รู้ไว้สักนิด... ก่อนตัดสินใจเลือกคณะ (วงการแพทย์)

1) ...เลือกเรียนคณะ...?
เชื่อว่าพี่ๆ มัธยม วัยมันส์ทั้งหลายคงเคยอยู่ในสถานการณ์......
“ตรูจะเรียนต่ออะไรดีหว๋า?”
.....พ่อ... แม่... ญาติๆ ก็เชียร์กันจัง.. หมอนะลูก... หมอ
...แหม... เห็นรุ่นพี่สอบติดมหาลัยดังๆ แล้วมันโครตเท่ห์อ่ะ!!!.. (คือจะคณะอะไรก็ช่างเถอะตรูไม่สน)
.....สุดท้าย...ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกคณะอะไรดี...
เพราะไม่รู้ว่า “ตัวเองชอบอะไร” ???
เพราะไม่รู้ว่า “ตนเองอยากทำอะไร”????
หรือ....อยากจะเป็นอะไร......



2) ...ค้นหาตัวเอง...
ถ้าเราไม่รู้ว่า.... “ชอบอะไร” “อยากเป็นอะไร” จะตัดสินใจเลือก “คณะ” ยากโคตรๆๆ (ยกเว้นคุณท่านพ่อท่านแม่บัญชามา อิอิ^^)
เพราะฉะนั้นเราต้อง ค้นหา “ตัวตนของเรา” ให้เจอ!!!
............
ความจริงแล้วหลักสูตรการศึกษามี “คาบแนะแนว” เพื่อช่วยตอบโจทย์ข้อนี้...
แต่พอถึงคาบแนะแนวทีไร... ทามไม๊... ทำไม.... มันกลายเป็นคาบว่าง...ทู๊กกกกที...
เพื่อนๆ... เฮกันทั้งห้อง ^^
...........
อืมส์.... ในเมื่อห้องเรียน ไม่สามารถ “ตอบ” โจทย์เราได้ เราต้องออกค้นหาในโลกกว้างงงงงงงงง....
นั่นคือการเข้าค่าย!!!
ค่ายแรกที่สมัครเข้าไป คือ ค่าย Comฯ ของ ม. อะไรสักอย่างใน กทม. ที่จำไม่ได้เพราะไม่ได้ไปฮะ TT^TT เนื่องจาก... ผู้สนับสนุนการเดินทาง (พ่อกับแม่) ไม่อนุญาตให้ไป โดยให้เหตุผลว่า... “มันไกลนะลูก อันตราย... อย่าไปเลย”
แต่ประทานโทษครับ!!
อีกหลายเดือนต่อมา...... “ค่ายอยากเป็นหมอ” ที่จุฬาฯ ตอบรับกลับมา.... พ่อกะแม่ให้ไปซะงั้น =.=; สนับสนุนเต็มที่มั๊กๆๆๆๆ.....
..........
ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอกสุดเขตแดนอีสาน.......
นั่งรถทัวร์มาตั้งแต่เมื่อคืน.... เช้าถึงกรุงเทพฯ แต่ยังไม่ถึงที่หมาย.... ข้าวเช้าไม่ต้องกิน น้ำไม่ต้องอาบ..... หอบสังขารนั่งแท็กซี่ไปต่อ.......
และแล้วก็ถึงค่าย......
ช่วงเช้าจำไม่ได้หรอกว่าเขาพูดอะไรให้ฟังบ้าง...... รู้แค่... ตรูหิววววววววว..... เมื่อไหร่จาได้พักเที่ยง...... =_=;
...ในที่สุด ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน!!! เดินตามตูดพี่ค่าย ไปนั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่าย..... จานอาหารพร้อมทานลอย อยู่ตรงหน้า.....
ขณะที่กระจ้วงข้าวเข้าปาก..... และข้าวที่เพิ่งเข้าปากก็แทบจะพุ่งออกมา.....
เมื่อเห็นพี่ๆ ค่ายเต้นไปรอบๆ โต๊ะกินข้าว

...ตึง! ตะตึง! ตึง! โป๊ะ!....

โป๊ะ ตะโล๊ะ โป๊ะตึ้ง ๆๆๆๆ

....เสียงเพลง...เสียงกลองดังสนั่นหวั่นไหว....

“เอ่ย.... พี่ฮะ พี่ทำอะไรกันเหรอฮะ.... ” =.=;
พี่ๆ เต้นราวกับว่า.... พรุ่งนี้ตรูจะไม่ได้เต้นอีกแล้ว..... ^^ เป็นการกินข้าวที่แปลก แหวกแนวที่สุดในโลก ฮ่าๆๆๆ (....และยังจำได้จนถึงทุกวันนี้)
..........อะ... แอ่ม!!! มาต่อเรื่องมีสาระกันฮะ... “ค่ายอยากเป็นหมอ” ที่จุฬาฯ เป็นค่ายที่ดีมากๆ
......เพราะได้ลองเจาะเลือด......(หุ่น).....
....เพราะได้ลองเย็บแผล....(หมอน)....
......เพราะได้สัมผัสสถานการณ์พี่หมอราวด์วอร์ด.....
.....เพราะได้ดูการชันสูตรพลิกศพจริงๆ.....(อาจารย์หมอบอกว่า หมอที่อยู่ในชุมชนต้องทำได้ทุกอย่าง เพราะนั้นถ้ามีการตายที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้น.. หมอนั่นแหล่ะที่จะต้องชันสูตร)
..........
และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เรารู้ว่า........ “ถอยดีกว่า...มะ..ไม่...เอา.ววว..ดีกว่า....”^^ (เพราะ กลัวเข็ม กลัวศพ กลัวแผล ฯลฯ)
............................................................................
เพราะฉะนั้น ช้อย “หมอ” “ทันตะ” และ”พยาบาล” ตัดไป
..........................................................................
ต่อมาก็มาพิจารณาดู.... เอ๋...เภสัชฯ ไม่ต้องเจอเข็ม ไม่ต้องเจอแผลเหวอะหวะ หรือศพคนตาย....
อืมส์....... งั้นลองไปที่ค่ายหมอยา.... ที่ขอนแก่น......
พอเข้าไปปุ๊บ!!!
เจอประโยคเด็ดของพี่ค่าย “น้อง.... เภสัชฯ ต้องจำยาทุกตัวให้ได้ และต้องจำได้อย่างละเอียด และขอบอกว่าเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ นะจ๊ะ น้องจ๋า”
เห็นชื่อยาแต่ละตัว...... ยาวมากกว่า 10 ตัวอักษร.... แค่เห็นก็จะเป็นลมแล้ววววววว......
“ถอยดีกว่า...มะ..ไม่...เอา.ววว..ดีกว่า....”^^ (มันยากตรงภาษาอังกฤษนี่แหล่ะ...แฮ่ๆๆๆ)
ตัวเลือกสุดท้ายที่เหลือ..... คือ.... สาธารณสุข.....
ขอสารภาพตามตรงว่า “วันที่เลือกคณะสาธารณสุข” ณ วันนั้น รู้เพียงแค่ว่า สาธารณสุขก็วงการแพทย์เหมือนกัน......ก็น่าจะดีนะ.....




3)....หนีเสือ..ปะ!!! จระเข้.....O.0
พอเลือกคณะได้.... สอบได้สถาบันดังสะด้วย^^
......เดินยืดอกเข้ามหาวิทยาลัยอย่างมั่นใจ......
....ใครถามว่าสอบได้ที่ไหน?..... ก็ตอบได้เต็มปาก.... เวลาตอบ... แมร่งงงง ตรูโคตรเท่ห์เลยว่ะ ^^.......
แต่พอเข้าไปเรียนจริงๆ.......
บร๊ะเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!
สิ่งที่ตรูวิ่งหนี...... กลับต้องมาเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.....
เป็นคนกลัวผีมั๊กๆๆๆ.... อุตส่าห์ไม่เรียนหมอ เพราะไม่อยากเรียนกับอาจารย์ใหญ่...
ไม่นึกเลยว่า... สาธารณสุข.. ก็ต้องเรียน Anatomy เหมือนกัน!!!!!
และที่สำคัญภาษาอังกฤษยังตามมาหลอกหลอน 2 ปีเต็มๆๆๆ แม่เจ้าเว้ย!!!..... >0<…
………….
นี่เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ เราไม่ได้ดูหลักสูตรของแต่ละคณะ แต่ละมหาวิทยาลัยให้ละเอียด.... เพราะคณะเดียวกันก็จริง แต่ถ้าต่างสถาบันการเรียนการสอนก็จะแตกต่างกันบ้าง...
......................
ดังนั้น ฝากถึงพี่ๆ มัธยมทุกท่าน!!! โปรดเช็คหลักสูตรด้วย.... ก่อนตัดสินใจเลือก.... และหากบังเอิญ.... ท่านได้เข้าไปเรียน.... กลวิธีที่จะเรียนให้จบคือ “เพื่อน”!!!
และเข้าทุกคาบ ส่งงานทุกครั้ง (แม้ว่าจะเป็นการลอกเพื่อนส่งก็ตาม อิอิ^^) รับรองไม่มี F
.........
อ่อ...!!!
อีก 1 วิธี ที่ได้ผลดีมากๆ คือ ขอให้คนที่เราแอบชอบ... คนที่เราปลื้มปลิ่ม ติวให้^____^ ขอบอกว่าจำได้ดีโคตรๆๆๆ^^
(แถมความสุขมันเกินลิมิตอีกต่างหาก)


4)....ชีวิตจริง กับ การทำงาน......
ในที่นี้ จะขอพูดถึง นักวิชาการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับคนไข้มากที่สุดนะฮะ......
นั่นก็ คือ อนามัยชุมชน ที่ทำงานในโรงพยาบาลบ้าง ใน รพ.สต. บ้าง
4 ปี ของการเรียนสาธารณสุข… ไม่เค๊ย!!! ไม่เคย.... จับคงจับเข็ม....
แต่พอเข้าทำงาน....... โอ้... แม่เจ้า.... คนไข้เยอะมาก....
ชีวิตจริงของการทำงาน...... เราต้องช่วยกัน......
เช่น......
จากประสบการณ์ เพื่อนสาธารณสุขคนหนึ่ง.... ทำงานอยู่ที่ รพ.สต. มีพยาบาล แค่ 1 คน คนไข้นับสิบๆ คน
ก็ต้องเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนี่แหล่ะ ที่จะต้องช่วยเจาะ.... ช่วยฉีด..... ช่วยจับ..... ช่วยเช็ด...... ช่วยล้าง.....
.............
ในเมื่อสถานการณ์มันบีบบังคับให้ต้องทำ!!! จากที่ไม่เคยเรียนในห้องเรียน..... ก็ต้องฝึกฉีดกันเองกับพี่ๆ เพื่อนๆ ในที่ทำงานนั่นแหล่ะ T^T.......
...............
นั่นเป็นสถานการณ์ของเพื่อนๆ.....
ส่วนแอดมิน..... ยังมีจุดยืนเป็นของเอง..... คือ ไม่เจาะ! ไม่ฉีด! ไม่แผล!
ด้วยความโชคดี... ที่บังเอิญ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งต้องการ “นักสุขศึกษา” พอดีๆ ก็เลยรอดตัวไปแฮ่ๆๆๆ ^0^
........................................................
ป.ล. อีก 1 ฝ่ายที่เป็นฝ่ายของสาธารณสุขโดยตรง คือ ฝ่ายควบคุมโรค ในโรงพยาบาล หรือเข้าทำงานใน สสจ. หรือ สสอ. รับรองไม่เจาะ! ไม่ฉีด! ไม่แผล! แฮ่ๆๆๆ (ทางเลือกสำหรับผู้มีจิตใจอ่อนไหว.... เหมือน จขกท. อิอิ^^)




5) ....ความมั่นคง......
......ผู้ปกครอง... และเด็กๆ... หลายๆ คนอาจคิดว่า....
“เรียนสาธารณสุข.. สิ...จบมาทำงานที่อนามัย ทำงานในโรงพยาบาล.. มั่นคง...จะตาย”
อืมส์..... พี่น้องฮะ!!! โปรดทำความเข้าใจกันใหม่ด้วยฮะ.....
ทางเดินในชีวิตจริงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ!!!........

สำหรับเด็กที่จบสาธารณสุข 4 ปี จบแล้วไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นข้าราชการได้เลย นะฮะ.... (โปรดขีดเส้นใต้และไฮไลท์ให้เด่นชัด^^)
ขอย้ำ!!!.... จบสาธารณสุข 4 ปี.... ต้องตะลอนๆ นั่งจิ่มเน็ตจนตาแฉะ!!.... เพื่อ หางาน.....

เมื่อสามารถเข้าทำงานในโรงพยาบาลได้..... อย่าคิดว่า “ชีวิตตรูรอดตายแล้ว” เพราะถึงได้เข้าทำงานก็เป็นเพียงลูกจ้างของโรงพยาบาล..... “ ไม่ใช่ข้าราชการ” ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายดีๆ นี่เอง

ดังนั้น เพื่อความมั่นคงในชีวิต พวกเราเหล่าสาธารณสุข 4 ปี ตัวน้อยๆ ต้องสอบ กพ. ภาค ก. ให้ผ่าน สอบผ่านเสร็จแล้วก็มาสอบภาค ข ของปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ผ่านแล้วขึ้นบัญชีไว้.... รอ.... รอ... กระทรวงเรียกบรรจุ

แต่เส้นทางเดินของ นวก.สาธารณสุข นอกจากจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแล้ว.... ยังเต็มไปด้วยบันไดมรณะ (บันไดในเกมส์บันไดงู) ที่จะทำให้เราหล่น..... ตุ๊บ!!! ลงมานับ 1 ใหม่ได้ง่ายๆ เพราะต่อให้คุณสอบภาค ข ผ่านแล้ว... ขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี แต่.... ใน 2 ปีนั้น เรียกไม่ถึงเลขที่ที่เราสอบได้.... บัญชีก็จะถูกยกเลิกเราก็ต้องไปสอบ ภาค ข ใหม่ TT^TT....
คือ.... สอบผ่านขึ้นบัญชีไว้ประมาณ 800 กว่าคน..... ภายใน 2 ปี เรียกไม่ถึง 300 คน!!!
ป.ล. เพื่อนบางคนมันสอบขึ้นบัญชีได้ตั้ง 2 รอบ แต่เรียกไม่ถึงสักรอบ.... ชีวิตในปัจจุบันยังไม่ถูกบรรจุเลย T_T
......................................................
แต่ถ้าน้องๆ คนไหน อยากจะเรียนสาธารณสุขจริงๆ แล้วอยากมีอาชีพที่มั่นคง เป็นข้าราชการเลย พี่ขอแนะนำว่า....
ให้น้องเรียนสาธารณสุข ที่ “วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร” เพราะว่า เป็นสถาบันที่ทำสัญญากับกระทรวงสาธารณสุข เด็กจบออกมา.... ก็มีชื่อรอเรียกบรรจุเลย ... (แต่ระยะเวลาการรอบรรจุอาจจะนานหน่อย แต่ชัวร์กว่าแน่นอน)....
ที่สำคัญ... มีทุนให้เรียน... ประหยัดตังค์พ่อแม่......^^


6).....ความก้าวหน้า.......
สิ่งที่อยากจะบอกน้องๆ อีกอย่างคือ... “เจ้าหน้าที่สาธารณสุข” หรือ “นวก.สาธารณสุข”
ไม่มี.... “ใบประกอบโรคศิลป์” ....... รักษาคนไข้ไม่ได้ ทำได้แค่หัตถการพื้นฐานที่ต้องอยู่ในความดูแลของพยาบาล....
แต่.... “วงการแพทย์” คือ “วงการรักษาโรค”

ดังนั้น ตำแหน่งสำคัญๆ จึงมักจะเป็น “หมอ” และ “พยาบาล” ^^

.....เคยมีคน แอบแซว... “กระทรวงสาธารณสุข” ว่า.... น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น... “กระทรวงการแพทย์” เพราะมีแต่หมอในตำแหน่งสำคัญๆ เต็มไปหมด ^^ 555555++++++
ป.ล. มีคนเขาแซวมานะ... จขกท.   ไม่เกี่ยววววววว......>0<
.............................................................
อ่ะแอ่ม!!!....  เข้าสู่สาระกันต่อฮะ^^
วงการแพทย์....  เขาไม่ดูหรอกว่าคุณจบจากสถาบันไหน!  อันดับแรกที่เขาจะดู คือ "วิชาชีพ"   
ตัวอย่างเช่น...   
     "พยาบาล"  จบจาก มหาลัยเอกชน---->ไม่ต้องสอบเข้าแย่งชิงกับใคร---->เรียนจบ-เงินเดือนหลายหมื่น  เป็นหัวหน้า
     "นวก.สา'สุข"  จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง---->ต้องสอบเข้าแข่งขันแย่งชิง.. เลือดตาแทบกระเด็น---->เรียนจบ-แต่ละเดือนแทบจะกินแกลบ แถมเป็นลูกน้องเขาอีกต่างหาก T^T
     เพราะฉะนั้น.... ถ้าชอบวงการแพทย์จริงๆ ก็ให้เลือกเป็น "พยาบาล"  "เภสัช"  "ทันตะ"  "แพทย์"  ฯลฯ



ท้ายที่สุด.....   กลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ....  อยากจะบอกว่า
"วิธีที่ค้นหาตัวเองที่ดีที่สุด  คือ  การได้ลงมือทำในสิ่งนั้น"!!!
เช่น.....
ถ้าอยากรู้ว่าชอบวงการแพทย์จริงไหม?  ... ก็ขอครู ขอพ่อแม่  ลองไปเป็นจิตอาสาที่ โรงพยาบาลดู!!!
ถ้าอยากรู้ว่า...  อยากเป็นครูจริงๆ หรือเปล่า?  ลองขอไปสอนหนังสือให้เด็กๆ ดูสักหน....
.........
ไม่ว่าน้องๆ จะเลือกอะไร  ผู้ที่จะรับผลที่เกิดขึ้น คือ น้องคนเดียวเท่านั้น   สู้ๆๆ นร้าาา>0<

www.facebook.com/pages/หมอฮะ-เฮฮา/1457344274520883

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่