ข้ออ้างที่ว่าเป็นป้องกันความลับของทางราชการ แต่จริงๆ มันจะเป็นอย่างนั้นได้จริงหรือ...!!
ยิ่งเอาเมีย เอาลูก มาเป็นที่ปรึกษา
ถ้าเมียหรือลูกบอกยังไง ก็ต้องทำตามไปอย่างนั้นไม่ยิ่งแย่เลยเหรอ...อันนี้น่าจะเป็นโทษ
ยกตย. การลงลงคะแนนถอดถอนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วย
ข้อหาส่อในการทุจริต ถ้าตามว่าสนช.ส่วนใหญ่เหล่านั้นได้ไปทำการบ้านด้วยหรือเปล่า? ดูหรือศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านั้นและนำมาประเมินหรือเปรียบเทียบกันหรือไม่ก่อนลงคะแนนเสียง คิดว่าจะมีการทำอย่างนี้สักกี่เปอร์เซ็นต์? แล้วมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่ใช้
ให้ลูกให้เมียลองไปศึกษาดูข้อมูลและข้อชี้แจ้งเหล่านั้น แล้วนำมาสรุปหรือวินิจฉัยแล้วก็นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการตัดสินใจ (หรือไม่มีเลย หรือไม่ ก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว) และถ้าผู้ช่วยเหล่านั้นซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ชี้นำการตัดสินใจของ สนช. เหล่านั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น คือมัน
เป็นไปได้หรือไม่ที่เอาลูกเมียเข้ามาช่วยงาน และทำให้การตัดสินใจต่างๆ ก็ต้องเชื่อลูกเชื่อเมียด้วย..!?
เอางานหลวงเข้าไปทำในบ้าน เวลาตัดสินใจ ไม่เชื่อลูก ไม่เชื่อเมียแล้วจะให้เชื่อใคร ฯลฯ เหล่านี้ก็น่าจะเป็นมาตรฐานจริยธรรม คุณธรรมในการทำงานของบรรดาสนช.เหล่านี้ด้วยหรือไม่? ถ้าบอกว่าสนช.แต่ละคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้ความเชียวชาญหรือประสบการณ์หลากหลาย แต่แค่เอาลูกเมียมาร่วมทำงานแล้วมันผิดจริยธรรมหรือผิดมาตรฐานแค่นี้ยังไม่รู้เลย แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อคนที่อ้างว่ามีวุฒิภาวะ มีความรู้เหล่านี้กันได้อย่างไร จะไว้ใจได้อย่างไรด้วย
การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนี้ ถือว่าเป็นการสำคัญด้วยหรือเปล่า ถ้าสำคัญจริงแล้วทำอะไรกันบ้าง หรือไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วใช้อารมณ์ในการตัดสินลงไป เหล่านี้มันถูกต้องในทางด้านจริยธรรมหรือคุณธรรมด้วยหรือเปล่า...
"การกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูด" เห็นออกมาบอกกันเหลือเกินว่าการถอดถอนครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าสำคัญจริงแล้วมีการทำอะไรกันบ้างหรือเปล่า หรือสำคัญแค่มาลงคะแนน โดยไม่ได้ใช้สติใช้เหตุผลในการพิจาณาหรือไตร่ตรอง
(ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินหรือใช้สติหรือปัญญาใจการตัดสินกันแน่..??)
การที่สนช.เอาลูก เอาเมีย มาเป็นที่ปรึกษา มาร่วมงานด้วย เป็นคุณหรือเป็นโทษกันแน่...??
ยิ่งเอาเมีย เอาลูก มาเป็นที่ปรึกษา ถ้าเมียหรือลูกบอกยังไง ก็ต้องทำตามไปอย่างนั้นไม่ยิ่งแย่เลยเหรอ...อันนี้น่าจะเป็นโทษ
ยกตย. การลงลงคะแนนถอดถอนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วยข้อหาส่อในการทุจริต ถ้าตามว่าสนช.ส่วนใหญ่เหล่านั้นได้ไปทำการบ้านด้วยหรือเปล่า? ดูหรือศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านั้นและนำมาประเมินหรือเปรียบเทียบกันหรือไม่ก่อนลงคะแนนเสียง คิดว่าจะมีการทำอย่างนี้สักกี่เปอร์เซ็นต์? แล้วมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ให้ลูกให้เมียลองไปศึกษาดูข้อมูลและข้อชี้แจ้งเหล่านั้น แล้วนำมาสรุปหรือวินิจฉัยแล้วก็นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการตัดสินใจ (หรือไม่มีเลย หรือไม่ ก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว) และถ้าผู้ช่วยเหล่านั้นซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ชี้นำการตัดสินใจของ สนช. เหล่านั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น คือมันเป็นไปได้หรือไม่ที่เอาลูกเมียเข้ามาช่วยงาน และทำให้การตัดสินใจต่างๆ ก็ต้องเชื่อลูกเชื่อเมียด้วย..!?
เอางานหลวงเข้าไปทำในบ้าน เวลาตัดสินใจ ไม่เชื่อลูก ไม่เชื่อเมียแล้วจะให้เชื่อใคร ฯลฯ เหล่านี้ก็น่าจะเป็นมาตรฐานจริยธรรม คุณธรรมในการทำงานของบรรดาสนช.เหล่านี้ด้วยหรือไม่? ถ้าบอกว่าสนช.แต่ละคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้ความเชียวชาญหรือประสบการณ์หลากหลาย แต่แค่เอาลูกเมียมาร่วมทำงานแล้วมันผิดจริยธรรมหรือผิดมาตรฐานแค่นี้ยังไม่รู้เลย แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อคนที่อ้างว่ามีวุฒิภาวะ มีความรู้เหล่านี้กันได้อย่างไร จะไว้ใจได้อย่างไรด้วย
การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนี้ ถือว่าเป็นการสำคัญด้วยหรือเปล่า ถ้าสำคัญจริงแล้วทำอะไรกันบ้าง หรือไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วใช้อารมณ์ในการตัดสินลงไป เหล่านี้มันถูกต้องในทางด้านจริยธรรมหรือคุณธรรมด้วยหรือเปล่า...
"การกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูด" เห็นออกมาบอกกันเหลือเกินว่าการถอดถอนครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าสำคัญจริงแล้วมีการทำอะไรกันบ้างหรือเปล่า หรือสำคัญแค่มาลงคะแนน โดยไม่ได้ใช้สติใช้เหตุผลในการพิจาณาหรือไตร่ตรอง
(ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินหรือใช้สติหรือปัญญาใจการตัดสินกันแน่..??)