ลองเทียบกันดูครับ จุดอ้างอิงระหว่างปรสิต(Kiseijuu) กับภาคคิเมร่าแอนท์ของ HunterXHunter


อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า อ.โทงาชิได้เป็นนักอ่านรุ่นใหญ่อยู่พอสมควร และได้นำประสบการณ์ที่ได้มาเป็นแหล่งอ้างอิงในผลงานตัวเองหลายต่อหลายครั้ง  
สำหรับคอการ์ตูนอย่างผม ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยว่า ภาคคิเมร่าแอนท์ของHxHนั้น จะใช้การ์ตูนชั้นเยี่ยมในยุค95(รึเปล่าหว่า)มาเป็นแหล่งอ้างอิงอยู่บ่อยๆ  
ในฐานะที่เป้นแฟนระดับนึงของทั้ง2เรื่อง เลยขอนำเสนอจุดร่วมที่เหมือนๆกันของทั้ง2เรื่องดูครับ


การต่อสู้ระหว่าง2เผ่าพันธ์ุ
เป็นธีมที่เห็นได้ชัดเลย ในเรื่องที่ว่าด้วยการปรากฏตัวของเผ่าพันธ์ุที่ล่ามนุษย์เป็นอาหาร   ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะเฟ้อในยุคนี้ เพราะ3-4ปีมานี้อนิเมะได้พร้อมใจกันเอาการ์ตูนที่มีประเด็นที่ว่านี้มาทำพร้อมๆกัน เช่น  ไททันหรือปอบโตเกียว รวมถึงอนิเมะปรสิตหรือHxHรีเมคที่ทำภาคคิเมร่าเพิ่มเข้ามาจากของปี1999

แต่จริงๆเรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นใหม่ในยุคที่ปรสิตถูกเริ่มเขียน หรือช่วงที่HxHเขียนถึงภาคมด ประเด็นนี้ก็ยังไม่ได้ฮิตอะไรเท่าที่ควร  
เรื่องที่ว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับที่กินมนุษย์เป็นอาหารได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆสร้างความสั่นคลอนให้กับความปลอดภัยของชีวิตมนุษย์ทั่วไป  เป็นคอนเซ็ปง่ายๆของหนังสยองขวัญฮอลลีวูดในยุคนั้นซึ่งมีอิทธิพลส่งมาถึง2เรื่องนี้อย่างดีเลยทีเดียว



สัตว์ร้ายกินคนVS.ความเป็นมนุษย์
ต่อจากข้างต้น  แม้ว่าประเด็นเรื่องต่อสู้ระหว่าง2เผ่าพันธ์ุ จะเห็นได้บ่อยในหนังฮอลลีวูดยุคนั้น  แต่สิ่งที่ปรสิตมีมากกว่าก็คือการใส่โทนเรื่องให้ชวนคิดตามว่า มนุษย์คืออะไร และสิ่งมีชีวิตที่กินมนุษย์เป็นอาหารถือว่ามีความผิดหรือไม่อยู่บ่อยๆ   ซึ่งประเด็นนี้ก็ได้ถูกนำมาอ้างอิงในภาคมดด้วยเช่นกัน  ทำให้ในบางครั้งของเรื่อง มนุษย์จะถูกนำเสนอในมุมมองของตัวร้ายและอีกฝ่ายกลับถูกนำเสนอในมุมมองของตัวเอก ซึ่งเป็นสิ่งที่2เรื่องนี้มีมากกว่าหนังฮอลลีวูดที่มีปัจจัยด้านเวลาน้อยกว่าทำไม่ได้  



การก้าวข้ามสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย
ในทั้ง2เรื่อง ได้มีตัวละครฝ่ายผู้ล่าที่ก้าวข้ามสัญชาตญาณของตัวเองมาได้ อย่างทามุระ เรโกะ และราชามดเมลเอม
และสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ก้าวข้ามมาได้นั้นคือส่วนผสมของมนุษย์ที่อยู่ในร่างกายของสัตว์ร้าย  ซึ่งก็คือความรู้สึกในเรื่องความรัก ความผูกพันธ์ รวมไปถึงการมีอารมณ์ต่างๆอย่างที่มนุษย์พึงมีนั่นเอง
ซึ่งตามที่จริงแล้ว สัญชาตญาณของปรสิต ก็คือปัจจัยพื้นฐานของการเอาตัวรอด ไม่ได้มีปัจจัยด้านอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง  ของคิเมร่าแอนท์เองก็เช่นกันสัญชาตญาณของมดก็คือการสร้างโคโลนี่แบบมดต่อยอดไปเรื่อยๆ    แต่ทั้ง2ตัวละครก็ได้ทำความรู้จักด้านความเป็นมนุษย์ของตัวเองผ่านการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์คนอื่น จนก้าวข้ามสัญชาตญาณนั้นมาได้



มนุษย์ชนะมาตั้งแต่แรกแล้ว หากเอาจริงจะใช้ระเบิดนาปาล์มหรือมิซไซล์ก็ยังได้
ผมจำคำพูดนี้ในปรสิตเวอร์ชั่นที่สยามแปลไม่ได้ หนังสือก็ถูกคนอื่นยืมอยู่ แต่นี่เป็นคำพูดที่มิกิพูดกับชินอิจิช่วงท้ายของศึกในศาลากลาง ช่วงที่โกโต้อาละวาดจนเห็นได้ชัดว่ามนุษย์เสียเปรียบ แต่มุมมองของมิกิกลับแสดงความเป็นจริงในอีกมุมออกมาได้อย่างชัดเจน  และแน่นอนว่ามุมมมองนี้ก็ได้ถูกนำไปอ้างอิงในภาคคิเมร่าแอนท์ของHxHเช่นกัน




ศึกสุดท้ายจบด้วยสารพิษฝีมือมนุษย์
ออกจะตลกร้ายไปนิด  ทั้งๆที่ต้นเรื่อง(ต้นภาค)เป็นแนวสยองขวัญผสมกับแนวต่อสู้โชเน็นหน่อยๆทั้ง2เรื่อง   แต่ตอนจบดันทำออกมาในแนวรักษ์โลก ตีแผ่ความโหดร้ายของมนุษย์ที่ทำร้ายธรรมชาติและทำร้ายกันเองแบบโต้งๆ  แต่ทั้งศึกโกโต้และศึกราชาที่ถูกมองว่าตัวแทนฝ่ายมนุษย์ไม่น่าจะสู้ได้เลยซักนิด ได้จบลงเพราะ"ความโหดร้ายต่อธรรมชาติ"ที่มนุษย์ได้กระทำกันเป็นปกติในชีวิตประจำวันจริงๆ



นอกจากโทนเรื่องข้างต้นแล้ว ยังมีหลายๆอย่างในเรื่องปรสิต ที่ถูกนำมาอ้างอิงเล็กน้อย
การได้มาดูอนิเมะของทั้ง2เรื่องนี้อีกครั้ง รวมไปถึงเพราะว่าค่ายที่ทำอนิเมะเป็นค่ายเดียวกันรึเปล่าไม่รู้ ทำให้หลายๆฉากเหมือนเดจาวูขึ้นมาเลยจริงๆ

โกโต้=ยูปี  อันนี้คงพอรู้กันมาบ้างแล้วจากดีไซน์ที่ชัดเจนขนาดนั้น
ฉากทิ้งรถใส่โกโต้บนเขา = ฉากอิรูมิโจมตีใส่อารุกะและคิรัวร์
ฉากชินอิจิวิ่งหนีโกโต้ทิ้งมิกิเอาไว้ลำพัง = คิรัวร์พากอร์นหนีออกมาทิ้งให้ไคท์สู้ปีโต้ลำพัง
การตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิตของเรโกะและเมลเอม



และอาจจะมีจุดอื่นๆยิบย่อยอีกที่ผมไม่ทันสังเกตุไปบ้าง  แต่ณ.ตอนนี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนล่ะกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่