ประสบการณ์ดำน้ำที่ไม่มีวันลืมเลือน

* ก่อนอื่นครับ หากบางอักขระผิด หรือ สะกดไม่ถูกตรงไหน ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยครับ

เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาผมและกลุ่มเพื่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เกาะแห่งหนึ่งของประเทศไทยทางจังหวัด ตราดครับ (คงไม่ต้องพิมพ์ชื่อเกาะนะครับ 1 ใน 3 เกาะนั่นเหละ) การเดินทาง ที่พัก เหมือนมันจะสมบูรณ์แบบมาก หากไม่มี  เหตุการณ์ที่สะเทือนใจเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม  10 โมงกว่าๆผมและเพื่อนรวม 7 คน ต้องออกไปดำน้ำครับ มันเป็น กิจกรรมหลักที่ทุกคนรอคอยครับ (เพราะเพื่อนบางคนต้องลางานมา บางคนต้องทิ้งแฟนมา บางคนต้องเดินทางมาไกลเกือบ 800 กิโลครับ ) มีรถมารับเราถึงที่พักเพื่อไปขึ้นเรือครับ ทุกคนต่าง แฮปปี้มาก บริการสุดยอด พอไปถึงจุดขึ้นเรือ พวกเราทุกคนมองไปเห็นเรือครับเรือสำหรับ นั่ง โดยสาร รวม 15 คน ผมกับเพื่อนก็ โอ้โห มากัน 7 แต่เอาเรือเล็กสำหรับกลุ่มเรา มันโครตแฮปปี้เลย (ในกลุ่ม 7 คนที่ไป มี หนักเกิน 100 กิโล 2 คนครับ ) แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นครับ มีผู้โดยสารคนอื่นด้วย มีกลุ่มคนไทยอีกกลุ่มครับ เป็นพี่ผู้ชาย (หนักสัก 170-180 ได้ อ้วนมาก) และครอบครัวครับ ทั้งพี่ผู้ชายภรรยาและลูกรวมกัน 6 คนครับ รวมกับผมอีก 7  เป็น 13 คน อ่า ยังไม่พอครับ มีคู่ฝรั่งอีกคู่ กับพี่น้องสาวไทยอีกคู่ รวมเป็น 17 คน คนขับเรือกับเด็กติดเรืออีก 2 เป็น 19 พอดิบพอดีครับ ไม่รวมว่าบนเรือมีคนหนัก เกิน 100 ถึง 3 คน รวมๆแล้วในเรือ มี 19 ชีวิตครับ แต่น้ำหนัก สัก 23 ชีวิตได้ (-..-) โอเค เราคนไทยสายเบียดอยู่ละ เราทุกคนขึ้นเรือครับ เรือที่ผมดู มันมีเครื่องยนเดียวครับ Yamaha 200 อะไรสักอย่างนี้เหละ คุณครับ ทุกคนนั่ง แทบขยับไม่ได้เลยครับ ขยับตัวนิเดียว เรือ แทบคว่ำ เพื่อนผม หนัก สัก 45 ขยับจะย้ายฝั่ง จากซ้ายไปขวา แค่ลุกขึ้นครับ เรือนี้ เอียงแทบพลิก สิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินก็เกิดขึ้น ไต๋ก๋งเรือครับ พ่นสิ่งที่ทุกคนได้ยินแล้วต้องชะงัก "ท่าเรือคว่ำ พวกคุณตาย ผมรอดนะครับ ผมดำน้ำได้ 18 เมตร ท่าเรือคว่ำพวกคุณตายแน่นอน" ทุกคนเงียบครับ นี้คือเสียงจากคนที่ ดูแลชีวิตเราทุกคนครับ (ไต๋ก๋งนี้ผมไม่อยากสาทยายว่า ตัวเหม็นสุดๆ ปากเหม็นสุดๆ และที่สำคัญ ปากสุนัขสุดๆ ) นอกเรื่องนิดนึงครับ พวกผมและเพื่อน เคยไปดำน้ำที่ สิมิลัน และ พีพี มาครับ เรือที่นั่งไปนี้ มีสองชั้น เด็กเดินกันให้ว่อนครับ และที่สำคัญคนขับเรือและพนักงานพูดจาดีมากครับ คือคุณสามารถเปิดวงดนตรีเล่นสดบนเรือนี้ยังได้เลย ไม่เหมือนเรือลำที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้ครับ ท่าไม่ติดว่าต้องง้อมันให้พาไปนี้ วางมวยกันแน่นอนครับ กลับเข้ามาถึงเรือลำนี้ต่อครับ เรานั่งไปอย่างทุลักทุเล เรือกระทบคลื่นที่สูง 30 CM นี้ ตัวพวกเราทุกคนลอยจากพื้นเลยครับ พอครับไม่อยากพูดถึงความ กระจอกและชิปหา.... ของเรือลำนี้ละ ตัดไปตอนดำน้ำกันเลยครับ
    พวกเราทุกคน ไปถึงจุดที่จะดำน้ำครับ แต่ก่อนดำน้ำ เราจะต้องซ้อมก่อนครับ Mr.สกั้ง (ไต้ก๋งเรือ ผมตั้งให้เอง) ได้พาเราไป เลียบหาดใกล้ๆจุดจะดำน้ำครับ มันไล่ทุกคนลงจากเรือ น้ำสูงประมาณ เอวครับ ตามปกติ คือเขาต้องสอนเราว่า ดำยังไง ใส่สน็อกเกิ้ลยังไง ไม่ครับ มันไม่พูดห่าเหวอะไรเลยครับ ไล่ทุกคนลง แล้ว นับ 1 - 20 มั้ง มันก็ให้ทุกคนขึ้นมาบนเรือครับ คุณเอ๋ย เวลาขึ้นจากน้ำ แม่มโครตทุเรศอะคุณ บันใดเล็กเก่าๆที่เราเหยียบขึ้นนี้นะ ท่ามันปาดขาคุณ คุณจะไม่เจ็บตายอะ แต่จะเป็นบาดทะยักตาย ขึ้นเรือไปครับ ไอ้เราก็คิดว่าที่จะดำต้องไปไกลกว่านี้ที่ไหนได้ อยู่ใกล้ๆนั้นเหละครับ  500 เมตร จากจุดซ้อมดำน้ำ (ซ้อมไรไม่รู้) รู้สึกว่าจะเรียกว่า หมู่เกาะรัง
    หมู่เกาะรัง พอเรือไปจอดใกล้จุดดำน้ำ โอ้โหความแคลงใจใน ตัวMr.สกั้ง ความไม่พอใจ ละลายหมดสิ้นครับ น้ำใสมากๆ Mr.สกั้ง ไล่พวกเราลงจากเรือทันทีครับไม่ถามนะว่าใส่อุปกรณ์ไรครบยัง มันไล่ลงเหมือนมันรีบ แต่โอเค พอทุกคนลงน้ำ แล้วได้ มองลงไปใต้ทะเล สวรรค์มากๆคุณ พวกผมกับเพื่อน ยิ้มให้กันทุกคน พูดกันเองว่า หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆมันต้องเจอสิ่งดีๆ สวยจริงๆครับ สวยกว่าเกาะทางใต้ที่ไปมา แล้วสรรค์ที่กำลังเสพก็หมดลงทันทีครับ หลังจากดำได้แค่ 1/ 4 ของเกาะ ราวๆ 15 นาทีได้ Mr.สกั้งรีบว่ายน้ำกลับเรือพร้อมกับลาก พี่ผู้ชายตัวใหญ่ขึ้นเรือครับ ฝรั่งที่ดำข้างๆผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นผมบอกเขาไปว่าไม่ทราบครับ แล้วกลุ่มพี่ผู้ชายที่ขึ้นเรือไปก่อนหน้านี้เรียกเราขึ้นเรือครับ
    พอขึ้นเรือไป สิ่งที่คาดฝันก็เกิดขึ้น พี่ผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่ง อ้วกครับ ยืนอ้วกบนเรือ อ้วกที่มีแต่น้ำเฉยๆ ไม่มีเศษอาหารหรืออะไรทั้งสิ้น Mr.สกั้ง โทรไปที่เกาะทันทีครับ ให้ เตรียมรถพยาบาลไว้รอ บอกว่า มีคนน็อคน้ำ ทุกคนตกใจ (นอกเรื่องนิด "อาการน็อคน้ำ" หรือรู้จักกันดีในชื่อ "โรคน้ำหนีบ" (Caisson Disease) "โรคลดความกด" (Decompression Sickness หรือ Bends) เป็นโรคที่เกิดจากการเกิดฟองก๊าซในเลือดหรือในเนื้อเยื่อ เมื่อมีการลดความกดดันไม่เพียงพอ หรือไม่ลดความกดดันเลยหลังการดำน้ำลึกมากกว่า 30 ฟุตน้ำทะเล และดำเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายได้รับก๊าซไนโตรเจนภายใต้ความกดดันจนเกิดภาวะอิ่มตัว ทำให้เกิดการรวมตัวกันเป็นฟองอากาศกระจายไปทั่วร่างกาย เมื่อก๊าซไนโตรเจนมีปริมาณมากกว่าก๊าซชนิดอื่นในอากาศผสม จึงละลายในเลือดและเนื้อเยื่อร่างกายในปริมาณมากเกิน )
    นรกมาเยือนครับ ทุกคนพยายามถามไถ่ว่าเป็นอะไร ภรรยาของพี่ผู้ชายบอกพวกเราว่า" เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อวานไปเดินเขาขึ้นไปดูน้ำตกในเกาะก็เหนื่อยไม่ไหว " พี่ผู้ชายเริ่มหายใจไม่ออก ทุกคนเริ่มใจคอไม่ดี พี่ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของพี่ผู้ชาย ขอร้องทุกคนว่า ให้กลับ โอเค ทุกคนในตอนนั้น ตกลงกลับ แต่ระหว่างทางที่กลับ เรือออกได้ ไม่ถึงนาที พี่ผู้ชายล้มลง กลางเรือ ฝรั่งผู้ชายวิ่งเข้าไปรับ พี่ผู้ชายเริ่มชักกัดลิ้นตัวเอง ฝรั้งเอามือแหกปากพี่ผู้ชาย แล้วเป่าลมเข้าปาก พี่ผู้ชายอ้วกออกมาอีกทีแต่มีแค่น้ำเปล่า ผมวิ่งเข้าไป ช้อนคอให้พี่ผู้ชายนอนที่ตักผม แล้วใช้มือคลำเพื่อจับชีพจร แล้ว นับ พร้อมกับดูนาฬิกา 30 ครั้งต่อนาที 20 ครั้งต่อนาที แล้ว ก็ไม่เต้นเลย วินาทีที่หัวใจจะหยุดเต้นพี่ผู้ชายได้ อุจาระออกมามือของพี่ผู้ชายจิกมือผมแรงมาก ผมตะโกนเรียก " พี่ พี่ พี่ อย่าหลับพี่ อดทนหน่อย " ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมมองไปที่หน้าเพื่อนของผมแล้วส่ายหน้าเพื่อที่จะบอกว่าไม่ทันแล้ว ทุกคนเงียบ มีแค่เสียงร้องให้เบาๆของครอบครัวพี่ผู้ชายคนนั้น ทุกคนในกลุ่มผมน้ำตาคลอ พี่ผู้ชายนิ่งไปแล้ว แต่ยังอยู่บนตักของผม ผมตะโกนถาม Mr.สกั้ง ใกล้ถึงยังพี่ ใกล้ถึงยัง มีเสียงตอบรับมาว่า "ขับเองมั้ย" ผมนิ่งทุกคนถูกสั่งให้ห้ามขยับเพราะเรือจะโคลง แล้วทำความเร็วไม่ได้ เพราะคลื่นสูง  30 เกือบ 40 นาที ที่คนเสียชีวิตอยู่บนตักผม พอมาถึงฝั่ง ไม่มีหมอมารอรับครับ มีแค่ชายสองสามคนที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย แล้วเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีความสามารถในการ ปฐมพยาบาลเลย แค่โยนบอร์ดส้มๆลงมาในเรือแล้วจับพี่ผู้ชายขึ้นบนบอร์ดด้วยความทุรักทุเร ด้วยน้ำหนักตัวที่มหาศาลของพี่ผู้ชาย ทำให้ การเคลื่อนย้าย ลำบากมากครับ ลำบากพอสมควร แต่ก็สามารถนำขึ้นบนรถพยาบาลได้ครับ
    ผมและเพื่อนทุกคนนิ่งครับ เราทุกคนขึ้นเรือแล้วกลับไปที่จุดขึ้นเรือที่แรกเพื่อพัก พอถึงจุดที่ขึ้นเรือ Mr.สกั้ง และ ผู้ชายสวมแว่นที่ดูเหมือนเจ้าของกิจการเรียกพวกเราไปกินข้าว ผมอารมณ์ขึ้นทันที มีคนเพิ่งตายไป ยิ้มเรียกกูไปแดรกข้าวแล้วทำท่าเหมือนไม่มีอะไรผมสวนออกไปทันทีครับ "  ขอบคุณน้ำใจลุงเจ้าของกิจการมากครับ ที่เป็นห่วงสุขภาพท้องใส้ของพวกผมและคณะร่วมทาง แต่ขอบคุณครับ ขอบคุณและไม่เป็นไร." มีเสียงถามกลับผมมาว่า ตอนบ่ายจะดำอีกมั้ย ผมและเพื่อนรวมทั้งคนอื่นๆบอกปฏิเสธทันที แล้วขอให้รถไปส่งยังที่พัก

ที่ผมเล่ามาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือฟื้นฝอยหาตะเข็บหรือเรียกร้องให้ใครมารับผิดชอบกับความเสียหายครั้งนี้
ผมแค่มีคำถาม เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของนายทุนในปัจจุบันว่า
1.เอาเปรียบลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวไปมั้ย? เรือมี 15 ที่ นั่งไปเกือบ 20 คน ทะเลนะครับไม่ใช่ถนน
2.ความปลอดภัยอยู่ตรงไหน ? เสื้อชูชีพเปื่อยๆเหม็นๆ คนขับเรือที่ไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลยนอกจากทักษะการขับเรือที่หมาไม่แดรก ?
3.อุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเรือ มันน่าจะมีนะครับ แต่มันไม่มี หรือมันไม่เคยมีอยู่แล้ว หรือมีแค่เสื้อชูชีพก็เพียงพอ
4.ทริปดำน้ำแบบนี้ มีประกันหรืออะไรที่ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากเกิดเหตุมั้ยครับ (เพราะเท่าที่ผมเห็นเคสผม ลูกเค้ายังเด็กสองคนครับ ไม่น่าเกิน 10 ขวบ ทั้งคู่ แล้วมีคนโต สัก 15 16 อีกคนนึง แล้วภรรยาอีกคนครับ )

สุดท้ายครับ ผมและเพื่อนๆขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่ผู้ชายผ่าน ตรงนี้ครับ เพราะผมไม่ทราบชื่อและไม่มีเบอร์ติดต่อครอบครัวพี่เลย
ปล.1 ผมมาทราบข่าวการตายของพี่ผู้ชายผ่านเจ้าของที่พักของผมครับ บอกว่ามาช้าไปเลยช่วยไม่ทัน (แหงละไอ้สรัดอยู่บนเรือที่เหมือนเล่นเรือไวกิ้ง 40 นาที คงรอด)
ปล.2 ขอบพระคุณที่ช่วยกรุณาลดราคา ทริปดำน้ำของผมและเพื่อนนะครับ จาก 800 เหลือ 700 ต่อหัว ดำน้ำไป 10 นาที และน้ำโพลาลิตร 2 ขวด ขอบคุณจริงๆครับ
ปล.3 เรือจะคว่ำครับ ตอนขากลับ หน้าเรือยกเกิน 60 องศา ไม่ต่ำกว่า  7 - 8 รอบครับ
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่าน อาจจะใช้คำพูดไม่โอเค แต่นี้คือทั้งหมดที่ผมและเพื่อนได้รับมา ซึ่งมัน หดหู่มากๆๆๆๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่