเอกสารดีดี ผ่านจร้า เรารับรอง
สุดท้ายเราหวังว่าวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยคะ
อัพเดต วีซ่าอเมริกา 58
คือว่าเพิ่งรู้ว่าแบบที่เราทำเค้าเพิ่งมีการปรับเปลี่ยนให้ ขั้นตอนมันรวดเร็วยิ่งขึ้นคะ
1. คุณต้องทำกรอกเอกสาร DS-160 ก่อนคะ โดยเข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/ เพื่อทำการกรอกข้อมูลนะคะ หรือเพื่อนๆสามารถอ่านวิธีและขึ้นตอนการขอวีซ่าจากที่นี่ได้นะคะ
A. http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf อันนี้เป็นวิธีกรอก
B. http://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html?firstTime=No อันนี้เป็นขั้นตอนการขอวีซ่าคะ
ส่วนตัวแล้วเราทำการกรอก DS-160 ก่อนแล้วแล้วจึงมาสร้างโปรไฟล์ใน Link B คะ
2. หลังจากกรอก DS-160 เสร็จแล้วเราต้องทำการชำระค่าวีซ่าคะ คือเราต้องสร้าง Profile จาก link B ให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปคลิกชำระเงิน เราเลือกแบบชำระเงินที่ธนาคารเองคะ ลองอ่านจาก link ดูนะคะเราจะไม่ขออธิบายมากนะคะอันนี้
3. หลังจากที่เราจ่ายเงินเค้าก็จะส่งเมล์มาหาเราคะ
.” Receipt number 83300824419 has been activated and you can now schedule an appointment athttp://www.ustraveldocs.com/th”
คือบิลเลขที่นี้สามารใช้งานได้ หลังจากนั้นก็เข้าเวปตาม Link เพื่อนทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าคะ
4. เตรียมเอกสารไปสมัภาษณ์คะ เราขอแบ่งเป็นสองส่วนนะคะ
ก. เอกสารชุดนี้จะใช้ตลอดที่คุณไปทำเรื่องเลยคะสำคัญมาก
- DS-160 เอาหน้าแรกแผ่นเดียวนะคะ
- Passport
ข. เอกสารที่คุณจะต้องแสดงต่อเมื่อพนักงานขอคะคุณก็ต้อง มโนเอานะคะว่ามีเอกสารอะไรบ้างที่คุณจะแสดงตัวตนของคุณที่เมื่องไทย เอกสารแสดงว่าคุณมีพันธผูกพันที่เมืองไทย ไปแล้วกลับมาแน่ๆคะอย่างเช่นนะคะ
- บัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองงาน
- ใบรับรองเงินเดือน
- Statement รายได้
- เอกสารเปลี่ยนชื่อ นามสกุล
- Bank การันตีเงินในบัญชี
- เอกสารการจดทะเบียนร้าน กรณีเป็นเจ้าของกิจการ
แล้วก็ อย่างอื่นที่คุณคิดว่า จะสำแดงให้เค้าดูอะคะว่าคุณมาอะไรบ้าง
ที่ลืมไม่ได้ที่เราไม่ได้พูดถึงคือ รูป ตามแบบที่ทางสถานทูตกำหนดนะคะ1 ใบเท่านั้นคะ
5. เดินทางไปสัมภาษณ์ คุณควรไปก่อนเวลาซัก 1 ชม. นะคะเพราะขั้นตอดในการต่อคิวเราไม่รู้เลยว่าคนจะมาเยอะมั้ยดังนั้นไปก่อนเป็นดีคะ ในขณะที่ยืนต่อแถว ให้คุณเอาเอกสารชุด ก. ที่เราบอกไว้ข้างต้นออกมาถือเลยคะซักพักจะมีพนักงานมาถามคุณว่า นัดสัมภาษณ์ กี่โมง ขอดูพาสปอร์ท เค้าจะเขียนเวลาที่คุณแจ้งที่ใบ DS-160 ของคุณด้วย ปากกาเมจิก พร้อมกับเช็คชื่อในเอกสารของเค้า แล้วก็ให้บัตรคิวเล็กๆให้เราถือไวคะ ต่อมาก็ปิดมือถือและเอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ออกมาเตรียมคู่กับมือถือเพื่อ ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่คะ
กระเป๋านำเข้าไปได้นะคะแต่ ทางสถานทูตไม่อนุญาตให้คุณเอา notebook Tablet PowerBank หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคอื่นใดเข้าไป หูฟังก็ด้วยคะ ถ้ามีพกไปด้วยวันนั้นคุณต้องเอาไปฝากที่ร้านรับฝากของคะคือต้องเดินไปอีก ซึ่งเราคิดว่าทำให้เสียเวลาและเสียคิวสำหรับคนที่เดินทางไปคนเดียวอย่างเรานะ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องพกอะไรมาให้มันวุ่นวายดีกว่าคะ ส่วนตัวเราแล้วอ่านมาจากเนตเยอะทำการบ้านมาพอควรคะ เลยไม่มีปัญหาอะไรกับพนักงาน ขอบอกว่าพนักงานที่นี่เข็มงวดมากคะเราคิกว่าคงเป็นเพราะมีผู้ที่จะมาขอวีซ่าจำนวนมากนะ แล้วเค้าก็ต้องการให้บริการอย่างเป็นระเบียบ เพื่อความรวดเร็ว ปลอดภัย จึงดูเหมือนว่าพนักงานจะดุนิดนึงคะสำหรับคนที่เยอะ เข้าใจนะคะ ดังนั้นทำตามกฎดีก่านะ อะประตูแรก เข้าแถวมาได้สักพัก เอกสารพร้อม มือถือพร้อม เอาบัตรคิวที่ได้ให้กับพนักงานคะ แล้วเดินเข้าประตูแรกกันเลย เข้ามาก็ยื่นโทรศัพท์และบัตร ให้พนักงานรับฝากคะ จากนั้นเดินมาเอากระเป่าและของทุกอย่างที่มีใส่ตะกร้าเพื่อสแกนคะ ย้ำนะทุกอย่า ผ้าเช็ดหน้าก็ด้วย หลังจากของของเราผ่านเครื่องสแกน พนักงานจะเรียกไปสแกนตัวคะ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็เดินมารับ กระเป๋าและสัมภาระ แล้วเดินเข้าประตูที่สองกันคะ
6. รอเช็คเอกสารและรับ tracking บาร์โค๊ด หลังจากเค้ามาก็จะเจอตู้พนักงานสองตู้คะ เราต้องดูว่าเวลาเราสัมภาษณ์กี่โมงนะคะเมื่อถึงเวลาพนักงานจะเรียกเราเข้าแถว เช็คเอกสารคะ ตู้แรกเค้าจะเช็คเอกสารพร้อมถามเรื่องวีซ่า ว่าเคยมรวีซ่า US มั้ย ก็ตอบไปคะ ช่องที่สองเค้าจะสอบถามชื่อและบาร์โค๊ตติดที่พาสปอร์ทเรา ให้เราจดเอาไว้นะคะ Tracking ที่ติดอยุ่กับพาสปอร์ท มันจะเอาไว้ติดตามเอกสารของเราหลังจากเราผ่านการสัมภาษคะ
7. ประตูที่สาม เดินเข้ามาแล้วก็ต้องเข้าแถวอีกละคะอันนี้จะเป็นขั้นตอนของการพิมพ์ลายนิ้วมือและเช็คเอกสาร ช่องที่เราจะต้องเดินเข้าคือ 12-15 นะคะคือว่ามันจะเป็นช่องๆมีเลขติดไว้ เข้าไปก็กวาดหูกวานตาอ่านไรบ้าง ก็จะรู้คะ ด่านนี้เค้าจะสอบถามเรานิดหน่อยนะ ขื่อเคยเปลี่ยนมั้ย เบอร์โทร ไรแบบนี้ เช็คเอกสาร แล้วก็ขอรูปเราเพื่อเอาไปติดในเอกสาร DS-160 คะ จากนั้น เค้าก็จะพับเอกสารห่อพาสปอร์ทเอาไว้พร้อมกับออก บาร์โคต์แล้วก็บอกว่าเด๋วไปช่องที่ 10 ให้เอาด้านที่มีบาร์โค๊ตแบบกระจกให้เค้าคะ
8. ช่อง 10 พนักงานเป็นแหม่ฝรั่งคะ เอาเอกสารแปะกระจกให้เค้าก็ยิงบาร์โค๊ตแล้วก็พูดแบบไม่ชัดว่า ซ้าย ซ้าย สี่นิ้ว เพื่อนสแกน นิ้วมืออีกรอบคะ ผ่านจากตรงนี้ก็ไปสัมภาษณ์กันคะ
9. ต่อคิวสัมภาษณ์ ขอบอกว่าตื่นเต้นมากคะไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง ก็เราไม่ได้เก่งภาษาแล้วก็ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้มาเลยกะว่าถามไรมาก็ตอบตามความเป็นจริงเพราะเราไปเที่ยวจริงๆนี่เนอะ อะถึงตาเราแล้วเราได้ช่องที่เป็นฝรั่งผู้ชายคะ พูดภาษาไทยใส่เราเลย คำถามที่เราโดนก็จะเป็น จะไปเมืองอะไร ไปทำอะไร ไปกี่วัน ทำงานอะไร มีเพื่อนที่โน่นมั้ย อะไรแบบนี้คะ ซึ่งเราก็ตอบไปตามความเป็นจริง ที่แปลกใจคือ เอกสารที่เราเตรียมไปร้อยแปด กลับไม่ได้ใช้เลย เค้าแค่ดูข้อมูลใน DS-160 ที่เรากรอก online ไปเท่านั้นคะ แล้วก็ตบด้วยยิดีด้วยคุณผ่านการสัมภาษณ์ เย่ ผ่านแล้วก็เดนไปรับของที่ฝากแล้วกลับบ้านได้เลยคะ เราใช้เวลาขอวีซ่าประมาณ 1 ชม. เท่านั้นคะ ไม่ได้นานอย่างที่คิด
โดยส่วนตัวแล้วการกรอกเอกสาร DS-160 เป็นสิ่งสำคัญคะคุณควรจะกรอกตามความเป็นจริงและละเอียดถูกต้องคะ ส่วนการสัมภาษณ์ก็ตอบไปตามตรงเลยคะ เราเห็นคนนึงที่สัมภาษณ์ก่อนเราเค้าไปหาแฟนก็ยังขอได้นะคะ แต่ถ้าน้องๆที่จะไปขอวีซ่าเพื่อนเรียนต่อ ก็ต้องเตรียมตัวไปด้วยนะคะเพราะ เค้าจะถามเยอะพอควรและก็ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยคะ ขอวีซ่าเมกา ไม่ยาก ไม่โหด อย่างที่เค้าว่ากันเลยคะ เตรียมตัว และเอกสารดีดี ผ่านจร้า เรารับรอง
สุดท้ายเราหวังว่าวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยคะ