คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ใจเย็นๆน้า จขกทน่าจะรุ่นเดียวกับเรา เราก็เคยเป็นอาการแบบนี้ค่ะ เข้าค่ายโรคซึมเศร้า ไปพบจิตแพทย์เป็นทางออกที่ดีที่สุดยิ่งเร็วยิ่งดี เราเป็นอยู่หลายปีเลยรู้สึกแย่มากๆ กลัวนั่นกลัวนี่ กังวลตลอดเวลา วันๆไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอใคร นอนร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุแทบทุกคืน ชอบคิดถึงแต่เรื่องอดีตเรื่องที่หดหู่ เจออะไรกระทบจิตใจนิดเดียวก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไม่มีความมั่นใจในตัวเองจนแทบไม่กล้าทำอะไร จะคุยกับใครก็รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราจริงๆ มันบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ แต่ก็รู้สึกตัวอยู่ว่าตัวเองอาจจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ใครๆก็ชอบบอกให้เราสวดมนต์นั่งสมาธิ อย่าฟุ้งซ่าน แต่รู้ไหมเราเป็นคนปฏิบัติธรรมอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรารู้ว่าทางนี้ไม่ทำให้เราหายจากสิ่งที่เป็นได้จริงๆ เพราะอาการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตใจอย่างเดียวแต่อาจเป็นเพราะสารเคมีในสมองไม่สมดุลด้วย จนสุดท้ายเลยตัดสินใจไปพบจิตแพทย์แล้วชีวิตเราก็ดีขึ้นมากๆค่ะ พอได้คุยกับจิตแพทย์แล้วรู้สึกเลยว่าทุกอย่างที่เราเป็น สิ่งที่เราทุกข์ จิตแพทย์เข้าใจหมด ่เราไม่โดดเดี่ยวแล้ว มีคนเข้าใจเราแล้ว เขาไม่เบื่อที่จะรับฟังปัญหาของเราหรือมองว่าเราเป็นตัวประหลาด แต่เป็นเพียงแค่เราป่วยเท่านั้นถ้ารักษาก็จะหายได้ เรารับการรักษาทั้งการกินยาต้านซึมเศร้า และแนะแนวคิดดีๆจากหมอ จนตอนนี้อาการดีขึ้นมากๆแล้วค่ะ ชีวิตมีความสุขมากขึ้น กล้าเผยความเป็นตัวเองจริงๆออกมามากขึ้น ตั้งแต่รักษามาจนตอนนี้ 3 เดือนๆกว่า จากที่เคยนอนร้องไห้แทบทุกคืน ตอนนี้แทบจะไม่ห้องไห้อีกเลย มีกำลังใจมากขึ้น ความใฝ่ฝันอนาคตก็กลับมาจุดพลังให้สู้อีกครั้ง จขกท ตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ถูกแล้วค่ะ ถ้ารอเดือนหน้าไม่ไหวก็ลองไปหาหมอที่รับตรวจได้เร็วกว่านี้ก็ดีนะคะ ยิ่งรักษาเร็วยิ่งหายเร็ว แล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้สวยงามขึ้นจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้น้า มาคุยกับเราก็ได้ ^^ หมอบอกว่าเป้าหมายของหมอคือการที่เราหายขาดจากโรคนี้ เรารอวันนั้นอยู่
แสดงความคิดเห็น
กำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า
วันนึงอาจารย์ก็เรียกพบเรา มันทำให้เราเครียดกว่าเดิมเรารู้สึกกลัวมากทีจะต้องคุยกับอาจารย์คนนั้นเพราะอาจารย์ดูเป็นคนค่อนข้างดุ เราไม่รู้ว่าจะต้องบอกอย่างไรให้ท่านเข้าใจ เรากลัวว่าบอกไปแล้วอาจารย์จะไม่เชื่อ ไม่เข้าใจ คิดว่าเราพูดแก้ตัว จนเราอยากลาออกจากมหาลัยแต่ก็ได้แค่คิดเพราะเราเหลือปีเดียวก็จะจบ เราสงสารพ่อแม่เพราะค่าเรียนก็ไม่ใช่น้อยๆ บ้านเราก็ไม่ได้รวยอะไร ถ้าเราออกตอนนี้คงเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้ที่กังวลที่สุดคือถ้าพ่อแม่เรารู้เรื่องเราไม่ไปเรียนคงผิดหวังในตัวเรา เราไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยแต่เราก็ทำไม่ได้จริงๆ เราเคยพยายามแล้วนะแต่ความกลัวก็ชนะตลอด เราเคยคิดอยากกรีดข้อมือหลายครั้งนะแต่ก็ไม่กล้าทำ เวลาคุยกับแม่เราก็รู้สึกผิดตลอดเพราะเราเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ย่อมตั้งความหวังไว้อยู่แล้ว ตอนนี้เรายังไม่ได้ไปพบอาจารย์เพราะเรากลัวมาก เราตัดสินใจไปพบจิตแพทย์แต่พยาบาลให้ใบนัดพบเดือนหน้าบอกว่าคิวเต็ม ถ้ารอเดือนหน้าเราคงเป็นบ้าก่อนแน่ๆ เราอยากขอคำแนะนำจากคนที่เคยเป็นเหมือนเราว่าเราควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี และควรแก้ปัญหาอย่างไร