สืบเนื่องมาจากกระทู้เก่านะค้า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคำแนะนำด้วยนะคะ แล้วก็แพนดีใจที่ได้เป็นกำลังใจให้กับหลายๆคนด้วยค่า
http://pantip.com/topic/32993697
ใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เก่าก็เข้าไปอ่านตามลิ้งค์เลยนะค้า จะได้ไม่งงกัน เพราะโรคมันลึกลับซับซ้อนหลากหลายอาการเหลือเกิน5555
น้ำหนักจากเดิม42กิโลลดลงมาเหลือ 25กิโลอยู่เป็นปีเลยค่ะ ส่วนตอนนี้มีข่าวดีค่ะ น้ำหนักขึ้นมาเป็น 27แล้วค่า
ส่วนเรื่องการเดินการนั่งก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นค่ะ คือเรื่องเกิดเมื่อตอนก่อนปีใหม่ค่ะ เราก็ไปเที่ยวกับครอบครัวกับเพื่อนพ่ออีกครอบครัวนึง ทริปนี้ไปเชียงคาน,หนองคายละก็ขอนแก่นค่ะ ไปตั้งแต่วันที่26ธ.ค. กลับ31ธ.ค.ค่า
คือนั่งรถตู้ไปกันสองครอบครัว ก็ออกเดินทางจนถึงเชียงคาน เที่ยวไปเรื่อยๆ อาการก็พอเดินได้ดีเลยค่ะ ที่ไหนลงไหวก็ลง ลงไม่ไหวก็ขออยู่ในรถเอาค่ะ ส่วนตามถนนคนเดินที่เชียงคานก็ใช้รถเข็นเอา ก็เที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แต่ดันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยค่ะ คือเราจะมียาตัวนึงที่ต้องกินประจำทุกวันอยู่ตัวนึง ชื่อฟอริเนป เป็นยาที่ควบคุมเกลือแร่ เห็นหมอบอกว่าจะช่วยปรับเรื่องความดันค่ะ แต่ไอยาเจ้าปัญหาตัวนี้มันจะต้องแช่เย็นตลอดค่ะ เราเลยเอายาใส่ขวดแล้วใส่กระติกน้ำแข็งอันเล็กใส่ไป ก็เติมน้ำแข็งบ้างอะไรบ้าง แต่พอตอนเย็นน้ำแข็งมันดันละลายหมด พอเปิดขวดออกมาก็เละเลยจ้าาา55555 น้ำเข้าไปในขวดเละตุ้มเปะหมดเลยค่ะ ด้วยความสะเพร่าเองด้วยว่าไม่ได้เอาขวดใส่ในถุงพลาสติกก่อนเอาไปแช่หรือไม่ได้คอยดูน้ำแข็งตลอดเวลา แต่ก็อย่างว่าไปเที่ยวก็เลยลืมไปหมดเลยยาเยอ5555 ทีนี้ก็เลยไม่ได้กินยาตัวนี้เลยตลอดทริป แต่ยาตัวอื่นที่ไม่ต้องแช่เย็นก็กินครบตามปกติค่ะ
จนประมาณวันที่29อันที่อยู่ที่หนองคายแล้วค่ะ พอตื่นมาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ เราก็เลยนอนๆนวดๆๆตัวเองอยู่สักพัก ก็นั่งๆนอนๆ ให้ร่างกายปรับตัวเองสักพัก พอรู้สึกว่าดีขึ้นก็ลุกมาเตรียมตัวไปเที่ยวค่ะ เสร็จก็ออกไปเที่ยวกันตามปกติ ไปวัดคำชะโนดเป็นทางเดินพญานาคยาวยาวววววเลยค่ะ แต่ไม่ได้เดินหรอกนะ55555 ใช้รถเข็นไป เดินไม่ไหวค่า แหะๆ พอเสร็จก็ตะลอนเที่ยวๆที่อื่นไปด้วย แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้ลงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่รออยู่บนรถซะมากกว่า ให้คนอื่นลงไปค่ะ เพราะวันนั้นแดดจ้ามากๆด้วยค่ะ พอเจอแดดจ้าๆตาจะสู้ไม่ค่อยไหวค่ะ(มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาด้วยค่ะ) ก็เลยไม่อยากฝืนตัวเอง รออยู่บนรถดีกว่าค่า ก็เที่ยวทั้งวันจนกลับไปที่พักก็ค่ำๆแล้วค่ะ
วันต่อมาก็ออกจากหนองคายไปขอนแก่นค่ะ ตอนตื่นมาอาการก็คล้ายๆกับเมื่อวานก็ทำตามสเต็ปเดิม รอจนดีขึ้นพอพร้อมก็ออกเดินทางค่ะ วันนี้ก็นั่งรถตู้ยาวจนถึงขอนแก่นเลยค่ะ คือปัญหาอาจจะอยู่ตรงที่นั่งรถตู้ด้วย คือเหมือนเวลานอนเราก็จะนั่งนอน คอก็จะตกบ้างอะไรบ้าง แต่มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆตัวนึงไว้กอดนอน แต่มันก็ยังขยับตัวมากไม่ได้เท่าไหร่ ก็นอนกันแบบคอแข็งเลยค่ะ55555 เหมือนพอมันเกร็งคอมากๆ พออยู่ท่าเดิมนานๆกล้ามเนื้อมันจะเกร็งเป็นก้อนแล้วไม่รู้ว่ามันไปทำให้เลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงรึป่าวก็ไม่รู้ค่ะ อันนี้มั่วๆเอาตามความรู้สึกนะคะ อย่าว่ากันนะ555555 มีใครเป็นแบบเราบ้างไหม?55555 ใครมีอะไรคล้ายๆแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
ทีนี้ก็หลับๆตื่นๆจนมาถึงที่ขอนแก่น ก็แวะทานข้าวกันค่ะ รถตู้ก็จอดเราก็เดินลงไป แต่คราวนี้คือเดินได้ไม่ดีเลยค่ะ เดินได้นิดเดียวต้องไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงหน้าร้านอยู่นานพอสมควรเลยค่ะ แบบปกติพอนั่งยองๆลงไปแล้วมันจะดีขี้นเลยค่ะ อีกแค่ประมาณสักไม่เกิน1นาทีก็ลุกขึ้นเดินต่อได้แล้ว แต่วันนั้นต้องนั่งนานหลายนาทีเลยค่ะ แบบว่าตอนนั้นเรารู้สึกไม่ดีเอามากๆเลย น้ำตาไหลเลย พ่อก็เลยถามว่าจะไปนอนรอบนรถไหม เราก็แบบเอาๆ แต่คนรถหายไปไหนแล้วไม่รู้55555
ก็เลยนั่งรอสักพักเราก็โอเค รู้สึกว่าไหวแล้วก็เลยลุกไปนั่งกินค่ะ พอตอนนั่งกินก็เริ่มโอเคขึ้น หลังจากนั้นก็เดินได้ไม่แย่เท่าเมื่อกี๊แล้วค่ะ พอจะเดินไปห้องน้ำได้ค่ะ ตอนนั้นอาจจะเพราะว่าพึ่งตื่นมาแล้วร่างกายยังปรับไม่ทันด้วยอ่ะค่า เจอแดดอะไรหลายๆอย่างเลยมึนเลย5555 แต่พอกินเสร็จก็โอเคค่ะ อาจจะต้องกินเพิ่มพลังรึป่าว555
ทีนี้ก็ได้เข้าที่พักไปพักผ่อน นอนสบายๆไม่เหมือนบนรถตู้แล้วค่ะ ก็พักยาวจนตอนเย็นๆ ถึงจะออกไปกินข้าวแล้วก็ไปตลาดต้นตาลค่ะ ไปเดินเล่นก่อนเข้าที่พัก แต่ก็นั่งรถเข็นอีกตามเคยค่ะ เพราะเดินไกลๆไม่ไหวแน่นอน5555 พอเสร็จก็กลับที่พัก นอน
พอตื่นมาอีกวันก็ตามสเต็ปเดิมหลังตื่นนอนละก็เดินทางกลับบ้านกันค่ะ กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายๆเย็นๆค่ะ ก็นอนพักยาวยาววววเลยค่ะ
ทีนี้ก็ได้กินยาเจ้าปัญหาแล้วค่ะ แต่จริงๆก็ไม่รู้ว่าปัญหาที่มันทรุดลงเพราะยา หรือเพราะรถตู้ หรือเพราะเหนื่อยไปหรืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะค่า อาจจะหลายๆปัจจัยค่า แต่ก็สนุกสนานเฮฮากับการได้ไปเที่ยวมากค่ะ555
เค้าท์ดาววันนั้นก็เลย นอนเค้าท์ดาวเลยค่าา55555 หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไปแล้ว
พอวันที่1ค่ะ ตื่นมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้นค่ะ แถมยังแย่ลงอีกด้วย ถึงกับต้องนอนเลยค่ะ นั่งแทบไม่ได้แต่ว่าก็ยังพอได้อยู่ค่ะ แต่เหมือนปกตินั่งยองๆจะหายตาลายหน้ามืด แต่พออันนี้นั่งยองๆ ไม่หายต้องนอนลงอย่างเดียวถึงจะดีขึ้น บอกเลยว่าตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆค่ะ ทั้งกลัวทั้งอะไรหลายๆอย่าง กลัวว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนเก่า เพราะว่าสภาพตอนนั้นคือดร็อปลงไปเยอะมาก อาการพอๆกับตอนย้อนไปก่อนให้ยาครั้งที่สองอีกค่ะ คือถ้าคิดระยะเวลากว่าที่จะดีมาได้เท่าตอนก่อนปีใหม่ก็ใช้เวลาเป็นปีค่ะ คือตอนนั้นเราก็กลัวค่ะ กลัวมากๆ ท้อด้วย คิดมากด้วย อะไรหลายๆอย่าง แล้วอีกประเด็นนึงคือแม่กับพี่จองทัวร์ไว้จะไปเที่ยวเกาหลีกันเพราะเห็นว่าเราดีขึ้นแล้วเลยขอไปเที่ยวกันสักหน่อย เราก็โอเคค่ะ
แม่ดูแลเราเหนื่อยมามากไปเที่ยวบ้างก็ดีค่ะจะเดินทางวันที่3ม.ค. ค่ะ เราก็กลัวว่าแบบแม่กับพี่เราจะไม่ได้ไปถ้าเราดร็อปลง เขาต้องไม่ยอมไปเที่ยวแน่ๆเลย เราจะทำยังไง เราไม่อยากให้เสียตังฟรี ด้วยความงกค่ะ55555
แม่ก็จะให้ไปหาหมอค่ะ ส่วนพ่อยังไม่ค่อยอยากให้ไปค่ะ เพราะว่าเป็นวันปีใหม่ค่ะ แล้วหมอก็จะไม่อยู่ด้วยค่ะ พ่อก็มาคุยมาถามว่าแบบแย่ขนาดไหนอะไรยังไงไหวไหม เราก็ร้องเลยยยค่ะ แล้วก็บอกว่ากลัวกลับไปเป็นแบบเก่า กลัวไปหาหมอแล้วหมอไม่ให้กลับบ้านต้องนอนโรงพยาบาลแม่ต้องไปเฝ้า กลัวแม่ไม่ได้ไปเกาหลี..บลาๆๆ เราก็พูดดๆๆๆให้พ่อฟัง พ่อก็บอกว่าอย่าคิดมาก อย่างนู้นอย่างนี้ แม่ไม่ได้ไปไว้ค่อยไปเมื่อไหร่ก็ได้ อะไรอย่างนี้
พอได้ระบายออกมาก็ดีขึ้นนิดนึง ก็หยุดร้อง ทำจิตใจให้เข็มแข็ง กลับมาฮึดใหม่ คิดว่าเราต้องทำร่างกายให้แข็งแรงๆ กลับมาเป็นแบบเดิมให้ได้ แม่จะได้ได้ไปเกาหลี ก็เลยบอกพ่อว่ารอดูก่อนละกัน ยังไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ไหวแหละ ก็รอดูกันไปก่อน แต่ยังคงนอนอยู่นั่งบ้าง แต่ยังไม่อยากเดินมาก พยายามไม่ฝืนตัวเอง เพราะร่างกายอาจจะต้องการพักผ่อน พ่อก็ช่วยนวดๆๆให้อยู่บ่อยๆ
พอวันถัดมา วันที่ 2ม.ค. พรุ่งนี้แม่ก็จะไปเกาหลีแล้ว เราก็เลยพยายามทำตัวให้เข็มแข็งสุดชีวิต5555 แต่ว่าพูดถึงอาการดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้ว แม่กับพี่ก็จัดกระเป๋ากัน ส่วนเราก็นอนเสิร์ชหาดูว่าเกาหลีมาไรให้แม่ซื้อมาฝากบ้างน้าาา ก็ได้ฝากขนมไปเพียบเลย55555 เซฟรูปๆไว้ให้แม่ ส่วนแม่ก็เห็นว่าเราดีขึ้น ดี๊ด๊าอยากได้ขนมก็คงชื่นใจว่าเราดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ดีขึ้นแล้วจริงๆนะ พออีกวันแม่ก็เดินทางไปตอนกลางคืน ก็ส่งแม่ที่บ้านนี่แหละ ตอนแรกว่าจะไปส่งที่สนามบินแต่ว่าท้องไม่ค่อยดีบวกกับยังไม่ค่อยอยากออกไปไหน แม่กับพี่เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปกันเอง ส่วนเราก็อยู่กับพ่อกับเจ้าหมาน้อย ส่วนบางวันที่พ่อมีธุระ ก็จะมีเพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ
อาการก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เราพยายามจะไม่เดินมาก ไม่ฝืนตัวเอง เอาเท่าที่ไหวอะไรที่ไม่ไหวก็ไม่ทำ ก็ค่อยๆดี ค่อยๆดีจนวันที่แม่กับพี่กลับมา วันนั้นชั่งน้ำหนักดูเป็น 26กิโลละค่ะ อาจจะขึ้นมานิดหน่อยเพราะช่วงทริปปีใหม่กินเยอะค่ะ แต่ปกติก็มีขึ้นมา26ต้นๆบ้าง เลยยังไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่
พอแม่กลับมาก็มาพร้อมขนมลังใหญ่มากๆค่ะ คือซื้อมาเยอะมากแบบน่าตกใจ5555 แต่คือซื้อฝากคนอื่นด้วย ส่วนมากมันจะมาเป็นห่อใหญ่ๆแล้วก็แกะห่อออกมาก็เป็นห่อเล็กๆข้างใน ก็แบ่งๆแจกจ่ายกันออกไป ถ้าจะที่ได้กินจริงๆก็เสี้ยวเดียวค่ะ555555 แต่ว่าก็เรียกว่าเยอะจนเลือกกินกันไม่ถูกเลยว่าจะกินอันไหนก่อน พอขนมมาก็เลยกินมันทั้งวันเลยค่ะ น้ำหนักตอนนี้เลยเป็น 27.กว่าๆแล้วค่ะ เคยชั่งได้มากสุดคือ 27.6กิโลค่ะ ตอนนั้นดีใจมาก ช่วงนี้เลยคิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่กำลังขึ้นค่ะ ส่วนที่แม่ไปเกาหลีกลับมาแม่ก็ซื้อน้ำมันสนแดงมาให้กินค่ะ
แต่วันที่แม่กลับมาถึงวันนั้นอาการของการลุกนั่ง เดินก็เรียกได้ว่าพอๆกับตอนก่อนปีใหม่แล้วค่ะ เริ่มกลับมาได้ดีจะเท่าเดิมแล้ว เหมือนร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ค่อยๆปรับตัวจนดีขึ้นค่ะ ตอนนั้นก็ดีใจ รู้สึกดีมากที่กลับมาดีได้เท่าตอนก่อนปีใหม่ นึกว่าจะแย่ซะแล้ว555
แล้วพออีกวันนึงก็เริ่มกินน้ำมันสนแดงที่แม่ซื้อมา เห็นเขาบอกว่ามันจะไปล้างหลอดเลือดอะไรสักอย่างซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันดีจริงรึเปล่า แต่ซื้อมาแล้วก็เลยกินๆมันเข้าไป เผื่อมันจะดีขึ้นค่ะ เราก็กินไปเรื่อยๆทุกวัน วันละเม็ดค่ะ
ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นจากเดิมค่ะ วันก่อนไปห้างก็ยังใช้รถเข็นค่ะ แต่ว่าพอรู้สึกว่าตัวเองเดินไหวก็เลยลองทิ้งรถเข็นแล้วเดินดูค่ะ เดินเข้าไปในไดโซะ ดูของนู่นนี่นั่น เพลินๆ ก็เดินได้นานเลยค่ะ เดินจนเมื่อยเลยค่ะ5555 พอออกจากห้างเลยชวนแม่แวะตลาดนัดที่ปากซอยค่ะ จะมีของขายเยอะๆ ทีนี้ไม่ใช้แล้วค่ะ รถขงรถเข็น ขอเดินเองค่าาา555 เลยไปเดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ หาซื้อของกินก่อนกลับด้วย เอาเป็นว่าวันนั้นเดินได้ประมาณชั่วโมงนึงโดยไม่ต้องนั่งพักเลยค่ะ คือมันดีมากๆเลย เป็นอะไรที่แบบดีใจมาก อยากให้เป็นแบบนี้ไปทุกวัน ถ้าดีกว่านี้ยิ้งดีค่ะ555
พออีกวันนึงเลยอยากไปเดินตลาดนัดกลางซอยค่ะ อันนี้เป็นตลาดสดนะคะไม่เหมือนเมื่อวานที่ปากซอย ก็ไปเดินหาของกินค่ะ แต่วันนี้เดินได้ไม่ดีเท่าเมื่อวาน เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องนั่งยองๆตามเดิมค่ะ ก็เลยไปซื้อไอติมนั่งกินรอแม่กับอาหม่าไปเดินซื้อของ
แต่ว่าเราก็ไม่ท้อถอยค่ะเพราะเป็นเรื่องปกติที่จะดีวันไม่ดีวันก็เลยรอวันถัดๆมา มีนัดกับเพื่อนไปห้างค่า แล้วก็..ใช้รถเข็นตามเดิมค่า555 ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะ ปกติแล้วตอนเย็นจะเดินได้ดีกว่าตอนเช้าเพราะเหมือนร่างกายต้องค่อยๆปรับตัวจากการนอนตื่นมาด้วยมั้งคะ555555 มั่วเองน้า555
เพื่อนก็เข็นไปเลยค่าาา ไปกินข้าวกัน พอกินเสร็จก็จะมาเดินงานเป็นบูธขายของกลางห้างค่ะ คือพี่ของเพื่อนเป็นคนจัดค่ะ เลยมาอุดหนุน แต่ทางเดินมันดันแคบค่ะ ถ้าจะเอารถเข้าไปไม่ไหวแน่ๆ คนเยอะด้วย เลยรอจังหวะที่ตัวเองรู้ตัวว่าเดินไหวแน่นอน ก็เอารถเข็นไปฝากที่เค้าท์เตอร์เอาไว้ค่ะ แล้วต่อจากนี้ก็เริ่มเดินเลยค่า เดินช้อปปิ้งๆกันกับเพื่อน555 ก็สามารถเดินได้ตลอดไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ ไม่ต้องนั่งไม่ต้องอะไรเลย เหมือนวันก่อนที่ไปเดินตลาดนัดปากซอย
เพื่อนก็บอกว่าดีขึ้นเยอะมาก แต่พอเดินตรงนี้เสร็จก็ไปเอารถมาใช้ต่อค่ะ ยังไม่ค่อยเชื่อในตัวเองสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่จริงมันก็เดินไหวแหละ แต่แบบ..55555 บอกไม่ถูกค่ะ ต้องค่อยเป็นค่อยไปเน้ออออ เสร็จก็เข็นไปเดินเล่นนั่งเล่นนั่งคุยกันสักพัก ก็วนกลับมาที่งานนี้อีกทีนี้เลยเอารถเข็นไปขอแลกบัตรคืนเองเลยค่ะ (ใช้รถเข็นของห้าง) แล้วหลังจากนั้นก็เดินๆๆ เดินไปนู่นไปนี่ได้เองโดยไม่ต้องใช้รถเลยค่ะ ก็ดีใจมากกกๆๆๆๆ ที่เดินได้ดีขึ้นขนาดนี้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ดีแบบนี้ทุกวันนะคะ นี่อาจจะเป็นวันส่วนน้อยที่ดี แต่ก็ถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีแล้วค่า
น้ำหนัก27กิโลแล้วน้า...อัพเดทอาการของแพนจากกระทู้เก่าค่า
http://pantip.com/topic/32993697
ใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เก่าก็เข้าไปอ่านตามลิ้งค์เลยนะค้า จะได้ไม่งงกัน เพราะโรคมันลึกลับซับซ้อนหลากหลายอาการเหลือเกิน5555
น้ำหนักจากเดิม42กิโลลดลงมาเหลือ 25กิโลอยู่เป็นปีเลยค่ะ ส่วนตอนนี้มีข่าวดีค่ะ น้ำหนักขึ้นมาเป็น 27แล้วค่า
ส่วนเรื่องการเดินการนั่งก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นค่ะ คือเรื่องเกิดเมื่อตอนก่อนปีใหม่ค่ะ เราก็ไปเที่ยวกับครอบครัวกับเพื่อนพ่ออีกครอบครัวนึง ทริปนี้ไปเชียงคาน,หนองคายละก็ขอนแก่นค่ะ ไปตั้งแต่วันที่26ธ.ค. กลับ31ธ.ค.ค่า
คือนั่งรถตู้ไปกันสองครอบครัว ก็ออกเดินทางจนถึงเชียงคาน เที่ยวไปเรื่อยๆ อาการก็พอเดินได้ดีเลยค่ะ ที่ไหนลงไหวก็ลง ลงไม่ไหวก็ขออยู่ในรถเอาค่ะ ส่วนตามถนนคนเดินที่เชียงคานก็ใช้รถเข็นเอา ก็เที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แต่ดันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยค่ะ คือเราจะมียาตัวนึงที่ต้องกินประจำทุกวันอยู่ตัวนึง ชื่อฟอริเนป เป็นยาที่ควบคุมเกลือแร่ เห็นหมอบอกว่าจะช่วยปรับเรื่องความดันค่ะ แต่ไอยาเจ้าปัญหาตัวนี้มันจะต้องแช่เย็นตลอดค่ะ เราเลยเอายาใส่ขวดแล้วใส่กระติกน้ำแข็งอันเล็กใส่ไป ก็เติมน้ำแข็งบ้างอะไรบ้าง แต่พอตอนเย็นน้ำแข็งมันดันละลายหมด พอเปิดขวดออกมาก็เละเลยจ้าาา55555 น้ำเข้าไปในขวดเละตุ้มเปะหมดเลยค่ะ ด้วยความสะเพร่าเองด้วยว่าไม่ได้เอาขวดใส่ในถุงพลาสติกก่อนเอาไปแช่หรือไม่ได้คอยดูน้ำแข็งตลอดเวลา แต่ก็อย่างว่าไปเที่ยวก็เลยลืมไปหมดเลยยาเยอ5555 ทีนี้ก็เลยไม่ได้กินยาตัวนี้เลยตลอดทริป แต่ยาตัวอื่นที่ไม่ต้องแช่เย็นก็กินครบตามปกติค่ะ
จนประมาณวันที่29อันที่อยู่ที่หนองคายแล้วค่ะ พอตื่นมาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ เราก็เลยนอนๆนวดๆๆตัวเองอยู่สักพัก ก็นั่งๆนอนๆ ให้ร่างกายปรับตัวเองสักพัก พอรู้สึกว่าดีขึ้นก็ลุกมาเตรียมตัวไปเที่ยวค่ะ เสร็จก็ออกไปเที่ยวกันตามปกติ ไปวัดคำชะโนดเป็นทางเดินพญานาคยาวยาวววววเลยค่ะ แต่ไม่ได้เดินหรอกนะ55555 ใช้รถเข็นไป เดินไม่ไหวค่า แหะๆ พอเสร็จก็ตะลอนเที่ยวๆที่อื่นไปด้วย แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้ลงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่รออยู่บนรถซะมากกว่า ให้คนอื่นลงไปค่ะ เพราะวันนั้นแดดจ้ามากๆด้วยค่ะ พอเจอแดดจ้าๆตาจะสู้ไม่ค่อยไหวค่ะ(มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาด้วยค่ะ) ก็เลยไม่อยากฝืนตัวเอง รออยู่บนรถดีกว่าค่า ก็เที่ยวทั้งวันจนกลับไปที่พักก็ค่ำๆแล้วค่ะ
วันต่อมาก็ออกจากหนองคายไปขอนแก่นค่ะ ตอนตื่นมาอาการก็คล้ายๆกับเมื่อวานก็ทำตามสเต็ปเดิม รอจนดีขึ้นพอพร้อมก็ออกเดินทางค่ะ วันนี้ก็นั่งรถตู้ยาวจนถึงขอนแก่นเลยค่ะ คือปัญหาอาจจะอยู่ตรงที่นั่งรถตู้ด้วย คือเหมือนเวลานอนเราก็จะนั่งนอน คอก็จะตกบ้างอะไรบ้าง แต่มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆตัวนึงไว้กอดนอน แต่มันก็ยังขยับตัวมากไม่ได้เท่าไหร่ ก็นอนกันแบบคอแข็งเลยค่ะ55555 เหมือนพอมันเกร็งคอมากๆ พออยู่ท่าเดิมนานๆกล้ามเนื้อมันจะเกร็งเป็นก้อนแล้วไม่รู้ว่ามันไปทำให้เลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงรึป่าวก็ไม่รู้ค่ะ อันนี้มั่วๆเอาตามความรู้สึกนะคะ อย่าว่ากันนะ555555 มีใครเป็นแบบเราบ้างไหม?55555 ใครมีอะไรคล้ายๆแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
ทีนี้ก็หลับๆตื่นๆจนมาถึงที่ขอนแก่น ก็แวะทานข้าวกันค่ะ รถตู้ก็จอดเราก็เดินลงไป แต่คราวนี้คือเดินได้ไม่ดีเลยค่ะ เดินได้นิดเดียวต้องไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงหน้าร้านอยู่นานพอสมควรเลยค่ะ แบบปกติพอนั่งยองๆลงไปแล้วมันจะดีขี้นเลยค่ะ อีกแค่ประมาณสักไม่เกิน1นาทีก็ลุกขึ้นเดินต่อได้แล้ว แต่วันนั้นต้องนั่งนานหลายนาทีเลยค่ะ แบบว่าตอนนั้นเรารู้สึกไม่ดีเอามากๆเลย น้ำตาไหลเลย พ่อก็เลยถามว่าจะไปนอนรอบนรถไหม เราก็แบบเอาๆ แต่คนรถหายไปไหนแล้วไม่รู้55555
ก็เลยนั่งรอสักพักเราก็โอเค รู้สึกว่าไหวแล้วก็เลยลุกไปนั่งกินค่ะ พอตอนนั่งกินก็เริ่มโอเคขึ้น หลังจากนั้นก็เดินได้ไม่แย่เท่าเมื่อกี๊แล้วค่ะ พอจะเดินไปห้องน้ำได้ค่ะ ตอนนั้นอาจจะเพราะว่าพึ่งตื่นมาแล้วร่างกายยังปรับไม่ทันด้วยอ่ะค่า เจอแดดอะไรหลายๆอย่างเลยมึนเลย5555 แต่พอกินเสร็จก็โอเคค่ะ อาจจะต้องกินเพิ่มพลังรึป่าว555
ทีนี้ก็ได้เข้าที่พักไปพักผ่อน นอนสบายๆไม่เหมือนบนรถตู้แล้วค่ะ ก็พักยาวจนตอนเย็นๆ ถึงจะออกไปกินข้าวแล้วก็ไปตลาดต้นตาลค่ะ ไปเดินเล่นก่อนเข้าที่พัก แต่ก็นั่งรถเข็นอีกตามเคยค่ะ เพราะเดินไกลๆไม่ไหวแน่นอน5555 พอเสร็จก็กลับที่พัก นอน
พอตื่นมาอีกวันก็ตามสเต็ปเดิมหลังตื่นนอนละก็เดินทางกลับบ้านกันค่ะ กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายๆเย็นๆค่ะ ก็นอนพักยาวยาววววเลยค่ะ
ทีนี้ก็ได้กินยาเจ้าปัญหาแล้วค่ะ แต่จริงๆก็ไม่รู้ว่าปัญหาที่มันทรุดลงเพราะยา หรือเพราะรถตู้ หรือเพราะเหนื่อยไปหรืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะค่า อาจจะหลายๆปัจจัยค่า แต่ก็สนุกสนานเฮฮากับการได้ไปเที่ยวมากค่ะ555
เค้าท์ดาววันนั้นก็เลย นอนเค้าท์ดาวเลยค่าา55555 หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไปแล้ว
พอวันที่1ค่ะ ตื่นมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้นค่ะ แถมยังแย่ลงอีกด้วย ถึงกับต้องนอนเลยค่ะ นั่งแทบไม่ได้แต่ว่าก็ยังพอได้อยู่ค่ะ แต่เหมือนปกตินั่งยองๆจะหายตาลายหน้ามืด แต่พออันนี้นั่งยองๆ ไม่หายต้องนอนลงอย่างเดียวถึงจะดีขึ้น บอกเลยว่าตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆค่ะ ทั้งกลัวทั้งอะไรหลายๆอย่าง กลัวว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนเก่า เพราะว่าสภาพตอนนั้นคือดร็อปลงไปเยอะมาก อาการพอๆกับตอนย้อนไปก่อนให้ยาครั้งที่สองอีกค่ะ คือถ้าคิดระยะเวลากว่าที่จะดีมาได้เท่าตอนก่อนปีใหม่ก็ใช้เวลาเป็นปีค่ะ คือตอนนั้นเราก็กลัวค่ะ กลัวมากๆ ท้อด้วย คิดมากด้วย อะไรหลายๆอย่าง แล้วอีกประเด็นนึงคือแม่กับพี่จองทัวร์ไว้จะไปเที่ยวเกาหลีกันเพราะเห็นว่าเราดีขึ้นแล้วเลยขอไปเที่ยวกันสักหน่อย เราก็โอเคค่ะ
แม่ดูแลเราเหนื่อยมามากไปเที่ยวบ้างก็ดีค่ะจะเดินทางวันที่3ม.ค. ค่ะ เราก็กลัวว่าแบบแม่กับพี่เราจะไม่ได้ไปถ้าเราดร็อปลง เขาต้องไม่ยอมไปเที่ยวแน่ๆเลย เราจะทำยังไง เราไม่อยากให้เสียตังฟรี ด้วยความงกค่ะ55555
แม่ก็จะให้ไปหาหมอค่ะ ส่วนพ่อยังไม่ค่อยอยากให้ไปค่ะ เพราะว่าเป็นวันปีใหม่ค่ะ แล้วหมอก็จะไม่อยู่ด้วยค่ะ พ่อก็มาคุยมาถามว่าแบบแย่ขนาดไหนอะไรยังไงไหวไหม เราก็ร้องเลยยยค่ะ แล้วก็บอกว่ากลัวกลับไปเป็นแบบเก่า กลัวไปหาหมอแล้วหมอไม่ให้กลับบ้านต้องนอนโรงพยาบาลแม่ต้องไปเฝ้า กลัวแม่ไม่ได้ไปเกาหลี..บลาๆๆ เราก็พูดดๆๆๆให้พ่อฟัง พ่อก็บอกว่าอย่าคิดมาก อย่างนู้นอย่างนี้ แม่ไม่ได้ไปไว้ค่อยไปเมื่อไหร่ก็ได้ อะไรอย่างนี้
พอได้ระบายออกมาก็ดีขึ้นนิดนึง ก็หยุดร้อง ทำจิตใจให้เข็มแข็ง กลับมาฮึดใหม่ คิดว่าเราต้องทำร่างกายให้แข็งแรงๆ กลับมาเป็นแบบเดิมให้ได้ แม่จะได้ได้ไปเกาหลี ก็เลยบอกพ่อว่ารอดูก่อนละกัน ยังไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ไหวแหละ ก็รอดูกันไปก่อน แต่ยังคงนอนอยู่นั่งบ้าง แต่ยังไม่อยากเดินมาก พยายามไม่ฝืนตัวเอง เพราะร่างกายอาจจะต้องการพักผ่อน พ่อก็ช่วยนวดๆๆให้อยู่บ่อยๆ
พอวันถัดมา วันที่ 2ม.ค. พรุ่งนี้แม่ก็จะไปเกาหลีแล้ว เราก็เลยพยายามทำตัวให้เข็มแข็งสุดชีวิต5555 แต่ว่าพูดถึงอาการดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้ว แม่กับพี่ก็จัดกระเป๋ากัน ส่วนเราก็นอนเสิร์ชหาดูว่าเกาหลีมาไรให้แม่ซื้อมาฝากบ้างน้าาา ก็ได้ฝากขนมไปเพียบเลย55555 เซฟรูปๆไว้ให้แม่ ส่วนแม่ก็เห็นว่าเราดีขึ้น ดี๊ด๊าอยากได้ขนมก็คงชื่นใจว่าเราดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ดีขึ้นแล้วจริงๆนะ พออีกวันแม่ก็เดินทางไปตอนกลางคืน ก็ส่งแม่ที่บ้านนี่แหละ ตอนแรกว่าจะไปส่งที่สนามบินแต่ว่าท้องไม่ค่อยดีบวกกับยังไม่ค่อยอยากออกไปไหน แม่กับพี่เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปกันเอง ส่วนเราก็อยู่กับพ่อกับเจ้าหมาน้อย ส่วนบางวันที่พ่อมีธุระ ก็จะมีเพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ
อาการก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เราพยายามจะไม่เดินมาก ไม่ฝืนตัวเอง เอาเท่าที่ไหวอะไรที่ไม่ไหวก็ไม่ทำ ก็ค่อยๆดี ค่อยๆดีจนวันที่แม่กับพี่กลับมา วันนั้นชั่งน้ำหนักดูเป็น 26กิโลละค่ะ อาจจะขึ้นมานิดหน่อยเพราะช่วงทริปปีใหม่กินเยอะค่ะ แต่ปกติก็มีขึ้นมา26ต้นๆบ้าง เลยยังไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่
พอแม่กลับมาก็มาพร้อมขนมลังใหญ่มากๆค่ะ คือซื้อมาเยอะมากแบบน่าตกใจ5555 แต่คือซื้อฝากคนอื่นด้วย ส่วนมากมันจะมาเป็นห่อใหญ่ๆแล้วก็แกะห่อออกมาก็เป็นห่อเล็กๆข้างใน ก็แบ่งๆแจกจ่ายกันออกไป ถ้าจะที่ได้กินจริงๆก็เสี้ยวเดียวค่ะ555555 แต่ว่าก็เรียกว่าเยอะจนเลือกกินกันไม่ถูกเลยว่าจะกินอันไหนก่อน พอขนมมาก็เลยกินมันทั้งวันเลยค่ะ น้ำหนักตอนนี้เลยเป็น 27.กว่าๆแล้วค่ะ เคยชั่งได้มากสุดคือ 27.6กิโลค่ะ ตอนนั้นดีใจมาก ช่วงนี้เลยคิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่กำลังขึ้นค่ะ ส่วนที่แม่ไปเกาหลีกลับมาแม่ก็ซื้อน้ำมันสนแดงมาให้กินค่ะ
แต่วันที่แม่กลับมาถึงวันนั้นอาการของการลุกนั่ง เดินก็เรียกได้ว่าพอๆกับตอนก่อนปีใหม่แล้วค่ะ เริ่มกลับมาได้ดีจะเท่าเดิมแล้ว เหมือนร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ค่อยๆปรับตัวจนดีขึ้นค่ะ ตอนนั้นก็ดีใจ รู้สึกดีมากที่กลับมาดีได้เท่าตอนก่อนปีใหม่ นึกว่าจะแย่ซะแล้ว555
แล้วพออีกวันนึงก็เริ่มกินน้ำมันสนแดงที่แม่ซื้อมา เห็นเขาบอกว่ามันจะไปล้างหลอดเลือดอะไรสักอย่างซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันดีจริงรึเปล่า แต่ซื้อมาแล้วก็เลยกินๆมันเข้าไป เผื่อมันจะดีขึ้นค่ะ เราก็กินไปเรื่อยๆทุกวัน วันละเม็ดค่ะ
ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นจากเดิมค่ะ วันก่อนไปห้างก็ยังใช้รถเข็นค่ะ แต่ว่าพอรู้สึกว่าตัวเองเดินไหวก็เลยลองทิ้งรถเข็นแล้วเดินดูค่ะ เดินเข้าไปในไดโซะ ดูของนู่นนี่นั่น เพลินๆ ก็เดินได้นานเลยค่ะ เดินจนเมื่อยเลยค่ะ5555 พอออกจากห้างเลยชวนแม่แวะตลาดนัดที่ปากซอยค่ะ จะมีของขายเยอะๆ ทีนี้ไม่ใช้แล้วค่ะ รถขงรถเข็น ขอเดินเองค่าาา555 เลยไปเดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ หาซื้อของกินก่อนกลับด้วย เอาเป็นว่าวันนั้นเดินได้ประมาณชั่วโมงนึงโดยไม่ต้องนั่งพักเลยค่ะ คือมันดีมากๆเลย เป็นอะไรที่แบบดีใจมาก อยากให้เป็นแบบนี้ไปทุกวัน ถ้าดีกว่านี้ยิ้งดีค่ะ555
พออีกวันนึงเลยอยากไปเดินตลาดนัดกลางซอยค่ะ อันนี้เป็นตลาดสดนะคะไม่เหมือนเมื่อวานที่ปากซอย ก็ไปเดินหาของกินค่ะ แต่วันนี้เดินได้ไม่ดีเท่าเมื่อวาน เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องนั่งยองๆตามเดิมค่ะ ก็เลยไปซื้อไอติมนั่งกินรอแม่กับอาหม่าไปเดินซื้อของ
แต่ว่าเราก็ไม่ท้อถอยค่ะเพราะเป็นเรื่องปกติที่จะดีวันไม่ดีวันก็เลยรอวันถัดๆมา มีนัดกับเพื่อนไปห้างค่า แล้วก็..ใช้รถเข็นตามเดิมค่า555 ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะ ปกติแล้วตอนเย็นจะเดินได้ดีกว่าตอนเช้าเพราะเหมือนร่างกายต้องค่อยๆปรับตัวจากการนอนตื่นมาด้วยมั้งคะ555555 มั่วเองน้า555
เพื่อนก็เข็นไปเลยค่าาา ไปกินข้าวกัน พอกินเสร็จก็จะมาเดินงานเป็นบูธขายของกลางห้างค่ะ คือพี่ของเพื่อนเป็นคนจัดค่ะ เลยมาอุดหนุน แต่ทางเดินมันดันแคบค่ะ ถ้าจะเอารถเข้าไปไม่ไหวแน่ๆ คนเยอะด้วย เลยรอจังหวะที่ตัวเองรู้ตัวว่าเดินไหวแน่นอน ก็เอารถเข็นไปฝากที่เค้าท์เตอร์เอาไว้ค่ะ แล้วต่อจากนี้ก็เริ่มเดินเลยค่า เดินช้อปปิ้งๆกันกับเพื่อน555 ก็สามารถเดินได้ตลอดไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ ไม่ต้องนั่งไม่ต้องอะไรเลย เหมือนวันก่อนที่ไปเดินตลาดนัดปากซอย
เพื่อนก็บอกว่าดีขึ้นเยอะมาก แต่พอเดินตรงนี้เสร็จก็ไปเอารถมาใช้ต่อค่ะ ยังไม่ค่อยเชื่อในตัวเองสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่จริงมันก็เดินไหวแหละ แต่แบบ..55555 บอกไม่ถูกค่ะ ต้องค่อยเป็นค่อยไปเน้ออออ เสร็จก็เข็นไปเดินเล่นนั่งเล่นนั่งคุยกันสักพัก ก็วนกลับมาที่งานนี้อีกทีนี้เลยเอารถเข็นไปขอแลกบัตรคืนเองเลยค่ะ (ใช้รถเข็นของห้าง) แล้วหลังจากนั้นก็เดินๆๆ เดินไปนู่นไปนี่ได้เองโดยไม่ต้องใช้รถเลยค่ะ ก็ดีใจมากกกๆๆๆๆ ที่เดินได้ดีขึ้นขนาดนี้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ดีแบบนี้ทุกวันนะคะ นี่อาจจะเป็นวันส่วนน้อยที่ดี แต่ก็ถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีแล้วค่า