ไทยรัฐ: ขุนคลัง ลุยภาษีที่ดิน ซัดอย่าเห็นแก่ตัว, พฤกษา เรียลเอสเตท หนุนรัฐ, มั่นใจภาษีรถใหม่ไม่ฉุดการซื้อ รถแพงขึ้น 3-5%


'สมหมาย' ลั่น ลุยภาษีที่ดิน คาดสรุปสัปดาห์นี้ บ้าน 1 ล้าน จ่าย 250 บ.ต่อปี

“สมหมาย” ลั่นหากยังอยู่ตำแหน่งขุนคลัง ต้องดันภาษีที่ดินให้เกิดใน รบ.ชุดนี้ เร่งถกให้ได้ข้อสรุปสัปดาห์นี้ ซัดคนค้านเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แจงต้องนำเงินมาพัฒนาประเทศ คาดบ้าน 1-2 ล้านของราคาประเมิน จะเสียล้านละ 250 บาท หรือไม่เกิน 4 ล้าน เสียไม่เกิน 1.5 พันบาทต่อปี...

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งต่อให้ภาคสังคม และภาควิชาการ ไปพิจารณาการเก็บภาษีใน 4 อัตรา ว่าอัตราที่เหมาะสมควรจะเป็นอย่างไร คือ อัตราภาษีสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตร, อัตราภาษีสำหรับที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย, อัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ใช้เชิงพาณิชย์ และอัตราภาษีที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า

ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากยังอยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง จะต้องมีการผลักดันให้ภาษีที่ดินเกิดขึ้นให้ได้ เนื่องจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคงจะไม่ยอมดำเนินการ เพราะจะกระทบกับคะแนนเสียง ส่วนกรณีที่มีการออกมาคัดค้านภาษีที่ดิน สะท้อนให้เห็นว่าคนในสังคมสนใจแต่เรื่องส่วนตัว เป็นห่วงเฉพาะภาษีที่อยู่อาศัย ไม่ได้มองว่ารัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีที่ใช้เชิงพาณิชย์ ที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งจัดเก็บในอัตราที่สูงเพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่มีที่ดินมากๆ นำออกมาใช้เพิ่มกระบวนการผลิต เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ

“แต่ไม่มีใครพยายามทำความเข้าใจ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่คนส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว คนชั้นกลางบางกลุ่มก็เห็นแก่ได้ การชะลอภาษีที่ดินออกไป ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไม่เอา กฎหมายนี้จะจบก็ต่อเมื่อผมออกจากตำแหน่งแล้วเท่านั้น"

สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินจะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นจากปีละ 2 หมื่นล้านบาท เป็นปีละ 2 แสนล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนนี้ไม่ได้เข้ารัฐบาลกลาง ดังนั้น หากไม่เดินหน้าเก็บภาษีที่ดิน ในระยะต่อไปจะส่งผลให้รัฐบาลมีความเสี่ยงด้านการคลัง ซึ่งที่ผ่านมา มีการทำงบประมาณแบบขาดดุลมานาน รัฐบาลก่อนหน้ามีการใช้งบประมาณแบบล้างผลาญกันมาก ในระยะต่อไปรัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ ต้องมีการกู้เพิ่ม ทำงบขาดดุลต่อเนื่อง ดังนั้น ไม่ควรชะล่าใจกับเพดานหนี้สาธารณะ แม้ว่าวันนี้จะยังต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังก็ตาม

พร้อมระบุหลักการในการจัดเก็บภาษีที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัย โดยผู้มีรายได้น้อยต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการเพิ่มอัตราลดหย่อนจากเดิมอัตราจัดเก็บที่ 0.1% ของราคาประเมิน โดยเก็บล้านละ 1 พันบาท ให้ยกเว้นเป็น 1-2 ล้านบาทแรก เสียภาษี 25% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 250 บาท บ้าน 2 ล้าน เสีย 500 บาทต่อปี โดยบ้านราคา 3-4 ล้านบาท เสียภาษี 50% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 500 บาท ดังนั้น ถ้าบ้านไม่เกิน 4 ล้านบาท จะเสียภาษีไม่เกิน 1,500 บาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เป็นภาระมาก

ที่มา - ไทยรัฐ




หนุนรัฐสังคายนาภาษีให้ "นิ่งสนิท"

ภาครัฐควรจะมีการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีให้กับคนที่มีรายได้น้อย คนส่วนนี้ควรได้รับการยกเว้น

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ
รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)


“ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่ ในขณะนี้ หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องหาเงินมาใช้ในการบริหารประเทศ ในความเห็นส่วนตัวมองว่ารัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้ แต่การพิจารณาทางเลือกในการหารายได้ ต้องดูว่ามีวิธีการใดที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนให้น้อยที่สุด”

ทั้งนี้ ทางเลือกในการพิจารณาจัดเก็บควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจมีความเสมอภาค สอคคล้องกับฐานะและรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้น้อยจะทำอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนและวิธีการการจัดเก็บที่ชัดเจนรัดกุม และควรประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจ และลดความตื่นตระหนกของประชาชน

สำหรับข้อควรพิจารณาในเรื่องความเหมาะสมในการจัดเก็บ ไม่ว่าจะเป็นอัตราต่ำที่สุดตามระดับรายได้หรือตามฐานมูลค่าทรัพย์สิน
ระดับใดเท่าไร และมีเงื่อนไขผ่อนปรนอย่างไร ท้ายที่สุดเมื่อประกาศใช้ ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องบ้าง และน่าจะเป็นอุปสรรคกับภาคการลงทุนของเอกชนพอควร และคงส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนตามไปด้วย

ในฐานะที่อยู่แวดวงอสังหาริมทรัพย์ มองว่ากลุ่มลูกค้าบางส่วนอาจรอดูสถานการณ์ว่า จะมีการประกาศใช้กฎหมายอย่างไร ซึ่งขณะนี้แม้รัฐจะชะลอออกไปก่อน แต่ลูกค้ายังให้ความสนใจเรื่องนี้ เนื่องจากลูกค้าจะต้องนำค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจซื้อบ้านด้วย เช่น อาจมีการพิจารณาราคาบ้านต้องมีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีผลต่ออัตราการเสียภาษี เป็นต้น

ส่วนผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นั้น ในส่วนของพฤกษาคงไม่มีนโยบายในการสะสมที่ดิน (Land Bank) เพราะที่ดินแต่ละแปลง หากจะซื้อก็จะเกิดขึ้นภายหลังจากการทำการตลาดแล้วและเห็นว่ามีจำนวนความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในแต่ละทำเลเหมาะสมเพียงพอเพื่อจะทำโครงการ

ทั้งนี้ หากในที่สุดรัฐบาลกลับมาเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนของบริษัทอาจได้รับผลกระทบด้านต้นทุนและราคาขายอยู่บ้าง แต่ในส่วนของประชาชนนั้นคงมีผลพอสมควร


นายสัมมา คีตสิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.)


“ส่วนตัวนั้นเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลสั่งชะลอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อน เพราะในขณะนี้ยังมีความไม่เข้าใจ และเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้คนอีกจำนวนมากในสังคม และพอพูดถึงคำว่า “ภาษี” คนก็จะกลัว และเท่าที่ดูในขณะนี้เห็นว่า รัฐบาลยังพอมีเวลาสามารถรับฟังความคิดเห็นต่อไปได้อีกระยะ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินที่ออกมาถูกใจทุกคนเท่าที่จะทำได้”

ทั้งนี้ แนวคิดหลักของร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องที่ผมเห็นด้วยว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้ หลายรัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่างมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาตลอด เนื่องจากต้องการนำมาใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีโรงเรือน ซึ่งมีข้อจำกัดและช่องโหว่ในการจัดเก็บมากมาย เป็นเครื่องมือสำคัญต่อการเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการชะลอร่าง พ.ร.บ.ออกไปก่อน กระทรวงการคลังคงต้องพิจารณาใน 2 เรื่องคือ เพดานอัตราภาษีและอัตราค่าลดหย่อนที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของที่อยู่อาศัย เพราะคนทุกคนอาจไม่ได้ทำการเกษตร อาจไม่ ได้ใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินมากมาย แต่ทุกคนต้องการมีบ้าน มีที่อยู่อาศัย

“ในความเห็นส่วน ตัวนั้น เห็นว่า ภาครัฐควรจะมีการยกเว้น หรือลด หย่อนภาษีให้กับคนที่มีรายได้น้อย คนส่วนนี้ควรได้รับการยกเว้น ขณะที่อัตราภาษีที่เก็บกับคนรายได้ปาน กลาง ควรมีลักษณะเป็นขั้นบันได เช่นเดียวกับการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะเดียวกันในส่วนที่ดินเพื่อการพาณิชย์ การจัดเก็บภาษีไม่ควรสร้างภาระเพิ่มต่อเอกชนมากนัก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยังพอมีเวลาที่จะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ได้อีกระยะหนึ่ง”

ที่มา - ไทยรัฐ



มั่นใจภาษีรถยนต์ใหม่ไม่ฉุดการซื้อ

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดตัวระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ อีโคสติ๊กเกอร์ และภาษีซีโอทู เพื่อแสดงคุณสมบัติของรถยนต์ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานรถประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ โดยรถยนต์อีโคคาร์ที่ผลิตใหม่ หรือนำเข้าจะต้องติดป้ายอีโคสติ๊กเกอร์ มุมขวาของรถยนต์ทุกคัน โดยจะให้ผู้ผลิตเริ่มติดสติ๊กเกอร์ที่รถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม

ส่วนอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่จะประกาศใช้ต้นปี 2559 นายจักรมณฑ์ บอกว่า มีรถยนต์บางรุ่นที่เสียภาษีลดลง และบางรุ่นต้องเสียเพิ่มขึ้นตามขนาดเครื่องยนต์และปริมาณการปล่อยไอเสีย คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ ซีโอทู แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบการตัดสินใจซื้อรถยนต์ เนื่องจากมูลค่ารถยนต์จะปรับขึ้นเล็กน้อย

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ ประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียน บอกว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้จะขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา แม้กระทรวงการคลังเตรียมประกาศใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ต้นปี 2559 จะส่งผลให้ภาษีในรถยนต์บางรุ่นปรับสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ผู้ผลิตค่ายรถยนต์ อยู่ระหว่างปรับการผลิตรถยนต์ให้สอดคล้องกับนโยบายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง จะปรับราคาเพิ่มขึ้นบ้าง เฉลี่ยร้อยละ 3-5

ที่มา - ไทยรัฐ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่