รธน.ฉบับใหม่ ตอบโจทน์ประเทศไทย แก้ไขปัญหาได้จริงหรือ
ตอนนี้เราก็คงได้เห็นแบบร่างคร่าวๆของรธน.ฉบับใหม่กันไปบ้างแล้ว
แต่จะถูกใจกันหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่จริตของแต่ละคน แต่.....
ตอนที่มีการกระทำการรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษ์ มีการชูประเด็นปฏิรูปประเทศ
หนึ่งในประเด็นนั้นคือ การเลือกตั้งที่ใสสะอาดเป็นธรรมปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
แล้วในร่างรธน.ฉบับใหม่นี้ ได้ตอบโจทย์นี้หรือไม่ จากการกำหนดวิธีการเลือกตั้งที่มาของสส.แบบสัดส่วนผสม
หรือเรียกแบบเท่ห์ๆว่าเยอรมันโมเดลฉบับก้าวหน้า
มันตอบโจทย์การเลือกตั้งที่ใสสะอาดเป็นธรรมปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้????จริงหรือ
สำหรับผมมองว่าปล่าวเลย มันไม่ได้ตอบโจทย์นั้น แต่มันตอบโจทน์อื่นแทน
โจทย์ที่ว่าคือ พรรคการเมืองเข้มแข็ง การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่ว่ามันตอบโจทย์นี้มากกว่า
เพราะการกำหนดกติกาแบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ต้องการให้มีพรรคการเมืองใหญ่ที่มีสส.ในมือเกินกึ่งหนึ่งของสภาแบบที่ผ่านๆมา
ที่พูดกันเท่ห์ๆว่าเยอรมันโมเดล....แต่บอกกันไม่หมด การปกครองของประเทศเยอรมันกับปรเทศไทยนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
เยอรมันปกครองแบบสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยโดยเป็นการรวมตัวของรัฐทั้งหมด 16 รัฐ
โดยแต่ละรัฐจะมีรัฐบาลท้องถิ่นของตัวเอง มีการเลือกตั้ง มีกฎหมายเฉพาะของตัวเอง
ที่เขาต้องกำหนดการเลือกตั้งแบบนี้ เพราะในแต่ละรัฐ ก็มีพรรคการเมืองท้องถิ่น บางรัฐก็เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
จึงจำเป็นต้องให้พรรคเล็กๆจากรัฐเล็กๆได้มีโอกาสมีสส.ในสภาใหญ่ของประเทศได้
แต่รัฐไทย เป็นรัฐเดี่ยว ปกครองแบบรวมศูนย์ ประเทศไม่ได้ใหญ่มากนัก เหตุใดเราถึงจำเป็นต้องใช้ระบบแบบนี้
ที่สำคัญตอนนี้ประชาชนเข้าใจระบบแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ที่ท่านบอกว่าเลือกตั้งสส.บัญชีรายชื่อแบบระบุคนที่เราต้องการได้
ระบุยังไงครับ ท่านแบ่งประเทศออกเป็น6เขตใหญ่ในแต่ละเขตมีสส.ได้ประมาณ28-42คน
ในหมายถึงพรรคการเมืองก็ต้องซอยแบ่งรายชื่อไปตามนั้น แล้วแต่ละคนก็มีลำดับ ท่านจะพิมพ์หมายเลขกำกับลงไปแต่ละคนเหรอครับ
สมมุติผมชอบพรรคก.ไก่เบอร์30 ผู้สมัครสส.บช.ลำดับที่25 ผมต้องกาพรรคเบอร์30และกาหมายเลข25อย่างงั้นหรือครับ
ถ้ามีพรรคที่ส่งสส.บช.รายชื่อสัก50พรรค มิต้องใช้กระดาษA0 ในการลงคะแนนหรือไงครับ
อย่างนี้อย่าว่าผู้เฒ่าผู้แก่ตามชนบทงงเลยครับ ผมเองพอมีความรู้อยู่บ้าง ผมยังงงเลยครับ
และสงสัยครับ ทำไมภาคอีสานตอนบนมีส.ส.แบบแบ่งเขต 42 คน แบบบัญชีรายชื่อ 28 คน แต่...
ภาคกลางตอนบน 17 จังหวัด มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 42 คน แบบบัญชีรายชื่อ 50 คน
สส.แบบบ่งเขตเท่ากัน แต่ทำไมสส.แบบบัญชีรายชื่อ ต่างกันขนาดนี้ครับ
และที่ท่านบอกว่ามันจะแก้ปัญหาเรื่องพรรคการเมืองกลุ่มเดียวกุมเสียงข้างมากในสภาได้ มันได้จริงหรือครับ
สมมุติพรรคกอไก่ ตั้งพรรคนอมินีขอไข่ขึ้นมาแล้วส่งลงสมัคร ปชช.ก็รู้ว่าคือพวกเดียวกัน
หรือเอาง่ายๆ กปปส.ใครๆก็รู้ว่าพวกเดียวกับปชป. เสื้อแดงก็พวกเดียวกับเพื่อไทย
ภาคใต้ กาคกลางบางส่วน ส่งกลุ่มกปปส.ลงสมัครสส.แบบเขตอย่างเดียว ปชป.ส่งสส.แบบบช.อย่างเดียว
ภาคเหนือ ภาคอีสาน เสื้อแดงส่งลงสมัครสส.แบบเขต เพื่อไทย ส่งสส.แบบบช.อย่างเดียว
แค่นี้ก็แก้ไขปัญหาเรื่องระบบสัดส่วนได้แล้วน่ะครับ
ถามว่าปชช.ในพื้นที่รู้ไหมว่าทั้งสองกลุ่มนี้สุดท้ายแล้วคือกลุ่มเดียวกัน แนวทางการสนับสนุนแบบเดียวกัน
คำตอบคือรู้ครับ และเขาก็สนับสนุนคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะเขาเชื่อว่าเขาคือพวกเดียวกัน
คุณบอกว่า อยากให้มีพรรคการเมืองหลายๆพรรคร่วมกันจัดตั้งรบ. เมื่อมีหลายพรรค
จะได้มีการคุยกันตกลงกันและปรองดองกันได้ในที่สุด บอกตรงๆผมโครตจะรังเกียจเลยครับ
พรรคการเมืองกลางๆหลายพรรคที่ชอบต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง จนน่ารังเกียจ
เหมือนคุณจะไม่อยากให้รบ.เข้มแข็งแต่...คุณก็ออกกติกาแบบแปลกๆคือ ถ้ามีการลงมติไม่ไว้วางใจรบ.ก็ให้สภาสิ้นสภาพตามไปด้วย
แล้วอย่างนี้จะมีสส.ที่ไหนอยากยกมือลงคะแนนไม่ไว้วางใจไหมครับ แต่ก็เข้าใจน่ะครับว่า
ถ้าลงมติไม่ไว้วางใจได้แบบเดิมโดยสภายังอยู่ ก็กลัวว่าจะเกิดตำนานงูเห่าอีกพวกพรรคการเมืองเห็บหมาก็จะหาผลประโยชน์
จากการต่อรอง แต่ท่านแก้ปัญหาหนึ่งโดยสร้างปัญหาใหม่
มันดีแล้วเหรอครับ
และที่สำคัญกติกาการเลือกตั้งแบบนี้ มันเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนจริงหรือ กติกาแบบนี้ไม่ได้การันตีเลยว่า
พรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ1จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการต่อรองผลประโยชน์ล้วนๆ
พรรคอันดับ1และ2 อาจจะไม่ได้เป็นแกนนำเลยก็ได้ พรรคอันดับ3 4 5 6 7 8
อาจจะรวมตัวกันได้สส.เกินกึ่งหนึ่งในสภา แล้วก็แห่ราชรถไปหาผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญยกขึ้นมาเป็นายก
จะค้านว่าขัดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ เพราะรธน.ฉบับนี้ก็ไม่ได้ระบุไว้ด้วยสิว่านายกต้องเป็นสส.
กรณีนายกคนนอกคือ ใครก็ได้อ่ะ แบบว่ากว่าที่เราจะมีวันนี้ วันที่มีนายกมาจากการเลือกตั้ง
ประชาชน นักศึกษา วีรชนคนรุ่นก่อน ต้องเสียสละชีวิตไปตั้งเท่าไหร่เพิ่อเรียกร้องนายกที่มาจากการเลือกตั้ง
ท่านไม่เคารพเจตนารมณ์และจิตวิญญาณของท่านเหล่านั้นบางเลยเหรอครับ
โอเคถ้าจะมีนายกมาจากคนนอกได้ ควรมีกติกาที่ชัดเจนกว่านี้ไหมครับ
เช่นควรจะมีก็ต่อเมื่อประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต ภาวะสงคราม หาทางออกไม่ได้ แต่ควรกำหนดระยะเวลาด้วย
เช่นไม่เกิน1ปีหรือไม่เกิน1ปีครึ่ง แต่ไม่ใช่เปิดทางโล่งไว้แบบนี้
ถ้าท่านมิได้มีเจตนาสืบทอดอำนาจรอให้ใครบางคนเข้ามาหลังจากนี้น่ะครับ
เพราะการกระทำของท่านมันส่อเจตนามาก
เรื่องสว.เออไม่อยากพูด ที่เขาเรียกลากตั้งก็ไม่ผิดหรอกครับ อย่ามาพูดให้ดูดีเลยว่ามันคือการเลือกตั้งทางอ้อม
สุดท้ายมันก็ปลาในบ่อเดียวกัน จับลงไปได้ตัวไหนมันก็มาจากปลาที่ท่านเลือกมาให้แล้ว
ท่านบอกมันมากอาชีพที่หลากหลาย แต่สุดท้ายก็เคยเห็นมาแล้วกับสว.จากรธน.ปี50
ท่านบอกสว.แบบนี้มีหลายประเทศที่เขาใช้กัน แต่ถามหน่อยครับ อำนาจของสว.เหล่านั้นมากมายเหมือนสว.ของไทยไหม
มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มีอำนาจตรวจสอบรายชื่อ ผู้ได้รับการเสนอเป็นรมต. ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการ
อธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ
อำนาจล้นฟ้ามากครับ ไหนจะอำนาจขององค์กรอิสระหลายๆองค์กรที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่ที่น่าแปลกใจคือ อำนาจการตรวจสอบที่จะมาคานอำนาจองค์กรอิสระเหล่านี้ แทบจะไม่มีการพูดถึงเลย
ว่าในกรณีที่องค์กรเหล่านั้น ใช้อำนาจในทางมิชอบหรือใช้อำนาจเกินควร เกินหน้าที่ตน
ใครจะเป็นคนตรวจสอบเป็นคนถ่วงดุลอำนาจ หรือเราจะให้คนที่แต่งตั้งเขาเข้ามารับตำแหน่งอย่างสว.เป็นคนตรวจสอบล่ะครับ
ที่ท่านบอกว่ารธน.ฉบับนี้จะทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ตรงไหนครับท่าน ชี้ให้ผมดูที
สุดท้ายบทเฉพาะการที่สืบทอดอำนาจต่างๆของแม่น้ำ5สาย ที่ยังคงอยู่แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว
ทั้งสนช. สปช. ที่จะไปอยู่ในองค์กรต่างๆ ในหน่วยงานต่างๆที่จะตั้งขึ้นมา
หรือแม้แต่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่รธน.ฉบับชั่วคราว 57 กำหนดไว้ว่าห้ามกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระยะเวลา 2 ปีหลังจากพ้นตำแหน่ง
แต่เหล่าท่านคนดีก็กลับไปแก้ไขข้อความในร่างใหม่ ใส่ลงไปเนียนๆในบทเฉพาะกาลมาตรา306ไว้ว่า
ห้ามมิให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น
คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง
ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
บางคนอาจจะงงๆ เอ๊ะมันต่างกันยังไงกับถ้อยคำในรธน.ฉบับชั่วคราว57ที่ระบุไว้กว้างๆว่าห้าม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เคยได้ยินไหมครับว่ากฎหมาย ยิ่งเขียนน้อยระบุเจาะจงน้อย ยิ่งตีความกว้าง แต่ถ้ายิ่งระบุเจาะจง ยิ่งเขียนเยอะ ยิ่งตีความแคบ
เอาง่ายๆเลยครับ คือพวกท่านๆเปิดทางให้ตัวกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญสามารถไปดำรงตำแหน่งใน
องค์กรอิสระ ปปช ตลก.ศาลรธน. หรือหน่วยงานต่างๆที่จะถูกตั้งขึ้นตามที่รธน.ฉบับนี้กำหนดไว้นั้นเอง
ไม่ผิดรธน.นะครัช เพราะในรธน.ระบุไว้แค่ว่าห้ามมิให้
กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น
คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง
ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
เป็นไงล่ะครับ เนียนตีไหม แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อใจพวกท่านได้ยังไงว่าที่พวกท่านกำลังทำอยู่ตอนนี้
พวกท่านจริงใจ มิได้ต้องการสืบทอดอำนาจ ทั้งๆที่รธน.ที่พวกท่านเขียนขึ้นมา มันเปิดประตู....ปูพรมแดงโล่งรอพวกท่านเดินเข้ามาขนาดนี้
ผมไม่โง่นะครัช.....
รธน.ฉบับใหม่ ตอบโจทน์ประเทศไทย แก้ไขปัญหาได้จริงหรือ???
ตอนนี้เราก็คงได้เห็นแบบร่างคร่าวๆของรธน.ฉบับใหม่กันไปบ้างแล้ว
แต่จะถูกใจกันหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่จริตของแต่ละคน แต่.....
ตอนที่มีการกระทำการรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษ์ มีการชูประเด็นปฏิรูปประเทศ
หนึ่งในประเด็นนั้นคือ การเลือกตั้งที่ใสสะอาดเป็นธรรมปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
แล้วในร่างรธน.ฉบับใหม่นี้ ได้ตอบโจทย์นี้หรือไม่ จากการกำหนดวิธีการเลือกตั้งที่มาของสส.แบบสัดส่วนผสม
หรือเรียกแบบเท่ห์ๆว่าเยอรมันโมเดลฉบับก้าวหน้า
มันตอบโจทย์การเลือกตั้งที่ใสสะอาดเป็นธรรมปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้????จริงหรือ
สำหรับผมมองว่าปล่าวเลย มันไม่ได้ตอบโจทย์นั้น แต่มันตอบโจทน์อื่นแทน
โจทย์ที่ว่าคือ พรรคการเมืองเข้มแข็ง การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่ว่ามันตอบโจทย์นี้มากกว่า
เพราะการกำหนดกติกาแบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ต้องการให้มีพรรคการเมืองใหญ่ที่มีสส.ในมือเกินกึ่งหนึ่งของสภาแบบที่ผ่านๆมา
ที่พูดกันเท่ห์ๆว่าเยอรมันโมเดล....แต่บอกกันไม่หมด การปกครองของประเทศเยอรมันกับปรเทศไทยนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
เยอรมันปกครองแบบสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยโดยเป็นการรวมตัวของรัฐทั้งหมด 16 รัฐ
โดยแต่ละรัฐจะมีรัฐบาลท้องถิ่นของตัวเอง มีการเลือกตั้ง มีกฎหมายเฉพาะของตัวเอง
ที่เขาต้องกำหนดการเลือกตั้งแบบนี้ เพราะในแต่ละรัฐ ก็มีพรรคการเมืองท้องถิ่น บางรัฐก็เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
จึงจำเป็นต้องให้พรรคเล็กๆจากรัฐเล็กๆได้มีโอกาสมีสส.ในสภาใหญ่ของประเทศได้
แต่รัฐไทย เป็นรัฐเดี่ยว ปกครองแบบรวมศูนย์ ประเทศไม่ได้ใหญ่มากนัก เหตุใดเราถึงจำเป็นต้องใช้ระบบแบบนี้
ที่สำคัญตอนนี้ประชาชนเข้าใจระบบแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ที่ท่านบอกว่าเลือกตั้งสส.บัญชีรายชื่อแบบระบุคนที่เราต้องการได้
ระบุยังไงครับ ท่านแบ่งประเทศออกเป็น6เขตใหญ่ในแต่ละเขตมีสส.ได้ประมาณ28-42คน
ในหมายถึงพรรคการเมืองก็ต้องซอยแบ่งรายชื่อไปตามนั้น แล้วแต่ละคนก็มีลำดับ ท่านจะพิมพ์หมายเลขกำกับลงไปแต่ละคนเหรอครับ
สมมุติผมชอบพรรคก.ไก่เบอร์30 ผู้สมัครสส.บช.ลำดับที่25 ผมต้องกาพรรคเบอร์30และกาหมายเลข25อย่างงั้นหรือครับ
ถ้ามีพรรคที่ส่งสส.บช.รายชื่อสัก50พรรค มิต้องใช้กระดาษA0 ในการลงคะแนนหรือไงครับ
อย่างนี้อย่าว่าผู้เฒ่าผู้แก่ตามชนบทงงเลยครับ ผมเองพอมีความรู้อยู่บ้าง ผมยังงงเลยครับ
และสงสัยครับ ทำไมภาคอีสานตอนบนมีส.ส.แบบแบ่งเขต 42 คน แบบบัญชีรายชื่อ 28 คน แต่...
ภาคกลางตอนบน 17 จังหวัด มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 42 คน แบบบัญชีรายชื่อ 50 คน
สส.แบบบ่งเขตเท่ากัน แต่ทำไมสส.แบบบัญชีรายชื่อ ต่างกันขนาดนี้ครับ
และที่ท่านบอกว่ามันจะแก้ปัญหาเรื่องพรรคการเมืองกลุ่มเดียวกุมเสียงข้างมากในสภาได้ มันได้จริงหรือครับ
สมมุติพรรคกอไก่ ตั้งพรรคนอมินีขอไข่ขึ้นมาแล้วส่งลงสมัคร ปชช.ก็รู้ว่าคือพวกเดียวกัน
หรือเอาง่ายๆ กปปส.ใครๆก็รู้ว่าพวกเดียวกับปชป. เสื้อแดงก็พวกเดียวกับเพื่อไทย
ภาคใต้ กาคกลางบางส่วน ส่งกลุ่มกปปส.ลงสมัครสส.แบบเขตอย่างเดียว ปชป.ส่งสส.แบบบช.อย่างเดียว
ภาคเหนือ ภาคอีสาน เสื้อแดงส่งลงสมัครสส.แบบเขต เพื่อไทย ส่งสส.แบบบช.อย่างเดียว
แค่นี้ก็แก้ไขปัญหาเรื่องระบบสัดส่วนได้แล้วน่ะครับ
ถามว่าปชช.ในพื้นที่รู้ไหมว่าทั้งสองกลุ่มนี้สุดท้ายแล้วคือกลุ่มเดียวกัน แนวทางการสนับสนุนแบบเดียวกัน
คำตอบคือรู้ครับ และเขาก็สนับสนุนคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะเขาเชื่อว่าเขาคือพวกเดียวกัน
คุณบอกว่า อยากให้มีพรรคการเมืองหลายๆพรรคร่วมกันจัดตั้งรบ. เมื่อมีหลายพรรค
จะได้มีการคุยกันตกลงกันและปรองดองกันได้ในที่สุด บอกตรงๆผมโครตจะรังเกียจเลยครับ
พรรคการเมืองกลางๆหลายพรรคที่ชอบต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง จนน่ารังเกียจ
เหมือนคุณจะไม่อยากให้รบ.เข้มแข็งแต่...คุณก็ออกกติกาแบบแปลกๆคือ ถ้ามีการลงมติไม่ไว้วางใจรบ.ก็ให้สภาสิ้นสภาพตามไปด้วย
แล้วอย่างนี้จะมีสส.ที่ไหนอยากยกมือลงคะแนนไม่ไว้วางใจไหมครับ แต่ก็เข้าใจน่ะครับว่า
ถ้าลงมติไม่ไว้วางใจได้แบบเดิมโดยสภายังอยู่ ก็กลัวว่าจะเกิดตำนานงูเห่าอีกพวกพรรคการเมืองเห็บหมาก็จะหาผลประโยชน์
จากการต่อรอง แต่ท่านแก้ปัญหาหนึ่งโดยสร้างปัญหาใหม่
มันดีแล้วเหรอครับ
และที่สำคัญกติกาการเลือกตั้งแบบนี้ มันเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนจริงหรือ กติกาแบบนี้ไม่ได้การันตีเลยว่า
พรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ1จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการต่อรองผลประโยชน์ล้วนๆ
พรรคอันดับ1และ2 อาจจะไม่ได้เป็นแกนนำเลยก็ได้ พรรคอันดับ3 4 5 6 7 8
อาจจะรวมตัวกันได้สส.เกินกึ่งหนึ่งในสภา แล้วก็แห่ราชรถไปหาผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญยกขึ้นมาเป็นายก
จะค้านว่าขัดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ เพราะรธน.ฉบับนี้ก็ไม่ได้ระบุไว้ด้วยสิว่านายกต้องเป็นสส.
กรณีนายกคนนอกคือ ใครก็ได้อ่ะ แบบว่ากว่าที่เราจะมีวันนี้ วันที่มีนายกมาจากการเลือกตั้ง
ประชาชน นักศึกษา วีรชนคนรุ่นก่อน ต้องเสียสละชีวิตไปตั้งเท่าไหร่เพิ่อเรียกร้องนายกที่มาจากการเลือกตั้ง
ท่านไม่เคารพเจตนารมณ์และจิตวิญญาณของท่านเหล่านั้นบางเลยเหรอครับ
โอเคถ้าจะมีนายกมาจากคนนอกได้ ควรมีกติกาที่ชัดเจนกว่านี้ไหมครับ
เช่นควรจะมีก็ต่อเมื่อประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต ภาวะสงคราม หาทางออกไม่ได้ แต่ควรกำหนดระยะเวลาด้วย
เช่นไม่เกิน1ปีหรือไม่เกิน1ปีครึ่ง แต่ไม่ใช่เปิดทางโล่งไว้แบบนี้
ถ้าท่านมิได้มีเจตนาสืบทอดอำนาจรอให้ใครบางคนเข้ามาหลังจากนี้น่ะครับ
เพราะการกระทำของท่านมันส่อเจตนามาก
เรื่องสว.เออไม่อยากพูด ที่เขาเรียกลากตั้งก็ไม่ผิดหรอกครับ อย่ามาพูดให้ดูดีเลยว่ามันคือการเลือกตั้งทางอ้อม
สุดท้ายมันก็ปลาในบ่อเดียวกัน จับลงไปได้ตัวไหนมันก็มาจากปลาที่ท่านเลือกมาให้แล้ว
ท่านบอกมันมากอาชีพที่หลากหลาย แต่สุดท้ายก็เคยเห็นมาแล้วกับสว.จากรธน.ปี50
ท่านบอกสว.แบบนี้มีหลายประเทศที่เขาใช้กัน แต่ถามหน่อยครับ อำนาจของสว.เหล่านั้นมากมายเหมือนสว.ของไทยไหม
มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มีอำนาจตรวจสอบรายชื่อ ผู้ได้รับการเสนอเป็นรมต. ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการ
อธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ
อำนาจล้นฟ้ามากครับ ไหนจะอำนาจขององค์กรอิสระหลายๆองค์กรที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่ที่น่าแปลกใจคือ อำนาจการตรวจสอบที่จะมาคานอำนาจองค์กรอิสระเหล่านี้ แทบจะไม่มีการพูดถึงเลย
ว่าในกรณีที่องค์กรเหล่านั้น ใช้อำนาจในทางมิชอบหรือใช้อำนาจเกินควร เกินหน้าที่ตน
ใครจะเป็นคนตรวจสอบเป็นคนถ่วงดุลอำนาจ หรือเราจะให้คนที่แต่งตั้งเขาเข้ามารับตำแหน่งอย่างสว.เป็นคนตรวจสอบล่ะครับ
ที่ท่านบอกว่ารธน.ฉบับนี้จะทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ตรงไหนครับท่าน ชี้ให้ผมดูที
สุดท้ายบทเฉพาะการที่สืบทอดอำนาจต่างๆของแม่น้ำ5สาย ที่ยังคงอยู่แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว
ทั้งสนช. สปช. ที่จะไปอยู่ในองค์กรต่างๆ ในหน่วยงานต่างๆที่จะตั้งขึ้นมา
หรือแม้แต่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่รธน.ฉบับชั่วคราว 57 กำหนดไว้ว่าห้ามกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระยะเวลา 2 ปีหลังจากพ้นตำแหน่ง
แต่เหล่าท่านคนดีก็กลับไปแก้ไขข้อความในร่างใหม่ ใส่ลงไปเนียนๆในบทเฉพาะกาลมาตรา306ไว้ว่า
ห้ามมิให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น
คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง
ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
บางคนอาจจะงงๆ เอ๊ะมันต่างกันยังไงกับถ้อยคำในรธน.ฉบับชั่วคราว57ที่ระบุไว้กว้างๆว่าห้าม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เคยได้ยินไหมครับว่ากฎหมาย ยิ่งเขียนน้อยระบุเจาะจงน้อย ยิ่งตีความกว้าง แต่ถ้ายิ่งระบุเจาะจง ยิ่งเขียนเยอะ ยิ่งตีความแคบ
เอาง่ายๆเลยครับ คือพวกท่านๆเปิดทางให้ตัวกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญสามารถไปดำรงตำแหน่งใน
องค์กรอิสระ ปปช ตลก.ศาลรธน. หรือหน่วยงานต่างๆที่จะถูกตั้งขึ้นตามที่รธน.ฉบับนี้กำหนดไว้นั้นเอง
ไม่ผิดรธน.นะครัช เพราะในรธน.ระบุไว้แค่ว่าห้ามมิให้
กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น
คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง
ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
เป็นไงล่ะครับ เนียนตีไหม แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อใจพวกท่านได้ยังไงว่าที่พวกท่านกำลังทำอยู่ตอนนี้
พวกท่านจริงใจ มิได้ต้องการสืบทอดอำนาจ ทั้งๆที่รธน.ที่พวกท่านเขียนขึ้นมา มันเปิดประตู....ปูพรมแดงโล่งรอพวกท่านเดินเข้ามาขนาดนี้
ผมไม่โง่นะครัช.....