สวัสดีครับ!
พอดีช่วงนี้ เห็นเพื่อนผมหลายๆคนไปเรียนต่อโทกันใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะไป UK กันซะมาก ซึ่งพูดถึงค่าเทอมเเล้วก็ประมาณ 1 ล้านบาทได้ ค่าครองชีพตีไปอีก 1 ล้าน รวม 1 ปีจบหลักสูตรใช้เงินประมาณ 2 ล้าน. ซึ่งตามความคิดผมคิดว่าเยอะพอสมควร จริงๆก็เตรียมเงินไว้เเล้ว เตรียมไป UK ด้วยเหมือนกัน เเต่พอดีได้มีโอกาส เจอกับ อาจารย์ท่านนึงที่มาจากเยอรมัน รู้สึกศรัทธามาก เพราะเขาดูมีประสบการณ์ และ ตรงเวลามาก. จึงไป หาๆดูในเน็ต ก็พบว่า....
เดี๋ยวนี้ประเทศเยอรมัน มีการเปิดหลักสูตร ปริญญาโท และ เอกแบบ international program เเล้ว ซึ่งหมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษ เป็น สื่อกลางในการสอนและการสอบ (แต่ในชีวิตประจำวันก็ต้องพูดเยอรมันนะ). และที่สำคัญ ค่าเทอมนั้น
ไม่มี ย้ำครับว่า tuition fee ในช่องนั้นเขียนว่า
NONE คือมัน "ฟรี"!!!!!!

และมันมีหลายสาขามาก เดี๋ยวผมจะบอกวิธีการหาที่เรียน อีกที่นะครับ.
เมื่อเปิดๆดูเว็บหลายๆเว็บและ เว็บของมหาลัยหลายๆมหาลัย ผมจึงเขียนสรุปข้อดี-ข้อเสียสั้นๆของการเรียนที่นี้ครับ
ข้อดี
1. หลักสูตร นั้น ครอบคลุม 90 credits เหมือนประเทศอื่นในยุโรป
2. แม้ว่าเราจะเข้าเรียนเป็น international program หลายมหาลัยให้โอกาสเราเรียน ภาษาเยอรมันฟรี
3. เยอรมันเป็นประเทศที่ gdp per capita สูง และคนตกงานต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากระบบการศึกษาที่หลากหลาย และ หลักสูตรที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ทาง industrial sector (ภาคอุตสาหกรรม) มากกว่า มุ่งเน้นในด้านวิชาการ (ส่งผลให้เมื่อจัดอันดับมหาลัย เยอรมันจะต่ำกว่า USA, UK)
4. เยอรมันเป็นประเทศที่มีระบบ และ ทำงานเป็นระบบ.
5. สำคัญที่สุด คือเรียนฟรี
ข้อเสีย
1. ใช้เวลาเรียนจบหลักสูตร ปริญญาโท 2 ปี
2. ต้องพูดภาษาเยอรมันให้ได้บ้าง แนะนำระดับ A2-B1 แม้ว่าจะเรียนหลักสูตรอังกฤษก็ตาม เพราะ ถ้าไม่รู้เรื่องเลย จะพาไม่สนุกไปด้วย
3. เป็นประเทศเหงาๆ เช่น เกือบทุกอย่างจะปิดวันอาทิตย์ เกิน 3 ทุ่มไปเเล้วต้องเงียบ.
4. ที่พักดีๆหายาก ถึงหาได้ห้องก็เล็กๆ ตามสไตล์ยุโรป
เอาละ ที่นี้เมื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียเบื้องต้นเเล้ว เราจะมาเริ่มกันวิธีการหาที่เรียนในเยอรมันกันเลย.
1. เข้าไปในเว็บ www.daad.de ซึ่งในเว็บจะมีให้เลือกทั้งภาษาอังกฤษและเยอรมัน แล้วกดเลือกหัวข้อ international program ตามภาพด้านล่าง

2. เมื่อเข้ามาเเล้ว จะเข้าสู่หน้าการค้นหา ให้ใส่ สาขาวิชา ระดับการศึกษา ภาษาในการเรียนการสอน ก็กรอกๆ ตามที่ต้องการ

3. เมื่อกรอกเสร็จก็จะมี กล่องมาให้เลือกมากมาย ตรงนี้ให้เราดูชื่อสาขาด้านบน ดูค่าเทอม (บางอันไม่ฟรี) ดูภาษาที่ใช้ ดูการรับสมัคร

ขออธิบายขั้นรายการนิดนึง
ถ้าเป็น Summer Semester เราต้องส่งใบสมัครก่อน 15 ธันวาคม เเละจะเข้าเรียนในเดือน เมษายนของปีถัดไป ซึ่งเป็นหน้าร้อนนั้นเอง
แต่ถ้าเป็น Winter Semester เราต้องส่งใบสมัครช่วงเดือนเมษายน และจะเข้าเรียนในเดือน กันยายนของปีเดียวกัน
****ขอ note ไว้ว่า การสมัครเเต่ละที่ deadline อาจไม่เหมือนกัน อย่ามั่นใจ ให้เปิดเว็บเข้าไปดู ไม่เข้าใจตรงไหนให้ e-mail ถามทางคณะที่เราต้องการเรียน เยอรมันจะตอบอีเมล์ใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน****
4. เมื่อกดเจอโปรแกรมที่เราสนใจ ให้เราลองเล่น แถบข้อมูลด้านบทดู ซึ่งอันสำคัญๆที่เราควรเล่นคือ Requirement เพื่อดูว่ามันต้องการอะไรในการสมัครบาง
หลักฐานในการสมัครส่วนใหญ่คือ 1. Official Transcript 2. IELTS 6.0++/TOEFL 79++ 3. CV/Statement of Purpose 4. graduation certificates
อันนี้แบ่งปันนิดนึง คือผมเคยสมัครที่มหาลัยหนึ่ง เขาก็เขียนประมาณเนี่ยเเหละ 1, 2, 3, 4,... ผมก็ส่งไปครบ แต่ผมโดน rejected แบบว่า งงนิดๆ เพราะ อันที่จริงผมคิดว่าผมก็ over-qualified ด้วยเนื่องจาก GPA, IELTS หรืออะไรๆก็สูงกว่า requirement มาก จึงไม่ลังเลอีเมล์ไปถามให้รู้เเล้วรู้รอด
....ปรากฏว่า Professor ท่านหนึ่งที่เป็น dean ของคณะตอบกลับมาว่า โปรแกรมของเรานั้นเป็นโปรแกรมที่มีชื่อเสียง เเค่เกรดอย่างเดียวไม่สามารถเข้าเรียนได้ นักเรียนจะต้องมีประสบการณ์ และ อื่นๆ อีกมากมาย ลงท้ายด้วยว่า เราได้พิจารณาเเล้วว่า คุณสมบัติของคุณ ไม่สามารถเข้าเรียนกับเราได้ แม้ว่า จะให้เข้ามาปรับพื้นฐานก่อนก็ตาม คือตอบมา แบบว่า ชาตินี้ ฉันคงไม่รับแก....
****
นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติเช่นการนับเครดิต(จำนวนหน่วยกิต) ว่าหลักสูตรที่เราจบมาจากไทยนั้นเทียบเท่ากับเยอรมันหรือไม่ เช่น สมมุติว่าเราจะสมัครเรียนด้านฟิสิกส์ ซึ่ง ป.โท ฟิสิกส์ในมหาลัยเยอรมันก็ require 100 ECTS credit ในวิชาฟิสิกส์ มหาลัยที่เราส่งใบสมัครไปก็จะทำการนับวิชาใน transcript เรา เเล้วเปลี่ยนจำนวนหน่วยกิตให้เป็น ECTS credit(หน่วยกิตของยุโรป) ซึ่งถ้าเขาทำเเล้ว หน่วยกิตเราไม่ถึง 100 ที่เขาตั้งไว้ เราก็จะโดยปฏิเสธครับ ไม่มีอะไรที่เราทำได้ครับ ถ้าเราสงสัยจะเมล์ไปถามก็ได้ครับว่าทำไม แต่มีอยู่อีกเรื่องคือ แต่ละมหาลัยจะนับไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เครดิตไม่ถึงตอนสมัครมหาลัย A ไม่ได้หมายความว่าเราหมดโอกาสที่เยอรมันแน่ๆเเล้ว ลองสมัครมหาลัย B เครดิตอาจจะถึงก็ได้
เดี๋ยวมาต่อครับ.
(รีวิว) เรียนต่อโท ที่เยอรมัน ถูกและดี
พอดีช่วงนี้ เห็นเพื่อนผมหลายๆคนไปเรียนต่อโทกันใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะไป UK กันซะมาก ซึ่งพูดถึงค่าเทอมเเล้วก็ประมาณ 1 ล้านบาทได้ ค่าครองชีพตีไปอีก 1 ล้าน รวม 1 ปีจบหลักสูตรใช้เงินประมาณ 2 ล้าน. ซึ่งตามความคิดผมคิดว่าเยอะพอสมควร จริงๆก็เตรียมเงินไว้เเล้ว เตรียมไป UK ด้วยเหมือนกัน เเต่พอดีได้มีโอกาส เจอกับ อาจารย์ท่านนึงที่มาจากเยอรมัน รู้สึกศรัทธามาก เพราะเขาดูมีประสบการณ์ และ ตรงเวลามาก. จึงไป หาๆดูในเน็ต ก็พบว่า....
เดี๋ยวนี้ประเทศเยอรมัน มีการเปิดหลักสูตร ปริญญาโท และ เอกแบบ international program เเล้ว ซึ่งหมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษ เป็น สื่อกลางในการสอนและการสอบ (แต่ในชีวิตประจำวันก็ต้องพูดเยอรมันนะ). และที่สำคัญ ค่าเทอมนั้น ไม่มี ย้ำครับว่า tuition fee ในช่องนั้นเขียนว่า NONE คือมัน "ฟรี"!!!!!!
และมันมีหลายสาขามาก เดี๋ยวผมจะบอกวิธีการหาที่เรียน อีกที่นะครับ.
เมื่อเปิดๆดูเว็บหลายๆเว็บและ เว็บของมหาลัยหลายๆมหาลัย ผมจึงเขียนสรุปข้อดี-ข้อเสียสั้นๆของการเรียนที่นี้ครับ
ข้อดี
1. หลักสูตร นั้น ครอบคลุม 90 credits เหมือนประเทศอื่นในยุโรป
2. แม้ว่าเราจะเข้าเรียนเป็น international program หลายมหาลัยให้โอกาสเราเรียน ภาษาเยอรมันฟรี
3. เยอรมันเป็นประเทศที่ gdp per capita สูง และคนตกงานต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากระบบการศึกษาที่หลากหลาย และ หลักสูตรที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ทาง industrial sector (ภาคอุตสาหกรรม) มากกว่า มุ่งเน้นในด้านวิชาการ (ส่งผลให้เมื่อจัดอันดับมหาลัย เยอรมันจะต่ำกว่า USA, UK)
4. เยอรมันเป็นประเทศที่มีระบบ และ ทำงานเป็นระบบ.
5. สำคัญที่สุด คือเรียนฟรี
ข้อเสีย
1. ใช้เวลาเรียนจบหลักสูตร ปริญญาโท 2 ปี
2. ต้องพูดภาษาเยอรมันให้ได้บ้าง แนะนำระดับ A2-B1 แม้ว่าจะเรียนหลักสูตรอังกฤษก็ตาม เพราะ ถ้าไม่รู้เรื่องเลย จะพาไม่สนุกไปด้วย
3. เป็นประเทศเหงาๆ เช่น เกือบทุกอย่างจะปิดวันอาทิตย์ เกิน 3 ทุ่มไปเเล้วต้องเงียบ.
4. ที่พักดีๆหายาก ถึงหาได้ห้องก็เล็กๆ ตามสไตล์ยุโรป
เอาละ ที่นี้เมื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียเบื้องต้นเเล้ว เราจะมาเริ่มกันวิธีการหาที่เรียนในเยอรมันกันเลย.
1. เข้าไปในเว็บ www.daad.de ซึ่งในเว็บจะมีให้เลือกทั้งภาษาอังกฤษและเยอรมัน แล้วกดเลือกหัวข้อ international program ตามภาพด้านล่าง
2. เมื่อเข้ามาเเล้ว จะเข้าสู่หน้าการค้นหา ให้ใส่ สาขาวิชา ระดับการศึกษา ภาษาในการเรียนการสอน ก็กรอกๆ ตามที่ต้องการ
3. เมื่อกรอกเสร็จก็จะมี กล่องมาให้เลือกมากมาย ตรงนี้ให้เราดูชื่อสาขาด้านบน ดูค่าเทอม (บางอันไม่ฟรี) ดูภาษาที่ใช้ ดูการรับสมัคร
ขออธิบายขั้นรายการนิดนึง
ถ้าเป็น Summer Semester เราต้องส่งใบสมัครก่อน 15 ธันวาคม เเละจะเข้าเรียนในเดือน เมษายนของปีถัดไป ซึ่งเป็นหน้าร้อนนั้นเอง
แต่ถ้าเป็น Winter Semester เราต้องส่งใบสมัครช่วงเดือนเมษายน และจะเข้าเรียนในเดือน กันยายนของปีเดียวกัน
****ขอ note ไว้ว่า การสมัครเเต่ละที่ deadline อาจไม่เหมือนกัน อย่ามั่นใจ ให้เปิดเว็บเข้าไปดู ไม่เข้าใจตรงไหนให้ e-mail ถามทางคณะที่เราต้องการเรียน เยอรมันจะตอบอีเมล์ใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน****
4. เมื่อกดเจอโปรแกรมที่เราสนใจ ให้เราลองเล่น แถบข้อมูลด้านบทดู ซึ่งอันสำคัญๆที่เราควรเล่นคือ Requirement เพื่อดูว่ามันต้องการอะไรในการสมัครบาง
หลักฐานในการสมัครส่วนใหญ่คือ 1. Official Transcript 2. IELTS 6.0++/TOEFL 79++ 3. CV/Statement of Purpose 4. graduation certificates
อันนี้แบ่งปันนิดนึง คือผมเคยสมัครที่มหาลัยหนึ่ง เขาก็เขียนประมาณเนี่ยเเหละ 1, 2, 3, 4,... ผมก็ส่งไปครบ แต่ผมโดน rejected แบบว่า งงนิดๆ เพราะ อันที่จริงผมคิดว่าผมก็ over-qualified ด้วยเนื่องจาก GPA, IELTS หรืออะไรๆก็สูงกว่า requirement มาก จึงไม่ลังเลอีเมล์ไปถามให้รู้เเล้วรู้รอด
....ปรากฏว่า Professor ท่านหนึ่งที่เป็น dean ของคณะตอบกลับมาว่า โปรแกรมของเรานั้นเป็นโปรแกรมที่มีชื่อเสียง เเค่เกรดอย่างเดียวไม่สามารถเข้าเรียนได้ นักเรียนจะต้องมีประสบการณ์ และ อื่นๆ อีกมากมาย ลงท้ายด้วยว่า เราได้พิจารณาเเล้วว่า คุณสมบัติของคุณ ไม่สามารถเข้าเรียนกับเราได้ แม้ว่า จะให้เข้ามาปรับพื้นฐานก่อนก็ตาม คือตอบมา แบบว่า ชาตินี้ ฉันคงไม่รับแก....
****
นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติเช่นการนับเครดิต(จำนวนหน่วยกิต) ว่าหลักสูตรที่เราจบมาจากไทยนั้นเทียบเท่ากับเยอรมันหรือไม่ เช่น สมมุติว่าเราจะสมัครเรียนด้านฟิสิกส์ ซึ่ง ป.โท ฟิสิกส์ในมหาลัยเยอรมันก็ require 100 ECTS credit ในวิชาฟิสิกส์ มหาลัยที่เราส่งใบสมัครไปก็จะทำการนับวิชาใน transcript เรา เเล้วเปลี่ยนจำนวนหน่วยกิตให้เป็น ECTS credit(หน่วยกิตของยุโรป) ซึ่งถ้าเขาทำเเล้ว หน่วยกิตเราไม่ถึง 100 ที่เขาตั้งไว้ เราก็จะโดยปฏิเสธครับ ไม่มีอะไรที่เราทำได้ครับ ถ้าเราสงสัยจะเมล์ไปถามก็ได้ครับว่าทำไม แต่มีอยู่อีกเรื่องคือ แต่ละมหาลัยจะนับไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เครดิตไม่ถึงตอนสมัครมหาลัย A ไม่ได้หมายความว่าเราหมดโอกาสที่เยอรมันแน่ๆเเล้ว ลองสมัครมหาลัย B เครดิตอาจจะถึงก็ได้
เดี๋ยวมาต่อครับ.