ตอน 1 :
http://pantip.com/topic/33277167
ตอน 2 :
http://pantip.com/topic/33277174
ทำไมบริษัทจะต้องดูแลเอาใจใส่หุ้นแต่ละตัวหลังจากที่ผ่านช่วง IPO ?
บริษัทก็ได้เงินมาจากการขายหุ้น IPO แล้วนี่ แล้วทำไมจะต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยล่ะ? ก็เพราะมีเหตุผลหลายอย่างก็คือ
การดูแลเอาใจใส่ของผู้ก่อตั้ง
ผู้ก่อตั้งบริษัทบ่อยครั้งจะไม่ขายหุ้นของตัวเองก็เพราะว่า พวกเขาต้องการให้นักลงทุนเห็นว่า พวกเขายังมีความเชื่อมั่นต่อบริษัทตัวเองอยู่ ด้วยเหตุนี้ผลกำไรทั้งหมดจึงยังมีความมั่งคั่งอยู่ในบริษัท ตัวอย่างเช่นบริษัท Facebook ของ Zuckerberg
เช่นกัน หากหุ้นมันปรับตัวลดลงจนผู้คนกดดัน ทางบอร์ดเองก็อาจจะปลดเราออกจากเป็น CEO ก็ได้ ลองคิดดูสิว่ามันเป็นยังไง เราเริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา แต่ต่อมาพวกเขาทำเหมือนกับเราเป็นเด็กไปได้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของ Steve Jobs ของบริษัท Apple ก่อนที่ทางบริษัทจะเชิญเขากลับช่วงหลังปี 1990
ค่าตอบแทนทางพนักงาน
ค่าตอบแทนพนักงานส่วนหนึ่ง บ่อยครั้งก็จะเอามาจากมูลค่าของหุ้นที่มีอยู่ใช้จ่ายส่วนหนึ่ง หากบริษัทมีผลการดำเนินที่ดี มูลค่าของหุ้นก็จะปรับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า ค่าตอบแทนพนักงานก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้บริษัทเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนมากขึ้น
สินทรัพย์
บริษัทจะมีมูลค่าหุ้นที่ขัดแย้งกับสินทรัพย์ในอนาคต หมายความว่าหากบริษัทอื่นๆหวังที่จะซื้อร้านโยเกิรต์ของเรา เราก็สามารถบอกได้ว่ามีหุ้น 10 ล้านที่ตอนนี้มีมูลค่าเท่ากับ $ 100 ดังนั้นบริษัทที่จะเข้ามาซื้อก็ต้องซื้อด้วยเงินทั้งหมดถึง $ 100 ล้านเป็นอย่างน้อย
มูลค่าการเสนอขายในอนาคต
อย่างที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า หากบริษัทต้องการให้มูลค่าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ยิ่งมีเงินมากก็จะยิ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นตามมา
กองทุน
เราอาจจะต้องทำตัวเองว่า กองทุนทำอะไรกับหุ้นแต่ละตัวบ้าง หากว่าหุ้นมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีและผลักดันดัชนีให้สูงขึ้น ก็แสดงว่ากองทุนได้ทำการซื้อหุ้นมากขึ้นแล้ว
โปรดติดตามชมตอนต่อไป
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com
พื้นฐานหุ้นแต่ละตัวเป็นอย่างไร จะต้องตรวจดูอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ตอน 3
ตอน 2 : http://pantip.com/topic/33277174
ทำไมบริษัทจะต้องดูแลเอาใจใส่หุ้นแต่ละตัวหลังจากที่ผ่านช่วง IPO ?
บริษัทก็ได้เงินมาจากการขายหุ้น IPO แล้วนี่ แล้วทำไมจะต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยล่ะ? ก็เพราะมีเหตุผลหลายอย่างก็คือ
การดูแลเอาใจใส่ของผู้ก่อตั้ง
ผู้ก่อตั้งบริษัทบ่อยครั้งจะไม่ขายหุ้นของตัวเองก็เพราะว่า พวกเขาต้องการให้นักลงทุนเห็นว่า พวกเขายังมีความเชื่อมั่นต่อบริษัทตัวเองอยู่ ด้วยเหตุนี้ผลกำไรทั้งหมดจึงยังมีความมั่งคั่งอยู่ในบริษัท ตัวอย่างเช่นบริษัท Facebook ของ Zuckerberg
เช่นกัน หากหุ้นมันปรับตัวลดลงจนผู้คนกดดัน ทางบอร์ดเองก็อาจจะปลดเราออกจากเป็น CEO ก็ได้ ลองคิดดูสิว่ามันเป็นยังไง เราเริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา แต่ต่อมาพวกเขาทำเหมือนกับเราเป็นเด็กไปได้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของ Steve Jobs ของบริษัท Apple ก่อนที่ทางบริษัทจะเชิญเขากลับช่วงหลังปี 1990
ค่าตอบแทนทางพนักงาน
ค่าตอบแทนพนักงานส่วนหนึ่ง บ่อยครั้งก็จะเอามาจากมูลค่าของหุ้นที่มีอยู่ใช้จ่ายส่วนหนึ่ง หากบริษัทมีผลการดำเนินที่ดี มูลค่าของหุ้นก็จะปรับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า ค่าตอบแทนพนักงานก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้บริษัทเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนมากขึ้น
สินทรัพย์
บริษัทจะมีมูลค่าหุ้นที่ขัดแย้งกับสินทรัพย์ในอนาคต หมายความว่าหากบริษัทอื่นๆหวังที่จะซื้อร้านโยเกิรต์ของเรา เราก็สามารถบอกได้ว่ามีหุ้น 10 ล้านที่ตอนนี้มีมูลค่าเท่ากับ $ 100 ดังนั้นบริษัทที่จะเข้ามาซื้อก็ต้องซื้อด้วยเงินทั้งหมดถึง $ 100 ล้านเป็นอย่างน้อย
มูลค่าการเสนอขายในอนาคต
อย่างที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า หากบริษัทต้องการให้มูลค่าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ยิ่งมีเงินมากก็จะยิ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นตามมา
กองทุน
เราอาจจะต้องทำตัวเองว่า กองทุนทำอะไรกับหุ้นแต่ละตัวบ้าง หากว่าหุ้นมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีและผลักดันดัชนีให้สูงขึ้น ก็แสดงว่ากองทุนได้ทำการซื้อหุ้นมากขึ้นแล้ว
โปรดติดตามชมตอนต่อไป
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com