ถามชางพุทธ เรื่องการที่ซาอุ และมาเลเซียห้ามคนมุสลิมเปลี่ยนศาสนา

คือพอดีไปเห็นข้อความ ที่มีการสอนกันในเวปมุสลิมเฮ้าส ซึ่งตรงกับบางสิ่งที่ทำในซาอุและมาเลเซีย

บางสิ่งก็เป็นสิ่งที่มุสลิมทำในประวัติศาสตร์การเผยแพร่ศาสนา

เป็นสัญญาระหว่าฃมุสลิมกับคนต่างศาสนาในบังคับ

ท่านรู้สึกอย่าฃไรครับ
.........
สนธิสัญญาของอะลุซซิมมะฮฺ

โดยมุหัมมัด อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย์
แปลโดย : ยูซุฟ อบู บักรฺ
ผู้ตรวจทาน : อัสรัน นิยมเดชา
ที่มา : มุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

(ย่อมานะครับ)

อะลุซซิมมะฮฺ  คือ  ชาวคัมภีร์พวกยิว  คริสเตียน  และบรรดาผู้บูชาไฟ สำหรับมุชริก(พวกบูชารูปเคารพ) ให้เสนออิสลามให้แก่เขาอย่างเดียว  หากไม่ยอมรับอนุญาตให้ทำการสู้รบได้   ส่วนบรรดาชาวคัมภีร์ให้ยื่นข้อเสนอ 3 ประการ โดยให้เลือกระหว่างการยอมรับอิสลาม จ่ายค่าคุ้มครอง หรือไม่ก็ให้ทำการสู้รบ

ผู้นำหรือผู้แทนเป็นผู้กำหนดโดยพิจารณาตามความเหมาะสม  ในการเก็บส่วย

เมื่ออะลุซซิมมะฮฺได้จ่ายสิ่งที่เป็นหน้าที่  เช่น ค่าคุ้มครอง ภาษีที่ดิน ค่าสินไหม   หรือสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้  จากรายได้ที่พวกเราเชื่อว่าเป็นของต้องห้าม แต่พวกเขาถือว่าเป็นสิ่งที่อนุมัติ  เช่น  สุรา  สุกร  ก็เป็นการอนุญาตให้รับเอาจากพวกเขาได้(เก็บภาษีสุรา สุกร ได้)

เราต้องแสดงถึงความเข้มแข็งให้พวกเขาเห็นขณะที่รับค่าคุ้มครอง  และเราจะต้องรับจากมือของพวกเขาเองในสภาพที่พวกเขารู้สึกว่ามีความต่ำต้อย (ย้ำเขาต้องต่ำต้อยกว่าเรา)  .......อ้างอัลกูรอ่าน.......... รับอัลญิซยะฮฺจากมือของพวกเขาเอง ในสภาพที่พวกเขาเป็นผู้ต่ำต้อย” (อัตเตาบะฮฺ : 29)

ให้พวกเขาสวมเสื้อผ้า  ใช้พาหนะที่มีความต่ำต้อยกว่ามุสลิมเพื่อเป็นการแยกแยะ  และเป็นที่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามัสยิดได้  โดยหวังให้พวกเขาได้เข้ารับอิสลาม ..........(พยายามทำให้พวกเขาดูต้ำต้อย)

ไม่อนุญาตในการยืนเพื่อแสดงการให้เกียรติแก่พวกเขา  ไม่เริ่มต้นในการกล่าวสลามแก่พวกเขา  หากพวกเขาได้เริ่มกล่าวสลามก่อนจำเป็นที่ต้องกล่าวตอบโดยให้กล่าวว่า  “วะอะลัยกุม” ..........(ไม่สลามกับคนต่างศาสนา)

เมื่อพวกเขาไม่ยอมจ่ายส่วย ชีวิตและทรัพย์สินของเขาเป็นที่อนุญาต เขาก็จะกลายเป็นศัตรูคู่ศึก  ในกรณีเช่นนี้ให้ผู้นำเป็นคนเลือกระหว่างฆ่า  ปล่อยให้เป็นทาส  ปล่อยโดยไม่มีเงื่อนไข  หรือแลกตัวประกัน  ให้พิจารณาตามประโยชน์ที่เห็นว่าเหมาะสม

ไม่เป็นที่อนุญาตให้พวกยิว  คริสเตียน  และบรรดาผู้ปฏิเสธ พำนักอาศัยอยู่อย่างถาวรในคาบสมุทรอาหรับ  ส่วนการเข้ามาอยู่เพื่อทำงานนั้นอนุญาตให้มาอยู่ได้ในกรณีที่มีความจำเป็นโดยมีเงื่อนไขว่ามุสลิมจะปลอดภัยจากความชั่วร้ายของพวกเขา  (คือห้ามพวกเขาเผยแพร่ศาสนา)

โบสถ์คริสต์  โบสถ์ยิวเป็นศาสนสถานแห่งการตั้งภาคีและการปฏิเสธ  และผืนปฐพีทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ  จึงห้ามสร้าง(หมายถึงเฉพาะอารเบีย)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่