ตอร์ปิโดติดอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเล "ไพไซดอน"
ตอร์ปิโดทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเล "ไพไซดอน" (Poseidon) หรือในชื่อรหัสทางการของรัสเซียว่า 2M39 "สถานะ-6" (Status-6) ของกองทัพเรือรัสเซีย จัดเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ใต้น้ำที่น่าเกรงขามและเป็นที่จับตามองมากที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกในปัจจุบัน พัฒนาโดยรัสเซียและถูกจัดอยู่ในกลุ่ม อาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกลแบบอัตโนมัติ (intercontinental nuclear-powered autonomous torpedo) โพไซดอนถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอาวุธตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์ โดยมีจุดประสงค์หลักคือการทำลายเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ของศัตรู ไม่ว่าจะเป็นเมืองท่าสำคัญ กองเรือบรรทุกเครื่องบิน หรือแม้แต่ฐานทัพเรือขนาดใหญ่
โพไซดอนเป็น 1 ในอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ 6 ชนิดของรัสเซียที่ประกาศโดยประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันที่ 1 มีนาคมปี 2018 โพไซดอนไม่ใช่ตอร์ปิโดธรรมดา แต่เป็นยานใต้น้ำไร้คนขับ (UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อน ทำให้มันมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายประการ
> พลังงานนิวเคลียร์ : หัวใจสำคัญของโพไซดอนคือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่ช่วยให้มันสามารถเดินทางใต้น้ำได้ในระยะทางที่ไร้ขีดจำกัด (unlimited range) และสามารถดำน้ำอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีโดยไม่ต้องกลับมาเติมเชื้อเพลิง สิ่งนี้ทำให้มันสามารถลอยตัวซุ่มโจมตีอยู่ใต้น้ำได้ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจจับ
> ความเร็วและระดับความลึก : โพไซดอนมีความสามารถในการเดินทางด้วยความเร็วสูง 100 นอต หรือ 185 กม./ชม. และสามารถดำน้ำได้ลึกสูงสุดกว่า 1,000 เมตร ซึ่งลึกเกินกว่าขีดจำกัดของเรือดำน้ำหรือเรือรบของฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่ ทำให้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกตรวจจับหรือทำลายจากอาวุธต่อต้านเรือดำน้ำ (ASW: Anti-Submarine Warfare) ในปัจจุบัน
> หัวรบนิวเคลียร์ : โพไซดอนถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้ง หัวรบนิวเคลียร์ ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงมาก โดยมีรายงานว่าสามารถติดตั้งหัวรบที่มีอานุภาพทำลายล้างตั้งแต่ 2 เมกะตัน ไปจนถึง 100 เมกะตัน หรือมากกว่านั้น ซึ่งหัวรบขนาดใหญ่นี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่การทำลายเป้าหมายโดยตรง แต่ยังสามารถสร้าง คลื่นสึนามินิวเคลียร์ (radioactive tsunami) ที่มีความสูงหลายสิบเมตรไปจนถึงหลายร้อยเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดหัวรบนิวเคลียร์ ได้หากระเบิดใต้น้ำใกล้กับชายฝั่ง ซึ่งจะนำพาคลื่นกัมมันตรังสีเข้าทำลายพื้นที่ชายฝั่งในวงกว้าง ทำให้เมืองท่าหรือเมืองใหญ่ที่ติดทะเลไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
ในช่วงเดือนมกราคม 2019 กองทัพเรือรัสเซียได้ประกาศแผนการจัดซื้อยานใต้น้ำไร้คนขับโพไซดอนอย่างน้อย 30 ลำ เพื่อประจำการในเรือดำน้ำ 4 ลำ โดย 2 ลำจะถูกนำไปประจำการในกองเรือเหนือ และอีก 2 ลำจะประจำการในกองเรือแปซิฟิก
เดือนถัดมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ประกาศว่าการทดสอบระบบที่สำคัญได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากนั้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยแพร่วิดีโอแสดงภาพการทดสอบยิงโพไซดอนจากเรือดำน้ำ B-90 Sarov ซึ่งเป็นเรือดำน้ำสำหรับภารกิจพิเศษ ในช่วงต้นปี 2023 มีรายงานว่ามีการผลิตอาวุธชุดแรกแล้ว
โพไซดอนเป็นตอร์ปิโดติดอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเลที่มีขนาดใหญ่มาก สร้างด้วยโลหะผสมไททาเนียม โดยมีความยาวประมาณ 20-24 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร มีน้ำหนักมากถึง 100 ตัน ติดตั้งพลังงานขับเคลื่อนจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระบายความร้อนด้วยโลหะเหลว (LMR) ขนาด 25 เมกะวัตต์
ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากตอร์ปิโดทั่วไปอย่างชัดเจน พิสัยการเดินทางของมันเกือบจะไร้ขีดจำกัดเนื่องจากใช้พลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 1,000 เมตร ทำให้ยากต่อการตรวจจับและโจมตีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
มันมีความเร็วสูงมากโดยมีรายงานว่าความเร็วสูงสุดอาจอยู่ที่ 185 กม./ชม. โพไซดอนถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก ตั้งแต่ 2 เมกะตัน ไปจนถึง 100 เมกะตัน หรือมากกว่านั้น การพัฒนาเริ่มต้นขึ้นในปี 2015 และมีรายงานว่าเริ่มมีการผลิตชุดแรกในปี 2023 เพื่อใช้งานกับเรือดำน้ำ K-329 เบลกอรอด ด้วยความสามารถในการดำน้ำที่ลึกมาก ทำให้มันยังคงเป็นอาวุธที่อันตรายอย่างยิ่งต่อเรือรบและเรือดำน้ำในปัจจุบัน
ตอร์ปิโดโพไซดอนมีจุดประสงค์เพื่อใช้ตอบโต้การที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธ (ABM treaty) เมื่อปี 2002 และเพื่อเพิ่มศักยภาพของรัสเซียในการเอาชนะระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ เช่น ระบบขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธ (ABM) เป็นต้น
หัวรบของโพไซดอนสามารถปนเปื้อนพื้นที่ขนาดใหญ่ด้วยกัมมันตภาพรังสีได้ มีการคาดการณ์ว่าโพไซดอนอาจติดตั้งระเบิดโคบอลต์ (Cobalt Bomb) ทำให้โพไซดอนสามารถเป็นอาวุธตอบโต้ครั้งที่สองในเชิงรังสี (radiological second strike weapon)
อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์แบบปกติ (ที่ไม่ได้ใช้เกลือโคบอลต์) จะก่อให้เกิดกัมมันตภาพรังสีจากอนุภาคนิวตรอนที่ไปกระตุ้นวัสดุบริเวณที่เกิดการระเบิด หากมีการระเบิดใต้น้ำในระดับความลึกไม่มาก กัมมันตภาพรังสีจะลดลงอย่างมาก ยกเว้นที่บริเวณผิวน้ำทันทีที่อยู่เหนือจุดระเบิด สารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่จะถูกสะสมในทะเลและถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำ น้ำ (และอากาศ) จะไม่กลายเป็นสารกัมมันตรังสีที่เหมาะสำหรับการสงครามเชิงรังสีเมื่อถูกกระตุ้นด้วยนิวตรอน แต่เกลือในน้ำทะเลและพื้นทะเลอาจกลายเป็นสารกัมมันตรังสีได้
หากใช้โจมตีกองเรือบรรทุกเครื่องบิน กองเรือดังกล่าวจะมีโอกาสป้องกันตัวเองได้น้อยลง โพไซดอนสามารถจุดชนวนหัวรบขนาดใหญ่จากระยะไกล และหน่วยต่อต้านเรือดำน้ำจะมีเวลาตอบสนองน้อยมากเนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของมัน
โพไซดอนถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน อาวุธตอบโต้ครั้งที่สอง (second-strike weapon) ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดของรัสเซีย หรือที่เรียกว่า "วันสิ้นโลก" (doomsday weapon) มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้โจมตีเป็นอันดับแรก แต่เป็นอาวุธสำรองสุดท้ายที่จะใช้ตอบโต้หากรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จนระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินและทางอากาศไม่สามารถตอบโต้ได้
ด้วยคุณสมบัติในการหลบเลี่ยงการตรวจจับที่เหนือกว่า (ด้วยการใช้ความเร็วสูงและดำน้ำลึกมาก) และการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด ทำให้โพไซดอนสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้แทบทุกแห่งทั่วโลก และสามารถทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและรุนแรง ทำให้มันเป็นเครื่องมือยับยั้ง (deterrence) ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อข่มขู่ไม่ให้ศัตรูกล้าโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน
เพื่อที่จะบรรทุกและปล่อยโพไซดอน รัสเซียได้พัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์โดยเฉพาะ ซึ่งเรือดำน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ เรือดำน้ำ K-329 เบลกอรอด (Belgorod) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำที่ถูกดัดแปลงมาจากเรือดำน้ำชั้นออสการ์ (Oscar-II class) โดยเบลกอรอดสามารถบรรทุกโพไซดอนได้ถึง 6 ลำ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัสเซียกำลังพัฒนากลุ่มเรือดำน้ำบรรทุกโพไซดอนรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม โพไซดอน ถือเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของรัสเซีย และเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในสมดุลอำนาจทางทหารของโลก มันไม่ใช่เพียงแค่ตอร์ปิโด แต่เป็นระบบอาวุธที่ซับซ้อนและมีอำนาจทำลายล้างสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือยับยั้งขั้นสูงสุดที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของรัสเซียจากภัยคุกคามนิวเคลียร์ได้
เรียบเรียง/แปลโดย : Army Military Force
สำหรับใครที่นำบทความนี้ไปใช้
กรุณาช่วยใส่เครดิตให้ด้วยนะครับ
ชื่อน่ารักน่าใช้งาน เดี๋ยวต้องไปหามาใช้... ตอร์ปิโดติดอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเล "ไพไซดอน"