ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ ได้รับการเผยแสดงจากพระแม่มารีย์เกี่ยวกับเรื่องราว ชีวิต ความคิด คำอธิฐาน รายละเอียดต่างๆ ขณะที่พระแม่ยังใช้ชีวิตอยู่บนโลก ซึ่งไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์ โดยผ่านทางบรรดานักบุญและผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายท่าน อาทิเช่น นักบุญ Elizabeth of Schoenau , นักบุญ Bridget of Sweden (ผู้ประพันธ์บทภาวนา 15 บท) , บุญราศี คุณแม่ Mary of Agreda และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิสเตอร์ Anna Catherine Emmerich ผู้ได้รับพระพรพิเศษจากพระเป็นเจ้าในการหยั่งรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยการเผยให้พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เพื่อมนุษยชาติจะได้รับรู้และเข้าใจในความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ของพระผู้ไถ่ และพระมารดาได้อย่างลึกซึ้ง และชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พระเยซูเจ้า สำหรับพระแม่มารีย์แล้ว คือบุตรสุดที่รัก... คือพระเจ้าผู้สูงสุดที่เคารพยิ่ง... จึงไม่แปลกที่พระแม่จะปฏิบัติต่อพระเยซูเจ้าด้วยความรักในฐานะบุตรชายแต่คนเดียวของพระนาง และด้วยความเคารพในฐานะพระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ในเวลาเดียวกัน
และไม่ต้องมีคำถามว่า ข้อความเหล่านี้ มีในพระคัมภีร์บทไหน เพราะนี่เป็นความเชื่อ ความศรัทธาล้วนๆ ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน หากว่าแต่ละคนรับไว้ไม่เหมือนและไม่เท่ากัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 30
มหาทรมาน - คืนที่ถูกจับกุม
โดยความกรุณาพิเศษของพระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์มองเห็นทุกสิ่งจะเกิดแก่พระเยซูเจ้าระหว่างมหาทรมานโดยสายตาทิพย์ (vision) ดังนั้นพระนางจึงสามารถร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระบุตรในการทรมานเพื่อไถ่บาปมนุษย์ รวมทั้งร่วมใจในการภาวนาและพลีกรรมพร้อมกับพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงได้รับความบรรเทาใจ เกือบทั้งหมดมาจากความรัก ความศักดิ์สิทธิ์ และความศรัทธาภักดีของพระมารดาเท่านั้น

เมื่อพระเยซูเจ้าและอัครสาวกออกจากห้องอาหารค่ำไปยังสวนเกทเสมนี แม่พระไปที่บ้านของมารีย์ มักดาเลนา และสตรีใจศรัทธาอื่นอีกหลายคน ตามทางพวกเขาพบกับลาซารัส นิโคเดมัส และโยเซฟ อาริมาเธีย พระมารีย์อธิบายให้พวกเขาทราบถึงการที่ยูดาสต้องออกจากห้องอาหารอย่างกระทันหัน และยังกล่าวว่า พระนางกลัวว่า เขา(ยูดาส) ตั้งใจจะทรยศพระองค์ในคืนนี้ แต่ที่จริงพระนางมองเห็นการวางแผนของยูดาสและพวกฟาริสีแล้วด้วยตาทิพย์

เมื่อพระเยซูเจ้า ทรงเข้าไปสวดภาวนาในสวนเกทเสมนีนั้น พระมารดาก็เข้าไปในห้องของตน สวดวอนขอพระบิดาโปรดทรงอนุญาตให้พระนางได้ร่วมรู้สึกในความเจ็บปวดและการทรมานทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งพระบุตรจะต้องรับในอีกไม่ช้านี้ และพระตรีเอกภาพก็ทรงอนุมัติ และราวกับเป็นการตอบแทนการเสียสละและการถวายตัวของพระแม่ พระเยซูเจ้าในสวนเกทเสมนีก็ทรงผินพระพักต์มาทางพระนาง (โดยทางจิต) และทั้งสองก็แลกเปลี่ยนความรู้สึกและให้กำลังใจกันและกันอย่างน่าพิศวง แล้วพระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปหาอัครสาวกทั้งสามคน ก็พบว่าพวกเขากำลังหลับอยู่ พระองค์ทรงเตือนพวกเขาให้บรรเทาใจพระมารดาในวันขมขื่นแต่นี้ไป รวมทั้งหลังความตายของพระองค์ตามที่เคยบอกไว้ก่อนแล้ว

ต่อมาระหว่างที่พระองค์ทรงมีพระเสโทหลั่งออกมาเป็นโลหิต พระแม่มารีย์ส่งอารักขาเทวดาบางองค์ของพระนาง (พระแม่ทรงมีอารักขาเทวดาหลายองค์) ไปหาพระเยซูเจ้าพร้อมกับผ้าเช็ดตัว เพื่อพระองค์จะทรงเช็ดพระพักต์และซับพระโลหิตให้แห้ง

เมื่อยูดาสผู้ทรยศมาถึงและจูบพระอาจารย์ พระนางมารีย์ได้สวดอย่างร้อนรนเพื่อการกลับใจของเขา ครั้นแล้วก็เสนอวิงวอนช่วยพวกทหารที่ล้มลงกระแทกพื้นดินถึงกับสลบไปด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มองไม่เห็นของพระเจ้า ผลที่ตามมาคือ ภายหลังทหารเหล่านี้กลับใจเป็นคริสตังค์ทั้งหมด แต่ยูดาสนั้น ปฏิเสธไม่ร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งพระแม่ช่วยเสนอวิงวอนเพื่อเขา และพระนางได้ร้องไห้อย่างขมขื่นสำหรับชะตากรรมที่แสนวิปโยคของเขา
พระนางยังได้สวดภาวนาเป็นพิเศษแก่บรรดาสาวกที่หนีเอาตัวรอด ในราตรีอันมืดมิดแห่งการจับกุมพระอาจารย์ แม้เพื่อนสนิทมิตสหายต่างก็หนีเอาตัวรอด แม่พระเก็บไว้ในดวงใจของพระนางซึ่งความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ และการนมัสการของพระศาสนจักรคริสตังค์ เพราะมีเพียงพระนางผู้เดียว ที่เปี่ยมด้วยความหวัง ความรัก และการนมัสการสำหรับพระผู้ทรงรับเอากาย และเมื่อบรรดาศัตรูเริ่มด่าแช่งสบประมาท และทุบตีเตะต่อยพระองค์ พระนางก็ยิ่งสวดสรรเสริญพระองค์กับการรับทนทรมานของพระองค์ ดังนี้ก็เป็นการชดเชยบาปแห่งการสบประมาท ด่าทอ ตบตี และการทรมานต่างๆที่พวกเขากระทำต่อพระองค์และของคนบาปทั้งหลายด้วย
ครั้นเมื่อ สตรีใจศรัทธาเหล่านี้ไปที่บ้านของ มาธาร์ น้องสาวลาซารัส ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ที่นั่นนักบุญยอห์นมาพบพวกเขา และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น นับแต่พระอาจารย์ออกจากห้องกินเลี้ยง แม้พวกเขาจะรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็พยายามบรรเทาใจกันและกัน ระหว่างนั้นมีคนส่งข่าวหลายคนมาเคาะประตูเบาๆ ล้วนแต่นำข่าวน่าสะเทือนใจและเสียใจมาเล่าให้ฟังเป็นตอนๆไป
ณ เวลานี้ พระแม่พรหมจารีย์มารีย์ เดินไปในถนนมืดๆ กับเพื่อนสตรีบางคน เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้า
เมื่อพวกเขาเห็นขบวนของทหาร และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของเขาจากระยะไกล แม่พระเป็นทุกข์แน่นอกจนพูดไม่ออก สตรีใจศรัทธากลุ่มเล็กๆนี้ พยายามเดินเลี่ยงฝูงชนที่กำลังรวมตัวกันอยู่ บ่อยครั้ง ที่พวกเขาต้องซ่อนตัวในตรอกเล็กๆ เวลาที่เหล่าศัตรูของพระเยซูเจ้ากำลังจะผ่านไป หลายครั้งแม่พระและสตรีกลุ่มนี้ถูกด่าว่าเป็นหญิงไม่ดี และหลายครั้งที่พวกเขาได้ยินพวกผู้ชายสาปแช่ง เยาะเย้ย สบประมาทพระบุตรของพระนาง นักบุญมารีอา มักดาเลนา เพราะความทุกข์ใจอย่างมาก จนคิดอะไรไม่ออก สะอื้น และบิดมือตัวเอง พูดจากับคนอื่นก็ติดอ่าง ในถนนภายใต้แสงจันทร์นั้น พวกเขาถูกด่าจากศัตรูของพระเยซูเจ้าหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อทหารจับมัดพระเยซูเจ้า พระมารดาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อมือ ด้วยความเจ็บปวดเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับจากเชือก และโซ่ ไม่เพียงเท่านั้น พระนางยังรู้สึกถึงทุกความเจ็บปวดที่พระบุตรทรงได้รับ ทั้งการทุบตี เตะต่อย และการล้มของพระองค์ เมื่อทรงถูกลากไปถึงตำหนักของพระราชาคณะ
ระหว่างนั้น พระเยซูเจ้าถูกนำไปต่อหน้าผู้นำพระสงฆ์ แล้วการสอบสวนคดีของพระองค์ก็เริ่มขึ้น มีจุดหนึ่งที่พยานต่างๆไม่ลงรอยกัน จนโต้เถียงกันก็คือ การเกิดของพระองค์นั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ส่วนยอห์นศิษย์ที่พระเยซูทรงรัก ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องพิจารณาคดีได้ ท่านได้ยินคายาฟาสประกาศว่า พระเยซูสมที่จะต้องตาย ยอห์นจ้องมองพระองค์ด้วยความสงสาร และสื่อสารในใจว่า “พระอาจารย์ พระองค์ทรงทราบว่า ทำไมผมจึงได้ทิ้งพระองค์ไปครู่หนึ่ง” แล้วท่านก็รีบไปที่บ้านของมาร์ธา ซึ่งอยู่ใกล้ๆนั้น เพื่อนำข่าวแสนเศร้าไปบอกแก่พระแม่ และเพื่อปลอบโยนบรรเทาใจพระนางในเวลาแห่งมหาทรมานนั้น เมื่อได้ยินข่าวร้ายจากยอห์นแล้ว พระแม่มารีย์และสตรีใจศรัทธาต่างกระหารยที่จะอยู่ใกล้พระอาจารย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพวกเขาก็รบเร้ายอห์นให้พาพวกเขาเข้าไปที่ห้องตัดสินพิจารณาคดีทันที
พระแม่รับทนทุกอย่างอย่างเงียบๆ ก็เหมือนกับพระบุตรของพระนาง ที่ขณะนี้กำลังถูกล้อเลียน ถูกเฆี่ยนตีที่วังของเจ้าคณะสงฆ์ แต่การรับทนทรมานภายในใจของพระนางนั้นคู่กันกับความเห็นอกเห็นใจของพระนางที่มีต่อพระบุตร และเพราะความเจ็บปวดร้าวรานใจของพระนางมากจนหลายครั้ง พวกเพื่อนๆต้องช่วยพยุงเดิน ครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาพบกับกลุ่มเพื่อน คนเหล่านั้นก็คำนับพระแม่มารีย์ ประหนึ่งพรหมจารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปราศจากความสุข พระแม่ขอบใจพวกเขาในความปรารถนาดี
ใกล้ๆวังของคายาฟาส พวกเขาต้องเดินผ่านลานที่พวกคนงานตอกตะปูกางเขนกำลังด่าแช่งนักโทษคนใหม่เสียงขรม กระนั้นก็ดี พระแม่มารีย์ได้ภาวนาด้วยใจเศร้าโศกสำหรับคนชั่วร้ายเหล่านั้น

ยอห์น พาพวกสตรีใจศรัทธาไปยังลานข้างนอกของห้องตัดสิน พระแม่รู้ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูที่ปิดอยู่ และพระนางต้องการจะอยู่ใกล้ๆพระองค์ โดยมโนทัศน์ (vision) พระนางเห็นเปโตรปฏิเสธอาจารย์ถึงสามครั้ง พระแม่ร่ำไห้ และสวดอย่างเร่าร้อนเพื่อเขา และการภาวนาของพระนางทำให้เขาได้รับพระหรรษทานรู้สึกเป็นทุกข์ถึงบาปในนาทีนั้นเอง
ทันใดนั้น ประตูห้องโถงเปิดออก เปโตรวิ่งออกมาและร้องไห้อย่างขมขื่น ด้วยแสงของใต้(คบเพลิง) เขาเห็นและรับรู้ว่ายอห์นและพระแม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย มโนธรรมของเขาติเตียนอย่างหนัก โดยการทอดสายตามองของพระเยซูเจ้า และบัดนี้เขาตัวสั่น เมื่อพระแม่พูดกับเขาว่า “ซีโมนเอ๋ย ลูกของแม่เป็นอย่างไร? พระเยซูเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
พร้อมกับคำถามของพระแม่ด้วยสายตา เขาไม่อาจตอบ...เปโตรที่น่าสงสารพยายามเบือนหน้าหนี แต่พระแม่เข้าไปใกล้เขา และพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ซีโมน เธอไม่ตอบแม่หรือ?”
ครั้นแล้วเปโตรร้องว่า “แม่เอ๋ย อย่าพูดกับผมเลย พระบุตรของแม่กำลังถูกทรมานอย่างโหดร้าย พวกเขาประณามพระองค์ถึงตาย และผมได้ปฏิเสธพระองค์อย่างน่าอดสูถึงสามครั้ง”
เมื่อยอห์นเดินมาใกล้ๆ อยากจะพูดกับเขา แต่เปรโตรก็วิ่งหนีไปยังถ้ำบนภูเขาโอลิเวตเพราะความเสียใจเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์ พระแม่สวดวอนขอพระเป็นเจ้าทรงโปรดประทานอภัยให้แก่เปโตร และพระนางสั่งอารักขาเทวดาองค์หนึ่งไปบรรเทาใจท่าน (อย่างมองไม่เห็น)
เมื่อพระแม่ได้ยินคำพูดของเปโตร พระแม่ทรุดตัวลงบนก้อนหินบนทางเดิน ชั่วครู่หนึ่ง พระนางได้ยินเสียงถอนหายใจของพระเยซูเจ้าและเสียงด่าแช่ง เสียงเตะตีที่พวกเขากระหน่ำซ้ำเติมพระองค์
ระหว่างที่ นักบุญมารีย์ มักดาเลนากลุ้มใจและปวดใจในความทรมานของพระองค์นั้น โดยพระคุณพิเศษ พระแม่มารีย์ยังคงดูหน้าตา สง่าผ่าเผยทั้งๆที่จริงๆแล้วพระนางรู้สึกว่าตนเองตายไปแล้วทั้งที่ยังมีชีวิต
มีผู้ชายบางคนออกมาจากประสาท จำพระนางได้ และตะโกนอย่างหยาบคายว่า “นั่น แม่ของชาวกาลิลีมิใช่หรือ ลูกของนางจะถูกตรึงแน่ หากไม่ใช่เพราะเป็นอาชญากรสำคัญ คงจะไม่ถูกประหารแม้จะเป็นวันฉลองใหญ่(ปัสกา)เช่นนี้หรอก”

ขณะที่พระเยซูเจ้าถูกลากเข้าไปในคุกใต้ดินที่สกปรกและเหม็นอับ ตั้งแต่ช่วงดึกจนถึงรุ่งสว่าง พระแม่มารีย์และสตรีใจศรัทธากลับไปยังบ้านของมาร์ธาด้วยความเศร้าโศก ส่วนพระมารดาของพระเจ้า ได้สวดภาวนาอย่างร้อนรนยิ่งขึ้น เพื่อพระบุตรของตน และโดยการภาวนานั้นได้ป้องกันพวกผู้คุมขี้เมาไม่ให้ทรมานพระองค์เพิ่มขึ้น
บทต่อไป บทที่ 30 - ตัดสินประหารพระผู้ไถ่ :
http://pantip.com/topic/33351248
ย้อนหลัง บทที่ 29 :
http://pantip.com/topic/33333573
เชิญเยี่ยมชมวีดีทัศน์ - บทความต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น อัศจรรย์แห่งมิสซา , อัศจรรย์ศีลมหาสนิท , แคทาลีน่า รีวาสผู้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ,ภาพจากนรก , วิญญญาณในไฟชำระ และอื่นๆ ได้ที่
https://www.facebook.com/help.souls
ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ - คืนที่ถูกจับกุม
พระเยซูเจ้า สำหรับพระแม่มารีย์แล้ว คือบุตรสุดที่รัก... คือพระเจ้าผู้สูงสุดที่เคารพยิ่ง... จึงไม่แปลกที่พระแม่จะปฏิบัติต่อพระเยซูเจ้าด้วยความรักในฐานะบุตรชายแต่คนเดียวของพระนาง และด้วยความเคารพในฐานะพระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ในเวลาเดียวกัน
และไม่ต้องมีคำถามว่า ข้อความเหล่านี้ มีในพระคัมภีร์บทไหน เพราะนี่เป็นความเชื่อ ความศรัทธาล้วนๆ ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน หากว่าแต่ละคนรับไว้ไม่เหมือนและไม่เท่ากัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดยความกรุณาพิเศษของพระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์มองเห็นทุกสิ่งจะเกิดแก่พระเยซูเจ้าระหว่างมหาทรมานโดยสายตาทิพย์ (vision) ดังนั้นพระนางจึงสามารถร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระบุตรในการทรมานเพื่อไถ่บาปมนุษย์ รวมทั้งร่วมใจในการภาวนาและพลีกรรมพร้อมกับพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงได้รับความบรรเทาใจ เกือบทั้งหมดมาจากความรัก ความศักดิ์สิทธิ์ และความศรัทธาภักดีของพระมารดาเท่านั้น
เมื่อพระเยซูเจ้าและอัครสาวกออกจากห้องอาหารค่ำไปยังสวนเกทเสมนี แม่พระไปที่บ้านของมารีย์ มักดาเลนา และสตรีใจศรัทธาอื่นอีกหลายคน ตามทางพวกเขาพบกับลาซารัส นิโคเดมัส และโยเซฟ อาริมาเธีย พระมารีย์อธิบายให้พวกเขาทราบถึงการที่ยูดาสต้องออกจากห้องอาหารอย่างกระทันหัน และยังกล่าวว่า พระนางกลัวว่า เขา(ยูดาส) ตั้งใจจะทรยศพระองค์ในคืนนี้ แต่ที่จริงพระนางมองเห็นการวางแผนของยูดาสและพวกฟาริสีแล้วด้วยตาทิพย์
เมื่อพระเยซูเจ้า ทรงเข้าไปสวดภาวนาในสวนเกทเสมนีนั้น พระมารดาก็เข้าไปในห้องของตน สวดวอนขอพระบิดาโปรดทรงอนุญาตให้พระนางได้ร่วมรู้สึกในความเจ็บปวดและการทรมานทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งพระบุตรจะต้องรับในอีกไม่ช้านี้ และพระตรีเอกภาพก็ทรงอนุมัติ และราวกับเป็นการตอบแทนการเสียสละและการถวายตัวของพระแม่ พระเยซูเจ้าในสวนเกทเสมนีก็ทรงผินพระพักต์มาทางพระนาง (โดยทางจิต) และทั้งสองก็แลกเปลี่ยนความรู้สึกและให้กำลังใจกันและกันอย่างน่าพิศวง แล้วพระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปหาอัครสาวกทั้งสามคน ก็พบว่าพวกเขากำลังหลับอยู่ พระองค์ทรงเตือนพวกเขาให้บรรเทาใจพระมารดาในวันขมขื่นแต่นี้ไป รวมทั้งหลังความตายของพระองค์ตามที่เคยบอกไว้ก่อนแล้ว
ต่อมาระหว่างที่พระองค์ทรงมีพระเสโทหลั่งออกมาเป็นโลหิต พระแม่มารีย์ส่งอารักขาเทวดาบางองค์ของพระนาง (พระแม่ทรงมีอารักขาเทวดาหลายองค์) ไปหาพระเยซูเจ้าพร้อมกับผ้าเช็ดตัว เพื่อพระองค์จะทรงเช็ดพระพักต์และซับพระโลหิตให้แห้ง
เมื่อยูดาสผู้ทรยศมาถึงและจูบพระอาจารย์ พระนางมารีย์ได้สวดอย่างร้อนรนเพื่อการกลับใจของเขา ครั้นแล้วก็เสนอวิงวอนช่วยพวกทหารที่ล้มลงกระแทกพื้นดินถึงกับสลบไปด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มองไม่เห็นของพระเจ้า ผลที่ตามมาคือ ภายหลังทหารเหล่านี้กลับใจเป็นคริสตังค์ทั้งหมด แต่ยูดาสนั้น ปฏิเสธไม่ร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งพระแม่ช่วยเสนอวิงวอนเพื่อเขา และพระนางได้ร้องไห้อย่างขมขื่นสำหรับชะตากรรมที่แสนวิปโยคของเขา
พระนางยังได้สวดภาวนาเป็นพิเศษแก่บรรดาสาวกที่หนีเอาตัวรอด ในราตรีอันมืดมิดแห่งการจับกุมพระอาจารย์ แม้เพื่อนสนิทมิตสหายต่างก็หนีเอาตัวรอด แม่พระเก็บไว้ในดวงใจของพระนางซึ่งความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ และการนมัสการของพระศาสนจักรคริสตังค์ เพราะมีเพียงพระนางผู้เดียว ที่เปี่ยมด้วยความหวัง ความรัก และการนมัสการสำหรับพระผู้ทรงรับเอากาย และเมื่อบรรดาศัตรูเริ่มด่าแช่งสบประมาท และทุบตีเตะต่อยพระองค์ พระนางก็ยิ่งสวดสรรเสริญพระองค์กับการรับทนทรมานของพระองค์ ดังนี้ก็เป็นการชดเชยบาปแห่งการสบประมาท ด่าทอ ตบตี และการทรมานต่างๆที่พวกเขากระทำต่อพระองค์และของคนบาปทั้งหลายด้วย
ครั้นเมื่อ สตรีใจศรัทธาเหล่านี้ไปที่บ้านของ มาธาร์ น้องสาวลาซารัส ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ที่นั่นนักบุญยอห์นมาพบพวกเขา และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น นับแต่พระอาจารย์ออกจากห้องกินเลี้ยง แม้พวกเขาจะรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็พยายามบรรเทาใจกันและกัน ระหว่างนั้นมีคนส่งข่าวหลายคนมาเคาะประตูเบาๆ ล้วนแต่นำข่าวน่าสะเทือนใจและเสียใจมาเล่าให้ฟังเป็นตอนๆไป
ณ เวลานี้ พระแม่พรหมจารีย์มารีย์ เดินไปในถนนมืดๆ กับเพื่อนสตรีบางคน เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้า
เมื่อพวกเขาเห็นขบวนของทหาร และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของเขาจากระยะไกล แม่พระเป็นทุกข์แน่นอกจนพูดไม่ออก สตรีใจศรัทธากลุ่มเล็กๆนี้ พยายามเดินเลี่ยงฝูงชนที่กำลังรวมตัวกันอยู่ บ่อยครั้ง ที่พวกเขาต้องซ่อนตัวในตรอกเล็กๆ เวลาที่เหล่าศัตรูของพระเยซูเจ้ากำลังจะผ่านไป หลายครั้งแม่พระและสตรีกลุ่มนี้ถูกด่าว่าเป็นหญิงไม่ดี และหลายครั้งที่พวกเขาได้ยินพวกผู้ชายสาปแช่ง เยาะเย้ย สบประมาทพระบุตรของพระนาง นักบุญมารีอา มักดาเลนา เพราะความทุกข์ใจอย่างมาก จนคิดอะไรไม่ออก สะอื้น และบิดมือตัวเอง พูดจากับคนอื่นก็ติดอ่าง ในถนนภายใต้แสงจันทร์นั้น พวกเขาถูกด่าจากศัตรูของพระเยซูเจ้าหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อทหารจับมัดพระเยซูเจ้า พระมารดาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อมือ ด้วยความเจ็บปวดเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับจากเชือก และโซ่ ไม่เพียงเท่านั้น พระนางยังรู้สึกถึงทุกความเจ็บปวดที่พระบุตรทรงได้รับ ทั้งการทุบตี เตะต่อย และการล้มของพระองค์ เมื่อทรงถูกลากไปถึงตำหนักของพระราชาคณะ
ระหว่างนั้น พระเยซูเจ้าถูกนำไปต่อหน้าผู้นำพระสงฆ์ แล้วการสอบสวนคดีของพระองค์ก็เริ่มขึ้น มีจุดหนึ่งที่พยานต่างๆไม่ลงรอยกัน จนโต้เถียงกันก็คือ การเกิดของพระองค์นั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนยอห์นศิษย์ที่พระเยซูทรงรัก ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องพิจารณาคดีได้ ท่านได้ยินคายาฟาสประกาศว่า พระเยซูสมที่จะต้องตาย ยอห์นจ้องมองพระองค์ด้วยความสงสาร และสื่อสารในใจว่า “พระอาจารย์ พระองค์ทรงทราบว่า ทำไมผมจึงได้ทิ้งพระองค์ไปครู่หนึ่ง” แล้วท่านก็รีบไปที่บ้านของมาร์ธา ซึ่งอยู่ใกล้ๆนั้น เพื่อนำข่าวแสนเศร้าไปบอกแก่พระแม่ และเพื่อปลอบโยนบรรเทาใจพระนางในเวลาแห่งมหาทรมานนั้น เมื่อได้ยินข่าวร้ายจากยอห์นแล้ว พระแม่มารีย์และสตรีใจศรัทธาต่างกระหารยที่จะอยู่ใกล้พระอาจารย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพวกเขาก็รบเร้ายอห์นให้พาพวกเขาเข้าไปที่ห้องตัดสินพิจารณาคดีทันที
พระแม่รับทนทุกอย่างอย่างเงียบๆ ก็เหมือนกับพระบุตรของพระนาง ที่ขณะนี้กำลังถูกล้อเลียน ถูกเฆี่ยนตีที่วังของเจ้าคณะสงฆ์ แต่การรับทนทรมานภายในใจของพระนางนั้นคู่กันกับความเห็นอกเห็นใจของพระนางที่มีต่อพระบุตร และเพราะความเจ็บปวดร้าวรานใจของพระนางมากจนหลายครั้ง พวกเพื่อนๆต้องช่วยพยุงเดิน ครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาพบกับกลุ่มเพื่อน คนเหล่านั้นก็คำนับพระแม่มารีย์ ประหนึ่งพรหมจารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปราศจากความสุข พระแม่ขอบใจพวกเขาในความปรารถนาดี
ใกล้ๆวังของคายาฟาส พวกเขาต้องเดินผ่านลานที่พวกคนงานตอกตะปูกางเขนกำลังด่าแช่งนักโทษคนใหม่เสียงขรม กระนั้นก็ดี พระแม่มารีย์ได้ภาวนาด้วยใจเศร้าโศกสำหรับคนชั่วร้ายเหล่านั้น
ยอห์น พาพวกสตรีใจศรัทธาไปยังลานข้างนอกของห้องตัดสิน พระแม่รู้ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูที่ปิดอยู่ และพระนางต้องการจะอยู่ใกล้ๆพระองค์ โดยมโนทัศน์ (vision) พระนางเห็นเปโตรปฏิเสธอาจารย์ถึงสามครั้ง พระแม่ร่ำไห้ และสวดอย่างเร่าร้อนเพื่อเขา และการภาวนาของพระนางทำให้เขาได้รับพระหรรษทานรู้สึกเป็นทุกข์ถึงบาปในนาทีนั้นเอง
ทันใดนั้น ประตูห้องโถงเปิดออก เปโตรวิ่งออกมาและร้องไห้อย่างขมขื่น ด้วยแสงของใต้(คบเพลิง) เขาเห็นและรับรู้ว่ายอห์นและพระแม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย มโนธรรมของเขาติเตียนอย่างหนัก โดยการทอดสายตามองของพระเยซูเจ้า และบัดนี้เขาตัวสั่น เมื่อพระแม่พูดกับเขาว่า “ซีโมนเอ๋ย ลูกของแม่เป็นอย่างไร? พระเยซูเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
พร้อมกับคำถามของพระแม่ด้วยสายตา เขาไม่อาจตอบ...เปโตรที่น่าสงสารพยายามเบือนหน้าหนี แต่พระแม่เข้าไปใกล้เขา และพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ซีโมน เธอไม่ตอบแม่หรือ?”
ครั้นแล้วเปโตรร้องว่า “แม่เอ๋ย อย่าพูดกับผมเลย พระบุตรของแม่กำลังถูกทรมานอย่างโหดร้าย พวกเขาประณามพระองค์ถึงตาย และผมได้ปฏิเสธพระองค์อย่างน่าอดสูถึงสามครั้ง”
เมื่อยอห์นเดินมาใกล้ๆ อยากจะพูดกับเขา แต่เปรโตรก็วิ่งหนีไปยังถ้ำบนภูเขาโอลิเวตเพราะความเสียใจเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์ พระแม่สวดวอนขอพระเป็นเจ้าทรงโปรดประทานอภัยให้แก่เปโตร และพระนางสั่งอารักขาเทวดาองค์หนึ่งไปบรรเทาใจท่าน (อย่างมองไม่เห็น)
เมื่อพระแม่ได้ยินคำพูดของเปโตร พระแม่ทรุดตัวลงบนก้อนหินบนทางเดิน ชั่วครู่หนึ่ง พระนางได้ยินเสียงถอนหายใจของพระเยซูเจ้าและเสียงด่าแช่ง เสียงเตะตีที่พวกเขากระหน่ำซ้ำเติมพระองค์
ระหว่างที่ นักบุญมารีย์ มักดาเลนากลุ้มใจและปวดใจในความทรมานของพระองค์นั้น โดยพระคุณพิเศษ พระแม่มารีย์ยังคงดูหน้าตา สง่าผ่าเผยทั้งๆที่จริงๆแล้วพระนางรู้สึกว่าตนเองตายไปแล้วทั้งที่ยังมีชีวิต
มีผู้ชายบางคนออกมาจากประสาท จำพระนางได้ และตะโกนอย่างหยาบคายว่า “นั่น แม่ของชาวกาลิลีมิใช่หรือ ลูกของนางจะถูกตรึงแน่ หากไม่ใช่เพราะเป็นอาชญากรสำคัญ คงจะไม่ถูกประหารแม้จะเป็นวันฉลองใหญ่(ปัสกา)เช่นนี้หรอก”
ขณะที่พระเยซูเจ้าถูกลากเข้าไปในคุกใต้ดินที่สกปรกและเหม็นอับ ตั้งแต่ช่วงดึกจนถึงรุ่งสว่าง พระแม่มารีย์และสตรีใจศรัทธากลับไปยังบ้านของมาร์ธาด้วยความเศร้าโศก ส่วนพระมารดาของพระเจ้า ได้สวดภาวนาอย่างร้อนรนยิ่งขึ้น เพื่อพระบุตรของตน และโดยการภาวนานั้นได้ป้องกันพวกผู้คุมขี้เมาไม่ให้ทรมานพระองค์เพิ่มขึ้น
บทต่อไป บทที่ 30 - ตัดสินประหารพระผู้ไถ่ : http://pantip.com/topic/33351248
ย้อนหลัง บทที่ 29 : http://pantip.com/topic/33333573
เชิญเยี่ยมชมวีดีทัศน์ - บทความต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น อัศจรรย์แห่งมิสซา , อัศจรรย์ศีลมหาสนิท , แคทาลีน่า รีวาสผู้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ,ภาพจากนรก , วิญญญาณในไฟชำระ และอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/help.souls