ก่อนอื่น ต้องย้อนเวลากลับไป 29 ปีเสียก่อนครับ

เนื่องจากคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น พ่อผมจึงซื้อคอมพิวเตอร์
ให้ผมเพื่อใช้ในการเรียนรู้ ประกอบกับในตอนนี้มีการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ประเภทใช้ตามบ้านมาขายในราคาไม่แพงนัก ดังนั้นพ่อผมจึงได้เลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์
ยี่ห้อคาสิโอ อันเป็นบริษัทชั้นนำบริษัทหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ครับ

ยี่ห้อ: Casio
รุ่น: MX-15
CPU: Zylog Z-80A 8 บิต ความเร็ว 3.58 MHz
RAM: 16 KiB ไม่แน่ใจว่าเป็นแรมชนิดใด
Display: Text: 40 * 24 Character, Graphic: 256*192 pixel, 16 color
Video RAM: 16 KiB
Audio: 3 channel
Storage: Cassette Tape ความเร็ว 2400 bps ความจุ 540 kB (สำหรับเทปด้านละ 30 นาที)
BIOS: MSX System 1.0 © 1983 by Microsoft
ROM Basic: MSX Basic 1.0 © 1983 by Microsoft

เนื่องจากเครื่องบูตเร็วมาก ใช้เวลาประมาณ 1 วินาที ผมถ่ายหน้า BIOS ไม่ทัน จึงขอใช้รูปแทนจากเว็บครับ


เมื่อบูตเสร็จก็จะเข้าหน้าจอ MSX Basic


ลองพิมพ์คำสั่งภาษา Basic ดูครับ


MSX มีระบบภาษาไทยด้วย ในที่นี้ใช้ตลับระบบ Thai MSX ของบริษัทกวี (บริษัทอยู่แถวสะพานผ่านฟ้า)
ตัวอักษรภาษาไทยอาจจะดูประหลาดๆ ไปบ้าง เพราะตัวอักษรแต่ละตัวมีจุดเพียง 5 * 7 จุดเท่านั้น ไม่ว่า
จะเป็นสระโอ หรือตัว ฒ ผู้เฒ่า ก็จะต้องอยู่ในกรอบนี้


เป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ครับ


เนื่องจากแรมมีค่อนข้างน้อย ภายหลังจึงได้ซื้อตลับเพิ่มแรมมาใช้งานด้วย แต่จะไม่สามารถใช้งาน
พร้อมกับตลับภาษาไทยได้ เนื่องจากตัวเครื่องมีที่เสียบเพียงช่องเดียว และไม่ได้ซื้อฐานเพิ่มช่องเสียบ
ซึ่งเมื่อเสียบตลับเพิ่มแรมแล้ว จะมีเนื้อที่ใช้งานเพิ่มเป็น 32 KiB (ตามสเปคแล้วตลับนี้มี 64 KiB
แต่โปรแกรม MSX Basic จะเห็นเพียง 32 KiB)


ทดสอบเปลี่ยนสีหน้าจอ


ภาษาเบสิกของ MSX ผมว่ามันสุดยอดมาก เราสามารถพิมพ์โปรแกรมติดกันเป็นพรืดโดยไม่ต้อง
เว้นวรรคได้เลยโปรแกรมจะตรวจจับเองว่าตรงไหนเป็นคำสั่ง และตรงไหนเป็นชื่อตัวแปร


ตัวอย่างโปรแกรม Tarzan ท่องศัพท์ จากนิตยสารรู้รอบตัวฉบับที่ 11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2529
ซอร์สโค้ดมี 3 หน้า ถ้าพิมพ์ตามปกติจะใช้เนื้อที่เกิน 16 KiB ผมจึงต้องใช้เทคนิคพิมพ์โดยไม่เว้นวรรค
เพื่อที่จะประหยัดหน่วยความจำ และทำให้สามารถใช้งานได้ในเนื้อที่ 16 KiB


สภาพกล่อง


สเปคคร่าวๆ บนกล่อง


สภาพตัวเครื่อง


ตรงฝาปิดสล็อตเสียบตลับ จะมีคำเตือนปิดไว้


เมื่อเปิดฝาสล็อต ก็จะเห็นตำแหน่งสำหรับเสียบ และมีคำเตือน ด้านบนเป็นตลับ
2 ตลับที่มีอยู่


รูปตลับ


เสียบตลับลงช่องเสียบ


กล่องตลับเพิ่มหน่วยความจำ


แป้นพิมพ์เป็นปุ่นยาง ไม่ได้ใช้งานนานๆ ก็จะกดไม่ค่อยติด ต้องกดแรงๆ ขนาดของปุ่ม
จะเล็กกว่าแป้นพิมพ์มาตรฐาน ไม่สามารถพิมพ์สัมผัสได้ เทียบขนาดกับไม้บรรทัดด้านล่าง
ส่วนภาษาไทยเป็นสติกเกอร์มาติดกำกับไว้


ด้านข้างของเครื่อง
- ด้านขวา เป็นพอร์ตสำหรับเสียบจอยสติกจำนวน 2 ช่อง
- ด้านหลัง สำหรับเสียบไฟ 7.0 VDC และสวิตช์ปิด/เปิด ทางด้านซ้ายเป็นช่องสำหรับเปิด
เพื่อต่อกับฐานเพิ่มช่องเสียบ
- ด้านซ้าย จากหลังมาหน้า 1) พอร์ตต่อกับเทปคาสเซตต์ สำหรับเก็บข้อมูล 2) พอร์ต
RF สำหรับต่อกับโทรทัศน์ผ่านจูนเนอร์ 3) พอร์ตสัญญาณเสียง และ 4) พอร์ตสัญญาณภาพ
โดยพอร์ตเสียง และภาพ สามารถต่อกับโทรทัศน์ทางช่อง AV ได้


เมื่อเปิดช่องด้านหลังเครื่อง จะเห็นจุดสำหรับต่อกับฐานเพิ่มช่องเสียบ


สภาพอะแดปเตอร์ เกือบจะเป็นอาหารของปลวกไปเสียแล้ว


อุปกรณ์เสริมที่มี อย่างแรกคือจอยสติก ซึ่งสามารถใช้จอยสติกของ Atari 2600 ได้


สายสัญญาณสำหรับบันทึกข้อมูลกับเทปคาสเซตต์


กลับมายุคปัจจุบันครับ

ผมจำได้ขึ้นใจว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ราคา 4,850 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับ
เครื่องเล่นเกมในสมัยนั้น แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์มาตลอด จนกระทั่งซื้อ PC ในอีก 2 ปีถัดไป
ซึ่งหลังจากนั้นคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ก็ถูกเก็บไว้อย่างไม่ค่อยดีนัก เทปข้อมูลที่มีก็สูญหาย
ไปหมดแล้ว (อาจจะยังอยู่ แต่หาไม่เจอ) จนถึงวันนี้ได้ลองนำมาเปิดทดสอบดูครับ ก็ยัง
สามารถใช้งานได้ แต่ปุ่มจะกดไม่ค่อยติด ตอนแรกที่เปิดกดไม่ติดเลย แต่ลองกดไปสักพัก
ก็เริ่มกดได้ คงเป็นฝุ่น หรือคราบเกาะอยู่ แต่จอยสติกนี่ปุ่มแข็งไปเลย คาดว่าโดมยางด้านใน
คงตายไปเรียบร้อยแล้ว

ถ้าเทียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องปัจจุบันที่ใช้พิมพ์กระทู้นี้อยู่
ความเร็ว CPU จาก 3.58 MHz เป็น 2.6 GHz (Turbo 3.2 GHz) เพิ่มขึ้น 726 เท่า
หน่วยความจำ จาก 16 KiB เป็น 8 GiB เพิ่มขึ้น 512,000 เท่า
เนื้อที่เก็บข้อมูล จาก 500 KiB เป็น 128 GiB เพิ่มขึ้น 256,000 เท่า
ความเร็วในการบันทึกข้อมูล จาก 300 Byte/s เป็น 300 MB/s เพิ่มขึ้น 1,000,000 เท่า

สำหรับคอมพิวเตอร์ระบบ MSX ในปัจจุบันน่าจะถือได้ว่าตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีคนเล่น
อยู่บ้างบนอีมูเลเตอร์