เมื่อวานได้ดูรายการ คสช. ที่ท่านพูดเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ท่านนายกได้กล่าวว่าภาษีนี้ยังไงก็ต้องเก็บแต่หลักการเป็นยังไง ก็เดี๋ยวมาว่ากัน!!!
หนูยินดีจ่ายภาษีค่ะ แต่การเก็บต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ตามข่าวที่ได้รับทางโทรทัศน์และสื่อต่างๆ ให้ข้อมูลว่า อัตราการเก็บภาษีตัวนี้ จะเรียงจากน้อยไปมากดังนี้
1. ที่ดินเพื่อการเกษตร 2.บ้านที่อยู่อาศัย 3.ที่ดินเพื่อการพาณิชย์และที่ดินว่างเปล่า
ส่วนลดหย่อนนี้จะมีอัตราแค่เรื่องมูลค่าของที่ดิน
หนูอยากเสนอว่า
1.ควรจะลดหย่อนเรื่องพื้นที่ด้วย
เหตุผล: เพื่อให้สำหรับผู้ที่มีบ้านและที่ดินกลางเมืองแต่มีรายได้น้อย-ปานกลางที่ซื้อที่ดินมานานในราคาประเมินที่ต่ำในอดีต จะเลือกลดหย่อนได้สูงสุด จะได้มีภาระทางภาษีที่น้อยลง แต่ไม่ใช่ยกเว้นไม่เก็บ จะได้ตรงกับแนวคิดมีน้อยเสียน้อย มีมากเสียมาก หากไม่มีก็ไม่เสีย
2.ควรเก็บภาษีในที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ทำประโยชน์มากกว่าที่ดินเพื่อการพาณิชย์ ตามข่าวที่ออกมานั้นเก็บในที่ดินเพื่อการพาณิชย์เท่ากับที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์ แต่เก็บเริ่มต้นน้อยกว่า โดยที่ดินที่ไม่ได้ทำประโยชน์จะเก็บเริ่มต้นแค่ 0.5%และเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าหากไม่ทำภายใน3ปีแต่ไม่เกิน2% แต่ที่ดินเพื่อการพาณิชย์เก็บ 2%ทันที
เหตุผล: เพื่อลดการเก็งกำไรจากที่ดิน และให้มีการนำที่ดินมาใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดรายได้ หากที่ดินได้ใช้ประโยชน์จนเกิดรายได้รัฐจะได้รายได้ทั้งสองทาง คือภาษีเงินได้และภาษีที่ดิน หรืออาจมีภาษีป้ายพ่วงเข้ามาด้วย ซึ่งหากอัตราภาษีเป็นไปตามที่ข่าวออก คนที่มีที่ดินถือครองมากๆ คงไม่อยากจะเอามาทำประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะเริ่มต้นก็เสียแพงกว่าแล้ว การทำพาณิชย์หรือการค้า ยังต้องเสียภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะอื่นๆอีก ซึ่งรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินให้มากขึ้น โดยอัตราการเก็บแน่นอนว่าควรมากกว่าอัตราของบ้านและที่อยู่อาศัย แต่ควรน้อยกว่าที่ดินที่ไม่ได้ทำประโยชน์
3.อัตราการเสียภาษีควรให้ความสำคัญกับคนระดับล่าง-ระดับกลาง(ที่กำลังสร้างฐานะ)
เหตุผล: ตามเจตนารมของกฎหมายฉบับนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และหาเงินมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น
4.เงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษี ให้นำมาพัฒนาโดยผู้นำท้องถิ่น และเปิดเผยต่อสาธารณะชนในท้องถิ่น เช่น ในเว็บของท้องถิ่นเอง หรือติดป้ายขนาดใหญ่หน้าที่ทำการท้องถิ่น ให้รู้ว่าเงินเหล่านี้ผู้นำท้องถิ่นเอาไปพัฒนาด้านใดบ้างเป็นจำนวนเท่าไหร่ ห้ามส่งมาที่ส่วนกลาง เพราะจะขัดต่อเจตนารมของกฎหมาย โดยระดับจังหวัดให้ผู้นำของ อปท.(อบต./เทศบาลตำบล/เทศบาลนคร)เป็นคนบริหาร ส่วน กทม.ให้ผอ.เขตบริหาร และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของจังหวัด
เหตุผล: เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้ประโยชน์ในทางทุจริต และให้เงินนำมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภค หรือสวัสดิการพื้นฐานในชุมชนอย่างแท้จริง
เราไม่มีสื่อกลางที่จะเสนอความคิดเห็นจึงหวังพึ่งสื่อออนไลน์ ส่วนใครมีความคิดเห็นที่ดีดีช่วยเสนอมาเยอะๆค่ะ เผื่อผู้มีอำนาจ บุคคลในรัฐบาล หรือท่านนายกเอง มาเห็นกระทู้นี้ จะได้เป็นข้อมูลในการคิดไตร่ตรอง ก่อนออก พรบ.
ส่วนใครที่ไม่อยากให้ภาษีเกิดก็อ่านผ่านๆค่ะ เพราะท่านนายกพูดเองว่ายังไงก็ต้องเก็บ พื้นที่ตรงนี้จึงอยากได้ข้อเสนอดีดี ที่หากเก็บและควรเก็บยังไง เอาเงินที่ได้ไปทำอย่างไร ใครคนตรวจสอบ
เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
หนูยินดีจ่ายภาษีค่ะ แต่การเก็บต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ตามข่าวที่ได้รับทางโทรทัศน์และสื่อต่างๆ ให้ข้อมูลว่า อัตราการเก็บภาษีตัวนี้ จะเรียงจากน้อยไปมากดังนี้
1. ที่ดินเพื่อการเกษตร 2.บ้านที่อยู่อาศัย 3.ที่ดินเพื่อการพาณิชย์และที่ดินว่างเปล่า
ส่วนลดหย่อนนี้จะมีอัตราแค่เรื่องมูลค่าของที่ดิน
หนูอยากเสนอว่า
1.ควรจะลดหย่อนเรื่องพื้นที่ด้วย
เหตุผล: เพื่อให้สำหรับผู้ที่มีบ้านและที่ดินกลางเมืองแต่มีรายได้น้อย-ปานกลางที่ซื้อที่ดินมานานในราคาประเมินที่ต่ำในอดีต จะเลือกลดหย่อนได้สูงสุด จะได้มีภาระทางภาษีที่น้อยลง แต่ไม่ใช่ยกเว้นไม่เก็บ จะได้ตรงกับแนวคิดมีน้อยเสียน้อย มีมากเสียมาก หากไม่มีก็ไม่เสีย
2.ควรเก็บภาษีในที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ทำประโยชน์มากกว่าที่ดินเพื่อการพาณิชย์ ตามข่าวที่ออกมานั้นเก็บในที่ดินเพื่อการพาณิชย์เท่ากับที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์ แต่เก็บเริ่มต้นน้อยกว่า โดยที่ดินที่ไม่ได้ทำประโยชน์จะเก็บเริ่มต้นแค่ 0.5%และเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าหากไม่ทำภายใน3ปีแต่ไม่เกิน2% แต่ที่ดินเพื่อการพาณิชย์เก็บ 2%ทันที
เหตุผล: เพื่อลดการเก็งกำไรจากที่ดิน และให้มีการนำที่ดินมาใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดรายได้ หากที่ดินได้ใช้ประโยชน์จนเกิดรายได้รัฐจะได้รายได้ทั้งสองทาง คือภาษีเงินได้และภาษีที่ดิน หรืออาจมีภาษีป้ายพ่วงเข้ามาด้วย ซึ่งหากอัตราภาษีเป็นไปตามที่ข่าวออก คนที่มีที่ดินถือครองมากๆ คงไม่อยากจะเอามาทำประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะเริ่มต้นก็เสียแพงกว่าแล้ว การทำพาณิชย์หรือการค้า ยังต้องเสียภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะอื่นๆอีก ซึ่งรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินให้มากขึ้น โดยอัตราการเก็บแน่นอนว่าควรมากกว่าอัตราของบ้านและที่อยู่อาศัย แต่ควรน้อยกว่าที่ดินที่ไม่ได้ทำประโยชน์
3.อัตราการเสียภาษีควรให้ความสำคัญกับคนระดับล่าง-ระดับกลาง(ที่กำลังสร้างฐานะ)
เหตุผล: ตามเจตนารมของกฎหมายฉบับนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และหาเงินมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น
4.เงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษี ให้นำมาพัฒนาโดยผู้นำท้องถิ่น และเปิดเผยต่อสาธารณะชนในท้องถิ่น เช่น ในเว็บของท้องถิ่นเอง หรือติดป้ายขนาดใหญ่หน้าที่ทำการท้องถิ่น ให้รู้ว่าเงินเหล่านี้ผู้นำท้องถิ่นเอาไปพัฒนาด้านใดบ้างเป็นจำนวนเท่าไหร่ ห้ามส่งมาที่ส่วนกลาง เพราะจะขัดต่อเจตนารมของกฎหมาย โดยระดับจังหวัดให้ผู้นำของ อปท.(อบต./เทศบาลตำบล/เทศบาลนคร)เป็นคนบริหาร ส่วน กทม.ให้ผอ.เขตบริหาร และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของจังหวัด
เหตุผล: เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้ประโยชน์ในทางทุจริต และให้เงินนำมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภค หรือสวัสดิการพื้นฐานในชุมชนอย่างแท้จริง
เราไม่มีสื่อกลางที่จะเสนอความคิดเห็นจึงหวังพึ่งสื่อออนไลน์ ส่วนใครมีความคิดเห็นที่ดีดีช่วยเสนอมาเยอะๆค่ะ เผื่อผู้มีอำนาจ บุคคลในรัฐบาล หรือท่านนายกเอง มาเห็นกระทู้นี้ จะได้เป็นข้อมูลในการคิดไตร่ตรอง ก่อนออก พรบ.
ส่วนใครที่ไม่อยากให้ภาษีเกิดก็อ่านผ่านๆค่ะ เพราะท่านนายกพูดเองว่ายังไงก็ต้องเก็บ พื้นที่ตรงนี้จึงอยากได้ข้อเสนอดีดี ที่หากเก็บและควรเก็บยังไง เอาเงินที่ได้ไปทำอย่างไร ใครคนตรวจสอบ